หลังจากสิ้นสุดการประเมินเนื่องด้วยความลับมากมายชูฮันจึงตัดสินใจที่จะลงมือเองคนเดียว
ซูเฟิงนั้นอยู่บนทางกำลังมุ่งหน้ากลับไปค่ายเขี้ยวหมาป่าแล้วซูเฟิงรีบเร่งกลับไปทันทีเพราะภารกิจใหม่ที่ได้รับมอบหมายจากชูฮันนั้นจะต้องถูกดำเนินการอย่างทันที
เจียงหลิงโหลวถูกชูฮันใช้ให้ไปทำธุระให้ในเมื่อกว่าจะเจอผู้หญิงที่เก่งกาจคนนี้มันยากเหลือเกิน ดังนั้นเรื่องอะไรเขาจะปล่อยให้อีกฝ่ายหายตัวไปได้ง่ายๆอีกครั้ง?
เมื่อพิจารณาถึงวิธีการคิดของเจียงหลิงโหลวชูฮันก็ไม่กล้าปล่อยให้เธอปฏิบัติภารกิจที่มีความสำคัญมาก โชคดีที่เขาสามารถใช้ประโยชน์จากการเป็นหนี้ของเธอ โดยใช้ให้เธอทำอะไรทำอะไรง่ายๆให้ เพราะมันก็ดีสำหรับทั้งเขาและเธอทั้งคู่เหมือนกัน
หลังจากเตรียมการทั้งหมดเรียบร้อยชูฮันก็มองสำรวจเสาหินประเมิณอย่างละเอียดอีกครั้ง เพราะครั้งนี้เขารู้สึกว่าเสาหินประเมิณมีความแปลกประหลาดมากเกินไป อีกทั้งก่อนหน้านี้ทุกคนก็ลืมให้ความสนใจกับอันดับบนหน้าเสาหินไป
ดังนั้นตอนนี้ตรงหน้าคืออันดับรายชื่อตำแหน่งบนเสาหิน โดยมีชื่อคนแรกเด่นหราอยู่ ซึ่งก็คือชื่อของชูฮันที่ได้ชัยชนะจากเสาหินประเมิณพิเศษช่วงระยะ 2
นามแฝง: จักรพรรดิ!
หลังจากชื่อก็มีรหัส10-2, K-0 ตามหลัง
การประเมิณในช่วงระยะ2 นั้นสมบูรณ์แบบ แม้ว่าคะแนนการฆ่าจะเป็นศูนย์ก็ตามแต่การประเมิณโดยรอบเขาก็ยังคงอยู่ในอันดับแรก
นอกจากนี้ต่อท้ายชื่อนามแฝงจักรพรรดิ ก็ยังมีรายชื่อของทุกคนร่ายยาว แต่เพราะทั้งเจ็ดคนนั้นเข้าร่วมการประเมิณก็จริงแต่ไม่ได้สำเร็จ ดังนั้นตัวอักษรที่ต่อท้ายชื่อของทุกคนจึงเป็น 10-1 เหมือนกันหมด สองวัน สีหน้าของชูฮันมีความกังวลเล็กน้อย ฉันสามารถเก็บความลับกับหกคนที่เหลือได้เพราะแต่ละคนก็ไม่รู้นามแฝงหรือตัวตนของกันและกัน แต่เกรงว่าพอมู๋เย๋ได้ออกมาแล้วและเห็นรายชื่อนี้ มันต้องรู้ได้ในทันทีว่าฉันคือจักรพรรดิ
หวังไคได้แต่เงียบอยู่กับชูฮันชูฮันเป็นคนที่มีพฤติกรรมหลากหลายแบบ เวลาที่อยู่ตัวคนเดียวชูฮันจะเงียบสนิทราวกับคนตายและแทบไม่แสดงอารมณ์อะไรเลย แม้แต่พลังผันผวนภายในก็เก็บมิดไม่ปล่อยออก
แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าคนที่แตกต่างกันไปชูฮันก็จะมีบุคลิกแตกต่างกันไปอีก แต่ทั้งหมดดูเหมือนจะเป็นการจงใจปกปิดตัวตนที่แท้จริงของเขาไว้เพียงเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์เท่านั้น
ไปกัน ชูฮันไม่สนใจเรื่องเสาหินประเมิณพิเศษอีกต่อไป ตอนนี้เขาได้แต่หวังว่าหลังจากผ่านไปสองวัน กลุ่มคนที่กระตือรือร้นทั้งหลายจะสามารถไต่อันดับขึ้นมาบนรายชื่อได้และปัดชื่อเขาจนตกอันดับที่หนึ่งไป
นายไปผิดเส้นทางแล้ว!ไม่ใช่ว่าป่ายหวีเนอบอกให้นายไปก้นทะเลไม่ใช่เหรอ? หวังไคเห็นทิศทางที่ชูฮันเดินไปก็รีบท้วงทันที
ตอนนี้ชูฮันไม่ได้เดินไปยังทิศทางของทะเลแต่กลับมุ่งหน้าไปยังพื้นที่ที่เป็นทะเลทรายแทน
เธอบอกว่าด้นทะเลนายก็คิดว่ามันคือจุดที่ลึกที่สุดของทะเลจริงๆเหรอ? ชูฮันกลั้วหัวเราะ ฉันจะบอกให้ว่าแรงดันของดำระดับลึกขนาดนั้น ฉันจะลงไปถึงก้นทะเลยังไง?
หวังไคถามต่อ แล้วที่ป่ายหวีเนอพูดมันหมายความว่ายังไง? เธอส่งข้อความให้นายจริงๆหรือว่ามันเป็นข้อความปลอม?
ป่ายหวีเนอสูญเสียความทรงจำแต่มันไม่ได้หมายความว่าความรู้เดิมและวิธีการคิดของเธอจะเปลี่ยนไปอีกทั้งเธอก็สงสัยเรื่องเกี่ยวกับฉันอยู่แล้วในใจ มันจึงไม่แปลกที่เธอจะทิ้งข้อความไว้ให้ฉัน ชูฮันวิเคราะห์ไล่ไปทีละจุด แล้วมันก็ไม่ใช้ข้อความปลอมด้วยแต่เป็นอะไรที่เรียบง่ายสุดๆ ขึ้นอยู่กับว่าฉันจะเข้าใจและหาตำแหน่งนั้นเจอมั้ย
หวังไตตกใจ แต่เส้นทางที่นายจะไปมันแปลกมาก!
ชูฮันยิ้มและไม่ได้ตอบคำถามมันไม่ได้แปลกอะไร เพราะในชาติที่แล้วเขาเคยมีโอกาสได้ทำความรู้จักกับป่ายหวีเนอมาแล้ว เขารู้จักป่ายหวีเนอล่วงหน้าก่อนคนอื่น
ทะเลทรายทะเลแห่งนี้มีทะเลทรายที่กว้างใหญ่มาก หวังไคถอนหายใจและมองไปยังเส้นทางข้างหน้า
ที่นี้คือก้นทะเลหลังจากน้ำลดลง ชูฮันพูด ขณะก้มลงหยิบปะการังแห้งที่จมอยู่ในทรายขึ้นมาจากพื้น เวลาผ่านไปนานแล้ว บางทีระดับน้ำทะเลคงจะลดลงไปเยอะ บางทีตรงจุดนี้อาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลง แต่ไม่ว่าด้วยกรณีไหนก็ตาม พื้นที่ตรงนี้เคยเป็นก้นทะเล
หวังไคตาโต แสดงว่าสถานที่ที่ป่ายหวีเนอพูดถึงคือที่นี้? คือทางเข้าสู่หุบเขาหยินหยาง?
