เลาหมิงเม้มปาก ถึงแม้เขารู้ว่าตอนนี้มันไม่ใช่เวลาที่ควรจะพูดแต่เขาก็ห้ามตัวเองไม่อยู่ “โอ้! งั้นใครเป็นคนปล่อยข่าวว่าชูฮันไปก่อกวนและสร้างความวุ่นวายล่ะ? บอกว่าชูฮันอยากจะทดลองพลังของอาวุธใหม่ในพื้นที่ผู้ลี้ภัย? มันมีคำพูดสำหรับแบบนี้อยู่ เขาเรียกว่าอะไรน่ะ…ใช่อันนั้นมั้ย? มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ!”
ความไม่พอใจอย่างออกนอกหน้าของเลาหมิงทำให้หลายคนรู้สึกกระดากอายและไม่กล้าสู้หน้า พวกเขาก้มหน้าราวกับกำลังงมหาอะไรบางอย่างอยู่ที่พื้น บางคนก็อยากจะเอาหน้ากระแทกกำแพงให้รู้แล้วรู้รอด และทันใดนั้นเองมันก็มีเสียงฝีเท้าที่กำลังวิ่งอย่างเร่งรีบมุ่งหน้ามาที่ห้องประชุม จากที่ได้ยินทำให้คนฟังรู้ได้เลยว่ามันคงจะเป็นเรื่องใหญ่มาก
“รายงานครับ——” นายทหารที่พึ่งวิ่งเข้ามามีอาการหอบเหนื่อยจนแทบจะหายใจไม่ทัน ตามมาด้วยท่าทางประหลาดใจที่ได้เห็นว่าภายในห้องมีนายทหารสองอยู่อีกสองคน…ซึ่งสองคนนั้นก็คือนายทหารที่ก่อนหน้านี้ได้เข้ามารายงานสถานการณ์เร่งด่วนเหมือนกัน “แย่แล้วครับ! พลเอกชูฮันทำร้ายกัปตันเหมิงไซในเขตพื้นที่ผู้ลี้ภัย!”
ทั้งห้องประชุมเงียบสงัดทันที ทุกคนตกใจและประหลาดใจกับสิ่งที่ได้ยิน ชูฮันวิ่งหนีออกจากการประชุมไปกลางคันเพื่อไปแก้ไขปัญหาลูกผสมแต่หลังจากที่ทุกอย่างลงตัวเขากลับไปทำร้ายกัปตันของพื้นที่ผู้ลี้ภัย สถานการณ์ที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็วช่างไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด
นี่มันเกิดอะไรขึ้นที่นั่นกัน?
ถึงแม้มันจะประหลาดใจและน่างงงวย สถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันและหมุนเปลี่ยนไปมาอย่างกระทันหัน ใครจะรู้ไม่แน่ต่อไปจู่ๆอาจจะมีคนวิ่งเข้ามารายงานสถานการณ์ต่ออีกก็ได้?
ไม่มีใครพูดอะไรออกมา หากเหมิงหมิงพี่ชายของเหมิงไซ ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งกัปตันที่ดูแลทั้งซางจิงก็รีบกระเด้งเข้าไปคว้าตัวนายทหารที่เข้ามารายงานสถานการณ์ทันที น้ำเสียงเต็มไปด้วยความอาฆาต “แกพึ่งพูดว่าอะไรน่ะ ใครทำอะไรใครห้ะ?”
การเป็นกัปตันดูแลควบคุมความเรียบร้อยและปลอดภัยของทั้งค่ายซางจิงแน่นอนว่าต้องเป็นคนที่มีอำนาจพอสมควร ดังนั้นเหมิงหมิงไม่ใช่แค่มีความสามารถที่โดดเด่นเท่านั้นแต่เขายังเป็นถึงวิวัฒนาการระยะ 3 ที่มีพละกำลังอันยอดเยี่ยมอีกด้วย
ในตอนนั้นเหมิงหมิงไม่แม้แต่จะปกปิดจิตสังหารที่แผ่ออกมา เขากระชากคอเสื้อของนายทหารที่เข้ามารายงานสถานการณ์ซึ่งตอนนี้กลัวจนเหงื่อแตก หากยังไม่ทันที่นายทหารคนนั้นจะได้เอ่ยปากพูดอะไร
“ปัง!”
ทันใดนั้นประตูห้องประชุมก็ถูกเปิดออกกระทันหันอย่างรุนแรงขึ้นเป็นครั้งที่ 4 ทว่าครั้งนี้มันแตกต่างไปจาก 3 ครั้งก่อนหน้านี้ที่มีการเคาะประตูก่อนจะวิ่งเข้ามา ครั้งนี้ประตูห้องประชุมถูกเตะเปิดออกอย่างรุนแรงจนบานประตูแทบจะพัง
เฮือก!
