เหมิงไซเป็นเพียงแค่วิวัฒนาการระยะ 2 และเมื่อโดนพละกำลังของชูฮันที่เป็นถึงวิวัฒนาการระยะ 4 เขาจึงกระแทกอัดกับกำแพงจนเป็นรู เศษอิฐร่วงลงพื้นและปลิวกระจายตัวในอากาศ
กลุ่มผู้ชมและนายทหารต่างส่งเสียงร้องด้วยความตกใจออกมาพลางจ้องไปที่ชูฮันด้วยความกลัว พลเอกที่พึ่งแต่งตั้งใหม่นี่เผด็จการมาก!
เหมิงไซตะลึงค้างและถามตัวเองในใจ เขาไม่ได้ทำอะไรให้ชูฮันต้องทำร้ายกันเลย ถึงแม้เขาจะมีความคิดไม่ดีและต้องการหาเรื่องชูฮัน แต่เรื่องแบบนี้มันมีทางแก้ไขไม่เห็นจำเป็นต้องลงไม้ลงมือกันขนาดนี้!
เหมิงไซทำอะไรไม่ถูกแถมยังรู้สึกเจ็บตรงคางที่น่าจะหักอีก ชูฮันแค่ควรจะถามว่าเขาต้องอะไรเพื่อจบเรื่องนี้ไม่ใช่เหรอไง? เขาก็ทำแบบนี้เสมอกับคนอื่น ใครจะไม่รู้ว่าเขาคือกัปตันของพื้นที่ผู้ลี้ภัย? แต่นี่ชูฮันไม่ไว้หน้าเขาเลย พึ่งจะได้รับการแต่งตั้งก็ทำกับเขาแบบนี้ มันกล้ามาจากไหน?
ในเขตพื้นที่นี้อำนาจของชูฮันน้อยกว่าเขา ถือเป็นคนนอก!
“ชูฮัน!” เมื่อนึกถึงชูฮัน ความโกรธของเหมิงไซก็ยิ่งปะทุ “อย่าคิดว่าแกเป็นพลเอกแล้วจะทำอะไรก็ได้! คิดว่าแกใหญ่สุดในซางจิงเหรอไง? ฮ่าฮ่าฮ่า ตลกสิ้นดี! หน้าขายหนาชะมัด คนนอกพื้นที่กล้าทำแบบนี้กับฉัน! ถ้าวันนี้แกไม่ตายก็อย่ามาเรียกฉันว่าเหมิงไซเลย!”
ชูฮันยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยันเมื่อได้ฟังแบบนั้น ก้าวเท้าสองสามก้าวเข้าไปพลางพูดด้วยน้ำเสียงที่เหมือนกับปีศาจจากขุมนรก “หลังจากนี้อีกครึ่งชั่วโมง แกลองพูดแบบนี้ดูอีกสิ”
“อะไรน่ะ?” เหมิงไซไม่เข้าใจความหมายของคำพูดของชูฮัน แต่ยังไม่ทันได้คิดอะไร พอเหมิงไซหันหน้าไปมันก็มีมือยื่นมาตรงหน้าแล้ว—–
ผั้วะ!
หมัดกระแทกเข้าหน้าเหมิงไซ ชูฮันลากเหมิงไซออกไปเหมือนกับซากหมา ด้วยความเร็วสุดขีดร่างของเหมิงไซที่โดนลากไปขูดกับพื้นอย่างน่าสงสาร เนื้อที่ขูดกับพื้นจนเละและเลือดที่ไหลยาวเป็นทางตามรอยลากอย่างน่าสยดสยอง
“เดี๋ยว! ปล่อยฉันไป! อ๊ากกกก! แกจะทำอะไร—–“
“ปัง!” ขากรรไกรล่างของเหมิงไซแตกละเอียด
———-
ภายในเมืองชั้นใน ในห้องประชุมของซางจิง การประชุมดำเนินมาได้ครึ่งทางแล้ว ทุกคนกำลังถกเถียงเรื่องสำคัญบางอย่างอย่างเคร่งเครียด
“รายงานครับ” ทันใดนั้นก็มีนายทหารคนหนึ่งพุ่งตัวเข้ามาในห้องประชุมและขัดทุกคนที่กำลังถกเถียงกันอยู่ น้ำเสียงของนายทหารคนนั้นตระหนกอย่างมาก “ทีมตรวจสอบได้ส่งข้อความมาว่าเกิดความวุ่นวายขึ้นในพื้นที่ผู้ลี้ภัยครับ ผู้กระทำผิดคือพลเอกชูฮันและเฉินช่าวเย่!”
