หลังจากตวนเจียงเหว่ยจากไปไม่นาน…บนชั้นที่สองของบ้านพักพลโทเฉินช่าวเย่ เซียเหว่ยในตอนนี้นอนจมกองเลือดอยู่ที่พื้น แก้มทั้งแก้มบวมช้ำอย่างแรง ทั้งเนื้อทั้งตัวเห็นได้ชัดว่าถูกทำร้ายมา
เหย่จือโปแสยะยิ้ม “แกคิดว่าตวนเจียงเหว่ยมาเพื่อคุยกับแกจริงๆงั้นเหรอ? พลเอกช่วยมาพูดให้พลโท สมองของมึงถูกหมากินไปหมดแล้วเหรอไง!”
“นี่กูเลี้ยงคนโง่ๆแบบนี้มาได้ยังไง?!” เหย่จือโปเตะใส่เซียเหว่ยที่ได้แต่กัดฟันรับความเจ็บ
จ่าวฮ่าวฮาวทนไม่ไหวกับภาพที่เห็นจึงพูดขึ้น “มันอาจจะเป็นจริงก็ได้? ความจริงแล้วเราไม่รู้ว่าเฉินช่าวเย่หรือตวนเจียงเหว่ยมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันหรือเปล่า?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า มันจะเป็นไปได้อย่างไร?” เหย่จือโปตอบกลับมา จากนั้นก็ชะงักพลางหันไปมองจ่าวฮ่าวฮาวที่รีบโค้งหัวให้ “ใช่ มันมีความเป็นไปได้ แต่ไม่ใช่เฉินช่าวเย่กับตนเจียงเหว่ยที่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แต่เป็นชูฮันต่างหาก”
“ผมเองก็เชื่อแบบนั้น” จ่าวฮ่าวฮาวเริ่มบรรยายความคิดของตัวเองออกมา “พลเอกทั้งสองคนต่างสนิทกันสนมกันดี เราเห็นแล้วในงานเฉลิมฉลองปีใหม่ พวกเขามักพูดคุยกัน ถึงแม้ในการประชุมตอนบ่ายพวกเขาจะไม่พูดคุยกันเลยแต่พวกเขาเหมือนจะเข้าใจกันทางสายตา ราวกับว่าพวกเขารู้จักกันมาก่อนและ—-“
“และมิตรภาพของพวกเขาไม่ใช่ผิวเผิน” จู่ๆจ่าวฮ่าวฮาวก็รู้สึกกลัวขึ้นมาเล็กน้อยผสมด้วยอารมณ์โมโห “พวกเขาแค่ตบตา ความจริงแล้วสองคนนี้เป็นพวกเดียวกัน!”
“ไม่ใช่เสมอไป?” พันชางเซียนพูดขึ้น “ไม่มีข้อมูลอะไรเลยที่แสดงให้เห็นว่าทั้งสองคนรู้จักกัน”
“แต่ตวนเจียงเหว่ยกลับมาหาถึงที่นี้ มันมีความเป็นไปได้แค่สองกรณีเท่านั้น” ความคิดของจ่าวฮ่าวฮาวเริ่มชัดเจน “ไม่ตวนเจียงเหว่ยและชูฮันมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันและนี้ก็เป็นทางหนึ่งในการส่งต่อข้อความ หรือตวนเจียงเหว่ยและชูฮันมีความเกลียดชังเหมือนกัน และจุดประสงค์ที่แท้จริงของการส่งข้อความคือเพื่อติดต่อเราเพื่อแสดงให้รู้ว่าพวกเขารู้เรื่องเรา?”
เหย่จือโปรู้สึกกระวนกระวาน “ในกรณีใดๆนั้น เราอาจถูกเปิดเผยแล้ว เราต้องเปลี่ยนแผน ด่วน!”
