จางตงเองก็เป็นหนึ่งในคนที่มีความสงสัยเกี่ยวกับชูฮัน เมื่อตอนที่เขามาซางจิง เขาอยากจะเจอกับชูฮันคนดัง ความจริงแล้วเขาอยากจะเรียนรู้จากชูฮันและดูว่าใครเก่งกว่ากันกันแน่ ทว่าทันทีที่เขาพึ่งจะมาถึงซางจิงวันนี้และยังไม่มีเวลาได้สอบถามอะไรเลย เขาก็ตามพันชางเซียนมาที่แผนกโลจิสติกส์และถูกชูฮันอัดจนเละแล้ว
ไม่น่าเชื่อ! ว่าคนที่ได้คะแนนประเมิณ S+ ถึงสามครั้งรวดกลับดูอ่อนแอบอบบางกว่าที่คิด!
เมื่อมองไปที่จางตง ชูฮันก็บิดปากหนักขึ้นไปอีกขณะเหลือบมองไปที่จางตงที่มีความภักดีต่อเขาสูงถึง 60% เขาพูดอะไรไม่ออก เฉินเสี้ยนกาวและพรรคพวกยังมีความภักดีต่อเขาแค่ 20% หรือ 40% และค่อยๆเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ คนคนเดียวที่ความภักดีกระโดดขึ้นอย่างพุ่งพรวดก็คือเฉินช่าวเย่แต่มันก็เป็นเพราะหลังจากรู้จักและใช้ชีวิตต่อสู้ฝูงซอมบี้เคียงบ่าด้วยกันมา
หากจางตงคนนี้ไม่เลวเลย ครั้งแรกที่พบกันโดนเขาซ้อมแทบปางตาย หากความภักดีกลับมีถึง 60%!
ไม่แปลกใจเลยที่คนคนนี้ถึงลงมือก่อนจะพูด เห็นได้ชัดว่าผู้ชายคนนี้น่าจะโดนพันชางเซียนหลอกมา
“ฉันว่านาย—” เมื่อเห็นท่าทางหยิ่งผยองของจางตงชูฮันก็อดไม่ได้ที่จะพูด “ปกตินายพูดจาแบบนี้งั้นเหรอ?”
“หัวหน้าชูฮัน ท่าทางของผมไม่ดีอย่างนั้นเหรอ?” จางตงเรียกชูฮันว่าหัวหน้าทันที พร้อมจ้องตาชูฮันด้วยสีหน้าดุดัน
ชูฮันเบนสายตาไปที่อื่น “เปล่า มันดีแล้ว ทำแบบเดิมนี่แหละ”
“ไมมีปัญหาครับ! หัวหน้า!” จางตงตั้งคอตรง สีหน้าดุดันไม่เปลี่ยน
คนรอบตัวต่างช็อคกับการกระทำของจางตงกันหมด เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นคนที่จงรักภักดีแต่ยังคงมีสีหน้าดุดันแบบนี้ นี่มันต้องเป็นประวัติการณ์อย่างแน่นอน
และในขณะที่ชูฮันตะลึงกับบุคลิกอันเป็นเอกลักษณ์ของจางตงอยู่ มันก็เกิดการจลาจลใหญ่ขึ้นตรงประตูเมือง
เจ้าหน้าที่ที่ถูกพันชางเซียนส่งไปดูสถานการณ์ที่ประตูเมืองวิ่งไปที่ประตูท่ามกลางอากาศที่ติดลบสิบองศา ในตอนแรกชายคนคนนั้นคิดว่าตัวเองแค่ต้องทำเป็นวิ่งวนและกลับไป เพราะสิ่งที่ชูฮันพูดนั้นมันไม่มีทางเป็นจริง ไม่ต้องพูดถึงพันชางเซียนเลยแม้แต่ทุกคนก็ไม่อยากจะเชื่อ
น่าสมเพชที่เขาต้องวิ่งมาถึงปรตูเมืองแบบนี้ หากชายคนนั้นต้องประหลาดใจมากเมื่อได้เจอกับคนนับร้อยตรงหน้าแถมคนพวกนี้ไม่ได้สวมเสื้อผ้าที่หนาพอกับอากาศแบบนี้ ฝูงชนยืนสั่นท่ามกลางความหนาว
“พวกนายเป็นใคร?” เจ้าหน้าที่คนนั้นโพล่งถามขึ้นมา
เฉินเสี้ยนกาวที่เห็นคนกำลังมุ่งเข้ามา ตัวเฉินเสี้ยกาวเองยังคงอยู่ในชุดเครื่องแบบทหารก็เดินออกมาแสดงตัวด้านหน้าทันที “สวัสดีครับ ผมขอถามได้มั้ยว่าน้องชูฮันกำลังมาใช่รึเปล่า?”
