ในป่าทึบไกลจากค่ายตั้งรบของกองทัพเขี้ยวหมาป่าเกาช้าวฮุ่ยกำลังเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วกระโดดตัวผลุบโผล่ตามพุ่มไม้อย่างรวดเร็ว
แต่แล้วจู่ๆเขาก็หยุดนิ่งเกาหัวอย่างงงๆก่อนจะพูดกับตัวเอง “ก็แค่หวังเฉินมา ทำไมฉันต้องหนีด้วย?”
เกาช้าวฮุ่ยหนีออกมาจากเต้นท์ตอนที่รู้ว่าหวังเฉินมาเขารีบร้อนออกจนลืมหยิบเครื่องแบบพลเอกติดมาด้วย
ด้วยความสามารถพิเศษเฉพาะทางที่ทุกคนในตระกูลลึกลับมีติดตัวเกาช้าวฮุ่ยมีความรวดเร็วเป็นความสามารถพิเศษ มันรวดเร็วมากซะจนไม่มีใครตรวจจับได้เจอ แม้ว่าจะในตอนกลางวันแสกๆก็ไม่มีใครมองเห็นการเคลื่อนไหวของเกาช้าวฮุ่ยได้
เกาช้าวฮุ่ยรีบหนีออกมาเพราะปฏิกิริยาตอบสนองตามสัญชาตญาณกว่าจะรู้ตัวเขาก็วิ่งออกมาไกลมากแล้ว ทั้งๆที่จริงๆแล้วหวังเฉินก็เป็นแค่คนธรรมดา อย่างเก่งก็แค่มีอำนาจในซางจิงเท่านั้นเอง
แต่เกาช้าวฮุ่ยนั้นเป็นนายน้อยแห่งตระกูลเกา…ตระกูลลึกลับที่มีอำนาจเหนือทั้งโลกแต่แค่หวังเฉินมาที่นี้เขาถึงกับต้องหนี?
เพราะเขาโดนชูฮันควบคุมจนลืมสถานะที่แท้จริงของตัวเองไปหมด?
”ต้องกลับไป”เกาช้าวฮุ่ยที่คิดได้หมุนตัวกลับหลังหันและมุ่งหน้าไปยังที่เดิมที่เขาจากมาทันที
——————-
หลิวยู่ติงที่ยังคงยืนอยู่แถวๆเต้นท์ของชูฮันตั้งแต่ยังเจอเรื่องตกใจไม่หายเขาไม่อยู่ไกลหรือใกล้มากเกินไปด้วยเพราะกลัวว่าอาจจะมีคนเข้าไปในเต้นท์กระทันหันและขัดเวลาของหัวหน้าได้ หรืออาจจะมีใครได้ยินสิ่งที่ไม่สมควรจะได้ยิน
ดังนั้นหลิวยู่ติงจึงเหมือนกับหวังเฉินที่รอชูฮันออกมาจากเต้นท์ด้วยตัวเอง จนในที่สุดชูฮันก็เรียกหลิวยู่ติงเข้ามาถาม หากครั้งนี้บรรยากาศมันกลับแปลกๆและเต็มไปด้วยความอึดอัด
เพราะว่านอกจากชูฮันแล้วในเต้นท์ก็ไม่มีใครเลย?
สาวงามในชุดสีแดงสดคนนั้นล่ะ?
หายไปไหน?
ออกไปได้ยังไง?
ทำไมเขาถึงไม่เห็น?
คำถามมากมายผุดขึ้นมาในหัวหลิวยู่ติงแต่แล้วเขาก็ถูกขัดด้วยคำถามของชูฮัน “ก่อนหน้านี้มันเกิดอะไรขึ้น?”
หลิวยู่ติงพลันรู้สึกแปลกขึ้นมาัทนทีสมองพยายามประมวลอย่างหนักเพื่อหาคำตอบมาให้หัวหน้า หรือว่าหัวหน้าไม่ทันรู้ว่าพวกเขาเข้ามาในเต้นท์ตอนนั้นเพราะกำลังติดพันอยู่ก็เลยแสร้งถามเพราะไม่รู้ว่าพวกเขาเห็นภาพนั้น? ถ้างั้นก็ดีเลย!
ดี!
มีกี่คนที่ได้เห็นภาพน่าอายของหัวหน้าตอนแรกพวกเขาก็กลัวแทบตาย แต่สรุปคือหัวหน้าไม่รู้?
ตราบใดที่หัวหน้าไม่รู้เขาก็จะไม่ถูกทำโทษในฐานะที่ทำให้หัวหน้าต้องอาย เขาไม่ต้องสำนึกผิดอะไรทั้งนั้น!
หลิวยู่ติงกระแอมลำคอก่อนจะรายงาย”ขออนุญาตครับท่าน ซางจิงส่งคนมาพบท่านโดยเฉพาะ ชื่อว่าหวังเฉิน ตอนนี้ผมคุมตัวเขาไว้แล้วครับ”
หลิวยู่ติงพูดประโยคว่าคุมตัวหวังเฉินไว้อย่างง่ายดายถ้าหวังเฉินได้ยินประโยคนี้ละก็คงแค้นจนคลั่งจนอาจมีคนตาย แม้แต่ทั้งซางจิงยังเกรงกลัวหวังเฉินจนไม่กล้าจะแตะต้อง
คำว่าจับตัวหวังเฉินไว้ได้นั้นมีความน่าทึ่งซ่อนอยู่ในตัวเพราะมันเชื่อมโยงกับตัวตนของหวังเฉินความหมายของประโยคมันมีค่าไม่ต่างกับการกุมตัวผู้บัญชาการมู๋และเลาหมิงเอาไว้ในมือเลย
ชูฮันนิ่วหน้าทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่ามีความทรงจำบางอย่างหายไป…มันเป็นไปได้อย่างไรกัน?
เขาทำอะไรทำไมก่อนหน้านี้ทำไมเขาถึงสลบไปกลางคันแบบนั้น?
ไม่ว่าจะพยายามนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกสุดท้ายชูฮันจึงได้แต่สนใจประเด็นที่เร่งด่วนที่สุดในตอนนี้ก่อน “หวังเฉินพบว่าฉันไม่ได้อยู่ที่ค่ายรบเหรอ?”
”ไม่ใช่แน่นอนครับ”เมื่อพูดเรื่องนี้ ตาของหลิวยู่ติงมีประกาย “หัวหน้าสุดยอดมากเลยครับ กลับมาได้ทันพอดีราวกับรู้ล่วงหน้า ทุกคนตกใจกันมากครับ ผมเองยังไม่อยากเชื่อ ทำให้ปัญหาที่มีแก้ไขได้ทันที หวังเฉินตะลึงจนช็อคไปเลยครับ! โอ๊ะ! ใช่! ถ้าหัวหน้ากลับมาแบบนี้แสดงว่าค่ายจินหยาง…?”
เช้าของวันนี้หลังจากการพังทลายของค่ายจินหยางในเมื่อวานข่าวก็ได้กระจายไปทั่วทั้งจีนแล้ว แต่หลิวยู่ติวที่มัวแต่วุ่นวายกับการคุ้มกันเต้นท์ของชูฮันตลอดทั้งเช้าไม่มีเวลาได้พูดคุยหรือตามข่าวกับใครเลย
”ตอนนี้หวังเฉินอยู่ที่ไหน”ชูฮันมองผ่านท่าทางราวกับกำลังตื่นเต้นอะไรบางอย่างของหลิวยู่ติง
”ยังอยู่ในเต้นท์ครับผมไม่ได้ปล่อยเขาออกมา แหะแหะ!” หลิวยู่ติงที่ไม่รู้จะพูดยังไงดี สุดท้ายจึงได้แต่ยิ้มแห้งให้กับชูฮัน…ก็ในตอนนั้นหัวหน้ากำลังมีความสุขอยู่ เขาไม่ยอมให้ใครไปขัดหัวหน้าเด็ดขาด
ชูฮันที่สูญเสียความทรงจำไปช่วงหนึ่งเพราะการควบคุมจิตของบูชาจึงไม่เข้าใจความหมายที่หลิวยู่ติงสื่อเขาเพียงแค่ตื่นขึ้นมาและรู้สึกว่ามันมีบางอย่างผิดปกติจึงอดไม่ได้ที่จะถาม “ทำไมตาต้องหลุกหลิก?”