“อะไรน่ะ?”
ทุกคนส่งเสียงร้องตกใจพลางผุดลุกขึ้นยืนอย่างไม่อยากจะเชื่อหู ชูฮันออกจากการประชุมไปกลางคันเพื่อไปก่อความวุ่นวายในพื้นที่ผู้ลี้ภัยเนี่ยนะ?
“ขอข้อมูลเจาะจงกว่านี้!” สีหน้าของผู้บัญชาการมู๋ไม่สู้ดีนัก ชูฮันรีบหุนหันออกไปกลางการประชุมซึ่งมันสร้างความประทับใจไม่ดีให้แก่ทุกคน และไม่นานหลังจากนั้นก็ยังมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น นี่มันอะไรกัน?
นายทหารที่เข้ามารายงานสถานการณ์กลืนน้ำลายพลางพูดอย่างตระหนก “ข้อมูลเจาะจงยังคงต้องได้รับการตรวจสอบจากกัปตันเหมิงไซของพื้นที่ผู้ลี้ภัยครับ แต่จากที่ผมได้ยินมา เฉินช่าวเย่ได้ใช้ปืนไรเฟิลซุ่มยิงพิเศษครับ”
“อวดดี!” ฝ่ายต่อต้านชูฮันรีบเสนอตัวต่อว่าขึ้นมาทันที ตบมือกระแทกโต๊ะอย่างไม่พอใจตัวสั่นเทิ้มอย่างโกรธจัด “นี่เป็นการกระทำที่หยิ่งผยองเกินไปแล้ว!”
“พวกนอกคอก!” ฝ่ายต่อต้านอีกคนมีท่าทีเดือดดาลตะโกนขึ้นมาด้วยท่าทางที่ไม่พอใจอย่างมาก “ตั้งแต่ที่ชูฮันมาค่ายซางจิงไม่มีสักวันที่ค่ายของเราจะสงบสุข! และไม่ใช่แค่นั้นตอนนี้แม้แต่เฉินช่าวเย่ก็ยังถูกชูฮันล่อลวงไปด้วย!”
สองคนมีอำนาจพูดหลอกล่อ ชักนำ คนอื่นๆเองเมื่อได้ยินก็เห็นด้วยและลงเรือผสมโรงตะโกนแสดงความไม่พอใจออกมากันไม่หยุด
“จริงด้วย ถ้าเราไม่ลดขั้นตำแหน่งของคนแบบนี้ เขาก็จะสร้างปัญหาแบบนี้ขึ้นมาอีกไม่หยุด”
“เฉินช่าวเย่และอาวุธนั้นไม่ใช่เรื่องธรรมดาแล้ว! ตั้งแต่ที่อาวุธนั้นถูกสร้างขึ้นมา นอกเหนือจากสนามยิงปืนเพื่อการทดสอบแล้ว ปืนนี้ไม่ได้รับการอนุญาตให้ใช้ภายในค่ายซางจิง พลังทำลายล้างของมันทรงอนุภาพเกินไป ถ้าไม่มีคนควบคุมไว้มันจะพาอันตรายที่ใหญ่หลวงมาได้!”
“นี่มันผยองเกินไปแล้ว เอาอำนาจของกองทัพไปอวดเบ่งในพื้นที่ผู้ลี้ภัยต่อสายตาผู้คน! พวกเขาคิดจะทำอะไรที่พื้นที่ผู้ลี้ภัย? หรือต้องการทดสอบพลังของอาวุธชิ้นใหม่?”
“หึ! สำหรับชูฮัน ทหารไม่เคยได้รับการฝึกอบรม มันจะมีจุดประสงค์อะไรล่ะ! ทนรอที่จะได้เห็นอาวุธใหม่ของเฉินช่าวเย่ไม่ไหวละสิ!”
“เฮอะ! คงมองว่าชีวิตของผู้ลี้ภัยไม่มีค่าอะไร ช่างมีความคิดดีเหลือเกิน กาฝากแบบนี้น่ะเหรอที่เหมาะจะเป็นพลเอก?”