“ชูฮัน?!” เจ้าหน้าที่คนนั้นมองเฉินเสี้ยนกาวด้วยความประหลาดใจอย่างมาก “แถมยังเป็นน้องอีก?”
“โอ้ ให้อภัยกับความโง่เขลาของผม” เฉินเสี้ยนกาวตบหัวตัวเองอย่างรำคาญใจ “ตอนนี้เขาเป็นพลเอกแล้ว เรียกเขาว่าน้องไม่ได้แล้ว”
เจ้าหน้าที่คนนั้นยิ่งช็อคขึ้นไปอีก คนพวกนี้เป็นญาติพี่น้องกับชูฮันจริงๆงั้นเหรอ? ไม่มีทาง!
“ความสัมพันธ์ของนายกับชูฮันคืออะไร?” เจ้าหน้าที่คนนั้นเต็มไปด้วยความสงสัย หากยังคงต่อต้านชูฮันอยู่ในใจ
เยวจึไม่พอใจและอยากจะหัวเราะ ไอ้นี่มันเป็นใครถึงมาเรียกชื่อชูฮันห้วนๆแบบนี้ “พวกนายคิดว่าไง เจ้าหน้าที่ตัวเล็กนี้กล้าเรียกชื่อชูฮันห้วนๆ แกควรจะเรียกเขาว่าพลเอก!”
เจ้าหน้าที่คนนั้นรู้สึกราวกับโดนตบหน้า ความอดทนขาดผึง “แกกล้าดียังไงพูดจากับฉันแบบนี้? กล้าดียังไงและญาติพี่น้องของหัวขโมยแบบนั้นก็คงไม่ต่างกันและก็คงไร้มารยาทเหมือนชูฮันนั่นแหละ!”
“ฉันจะอัดแกให้เละ แกเป็นใครวะ?”
“ไปตายห่าซะ มึงกล้าด่าชูฮัน มึงไม่ตายดีแน่!”
“จัดการมัน พี่น้อง!”
ฝูงชนรุมอัด เตะ ต่อย เจ้าหน้าที่คนนั้นจนเกิดเป็นความวุ่นวายและย่ำแย่
———-
ขณะนั้น ณ แผนกโลจิสติกส์
เมื่อมองไปที่จางตงที่ยังคงอยู่ที่พื้นท่วมเลือดและไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้ พันชางเซียนก็ไม่มีความอดทนที่จะจัดการปัญหานี้ต่อแล้ว เขาอดกลั้นความเจ็บบนหน้าและความอยากฆ่าชูฮันเอาไว้พลางหันไปพูดกับชูฮันด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ “พลเอกชูฮัน ทุกอย่างเตรียมพร้อมสำหรับท่านแล้ว เห็นมั้ยครับ?”
ทุกอย่างที่แกต้องการก็ได้แล้ว ทำไมยังไม่ไปอีก?
ชูฮันมองพันชางเซียนด้วยสายตาลึกลับ “มันยังมีสมาชิกครอบครัวของพลเอกหนึ่งร้อยคน ฉันต้องได้ของตามสิทธิของพลเอก”
“ชูฮัน! อย่ามากเกินไป!” พันชางเซียนแหกปากขึ้นมาอย่างทนไม่ไหว “ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่อยู่ในใบรายการสินค้า ฉันหมดคำจะพูด พลเอกที่ไหนจะขอทุกอย่างหนึ่งร้อยชุด? ถ้านายบอกว่าขอสองชุด ฉันจะให้ แต่หนึ่งร้อยชุด ไหนนายบอกฉันมาสิว่าใครคือสมาชิกในครอบครัวร้อยคนของนายบ้าง? นายมีปัญหาจะไล่ชื่อพวกเขามั้ย?!”
