“รีบไปหาแม่เหรอไง!”
“นี่เขาล้อเล่นเหรอไง?”
“ฉันคิดว่าเขาพูดได้ดี แต่ไม่คิดว่าเขาจะพูดแค่สองสามประโยคแค่นั้นแล้วจบ!”
หลังชูฮันออกจากการประชุมไป ในห้องประชุมก็ระเบิดเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจของผู้คนตามออกมาทันที จนขนาดที่บรรพบุรุษของชูฮันคงจามไป 18 ครั้งได้แล้ว
“ผู้บัญชาการมู๋!” จวงฮงทนไม่ไหว เขาตะโกนออกมาอย่างไม่พอใจขณะที่ผมยังคงเปียกอยู่ “ทำไมท่านถึงปล่อยให้เขาทำแบบนี้? แล้วท่านจะตัดสินใจเรื่องสกุลเงินอย่างไร? เฮอะ! นี่มัน!”
ไม่เพียงแต่จวงฮงทว่าคนส่วนใหญ่ในห้องประชุมต่างก็โกรธกันหมด ชูฮันไม่ได้เพียงแต่ตัดสินใจเรื่องสำคัญที่ควรจะปรึกษาหารือกับทุกคนก่อนด้วยตัวคนเดียว แต่ยังหนีออกไปจากการประชุมที่ยังไม่จบอีกด้วย
มันไม่มีวินัยมากเกินไป!
ผู้บัญชาการมู๋เงียบไปครู่หนึ่ง สายตาของท่านขุ่นมัว จากนั้นก็หันไปทางเลาหมิงและเหอเฟิง “โควต้าเริ่มแรกของเราก่อนหน้านี้คือเท่าไหร่?”
เหอเฟิงมองไปที่ข้อมูลในมือพร้อมกับถอนหายใจด้วยความโล่งอกออกมา “กรุณาเปิดไปที่หน้า 97”
พรึบ! พรึบ! พรึบ!
เสียงพลิกหน้ากระดาษระรัวภายในห้องประชุมดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงกระแทกตกใจจากนั้นทั้งห้องก็เข้าสู่ความเงียบสงบ ทุกคนมองไปที่เอกสารสำคัญตรงหน้า ตัวอักษรที่สีดำที่ปรากฏอยู๋บนกระดาษสีขาวในหน้าที่ 97 ระบุว่า…คริสตัลของซอมบี้ระยะสอง มีค่าเท่ากับ 100 และคริสตัลของซอมบี้ระยะสาม 3 ชิ้นหรือระยะสี่ 2 ชิ้นเท่ากับ 500…
พระเจ้า!
“อะหึ่ม! อะหึ่ม!” ผู้บัญชาการมู๋กระแอม “ถ้าไม่มีการเสนอชื่อสกุลที่ดีกว่านี้ งั้นเราจะให้ชื่อว่า ล่มสลาย”
“ถ้างั้นก็ตามนั้น” เลาหมิงเองก็เห็นด้วย
ตวนเจียงเหว่ยที่นั่งฟังเนื้อหาการประชุมที่น่าเบื่อเอนตัวพิงเก้าอี้นั่ง เหลือบตามองเก้าอี้นั่งข้างๆที่ว่างเปล่า มันมีเอกสารการประชุมวางอยู่บนโต๊ะตรงตำแหน่งที่นั่งของชูฮัน เมื่อตอนที่ชูฮันจะออกไปเขาดูรีบร้อนมาก เอกสารบนโต๊ะจึงกระจัดกระจายซึ่งเอกสารได้เปิดค้างทิ้งไว้ที่หน้า 50…
สายตาของตวนเจียงเหว่ยสว่างวาบ เขามั่นใจสุดๆว่าชูฮันไม่ได้เปิดเอกสารไปที่หน้า 97 เลย แต่การที่พูดข้อมูลได้ออกมาอย่างสบายๆและเหมือนกับข้อมูลที่เหอเฟิงเตรียมการมาได้อย่างสมบูรณ์แบบนั้น
ช่างบังเอิญอะไรได้ขนาดนี้…
———-
“หัวหน้า เรามาทำอะไรที่นี่?” เฉินช่าวเย่กำลังหิ้วหีบพัสดุขนาดใหญ่ตามหลังชูฮัน
ตรงนี้คือพื้นที่ของผู้ลี้ภัย เป็นสถานที่ที่วุ่นวายที่สุดในทั้งค่ายซางจิง ชูฮันและเฉินช่าวเย่มาที่นี้และได้เจอกับวิสัยทัศน์ที่ซับซ้อนของผู้คนจำนวนมากรอบๆ ทั้งโลภและไม่เป็นมิตร ถ้าไม่ใช่เพราะทั้งสองคนสวมชุดเครื่องแบบทหารและพัสดุขนาดใหญ่ที่เฉินช่าวเย่หิ้วมาคืออาวุธละก็ คาดว่าพวกเขาทั้งสองคนคงถูกกลุ่มคนรุมปล้นไปแล้ว
ชูฮันรีบเดินฝ่าผ่านฝูงชนไปทันที ไม่สนใจกลุ่มผู้ลี้ภัยที่อยู่รอบๆตัว น้ำเสียงของเขาเย็นชา “ฉันมาตามหาคน”
“โอ้” เฉินช่าวเย่พยักหน้า “พี่กำลังหาใครอยู่?”