ขณะที่หลายคนกำลังต่อว่าและดูถูกชูฮันอย่างรุนแรง จู่ๆมันก็มีเสียงฝีเท้าที่เร่งรีบดังขึ้นตามมาด้วยนายทหารอีกคนที่วิ่งเข้ามาในห้องประชุม
“รายงานครับ!” นายทหารนายนั้นยังคงหอบหายใจหนักหน่วง “มีลูกผสมปรากฏตัวขึ้นในพื้นที่ผู้ลี้ภัย!”
เฮือก! เกิดเสียงกระแทกของโต๊ะ เก้าอี้ ถ้วย ต่างดังขึ้นทันทีเมื่อได้ยินการรายงานที่ยังไม่ทันจบดี ก่อนหน้านี้พวกเขาต่อว่าด่าทอโจมตีชูฮันกันอย่างไม่มีดีเหลือ แต่ตอนนี้ทุกคนต่างวิตกกังวล แหกปาก โวยวาย ส่งเสียงร้องด้วยความหวาดกลัว
“ลูกผสม? ในค่ายซางจิงมีลูกผสมได้อย่างไร!?”
“จำนวนเท่าไหร่? อันตรายมากมั้ย? ค่ายซางจิงจะล่มมั้ย?”
“มันจบแล้ว! หนีเร็ว!”
ผู้บัญชาการมู๋มองไปที่กลุ่มคนที่กำลังแตกตื่น เมื่อได้ยินว่ามีลูกผสมเข้ามาในซางจิงทุกคนก็กลายเป็นหนูติดจั่น นี่ทุกคนเป็นถึงนายทหารระดับสูงของซางจิงทั้งนั้น แล้วแบบนี้เขาจะไว้ใจให้คนพวกนี้ดูแลซางจิงได้อย่างไร?
“ปัง!”
เกิดเสียงดังสั่นสะเทือนขึ้นบนโต๊ะ
ผู้บัญชาการมู๋และเลาหมิงต่างมองไปทางที่มาของเสียงอย่างพร้อมกัน คนที่ตบโต๊ะดังสนั่นนั้นก็คือเหอเฟิงนั่นเอง เหอเฟิงในตอนนี้มีสีหน้าคร่ำเครียด
ฉางกวนหลงและตวนเจียงเหว่ยที่มีตราตำแหน่งระดับเดียวกันประดับอยู่ตรงหน้าอก เมื่อได้เห็นเหอเฟิงกระทำการแบบนี้ ทั้งคู่ต่างมองเหอเฟิงไปด้วยสายตาแปลกๆ
“หุบปาก!” เสียงของเหอเฟิงเย็นชา เขาไม่แม้แต่จะมองหน้าผู้บัญชาการมู๋ที่อยู่ข้างๆ เหอเฟิงแหกปากใส่เหล่าทหารในห้องประชุม “รายงานต่อสิ”
ทุกคนต่างตะลึงกับน้ำเสียงกระโชกโฮกฮากของเหอเฟิงที่ดังขึ้นมาอย่างฉับพลัน แต่ทุกคนไม่แม้แต่จะสนใจและโต้เถียงกลับเหอเฟิงทันที กล้าดียังไงมาสั่งพวกเขา ไอ้ทหารหนุ่มคนนี้มันหมดอนาคตแล้ว
“มีลูกผสมปรากฏตัวในพื้นที่ผู้ลี้ภัยและมีเพียงแค่ตัวเดียวครับ” หลายคนที่ได้ยินประโยคนี้รีบถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที ทว่าประโยคต่อไปที่นายทหารคนมาใหม่รายงานออกมาก็ทำให้หลายคนถึงกับจุกและเกิดอาการหวั่นวิตกขึ้นมา “ลูกผสมถูกกำจัดก่อนที่ผู้ตรวจสอบจะไปถึงครับ และมันเป็นฝีมือของพลเอกชูฮันและเฉินช่าวเย่ครับ และนี้ก็เป็นสาเหตุของความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในพื้นที่ผู้ลี้ภัยครับ เพราะเสียงดังจากปืนไรเฟิลของเฉินช่าวเย่ผู้คนก็เลยแตกตื่นกันครับ” นายทหารรายงานเหตุการณ์ทุกอย่างอย่างชัดเจนเสียงดังฟังชัด
ปล่อยให้หลายคนก่อนหน้านี้ที่ต่อว่าชูฮันรู้สึกอับอายและเจ็บใจจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน