เกาช้าวฮุ่ยที่ถูกเหอเฟิงปลุกยังคงไม่ได้สติดีเขาค่อยๆปรือตาขึ้นมองเหอเฟิง ชูฮันบอกว่าไม่ให้ใครเห็นฉัน
เหอเฟิงที่เห็นสภาพสะลึมสะลือไม่เลิกตรงหน้าก็อยากจะตบเรียกสติเกาช้าวฮุ่ยสักฉาดเหอเฟิงกลั้นคำด่าที่อยากจะพ่นใส่อีกฝ่ายจนปากบิดเบี้ยว ท่าน…ดูเหมือนจะลืมตัวไปว่าตอนนี้ท่านคือตัวแทนของชูฮัน
แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเกาช้าวฮุ่ยและชูฮันจะยังไม่เป็นที่แน่ชัดและเหอเฟิงก็ไม่รู้ว่าทั้งสองไปรู้จักกันได้อย่างไรตั้งแต่แรก แต่ที่เหอเฟิงเข้าใจก็คือชูฮันสามารถข่มเกาช้าวฮุ่ยได้ แม้ว่ามันอาจจะดูเป็นเรื่องที่ใครๆก็กลัวชูฮันในสายตาของคนทั่วไป แต่อย่าลืมกฏพื้นฐานที่สุดอย่างหนึ่ง…
นี่คือตระกูลลึกลับที่อยู่เหนือทุกคนบนโลก!
ชูฮัน? เกาช้าวฮุ่ยพึมพำทวรประโยคของเหอเฟิง ทันใดนั้นก็รีบผุดลุกขึ้นยืนตัวตรง แต่เนื่องจากเขาเด้งตัวอย่างเร็วแรงทำให้หัวของเกาช้าวฮุ่ยเกือบจะชนเข้ากับเพดานเต้นท์ เ*ยแล้ว!!! เราจะทำยังไงดี?
ชู่วววว ตอนนี้เหอเฟิงไม่ห่วงเรื่องกลัวทำให้เกาช้าวฮุ่ยไม่พอใจแล้ว เขาต้องรีบปิดปากเกาช้าวฮุ่ยก่อนที่อีกฝ่ายจะเผลอทำแผนแตกโดยไม่รู้ตัว นายน้อยครับ ท่านต้องเบาเสียงลงหน่อย!
ฉันไม่ใช่นายน้อย เกาช้าวฮุ่ยพูดตอบโต้ทันทีด้วยเสียงแข็งตามจิตใต้สำนึก ทันใดนั้นเขาก็เห็นเงาของคนด้อมๆมองๆอยู่ด้านนอกเต้นท์จึงรีบลดเสียงตัวเองลง มีคนมาหาชูฮัน? ใครคือคนที่อยากเจอชูฮัน? งั้นฉันไปเจอคนนั้นเองได้มั้ย?
ไม่ได้เด็ดขาดท่านห้ามไปเจออีกฝ่ายตรงๆ! เหอเฟิงตื่นตระหนกจนเท้าไม่ติดพื้น ความกลัวที่มีต่อตระกูลลึกลับหายไปทันที แม้แต่น้ำเสียงนอบน้อมก็ลืมไปเช่นกัน แล้วชูฮันบอกไว้ว่ายังไงก่อนไป? ถ้ามีเหตุการณ์ฉุกเฉินเกิดขึ้นต้องแก้ไขยังไง?
เกาช้าวฮุ่ยที่ถูกเหอเฟิงรัวคำถามเป็นชุดใส่ก็ตกใจจนเป็นอัมพาตไปชั่วขณะนึกคำพูดอะไรไม่ออก
เหอเฟิงถอนหายใจออกมาด้วยความกังวลความรู้สึกสิ้นหวังเริ่มเข้ามาในใจ ชูฮันมองเห็นอะไรในตัวเกาช้าวฮุ่ยกันแน่?
ตอนนี้มีคนกำลังตามหาตัวชูฮันสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในความคิดของเหอเฟิงคือ…ปฏิบัติการที่ค่ายจินหยางอาจจะล้มเหลว กองทัพเขี้ยวหมาป่าตายกันทั้งหมด การปรากฏตัวของลูกผสม ทั้งหมดนี้อาจเกิดขึ้นได้แต่ความจริงว่าชูฮันหนีไปแล้ว
ในวันที่5 หลังจากชูฮันหนีไป…ในที่สุดพวกเขาก็ได้เผชิญกับสถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรงเข้าแล้ว!