มันกว้างเกินไปเราจำเป็นต้องหาพิกัดตำแหน่งที่เฉพาะเจาะจงกว่านี้ ตอนที่ได้ชัยชนะจากการประเมิณและติดอยู่ในเสาหินในขณะที่คนอื่นออกไปจากเสาหินก่อนเขา มันทำให้เขาตามหลังคนอื่นอยู่แล้ว ดังนั้นตอนนี้เขาจะมาเสียเวลาอีกไม่ได้เพราะคนอื่นอาจจะเข้าไปในหุบเขาหยินหยางแล้วก็ได้
—————————-
ตรงนี้เป็นพื้นขนาดต่ำเหมือนกับร่องหลุมกว้างใหญ่ที่อยู่ลึกใจกลางพื้นที่รกร้างที่มีแต่ทะเลทราย ไม่มีอะไรด้านข้างให้มองเห็นหรือจับตำแหน่ง ร่องที่ว่านี่ดูผิวเผินเหมือนผืนทรายปกติหากที่จริงนี้คือรูปแบบของมัน…ทรายวนขดที่แท้จริงคือทรายดูด
ตัวอย่างเช่นก้อนหินที่ค่อยๆจมลึกลงไปเข้าไปในกองทรายเรื่อยๆทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งหลายรอบๆบริเวณรีบหนีออกไปอย่างทันทีทันใดเมื่อพวกเขาสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวที่แฝงอยู่ และที่สุดเขตของทรายดูดก็มีร่างของสามคนยืนอยู่ด้วยท่าทางสบายๆเสื้อผ้ามอมแมม ผมกระเซิงปลิวไสวตามแรงลม
หากร่างของทั้งสามกลับไร้การเคลื่อนไหวหรือขยับเขยื้อนใดๆทุกคนยืนตัวตรง ไม่ไหวติงกับสภาพแวดล้อมที่ได้เจอ
ทั้งสามคนนี้คือเกาช้าวฮุ่ย เสี่ยวเมิงชี และป่ายหวีเนอที่มาถึงที่นี้ก่อนล่วงหน้าแล้วสองวัน
นี้คือทางเข้ามันเปิดแล้วหรือไม่ใช่? เกาช้าวฮุ่ยมองทรายดูดตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ มันเงียบสนิทจนน่าวังเวงมาตลอดสองวันที่ผ่านมา แล้วจู่ๆตอนนี้มันก็ขยับได้ คงเป็นเพราะชูฮันแสดงว่าการประเมิณน่าจะจบลงแล้ว?
เส้นทางสู่หุบเขาไม่ได้เปิดมาเป็นเวลานับพันๆปีใครจะรู้ รอก่อนสิ จะรีบไปไหน เสี่ยวเมิงชีให้คำแนะนำเพื่อให้ทุกคนเลิกคิดมาก
ป่ายหวีเนอเหลือบมองทั้งสองและไม่พูดอะไรตอบ
คุณผู้หญิงทำไมถึงรู้ดีจัง? เกาช้าวฮุ่มถามเสี่ยวเมิงชีด้วยคำถามที่น่าอึดอัดใจพอสมควร
เสี่ยวเมิงชีไม่สนใจอะไรทั้งนั้นเธอเลิกคิ้วและเอ่ยถามด้วยเสียงเย็นชา รู้แค่ว่าฉันสามารถรอดชีวิตมาจากการสังหารหมู่ได้ แล้วคิดเหรอว่านายท่านตระกูลเกาจะไม่มีคุณสมบัติเหลืออะไรให้ฉันแต่เส้นทางที่นายจะไปมันแปลกมาก!
อ่าาา! ตาของเกาช้าวฮุ่นมีประกายวิบวับอยู่ครู่หนึ่งก่อาจะพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชัน สรุปว่า ตอนนี้เธอเป็นหัวหน้าตระกูลเสี่ยว?
เสี่ยวเมิงชีไม่ได้ตอบเธอลอบมองป่ายหวีเนอด้วยสายตาปองร้าย เธอและฉันต่างเป็นเลือดผสมเหมือนกัน สนใจจะฆ่าพวกเลือดบริสุทธิ์ด้วยกันให้หมดไปมั้ย?
��