ทุกคนพลันชะงักเหลือบตามองสบกันไปมาอย่างเลิ่กลัก บางทีก็แอบชำเลืองมองซางจิ่วตี้ที่กำลังหน้าขึ้นสี
เมื่อคืนมีบางอย่างเกิดขึ้น!
กลายเป็นว่าชูฮันได้กลับมาก่อนล่วงหน้าแถมยังมุ่งหน้าไปหาซางจิ่วตี้ก่อนทันทียิ่งได้เห็นสีหน้าท่าทางของซางจิ่วตี้แบบนี้ ทุกคนก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเวลานี้ชูฮันถึงไม่ปรากฏตัวทั้งๆที่ปกติแล้วมันเป็นเวลาที่ควรจะต้องเฉลิมฉลองให้กับชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ของค่ายเขี้ยวหมาป่า
ไม่รู้เลยว่าเมื่อคืนพวกเขาทำกันไปกี่ครั้ง?
ถึงขนาดที่ชูฮันเหนื่อยจนลุกไม่ไหว!
บรรยากาศอึดอัดและแปลกๆกระจายไปทั่วบริเวณความตื่นเต้นเดิมพลันสลายหายไปอย่างรวดเร็ว รวมถึงเหล่าทหารส่วนใหญ่ของกองทัพเขี้ยวหมาป่าที่ตื่นเต้นดีใจอย่างเต็มปรี่ พวกเขาไม่สงสัยแล้วว่าทำไมตลอดทางถึงไม่เห็นหัวหน้าชูฮันเลย ที่แท้หัวหน้าก็แอบกลับมาหาซางจิ่วตี้ก่อนนี่เอง
ทันใดนั้นเหอเฟิงก็พลันนึกภาพฉากหนึ่งในเต้นท์นอนของชูฮันเมื่อครั้งที่ตั้งค่ายรบได้จู่ๆสีหน้าก็ผิดปกติขึ้นมาขณะมองซางติ่วตี้สลับไปด้วย เขาลอบกระซิบคุยกับซางจิ่วตี้โดยไม่ให้ใครเห็น พาฉันไปหาท่านพลเอกด่วน!
ซางจิ่วตี้เม้มริมฝีปากสีหน้านิ่งเรียบเย็นชาและเอ่ยสั่งเสียงเด็ดขาด ฉันมีเรื่องต้องการให้คุณจัดการ
เหอเฟิงไม่มีอะไรจะพูดอีกเขามีเพียงหน้าที่จัดวางตำแหน่งการรบและควบคุมดูแลกองทัพเขี้ยวหมาป่าเมื่อต้องทำสงคราม สำหรับตอนนี้มันไม่ใช่เวลาสงครามอีกต่อไปและหน้าที่ของเขาก็จบลงแล้ว เขาไม่สามารถไปสั่งการใครได้อีก
หลังจากนั้นเหตุการณ์ก็ดุเดือดขึ้นมาอีกครั้งชาวบ้านตีวงเข้ามาล้อมกองทัพเขี้ยวหมาป่าเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับการต่อสู้กันอย่างครื้นเครง
ทุกคนต่างอยากรู้ช่วงเวลาที่ได้ชัยชนะวิธีการที่ได้ชัยชนะ เรื่องราวน่าทึ่งที่ประสบพบเจอ ภาพอันน่าตกตะลึงทั้งหลาย พวกเขาอยากได้ยินมันจากปากของสมาชิกกองทัพเขี้ยวหมาป่า