ชูฮันลากเหมิงไซที่แทบจะสลบมากับพื้นตลอดทางเข้ามาในห้องประชุม เสียงรองเท้าบู้ททหารของชูฮันที่กระทบกับพื้นห้องดังก้องไปทั่วห้องประชุม มันทั้งทรงพลังและให้อารมณ์ที่น่าเกรงขาม แววตาของชูฮันเต็มไปด้วยจิตสังหารที่น่ากลัวอย่างมาก ราวกับว่าเขาพร้อมจะระเบิดห้องนี้ให้กลายเป็นจุลได้ทุกเมื่อ
เงียบกริบ—–
ไม่ว่าจะเป็นผู้บัญชาการมู๋ เลาหมิง ฉางกวนหลงและตวนเจียงเหว่ยที่คอยดูสถานการณ์อยู่ข้างสนามมาตลอด ทุกคนในตอนนี้ต่างยืนมองภาพตรงประตูอย่างตะลึงงัน ชูฮันและ…คนที่เขาลากมาในมือ…
แม้แต่เหอเฟิงที่พยายามควบคุมผู้คนในห้องประชุมมาตลอดก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากนิ่ง หากเขาไม่ได้อารมณ์เย็นสายตาของเหอเฟิงขยับไล่ไปตามแขนของชูฮันจนถึงร่างของคนที่ชูฮันลากมากับพื้น ผู้ชายที่มีสภาพเละเทะและดูเลอะเลือนคนนี้ดูคุ้นหน้าคุ้นตา…
“เหมิงไซ!” เสียงแหกปากร้องอย่างตกใจของเหมิงหมิงดังลั่นขึ้นมาพร้อมกับวิ่งพุ่งเข้าไปหาน้องชายของเขาทันทีอย่างไม่ลังเล เหมิงหมิงมองร่างของน้องชายที่เนื้อปริ้นหลุดลุ่ยและเลือดที่ไหลยาวตามทางพร้อมกับกรามล่างที่หัก ร่างของเหมิงหมิงอัดแน่นสั่นระริกไปด้วยความโกรธกำลังจะระเบิดออก
“ไม่ได้ตายซะหน่อย อะไร?” ชูฮันแสยะยิ้มและปล่อยมือเหมิงไซออก น้ำเสียงของชูฮันเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน
เหมิงหมิงที่โดนกระทำอย่างยั่วยุ ถึงแม้เขาจะไม่ได้มีตำแหน่งใหญ่โตสุดในซางจิงหากเขาก็มีหน้าที่ควบคุมทั้งค่ายซางจิง ใครมันกล้าหักหน้าเขาแบบนี้? ทุกคนต้องได้รับการอนุมัติจากเขาถึงจะผ่านเข้ามาในค่ายซางจิงได้? แม้แต่เจ้าหน้าที่เวรยามทั้งเมืองก็อยู่ภายใต้การควบคุมของเขาทั้งหมด!
แก ชูฮัน…พลเอกที่พึ่งได้รับแต่งตั้งยังไม่ถึงวันดี กล้ามาอวดเบ่งในเขตของเขา?
“เยี่ยม” เหมิงหมิงตัวสั่นเทิ้ม ยกนิ้วชี้ใส่หน้าชูฮัน “ดี! แก ชูฮัน! คนชั้นต่ำ!”
แท้จริงแล้ว อารมณ์ของเหมิงหมิงในตอนนี้ได้ไต่ขึ้นมาถึงระดับสูงสุดในชีวิตแล้ว ตอนนี้เขาต้องการจะสั่งสอนบทเรียนให้แก่ชูฮัน
ป๊อก!
เกิดเสียงไม่ดังมากราวกับอะไรบางอย่างหัก
“อ๊ากกกกก” เสียงร้องเจ็บปวดของเหมิงหมิงดังลั่น “นิ้ว นิ้วฉันนนนน!”
ทุกคนในห้องตัวสั่นจ้องไปที่นิ้วชี้ของเหมิงหมิงที่หักโค้งขึ้นชี้ฟ้า ชูฮันปล่อยเหมิงไซที่มีสภาพน่าสังเวชทิ้งไว้ที่พื้นและยังมาจัดการกับนิ้วของเหมิงหมิงอีกได้อย่างไม่มีความลังเลเลยแม้แต่น้อย!
คนคนนี้ไม่ใช่พลเอก นี่มันโจรชั่วชัดๆ!
แม้แต่ฉางกวนหลงและตวนเจียงเหว่ยที่นิ่งสงบและไม่เคยส่งเสียงมาตลอดก็ไม่สามารถใจเย็นต่อไปได้อีกในสถานการณ์นี้ ชูฮันออกไปแล้วจู่ๆก็กลับมาแบบนี้…มันเกิดอะไรขึ้น ชูฮันถึงอัดแน่นไปด้วยความโกรธได้ขนาดนี้?
ผู้บัญชาการมู๋และเลาหมิงมองกันและกันและตกอยู่ในอาการงงงวย
เหอเฟิงยังคงนิ่งและเงียบสนิท
ชูฮันไม่คิดจะมองผู้คนรอบตัวเลยแม้แต่น้อย จากนั้นก็ทิ้งลงนั่งกับเก้าอี้ใกล้ๆ ชูฮันมองไปที่เหมิงหมิงและเหมิงไซที่กองอยู่กับพื้นตรงหน้า เขากำลังอารณ์ไม่ดีสุดๆ อยากจะคุยใช่มั้ย? ได้!
อีกครั้งที่ทั้งห้องประชุมต้องช็อคกับการกระทำของชูฮัน เป็นเวลาพักหนึ่งที่ไม่มีใครพูดอะไรออกมา มีเพียงแค่เหมิงหมิงและเหมิงไซที่อยู่ที่พื้นร้องโอดอวยด้วยความเจ็บปวด
ทั้งห้องประชุมเต็มไปด้วยเสียงเจ็บปวดของสองพี่น้อง
“ชูฮัน!” นายทหารที่ต่อต้านชูฮันทนกับภาพตรงหน้าไม่ไหว เขาผุดขึ้นชี้นิ้วตะคอกใส่ชูฮัน “แกมันไอ้กบฎ!”
ชูฮันไม่ลังเลที่จะโต้กลับ “เอาแต่หาเรื่องฉันทั้งวัน ทำตัวเป็นกบฎ อยากจะเป็นกบฎกับฉันใช่มั้ย!”
“แก! นี่แกขู่ฉัน?” ชายร่างใหญ่ตกใจมองมาที่ชูฮันอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“คิดจะทำอะไร? ฉันยังคงมีตำแหน่งเหนือพวกแกอยู่!” ประโยคถัดมาของชูฮันทำให้หลายคนถึงกับหายใจติดขัด
ปัง!
“ทุกคนเงียบ!” ผู้บัญชาการมู๋ตบมือลงโต๊ะอย่างหงุดหงิด น้ำเสียงเต็มไปด้วยความโกรธ “ชูฮัน นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้น?”
ชูฮันไม่มีอารมณ์จะมารักษาหน้าผู้บัญชาการมู๋ เขาพูดไปตามธรรมชาติ “มีลูกผสมปรากฏตัวขึ้นที่พื้นที่ผู้ลี้ภัย ผมออกจากการประชุมมากลางคันพร้อมกับเฉินช่าวเย่เพื่อมาจัดการลูกผสม มันคือการต่อสู้ ช่วยชีวิตผู้คน สถานการณ์มันก็ดุเดือดขึ้น”
“เพ้อเจ้อ! แล้วนายรู้ได้ยังไงว่ามันมีลูกผสมก่อนหน้าที่จะออกจากห้องประชุมไป? เห็นได้ชัดว่านายจงใจไปที่พื้นที่ผู้ลี้ภัยก่อนแล้วพอเจอกับลูกผสมนายถึงได้ฆ่ามัน!” ทันใดนั้นก็มีคนโต้แย้งออกมาทันที “นายอย่าเอามาใช้เป็นข้ออ้างที่หนีออกจากการประชุมไปกลางคันดีกว่า!”
“ผมรู้ล่วงหน้าว่าลูกผสมอยู่ที่นั่น” น้ำเสียงของชูฮันเย่อหยิ่ง
“อย่ามาสร้างเรื่อง!” ผู้ชายคนนั้นยังคงไม่หยุด “ถ้านายรู้อยู่แล้ว ทำไมถึงไม่รายงาน?”
“ถ้าฉันบอกแล้วนาย IQ ติดลบโง่เง่าอย่างนายจะเชื่อมั้ย?” ชูฮันโพล่งคำหยาบคายออกมา ใจเขาหงุดหงิดรำคาญมากจนทนไม่ไหวแล้ว ค่ายซางจิงมีปัญหามากเป็นพิเศษ