”เอ่อ…”หลิวยู่ติงนิ่งค้าง จากนั้นก็ตัดสินใจทำตัวโง่ๆกับชูฮันแทน “ครับ พอดีผมคันตาครับ!”
ชูฮันส่ายหัวก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ”พาฉันไปพบหวังเฉิน”
”โอ้ได้ครับ!” หลิวยู่ติงประหลาดใจเพราะเขายังคงนึกถึงสาวงามในชุดแดงอยู่
——————
ขณะเดียวกันภายในอีกเต้นท์หนึ่ง หวังเฉินที่ถูกจับมัดเข้ามานั่งภายในเต้นท์เพื่อรอชูฮันตลอดทั้งเช้าจนเริ่มจะหมดความอดทน หวังเฉินที่ทนไม่ไหวอีกต่อไปตัดสินใจตะโกนส่งเสียงให้คนข้างนอกได้ยิน “เมื่อไหร่ฉันจะได้เจอชูฮัน?!”
ที่จริงแล้วสำหรับหวังเฉินในตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดไม่ใช่การได้เจอชูฮันแล้วเพราะถึงอย่างไรเขาก็ได้ยืนยันแล้วว่าชูฮันอยู่ที่ค่ายรบ ดังนั้นชูฮันจึงถูกตัดออกจากการเป็นผู้ต้องสงสัยหลักที่ทำลายค่ายจินหยาง
อย่างไรก็ตามเพราะทัศนคติเดิมที่แข็งกล้าและเขายังไม่ได้เผชิญหน้ากับชูฮันตรงๆ ดังนั้นครั้งนี้เขาจะต้องเผชิญหน้ากับชูฮันให้ได้ก่อน อยากจะรู้นักว่าชูฮันผู้โด่งดังนั้นจะเป็นเหมือนที่เขาเล่ากันมั้ย หวังเฉินนั้นร้อนใจแทบรอไม่ไหวที่จะได้เจอกับชูฮันและหลังจากนั้นเขาจะกลับซางจิงทันที
ความไม่พอใจก่อตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในใจหวังเฉิน…เขารอมาตลอดทั้งเช้าประกอบความพ่ายแพ้ที่ถูกจับมาขังไว้แบบนี้ เอาทหารมาเฝ้าเขาอีก ไม่มีอิสระเลยสักนิด แบบนี้มันไม่ให้เกียรติกันเลย
แม้ในใจจะเดือดแต่อีกด้านหนึ่งก็รู้สึกสนใจไม่น้อยยามที่นึกถึงชูฮัน เพราะแม้แต่ในค่ายรบชูฮันยังกล้าทำเรื่องแบบนี้อย่างไม่อายอีก ทั้งๆที่กองทัพเขี้ยวหมาป่ากำลังอยู่ในสงคราม!
หวังเฉินที่ทรมานจากการถูกจับขังไว้หลายชั่วโมงตัดสินใจจะลอบหนีกลับซางจิงไปอย่างลับๆในเมื่อเขาเรียนรู้พฤติกรรมของชูฮันได้มากพอจะนำข่าวเสียๆของชูฮันไปปล่อยสู่สาธารณะแล้ว คิดว่าพอป่ายหวีเนอและฉางกวนยวีซินได้ยินแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นล่ะ? ขณะที่หวังเฉินกำลังคิดแผนการร้ายอยู่ในหัวมันก็มีเสียงฝีเท้าจากด้านนอกเดินเข้ามาใกล้เต้นท์ที่หวังเฉินอยู่
”ท่านพลเอกสวัสดีครับ!”
เสียงทำความเคารพของทหารที่เฝ้าเต้นท์ของหวังเฉินดังขึ้นพลังบางอย่างที่กระจายคลุมรอบบริเวณทำให้หัวใจของหวังเฉินเต้นรัว แววตามีความกลัวซ่อนอยู่ ขณะคิดในใจว่าทหารของกองทัพเขี้ยวหมาป่าช่างเป็นระเบียบและยึดมั่นในกฏเกณฑ์เหลือเกิน
นี้ไม่ใช่สิ่งที่ค่ายไหนในยุคโลกาวินาศจะมี…
ขณะที่หวังเฉินกำลังตกอยู่ในความคิดตัวเองร่างสูงโปร่งของชูฮันก็เดินเข้ามาด้านในเต้นท์พร้อมกับหลิวยู่ติงที่มีสีหน้าแปลกๆ
��
แต่แล้วจู่ๆเขาก็หยุดนิ่งเกาหัวอย่างงงๆก่อนจะพูดกับตัวเอง “ก็แค่หวังเฉินมา ทำไมฉันต้องหนีด้วย?”