ทุกคนในห้องเกิดความวุ่นวายขึ้นทันที พวกเขาตะลึงกับคำพูดของตวนเจียงเหว่ย
———–
ในตอนนั้น ไก๋หนานที่ยืนอยู่ข้างถนนก็เห็นตวนเจียงเหว่ยเดินมาถึงตรงหน้า เขาจึงทำความเคารพตามระเบียบทหาร “ท่านพลเอก เฮลิคอปเตอร์เตรียมพร้อมแล้วครับ”
ตวนเจียงเหว่ยพยักหน้ารับ ไก๋หนานถูกเลือกมาจากกลุ่มทหารโดยเฉพาะ เขาเป็นเลิศในทุกด้าน เขากลับมาถึงซางจิงและพาหลูชูซเวกลับมาด้วย แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นที่ไก๋หนานได้เลื่อนขั้นเป็นเพราะความสามารถที่เป็นเลิศของเขาเอง
“นายเคยติดต่อพูดคุยกับชูฮัน เขาเป็นคนแบบไหน?” ดูเหมือนไม่ได้ตั้งใจ ตวนเจียงเหว่ยถามไก๋หนานขึ้นมาระหว่างเดินไปพร้อมกัน
ไก๋หนานที่เป็นคนซื่อ ไม่รับรู้เลยว่าความจริงแล้วมันเป็นความตั้งใจของตวนเจียงเหว่ย เมื่อเขาได้ยินหัวหน้าสูงสุดของเขาพูดถึง น้องชายหวังไค ของเขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มขึ้นมาเมื่อนึกถึง “เด็กนั่น เป็นคนที่ทรงพลังมาก เขาดูจริงใจและเป็นคนเงียบๆ!”
“ดูจริงใจ?” ตวนเจียงเหว่ยทวนคำพูดด้วยเสียงกระซิบ ขณะหันไปมองไก๋หนานที่ดูเหมือนจะตกอยู่ในความทรงจำของตัวเอง ตวนเจียงเหว่ยใช้คำพูดล่อ “ผู้ชายคนนี้ไม่เลวเลย เขาพูดจาคำหยาบคายแต่ยังทำให้ใครหลายคนชื่นชม นายมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเขามั้ย?”
ไก๋หนานพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “ผมไม่ได้สนิทสนมกับเขาครับ”
ตวนเจียงเหว่ยยิ้มมุมปาก “เป็นคนน่าสนใจ ทำไมนายถึงไปรู้จักกับเขาได้?”
“ตอนนั้นเขาเป็นคนที่ไม่โดดเด่นอะไรเลย ทำตัวเงียบๆ แต่ตอนนั้นในทีมของเรามีสายของลูกผสมปนอยู่ พวกเราลำบากกันมาก” ไก๋หนานพูดมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ได้สังเกตถึงสายตามีนัยนะของตวนเจียงเหว่ยเลย “แล้วจากนั้นเขาก็เอาชนะลูกผสม แต่ผมไม่คาดเลยว่าเขาจะถนัดมือซ้าย!”
ตวนเจียงเหว่ยหยุดฝีเท้าทันทีอย่างตกใจ จังหวะหัวใจเต้นรัว “มือพิฆาตซ้าย?”
นี่ถือเป็นข่าวใหญ่ แน่นอนว่าเป็นข่าวที่ลับที่สุด ตอนนี้ทั้งจีนรู้เรื่องชูฮันกันหมดแล้วแต่ทุกคนคิดว่าชูฮันถนัดใช้ขวานยักษ์ด้วยมือสองมือ และพลังการสู้รบของเขาก็เป็นที่กล่าวขานแต่ใครจะรู้เลยว่ามันจะกลายเป็นว่าชูฮันถนัดมือซ้าย
ถ้าข่าวนี้เล็ดรอดไปถึงหูผู้คน แน่นอนว่าข่าวนี้จะต้องขายได้ในได้ราคาสูงอย่างแน่และจะปั่นเกมส์ให้ยิ่งสนุกมากขึ้นไปอีก
“ใช่ครับ ถนัดซ้าย ฮ่าฮ่าฮ่า!” ไก๋หนานไม่ได้รับรู้เลยว่าตวนเจียงเหว่ยคิดอะไรอยู่ในหัว เขายังคงพูดต่อไปอย่างตื่นเต้นเมื่อครั้งที่ได้สู้กับชูฮัน “ในตอนนั้น เราทั้งสองอยู่ระหว่างการเดินทางบนเขา ผมพยายามซ่อนตัวเองและใช้จังหวะลอบโจมตี ใครจะรู้ว่าเด็กนั่นจะสามารถตอบโต้การโจมตีของผมกลับมาได้ทั้งๆที่เขาไม่มีเวลาตั้งตัวเลยด้วยซ้ำ ทุกคนรู้ดีว่าอาวุธของชูฮันคือขวานยักษ์สีดำ แต่เพราะตอนนั้นชูฮันไม่เคยเอาขวานออกมาเลย และเพราะอย่างนั้นผมถึงไม่รู้ว่าเขาคือชูฮันในตอนนั้น แต่ท่านพลเอกดูสิ ตั้งแต่เขามาซางจิงท่านเห็นเขากับขวานบ้างหรือยังครับ?