ชูฮันเปิดหน้าจอของระบบล่มสลายในหัวขึ้นมา ซึ่งมันมีเพียงแค่เขากับหวังไคเท่านั้นที่สามารถเห็นได้ จากนั้นก็เปิดรายชื่อคนที่ภักดีต่อเขา “เฉินเสี้ยนกาว เยวจึ เจียงโจว ชูเซีย ติงเซว…”
อยากจะรู้ชื่อใช่มั้ย? ได้ ได้สิ!
ทุกคนในห้องตะลึง พันชางเซียนยิ่งโกรธจนคลั่ง!
และพอชูฮันรายงานรายชื่อสมาชิกในครอบครัวเขาไปได้ประมาณครึ่งหนึ่ง ทันใดนั้นก็มีเสียงตื่นตระหนกของคนคนหนึ่งโพล่งขึ้นมา “แย่แล้ว เจ้าหน้าที่พลเรือนของเราถูกซ้อมอยู่ตรงประตูเมือง!”
พันชางเซียนตกใจพลางรีบถามกลับ “เจ้าหน้าพลเรือนคนไหน? แล้วมันไปทำอะไรตรงประตู?”
“ท่านสั่งให้เขาไปเองไม่ใช่เหรอครับ?” ชายคนนั้นมองพันชางเซียนอย่างงงวย “เพื่อยืนยันญาติพี่น้องของพลเอก”
“โอ้ อย่างนั้นเหรอ” พันชางเซียนไม่ทันสังเกตเห็นรอยยิ้มแปลกๆของชูฮัน เขาเพียงถามอย่างโกรธจัด “ใครมันกล้ามาทำร้ายคนของฉัน? จัดการพวกมันซะ!”
ชายคนนั้นรีบส่ายหัว “ไม่ได้ครับท่าน เราสู้ไม่ไหว”
“ทำไมพวกแกถึงจัดการไม่ได้?” พันชางเซียนโมโหอย่างมาก “ฉันอยากจะเห็นนักว่าพวกมันเป็นใครกล้ามาจากไหน แม้แต่คนของแผนกโลจิสติกส์มันยังกล้า!”
“ครับ พวกเขาเป็นครอบครัวของพลเอก” ชายคนนั้นมองชูอันอย่างกังวล ตามมาด้วยเสียงกระซิบ “เฉินเสี้ยนกาว เยวจึ…”
พรึบ!
พันชางเซียนยืนไม่ไหว เขาทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้ด้านหลัง มองไปที่ชูฮันอย่างตื่นตระหนกพร้อมสายตาที่แฝงไปด้วยคำถาม ชื่อพวกนี้…มันชื่อเดียวกัน?
ชูฮันยิ้มพลางพยักหน้า “ครอบครัวจำนวนหนึ่งร้อยคนของฉัน ตามสิทธิของพลเอก”
“เตรียมของให้เขาซะ!” พันชางเซียนกัดฟันออกคำสั่ง
ครึ่งชั่วโมงต่อมา…ชูฮันก็หิ้ววัสดุที่มีมูลค่ามากมายและคริสตัลที่เพิ่มเป็นเท่าตัวเดินออกไป ตามมาด้วยนายทหารสองร้อยนายที่โดนแช่แข็งจนแทบจะกลายเป็นน้ำแข็ง
“เจ้าหน้าที่พันชางเซียนแห่งโลจิสติกส์” ชูฮันยิ้มพลางมองไปที่พันชางเซียนที่ยืนด้านข้างระหว่างเดิน “ขอบคุณสำหรับเฮลิคอปเตอร์”
พันชางเซียนพูดอะไรไม่ออก…เฮลิคอปเตอร์ 3 ลำได้บินพาเจียงโจวและเหล่าผู้หญิงและเด็กออกไป นี่คือสิ่งที่ชูฮันขอบคุณเขาก่อนหน้านี้
“พลเอกชูฮัน เรื่องของเรายังไม่จบแค่นี้แน่” พันชางเซียนใช้ความกล้าที่สุดของตัวพูดประโยคนี้ออกมา
หลังจากนี้ แกจะไม่มีเวลาแม้แต่จะนอนตายตาหลับไอ้ระยำ!
ชูฮันตบไหล่พันชางเซียนและเดินออกไป ตามหลังมาด้วยเฉินเสี้ยนกาวและคนอื่นๆที่ยืนรอมาเป็นเวลานาน จากนั้นก็ตามมาด้วยเฉินช่าวเย่ หลิวยูติงและกลุ่มพลทหารพร้อมอาวุธ
มุ่งหน้าไปจากซางจิง…