เหอเฟิงและเสี่ยวเคินไม่ได้มีส่วนร่วมในการเฉลิมฉลองครั้งยิ่งใหญ่นี้เสี่ยวเคินพาทีมกุ้งเสือดำของเขาฝ่าวงล้อมออกมาหาที่ที่เหมาะสมที่จะแยกตัวออกมาก่อนและปักอยู่ตรงจุดที่ไม่ห่างจากใจกลางของค่ายที่มีชาวบ้านอัดแน่นอยู่ เนื่องจากพื้นที่ตรงนั้นเป็นเพียงเส้นทางเดียวที่สามารถเชื่อมต่อไปยังตัวเมืองอันลูและพื้นที่อื่นๆได้
ไม่ค่อยมีใครสนใจภาพที่เห็นเพราะท้ายที่สุดแล้วจากในทหารทั้งหมดของกองทัพเขี้ยวหมาป่า ทีมกุ้งเสือดำคือทีมที่พวกเขาคาดหวังน้อยที่สุดแล้วว่าจะได้ข้อมูล เพราะถ้าต้องการให้ทีมกุ้งเสือดำพูดอะไรสักอย่าง คงจะต้องถามคำถามเดิมอยู่เป็นเวลานานเลยกว่าจะได้คำตอบแต่ละคำ
เหอเฟิงซึ่งเดินฝ่าออกมาอย่างไม่สนใจใครทั้งนั้นเขารีบมุ่งหน้าไปยังบ้านพักของชูฮันโดยมีซางจิ่วตี้ตามหลังมาเงียบๆ ไม่พูดอะไรสักคำ
เหอเฟิงไม่ได้สนใจท่าทีของซางจิ่วตี้เลยด้วยซ้ำเวลานี้เขากำลังไม่พอใจอย่างมาก…เขาอุตส่าห์กังวลมาตั้งนาน แต่กลายเป็นว่าชูฮันนอนอยู่ที่บ้านเนี่ยนะ?
อย่างไรก็ตามต่อให้จะไม่พอใจมากแค่ไหนแต่เหอเฟิงก็ไม่สามารถห้ามรอยยิ้มบนหน้าตัวเองได้ ในใจเขาแอบดีใจที่ชูฮันปลอดภัยดี ถึงชูฮันจะเก่งกาจยังไงเขาก็ยังเป็นแค่เด็กหนุ่ม แถมยังพึ่งผ่านต่อสู้หฤโหดจนบาดเจ็บร้ายแรงมาอีก!
เหอเฟิงคิดเช่นนั้นขณะก้าวเดินเข้ามาในบ้านพักของชูฮันเขาเปิดประตูพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า ตั้งใจหัวเราะหยอกล้อกับชูฮันซะหน่อย แต่แล้วทันทีที่ภาพตรงหน้าปรากฏเหอเฟิงก็ต้องกลืนทุกอย่างลงคอไป
เพราะทันทีที่ประตูเปิดอ้าออกตาของเหอเฟิงก็เบิกกว้างโตอย่างแรง หัวใจเต้นรัวอย่างบ้าคลั่ง…มันไม่มีภาพที่ชูฮันนอนอู้อยู่บนเตียง ไม่มีท่าทีเขินอายที่เขาจะได้เห็นและหยอกล้อ
กลับกันมันเป็นภาพเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์วางระโยงระยางเต็มห้องไปหมดตรงกลางมีเตียงสีขาวพร้อมกับชายหนุ่มที่ตัวขาวซีดนอนอยู่บนนั้น!
เข้าไปสิปิดประตูด้วย ซางจิ่วตี้สั่งเสียงเย็นเฉียบจากทางด้านหลังของเหอเฟิง หรือนายอยากจะให้ทุกคนได้เห็นภาพนี้?
แอ๊ด~
เหอเฟิงเหงื่อซึมรีบตะครุบประตูปิดลงทันทีที่ได้สติจากนั้นก็รีบเดินเข้าไปในตัวบ้านพัก หน้าตาเคร่งเครียดจนบิดเบี้ยวไปหมด
เขายังไม่ตื่นเลยใช่มั้ย? หลังจากผ่านไปพักใหญ่เหอเฟิงก็เอ่ยถามเสียงแหบแห้ง มองชูฮันซึ่งตอนนี้ดูอ่อนแอเหลือเกินอย่างทำใจไม่ได้ ความสิ้นหวังอย่างรุนแรงเกาะอยู่ในใจของเหอเฟิง
ซางจิ่วตี้เอนตัวพิงกรอบหน้าต่างโดยไม่ตอบอะไรซึ่งนั่นก็แสดงให้เหอเฟิงเห็นแล้วว่าสิ่งที่เขาถามนั่นไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซางจิ่วตี้ในเวลานี้ดูไม่ใช่หญิงสาวสง่างามผู้น่าเกรงขามอย่างก่อนหน้านี้เลยสักนิด กลับกันเธอดูไร้พลังและอ่อนแอ
สามวันสองคืนยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ซางจิ่วตี้พูดด้วยน้ำเสียงท้อแท้ แววตาที่มองเหอเฟิงนั่นดูหวาดกลัวกลับความตายที่เข้ามาใกล้ชูฮัน
เหอเฟิงตัวสั่นริมฝีปากแห้งผาก เรื่องราวที่ได้รู้มันถาโถมรุนแรงจนเขาปรับตัวไม่ทัน
งานเฉลิมฉลองใหญ่โตความสนุกสนานครื้นเครง เกียรติยศและความภาคภูมิ ทั้งๆที่ตัวชูฮันยังนอนบาดเจ็บสาหัสอยู่บนเตียงโดยไม่รู้ว่าจะตายเมื่อไหร่! ทุกอย่างคือเรื่องปลอม!
มันคือการปกปิดที่ซางจิ่วตี้จงใจสร้างขึ้นมา!
หลังจากจบสงครามครั้งยิ่งใหญ่ซึ่งหมายความว่าทหารกำลังอ่อนแอทรัพยากรแทบไม่เหลือเช่นนี้ การที่ชูฮันอยู่ในสภาพนี้ถือเป็นช่วงเวลาที่เสี่ยงอันตรายที่สุดสำหรับพวกเขาเหมือนกัน ดังนั้นการประมาทเพียงเล็กน้อยอาจจะทำให้ทุกอย่างพังทลายได้
ค่ายเขี้ยวหมาป่าจะแตกเป็นเสี่ยงๆทุกคนจะทอดทิ้งจะหนีเอาตัวรอด ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้จะหายไปพริบตา!
หลังจากที่ความเงียบสนิทในห้องดำเนินไปเป็นเวลาเกือบห้านทีเหอเฟิงก็ตัดสินใจเงยหน้าขึ้น แววตาของเขาราวกับดูกำลังให้กำลังใจตัวเอง เธอทำได้ดีมาก ฉันจะรับช่วงต่อเอง บอกสถานการณ์ทั้งหมดที่ฉันต้องรู้ตลอดสองวันที่ผ่านมา ตอนนี้ฉันพร้อมแล้ว
ถึงกระนั้นเหอเฟิงก็ยังไปไม่ถึงจุดต่ำสุดของการยอมรับเขาไม่สามารถจินตนาการภาพที่ไม่มีชูฮันได้ เขาไม่สามารถยอมรับการตายของชูฮันได้
นอกจากนี้ถ้าชูฮันตายขึ้นมาจริงๆยังไงพวกเขาก็ไม่มีทางปกปิดได้เพราะชื่อของชูฮันบนอันดับรายชื่อเสาหินจะหายไปและทุกคนก็ต้องรู้
ก่อนหน้าที่จะได้เจอกับชูฮันเหอเฟิงไม่เคยสัมผัสถึงการต้องดิ้นรนอย่างหนักหน่วงเท่านี้มาก่อน ชูฮันบีบให้เขาพัฒนาตัวเองและตื่นตัว เขารู้สึกสนุกสนานไปกับการไล่ตามเป้าหมายความสำเร็จที่วางไว้
แม้ว่าโดยส่วนตัวเขาจะไม่ได้ใช้เวลากับชูฮันมากเท่าไหร่ด้วยกันแต่เขากับชูฮันก็เข้าใจกันและกันดีเพียงแค่สบตา ต่างฝ่ายต่างรู้จักตัวตนของกันและกันดี พวกเขามีเป้าหมายเดียวกัน มีความต้องการอนาคตแบบเดียวกัน และพวกเขาต้องการสร้างทุกอย่างขึ้นด้วยมือตัวเองเหมือนกัน!