“ฉันไม่เคยเห็น” ตวนเจียงเหว่ยมีความจริงจังในสายตา มันมีความสงสัยบนสีหน้าของตวนเจียงเหว่ย
“ผมคิดว่าเรื่องขวานยักษ์สีดำเป็นแค่ข่าวลือด้วยซ้ำ!” ไก๋หนานมีสีหน้าตื่นเต้น “เมื่อตอนที่ผมอยู่กับเขา ผมเห็นว่าอาวุธที่เขามักใช้คือกริชคมอย่างดีและเขาใช้มือซ้าย ภายใต้สถานการณ์แบบนั้นคนเราต้องใช้สัญชาตญาณป้องกันตัว ผมมั่นใจอย่างแน่นอนว่าเขาถนัดมือซ้าย!”
“อาวุธพิเศษทำเองงั้นเหรอ?” ตวนเจียงเหว่ยยิ่งมีสีหน้าจริงจังมากขึ้นไปอีก เขาทำถูกแล้วที่โอนตัวไก๋หนานมาอยู่กับเขา ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่รู้ความลับของชูฮัน “เป็นอาวุธแบบไหน? พื้นผิวดีขนาดไหน?”
นี่คือจุดสำคัญ…การที่ได้ยินว่าชูฮันสามารถฟันซอมบี้ขาดได้ด้วยขวานยักษ์ ไม่ว่ามันจะจริงหรือไม่ แต่ตราบใดที่พลังมหาศาลในร่างกายของชูฮันที่ทุกคนคิดว่าเขามียังไม่สามารถระบุที่มาได้ เขาก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้นไปอีกว่าต้นพลังที่แท้จริงของชูฮันคืออาวุธ
“ดีมากครับ!” สีหน้าของไก๋หนานยืนยันทุกอย่าง “ในตอนนั้น กริชของชูฮันคาอยู่ที่คอผมประมาณ 5 นาที ผมได้มองดูมันอย่างถี่ถ้วน มันเป็นกริชด้ามยาวไม่มีรูปแบบอะไรเลย สีก็เป็นดำทองด้าน ถ้าไม่สังเกตดีๆก็จะคิดว่ามันเป็นดำสนิท และมันดูคมกริบอย่างมาก ผมไม่เคยเห็นอาวุธแบนี้ที่ไหนมาก่อนเลย ผมคิดว่ามันน่าจะเป็นช่างมีฝีมืออาชีพทำขึ้นมาให้เขาโดยเฉพาะ”
“แล้วฝักกริชล่ะ?” ตวนเจียงเหว่ยมั่นใจไปแล้ว 80% ว่าชูฮันเป็นคนถนัดซ้าย และทันทีที่ถามประโยคนี้ออกไป หัวใจของตวนเจียงเหว่ยก็เต้นระรัว ถ้าบนตัวกริชไม่มีลวดลายหรือรูปแบบอะไรเลยถ้างั้นตัวฝักกริชก็จะเป็นหลักฐานเพียงอย่างเดียวที่จะยืนยันที่มาได้
“ผมไม่ได้เห็นมัน” ไก๋หนานที่กำลังตื่นเต้นเล่าต่อไปเรื่อยๆ “ในตอนนั้นชูฮันผูกกริชซ่อนไว้ในแขนข้างขวาใต้เสื้อ ไม่อย่างนั้นผมคงเห็นมันแล้วครับ”
ผูกติดไว้กับแขนขวา? ซ่อนไว้ใต้เสื้อ?
หัวใจของตวนเจียงเหว่ยเต้นอย่างบ้าคลั่ง!