เกาช้าวฮุ่ยหนีออกมาจากเต้นท์ตอนที่รู้ว่าหวังเฉินมาเขารีบร้อนออกจนลืมหยิบเครื่องแบบพลเอกติดมาด้วย
ด้วยความสามารถพิเศษเฉพาะทางที่ทุกคนในตระกูลลึกลับมีติดตัวเกาช้าวฮุ่ยมีความรวดเร็วเป็นความสามารถพิเศษ มันรวดเร็วมากซะจนไม่มีใครตรวจจับได้เจอ แม้ว่าจะในตอนกลางวันแสกๆก็ไม่มีใครมองเห็นการเคลื่อนไหวของเกาช้าวฮุ่ยได้
เกาช้าวฮุ่ยรีบหนีออกมาเพราะปฏิกิริยาตอบสนองตามสัญชาตญาณกว่าจะรู้ตัวเขาก็วิ่งออกมาไกลมากแล้ว ทั้งๆที่จริงๆแล้วหวังเฉินก็เป็นแค่คนธรรมดา อย่างเก่งก็แค่มีอำนาจในซางจิงเท่านั้นเอง
แต่เกาช้าวฮุ่ยนั้นเป็นนายน้อยแห่งตระกูลเกา…ตระกูลลึกลับที่มีอำนาจเหนือทั้งโลกแต่แค่หวังเฉินมาที่นี้เขาถึงกับต้องหนี?
เพราะเขาโดนชูฮันควบคุมจนลืมสถานะที่แท้จริงของตัวเองไปหมด?
”ต้องกลับไป”เกาช้าวฮุ่ยที่คิดได้หมุนตัวกลับหลังหันและมุ่งหน้าไปยังที่เดิมที่เขาจากมาทันที
——————-
หลิวยู่ติงที่ยังคงยืนอยู่แถวๆเต้นท์ของชูฮันตั้งแต่ยังเจอเรื่องตกใจไม่หายเขาไม่อยู่ไกลหรือใกล้มากเกินไปด้วยเพราะกลัวว่าอาจจะมีคนเข้าไปในเต้นท์กระทันหันและขัดเวลาของหัวหน้าได้ หรืออาจจะมีใครได้ยินสิ่งที่ไม่สมควรจะได้ยิน
ดังนั้นหลิวยู่ติงจึงเหมือนกับหวังเฉินที่รอชูฮันออกมาจากเต้นท์ด้วยตัวเอง จนในที่สุดชูฮันก็เรียกหลิวยู่ติงเข้ามาถาม หากครั้งนี้บรรยากาศมันกลับแปลกๆและเต็มไปด้วยความอึดอัด
เพราะว่านอกจากชูฮันแล้วในเต้นท์ก็ไม่มีใครเลย?
สาวงามในชุดสีแดงสดคนนั้นล่ะ?
หายไปไหน?
ออกไปได้ยังไง?
ทำไมเขาถึงไม่เห็น?
คำถามมากมายผุดขึ้นมาในหัวหลิวยู่ติงแต่แล้วเขาก็ถูกขัดด้วยคำถามของชูฮัน “ก่อนหน้านี้มันเกิดอะไรขึ้น?”
หลิวยู่ติงพลันรู้สึกแปลกขึ้นมาัทนทีสมองพยายามประมวลอย่างหนักเพื่อหาคำตอบมาให้หัวหน้า หรือว่าหัวหน้าไม่ทันรู้ว่าพวกเขาเข้ามาในเต้นท์ตอนนั้นเพราะกำลังติดพันอยู่ก็เลยแสร้งถามเพราะไม่รู้ว่าพวกเขาเห็นภาพนั้น? ถ้างั้นก็ดีเลย!
ดี!
มีกี่คนที่ได้เห็นภาพน่าอายของหัวหน้าตอนแรกพวกเขาก็กลัวแทบตาย แต่สรุปคือหัวหน้าไม่รู้?