ในเวลาเดียวกันอีกเต้นท์หนึ่งภายในที่ตั้งค่ายรบของกองทัพเขี้ยวหมาป่า ไม่มีการตกแต่งใดๆมีเพียงแค่สิ่งอำนวยความสะดวกพื้นฐานอย่างโต๊ะและเก้าอี้ธรรมดาๆไม่กี่ตัวเท่านั้น
เวลานี้มีคนสองคนนั่งหันหน้าเข้าหากันอยู่คนละฝั่งของโต๊ะ ฝั่งหนึ่งคือคนจากกองทัพเขี้ยวหมาป่า เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่มีความสามารถยอดเยี่ยมรอบด้าน นอกเหนือจากกบุคลิกและความว่องไวที่เป็นที่รู้จักกันดี หน้าตาเรียบนิ่งและเต็มไปด้วยความน่าเกรงขามก็เป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ของหลิวยู่ติง
ชายแปลกหน้าฝั่งตรงข้ามนั้นอยู่ในชุดเครื่องแบบทหารหน้าตายังดูหนุ่มแน่น บนหน้าอกของชายแปลกหน้าคนนี้นอกจากตราตำแหน่งพลตรีแล้วมันก็ไม่มีอย่างอื่นอีกเลย ชายแปลกหน้ามีสีหน้าสงสัยใคร่รู้เมื่อเห็นเฟอร์นิเจอภายในเต้นท์ตรงหน้าและความอยากรู้อยากเห็นก็แสดงออกมาผ่านทางแววตาให้เห็น
หลิวยู่ติงนั่งรอเหอเฟิงและเกาช้าวฮุ่ยแก้ไขสถานการณ์ตรงหน้าอย่างกระวนกระวายพร้อมกับพยายามถ่วงเวลาชายแปลกหน้าไปด้วย พันตรีซาง สนใจโต๊ะกับเก้าอี้ของเราเหรอครับ?
พันตรีซางที่หลิวยู่ติงรู้จักเมื่อครั้งในโรงเรียนนายทหารหัวเราะในลำคอเบาๆก่อนจะส่ายหน้า ฉันแค่ไม่คิดว่าเบื้องหลังสนามรบที่มีที่ตั้งค่ายรบของกองทัพเขี้ยวหมาป่าจะเรียบง่ายจนดูโทรมได้ขนาดนี้ ถึงจะไม่มีข้าวของใช้อะไรมากเพราะขาดแคลน แต่นี้มันอะไร? อย่างน้อยมันควรจะมีข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันบ้างสิ ถูกมั้ย?
แน่นอนว่าหลิวยู่ติงไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายอยากรู้เรื่องนี้จริงๆแต่เขาในเมื่ออีกฝ่ายอยากจะพูดอ้อมเรื่องไปก่อนจะเข้าประเด็นจริงๆ หลิวยู่ติงเองก็ยินดีเพราะเขาจะได้ถ่วงเวลาไปด้วยในตัว ใช่ครับ แต่ท่านหัวหน้าต้องการให้ทหารทุกคนคุ้นชินกับสภาพความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย เพราะในยามสงครามมันจะได้ไม่เกิดความแตกต่างจนปรับตัวไม่ทันและอาจก่อให้เกิดความเครียดขึ้นได้ ดังนั้นทุกอย่างจึงเป็นข้าวของพื้นฐานที่จำเป็นจริงๆเท่านั้น แต่สำหรับอาวุธยุทโธปกรณ์เราใช้ของที่ดีที่สุด มันเลยอาจจะดูเรียบง่ายและโทรมไปหน่อยสำหรับท่าน
พันตรีซางที่หลังจากได้ยินก็ยิ้มออกมาด้วยความชื่นชม แน่นอนว่าต้องเป็นความคิดของพลเอกชูฮัน การสร้างบรรยากาศที่แตกต่างนี้เต็มไปด้วยเหตุผลสำคัฐ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมกองทัพเขี้ยวหมาป่าถึงแข็งแกร่งได้ขนาดนี้ แต่ขนาดของสงครามในครั้งนี้มันใหญ่กว่าครั้งที่กองทัพซอมบี้ล้อมค่ายหนานตู้ไว้มาก ครั้งนี้เวลามันจะยืดเยื้อยาวนานกว่าเดิม ไม่ง่ายเลย!