“เพื่อนร่วมห้องพักในมหาวิทยาลัยฉันเอง” น้ำเสียงของชูฮันเปลี่ยนไป เขาเปลี่ยนไปเดินเรียบถนนถัดไปแทน
เฉินช่าวเย่รีบตามไปอย่างเร็ว “หัวหน้าบอกว่ามาตามหาเพื่อนร่วมห้องพัก แล้วจะให้ฉันเอาไอ้นี่มาทำไม? มันหนักมาก!”
เฉินช่าวเย่ชี้นิ้วมาที่ปืนที่เขาแบกอยู่ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความมึนงง ก่อนหน้านั้นชูฮันบอกให้เขาเอาปืนมา เขาก็รีบเอาทุกอย่างที่มีมาวางหน้าชูฮันทันที หากชูฮันกลับชี้นิ้วไปที่ปืนที่ใหญ่ที่สุด เฉินช่าวก็ตื่นตัวทันทีเขารีบหอบปืนใหญ่ตามชูฮันและคิดว่าชูฮันคงจะมีงานใหญ่ให้เขาทำ แต่หลังจากผ่านไปนานพอสมควรชูฮันกลับบอกว่ามาตามหาเพื่อนร่วมห้องพัก
“แต่เพื่อนผู้น่าสงสารของหัวหน้าทำไมถึงได้มาอยู่ในพื้นที่ผู้ลี้ภัยแบบนี้” เฉินช่าวเย่ถอนหายใจ
ชูฮันก้าวเท้าเดินต่อไปจนมาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง มันเป็นที่พักของเติ้งเวยป๋อที่คราวเขามาแล้วครั้งหนึ่ง ทุกอย่างยังเป็นเหมือนเดิมเหมือนที่ชูฮันเคยมา มันเละเทะแต่มันไม่เหมือนกับเมื่อสองวันก่อน เหล่าผู้ลี้ภัยทั้งหลายที่อยู่หน้าบ้านได้สลายตัวไปหมด มีเพียงแค่บ้านหลังเล็กที่ดูแออัดตั้งอยู่
“ถึงแล้ว!” เสียงของเฉินช่าวเย่แผ่วเบา แฝงไปด้วยความสงสัย มันไม่มีใครอยู่รอบๆเลย มันดูต่างจากพื้นที่ผู้ลี้ภัยจุดอื่นๆที่พวกเขาเดินผ่านมาก่อนหน้านี้
“เตรียมตัว” ชูฮันเหลือบมองเฉินช่าวเย่ จากนั้นก็ก้มตัวลงเพื่อก้มเก็บอะไรบางอย่าง
เฉินช่าวเย่รีบวางพัสดุลง จากนั้นก็เปิดออกเพื่อประกอบปืนด้วยความเร็ว มันไม่ได้รวดเร็วและยืดหยุ่นเท่ากับเลาเสี่ยวเสียว แต่ก็รวดเร็วกว่าคนทั่วไป เพียงไม่นานมันก็กลายเป็นปืนไรเฟิลซุ่มยิงขนาดใหญ่
ในช่วงเวลานั้นเฉินช่าวเย่จ้องไปที่ชูฮันที่ยืนอยู่ถัดจากเขาและถือกระดาษแผ่นหนึ่งไว้ในมือ นี่คือสิ่งที่หัวหน้าก้มลงไปหยิบเมื่อกี้? เฉินช่าวเย่เต็มไปด้วยความสงสัย แต่ก่อนหน้านี้เขาไม่เห็นกระดาษที่พื้นเลยสักแผ่น!