ตราบใดที่หัวหน้าไม่รู้เขาก็จะไม่ถูกทำโทษในฐานะที่ทำให้หัวหน้าต้องอาย เขาไม่ต้องสำนึกผิดอะไรทั้งนั้น!
หลิวยู่ติงกระแอมลำคอก่อนจะรายงาย”ขออนุญาตครับท่าน ซางจิงส่งคนมาพบท่านโดยเฉพาะ ชื่อว่าหวังเฉิน ตอนนี้ผมคุมตัวเขาไว้แล้วครับ”
หลิวยู่ติงพูดประโยคว่าคุมตัวหวังเฉินไว้อย่างง่ายดายถ้าหวังเฉินได้ยินประโยคนี้ละก็คงแค้นจนคลั่งจนอาจมีคนตาย แม้แต่ทั้งซางจิงยังเกรงกลัวหวังเฉินจนไม่กล้าจะแตะต้อง
คำว่าจับตัวหวังเฉินไว้ได้นั้นมีความน่าทึ่งซ่อนอยู่ในตัวเพราะมันเชื่อมโยงกับตัวตนของหวังเฉินความหมายของประโยคมันมีค่าไม่ต่างกับการกุมตัวผู้บัญชาการมู๋และเลาหมิงเอาไว้ในมือเลย
ชูฮันนิ่วหน้าทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่ามีความทรงจำบางอย่างหายไป…มันเป็นไปได้อย่างไรกัน?
เขาทำอะไรทำไมก่อนหน้านี้ทำไมเขาถึงสลบไปกลางคันแบบนั้น?
ไม่ว่าจะพยายามนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกสุดท้ายชูฮันจึงได้แต่สนใจประเด็นที่เร่งด่วนที่สุดในตอนนี้ก่อน “หวังเฉินพบว่าฉันไม่ได้อยู่ที่ค่ายรบเหรอ?”
”ไม่ใช่แน่นอนครับ”เมื่อพูดเรื่องนี้ ตาของหลิวยู่ติงมีประกาย “หัวหน้าสุดยอดมากเลยครับ กลับมาได้ทันพอดีราวกับรู้ล่วงหน้า ทุกคนตกใจกันมากครับ ผมเองยังไม่อยากเชื่อ ทำให้ปัญหาที่มีแก้ไขได้ทันที หวังเฉินตะลึงจนช็อคไปเลยครับ! โอ๊ะ! ใช่! ถ้าหัวหน้ากลับมาแบบนี้แสดงว่าค่ายจินหยาง…?”
เช้าของวันนี้หลังจากการพังทลายของค่ายจินหยางในเมื่อวานข่าวก็ได้กระจายไปทั่วทั้งจีนแล้ว แต่หลิวยู่ติวที่มัวแต่วุ่นวายกับการคุ้มกันเต้นท์ของชูฮันตลอดทั้งเช้าไม่มีเวลาได้พูดคุยหรือตามข่าวกับใครเลย
”ตอนนี้หวังเฉินอยู่ที่ไหน”ชูฮันมองผ่านท่าทางราวกับกำลังตื่นเต้นอะไรบางอย่างของหลิวยู่ติง
”ยังอยู่ในเต้นท์ครับผมไม่ได้ปล่อยเขาออกมา แหะแหะ!” หลิวยู่ติงที่ไม่รู้จะพูดยังไงดี สุดท้ายจึงได้แต่ยิ้มแห้งให้กับชูฮัน…ก็ในตอนนั้นหัวหน้ากำลังมีความสุขอยู่ เขาไม่ยอมให้ใครไปขัดหัวหน้าเด็ดขาด
ชูฮันที่สูญเสียความทรงจำไปช่วงหนึ่งเพราะการควบคุมจิตของบูชาจึงไม่เข้าใจความหมายที่หลิวยู่ติงสื่อเขาเพียงแค่ตื่นขึ้นมาและรู้สึกว่ามันมีบางอย่างผิดปกติจึงอดไม่ได้ที่จะถาม “ทำไมตาต้องหลุกหลิก?”
”เอ่อ…”หลิวยู่ติงนิ่งค้าง จากนั้นก็ตัดสินใจทำตัวโง่ๆกับชูฮันแทน “ครับ พอดีผมคันตาครับ!”