ฮ่าฮ่า! เมื่อเห็นอีกฝ่ายเอ่ยชมชูฮัน หลิวยู่จิงก็ทำได้เพียงยิ้มแห้งๆแต่ในใจนั้นแสนจะอึดอัด
และในขณะที่หลิวยู่ติงไม่รู้จะพูดอะไรต่ออีกฝ่ายก็ไล่ตามสิ่งที่เขาเรียกร้องตั้งแต่มาถึงทันที ใช่ แล้วเมื่อไหร่พลเอกชูฮันจะมาล่ะ?
ฟรึบ!
ตอนนั้นเองผ้าใบเต้นท์ถูกเลิกเปิดขึ้นตามมาด้วยร่างของเหอเฟิงที่มาช่วยหลิวยู่ติงรับหน้า คุณต้องการเจอชูฮันไปทำไม?
เหอเฟิง? เมื่อได้เจอคนที่เรียนโรงเรียนนายทหารมาด้วยกันอีกครั้ง พันตรีซางจึงยืนขึ้นด้วยความประหลาดใจ ความตกใจบนหน้านั้นไม่ใช่การแสร้งทำ เขาไม่คาดคิดว่าจะได้เจอเพื่อนร่วมรุ่นจางซางจิงถึงสองคนแบบนี้ โดยเฉพาะตอนที่มีข่าวว่าคนสนิทของเลาหมิงอย่างเหอเฟิงหายตัวไปและการที่จู่ๆก็ได้มาเจอกับอีกฝ่ายที่นี้ แถมยัง…
ใส่ชุดเครื่องแบบทหารของกองทัพเขี้ยวหมาป่าอีก!
เหอเฟิงถอดหมวกเครื่องแบบออกและวางลงบนโต๊ะก่อนจะนั่งตามลงมาด้วยท่าทางสบายๆเขาสบตากับฝ่ายตรงข้ามก่อนจะเอ่ยทักขึ้น พันตรีซางจิ่วตี้ ทำไมถึงมาอยู่ที่นี้ได้? หรือมีข้อความอะไรจากซางจิง…
ซางฮั่นฉิง…ลูกชายของนายพลโทผู้มีอำนาจแห่งซางจิงซึ่งก็บังเอิญที่พลโทผู้นี้มีลูกสาวนอกสมรสที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้อยู่คนหนึ่ง แต่เหอเฟิงรู้เรื่องนี้ดี
ลูกสาวนอกสมรสคนนั้นก็คือ…ซางจิ่วตี้และพันตรีซางฮั่นฉิงคนนี้ก็มีสถานะเป็นพี่ชายคนละแม่ของซางจิ่วตี้
เป็นเรื่องบังเอิญงั้นเหรอที่ซางฮั่นฉิงมาอยู่ที่นี้?แถมยัง…
โอ้ะ!ก็… ซางฮั่นฉิงยิ้มอย่างมีเลศนัย ฉันต้องการอยากจะมาดูน้องสาวของฉัน แต่เป็นเพราะสถานการณ์ภายในซางจิงก่อนหน้านี้อย่างที่นายเองก็รู้ดี ทำให้ฉันไม่สามารถมาที่ค่ายเขี้ยวหมาป่าได้สักที และตอนนี้เมื่อมันมีการส่งความช่วยเหลือ ฉันที่เห็นโอกาสก็เลยแอบลอบหนีมากับเฮลิคอปเตอร์ลำเลียง แต่น่าเสียดายที่เฮลิคอปเตอร์กลับบินมาที่นี้โดยตรงไม่ได้ไปที่ค่ายเขี้ยวหมาป่า ครั้งนี้ฉันก็เลยไม่มีโอกาสได้เจอน้องสาว ฉันก็เลยจะขอเจอพลเอกชูฮันแทนในฐานะที่…
เมื่อพูดมาถึงตรงหน้าซางฮั่นฉิงก็หยุดพูดเขารู้ดีว่าทุกคนยังไม่มีใครรู้เรื่องนี้…น้องสาวของเขาจะแต่งงานกับชูฮันไม่ช้าก็เร็ว เขาแค่มาเยี่ยมชูฮันในฐานะญาติ!
แต่สิ่งหนึ่งที่ซางฮั่นฉิงไม่ทันคิดคือขณะที่พูดมันได้เกิดคลื่นกระตุกในใจของเหอเฟิง
คนที่มากลับกลายเป็นผู้ชายของซางจิ่วตี้อย่างซางฮั่นฉิง?และที่ซางฮั่นฉิงพูดเมื่อกี้คืออะไร? บอกว่าแอบลอบหนีมากับเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงเนี่ยนะ?
มีแววตาชั่วร้ายแวบผ่านนัยน์ตาของเหอเฟิง…