เขาทั้งชอบและเห็นด้วยกับคำพูดของชูฮัน…จะเป็นคนกล้าหาญหรือขี้ขลาด? การใช้ชีวิตในโลกาวินาศก็เปรียบเสมือนการอยู่บนเวทีขนาดใหญ่ใช้ชีวิตแบบมนุษย์ทั่วไปที่เอาแต่กลัวและขี้ขลาด หรือจะกล้าหาญและก้าวกระโดดไปข้างหน้า!
ทว่าเวลานี้…
เขาจะยอมรับมันได้ยังไง?!
ในตอนที่อารมณ์เหอเฟิงกำลังเริ่มแย่ทันใดนั้นซางจิ่วตี้ก็พูดประโยคที่ทำให้เหอเฟิงไม่กล้าแย้ง เขาจะไม่ตาย
มันคือคำประกาศที่ไร้ซึ่งการสั่นคลอน
เหอเฟิงพลันเงยหน้าขึ้นแววตาเต็มไปด้วยความตกใจ ในตอนที่เขากำลังหวั่นไหวและไม่แน่วแน่ซางจิ่วตี้ก็ได้พูดคำที่สร้างแรงบันดาลใจขึ้นมา
ใช่
คนอย่างชูฮันจะตายได้ยังไง?
ปีศาจที่โหดร้ายและไร้เทียมทานอย่างชูฮันจะมาตายง่ายๆแบบนี้ได้ยังไง?
ช่วงเวลาแห่งความชัดเจนที่ได้รับมาทำให้เขาสามารถจัดการความคิดยุ่งเหยิงก่อนหน้านี้ได้และรีบถามต่อ แล้วเกาช้าวฮุ่ยที่เป็นคนของตระกูลลึกลับว่ายังไง? เขาหายไปไหน?
สายตาของซางจิ่วตี้พลันแสดงความเย็นยะเยือกออกมา คงยอมรับไม่ได้ที่เพื่อนตัวเองจะตายต่อหน้า ก็เลยไปแล้ว
เหอเฟิงยิ้มอย่างขมขื่นพร้อมถอนหายใจ แสดงว่าแม้แต่ตระกูลลึกลับก็ช่วยไม่ได้?
เราไม่ต้องการความช่วยเหลือจากพวกเขา ซางจิ่วตี้ยังคงมั่นคง ชูฮันจะต้องตื่นขึ้นมา ไม่ว่าจะนานแค่ไหนเราก็ต้องรอ เขาจะต้องตื่น
เหอเฟิงมองซางจิ่วตี้ที่เปลี่ยนเป็นยืนตัวตรงและทำท่าจะเดินออกไปจากบ้านพักด้วยแววล้ำลึก เพราะอย่างนั้น มันยังมีอีกหลายสิ่งที่ฉันจะต้องจัดการ ฉันจะไปเตรียมค่ายเขี้ยวหมาป่าให้พร้อมล่วงหน้ารอชูฮันตื่น ส่วนคุณ…ดูแลชูฮันดีๆ มันจะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นมั้ย?
เหอเฟิงเองก็ไม่รู้…แต่ชูฮันมักจะสร้างปาฏิหาริยขึ้นเสมอไม่ใช่เหรอ?
ถ้างั้นทำไมเขาไม่ลองเชื่อมั่นในชูฮันอย่างเต็มที่เหมือนซางจิ่วตี้ดูละ?