ชูฮันส่ายหัวก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ”พาฉันไปพบหวังเฉิน”
”โอ้ได้ครับ!” หลิวยู่ติงประหลาดใจเพราะเขายังคงนึกถึงสาวงามในชุดแดงอยู่
——————
ขณะเดียวกันภายในอีกเต้นท์หนึ่ง หวังเฉินที่ถูกจับมัดเข้ามานั่งภายในเต้นท์เพื่อรอชูฮันตลอดทั้งเช้าจนเริ่มจะหมดความอดทน หวังเฉินที่ทนไม่ไหวอีกต่อไปตัดสินใจตะโกนส่งเสียงให้คนข้างนอกได้ยิน “เมื่อไหร่ฉันจะได้เจอชูฮัน?!”
ที่จริงแล้วสำหรับหวังเฉินในตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดไม่ใช่การได้เจอชูฮันแล้วเพราะถึงอย่างไรเขาก็ได้ยืนยันแล้วว่าชูฮันอยู่ที่ค่ายรบ ดังนั้นชูฮันจึงถูกตัดออกจากการเป็นผู้ต้องสงสัยหลักที่ทำลายค่ายจินหยาง
อย่างไรก็ตามเพราะทัศนคติเดิมที่แข็งกล้าและเขายังไม่ได้เผชิญหน้ากับชูฮันตรงๆ ดังนั้นครั้งนี้เขาจะต้องเผชิญหน้ากับชูฮันให้ได้ก่อน อยากจะรู้นักว่าชูฮันผู้โด่งดังนั้นจะเป็นเหมือนที่เขาเล่ากันมั้ย หวังเฉินนั้นร้อนใจแทบรอไม่ไหวที่จะได้เจอกับชูฮันและหลังจากนั้นเขาจะกลับซางจิงทันที
ความไม่พอใจก่อตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในใจหวังเฉิน…เขารอมาตลอดทั้งเช้าประกอบความพ่ายแพ้ที่ถูกจับมาขังไว้แบบนี้ เอาทหารมาเฝ้าเขาอีก ไม่มีอิสระเลยสักนิด แบบนี้มันไม่ให้เกียรติกันเลย
แม้ในใจจะเดือดแต่อีกด้านหนึ่งก็รู้สึกสนใจไม่น้อยยามที่นึกถึงชูฮัน เพราะแม้แต่ในค่ายรบชูฮันยังกล้าทำเรื่องแบบนี้อย่างไม่อายอีก ทั้งๆที่กองทัพเขี้ยวหมาป่ากำลังอยู่ในสงคราม!
หวังเฉินที่ทรมานจากการถูกจับขังไว้หลายชั่วโมงตัดสินใจจะลอบหนีกลับซางจิงไปอย่างลับๆในเมื่อเขาเรียนรู้พฤติกรรมของชูฮันได้มากพอจะนำข่าวเสียๆของชูฮันไปปล่อยสู่สาธารณะแล้ว คิดว่าพอป่ายหวีเนอและฉางกวนยวีซินได้ยินแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้นล่ะ? ขณะที่หวังเฉินกำลังคิดแผนการร้ายอยู่ในหัวมันก็มีเสียงฝีเท้าจากด้านนอกเดินเข้ามาใกล้เต้นท์ที่หวังเฉินอยู่
”ท่านพลเอกสวัสดีครับ!”
เสียงทำความเคารพของทหารที่เฝ้าเต้นท์ของหวังเฉินดังขึ้นพลังบางอย่างที่กระจายคลุมรอบบริเวณทำให้หัวใจของหวังเฉินเต้นรัว แววตามีความกลัวซ่อนอยู่ ขณะคิดในใจว่าทหารของกองทัพเขี้ยวหมาป่าช่างเป็นระเบียบและยึดมั่นในกฏเกณฑ์เหลือเกิน
นี้ไม่ใช่สิ่งที่ค่ายไหนในยุคโลกาวินาศจะมี…
ขณะที่หวังเฉินกำลังตกอยู่ในความคิดตัวเองร่างสูงโปร่งของชูฮันก็เดินเข้ามาด้านในเต้นท์พร้อมกับหลิวยู่ติงที่มีสีหน้าแปลกๆ
��