ในตอนนั้นชูฮันกำลังมองดูข้อมูลที่หวังไคขโมยมาให้ในมือขณะฟังหวังไคที่อยู่ในกระเป๋าพูดอธิบาย
“เติ้งเวยป๋อ ผู้ชายคนนี้เป็นตัวปัญหาของจริง! ฉันช่วยนายได้ชูฮัน ถ้านายปล่อยให้ฉันตรวจสอบดูข้างในก่อน ฉันไม่รู้เลยว่าเติ้งเวยป๋อจะมีความสามารถขนาดนี้!” เสียงของหวังไคเต็มไปด้วยความรังเกียจและดูถูก “นายอ่านข้อมูลที่ฉันให้ไปรึยัง?”
“นายมีพื้นที่ส่วนตัวในประตูมิติมั้ย” จู่ๆชูฮันก็ถามคำถามที่ไม่เกี่ยวข้องกับหัวข้อที่กำลังพูดกันอยู่ขึ้นมา เมื่อตอนที่เขาก้มลงไปรับตัวหวังไคเขาไม่ได้หยิบอะไรมาในมือและมันก็ไม่มีกระดาษอะไรจากหวังไคในประตูมิติของเขา กระดาษแผ่นนี้คือหวังไค ทันทีที่เขาล้วงมือเข้าไปในกระเป๋า กระดาษแผ่นนี้ก็อยู่ในนั้น
“แล้วความเป็นส่วนตัวของคนในห้องนอนล่ะ?” หวังไคตกใจมาก
“โอเค” เสียงของชูฮันเรียบนิ่ง “มีอะไรอยู่ในห้องของเติ้งเวยป๋อ?”
“นอกเหนือจากลูกผสมสองตัวที่ระบุตัวได้ คนอื่นๆในห้องยังไม่ชัดเจน”หวังไคแสยะยิ้ม “ฉันอยากจะลอบเข้าไป แต่โชคร้ายที่ห้องนี้มันอัดแน่นมากแม้แต่แมลงวันยังบินเข้าไปไม่ได้!”
“ไม่ต้องถามอะไร” มีแสงเย็นผ่านเลยหัวเฉินช่าวเย่ไป “ยิงประตู”
เฉินช่าวเย่เริ่มมีเหงื่อไหล เขาไม่สามารถหาสาเหตุของสิ่งที่เกิดขึ้นได้เขาจึงหยิบปืนไรเฟิลที่ประกอบเสร็จขึ้นมาตั้งลำเล็งไปที่ประตู!
“ปัง!”
เกิดเสียงดังลั่นขึ้น ประตูไม้ถูกระเบิดแตกเป็นชิ้น เศษฝุ่นละอองไม้ปลิวว่อน
เฉินช่าวเย่ไม่เข้าใจเลยว่าตอนนี้เขากำลังทำอะไรอยู่ เขามองไม่เห็นอะไรข้างหน้าเลยและไม่รู้ว่าชูฮันต้องการทำอะไร
“บนหลังคา!” ทันใดนั้นเสียงของชูฮันที่ก็ดังขึ้นข้างหูเฉินช่าวเย่ “60 องศา 1 นาฬิกา! จัดการมันซะ!”
“ปัง!”
เฉินช่างเย่ไม่ลังเลสักนิดที่จะเหนี่ยวไก เฉินช่าวเย่ปรับองศาของปืนไปที่มุม 60 องศาและจัดการยิงไปตามที่ชูฮันบอกทันที
เสียงของกระสุนที่พุ่งเข้าเนื้อกังขึ้นจากระยะไกล ตามมาด้วยเสียงระเบิดของเนื้อและเลือดที่กระจาย ไม่ยากที่จะจินตนาการภาพโชกเลือดที่เกิดขึ้น เสียงระเบิดกระสุนที่เกิดขึ้นทำให้พอจะเดาได้ว่าเป้าที่โดนยิงนั้นอยู่ห่างจากชูฮันและเฉินช่าวเย่มากพอสมควร ครั้งนี้เกิดฝุนกระจายตัวรอบพื้นล้อมรอบปืนของเฉินช่าวเย่ที่ทำการยิงออกไป
“ไหนนายบอกว่ามีลูกผสมสองตัวไง?”มองไปที่ภาพข้างหน้า เสียงของชูฮันก็ดังขึ้นอย่างเย็นยะเยือก