ฝูงซอมบี้ที่ปรากฏขึ้นอย่างกระทันหันทำให้ทุกคนตกอยู่ในสภาวะตื่นตระหนก จำนวนของซอมบี้ที่มากกว่า 4,000 ตัวทั้งยังผสมไปด้วยซอมบี้ระยะ 2 และ3 เป็นหลัก คนทั้งหมด 300 คนไม่มีการแบ่งแยกออกเป็นสองฝ่ายอีกต่อไป เฉินเสี้ยนกาวเป็นผู้นำเริ่มออกคำสั่งกับทุกคน
เฉินเสี้ยนกาวเริ่มมอบหมายหน้าที่ให้ทุกคน “ใครที่มีพลังในการต่อสู้ต่ำอย่าออกมานอกรถเด็ดขาด พวกคุณไม่สามารถรับมือกับซอมบี้กลุ่มนี้ได้แน่ คอยหลบอยู่ด้านหลังไว้แล้วค่อยหาจังหวะเวลาที่จะฆ่าซอมบี้” เสียงของเฉินเสี้ยนกาวเร่งรีบ มันเป็นครั้งแรกที่เขาออกคำสั่ง “ขึ้นไปตั้งปืนบนหลังคารถเล็งไปที่ส่วนอ่อนแอของซอมบี้ ไม่จำเป็นต้องฆ่าให้ตายทันที ขอแค่ทำให้ลดความเร็วของพวกมันลดลงได้! คนที่มีระดับสูงกว่าวิวัฒนาการระยะ 2 ก็ขึ้นไปด้านบนคอยป้องกันมือปืนไว้!”
ทุกคนรีบกระจายตัวตามคำสั่งทันที อาวุธมากมายถูกแจกจ่าย นี่เป็นสิ่งที่พวกเขาคุ้นเคยกันดีเมื่อตอนที่ได้ทำสงครามเมืองตงกับชูฮัน และตั้งแต่ตอนนั้นมาทุกครั้งที่มีการต่อสู้กับซอมบี้พวกเขาจะสามารถจัดวางตำแหน่งเพื่อเตรียมตัวต่อสู้ได้อย่างรวดเร็วเสมอ
ชูฮันได้ให้บทเรียนแรกแก่พวกเขา ซึ่งก็คือการใช้ประโยชน์จากตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ และตอนนี้สิ่งเดียวที่พวกเขามีก็คือรถ
“จำไว้ มันมีซอมบี้มากเกินไป หน้าที่หลักของเราไม่ใช่การฆ่า แต่คือการสู้ซอมบี้ คนขับรถเข้าประจำที่ได้!” เสียงของเฉินเสี้ยนกาวดังลั่น เขาไม่เข้าใจว่าทำไมชูฮันถึงยังไม่ออกมา ถ้าหัวหน้าออกมาละก็ พวกฝูงซอมบี้พวกนี้จะไม่ใช่เรื่องน่ากลัวเลยสักนิด แต่ในเมื่อหัวหน้าชูฮันให้พวกเขารับมือกับมันด้วยตัวเอง เฉินเสี้ยนกาวก็พร้อมใช้แผนการสู้รบที่มีรับมืออย่างเต็มกำลังเพื่อรักษาความปลอดภัยให้ทุกคน
เขาเข้าใจว่าชูฮันทรงพลังแต่ชูฮันไม่ใช่นักบุญอุปถัมภ์ของพวกเขา ทุกคนต้องโตขึ้นและเผชิญหน้ากับความยากลำบากด้วยตัวเองเพื่อที่จะได้เดินหน้าไปกับชูฮัน!
ชูฮันที่อยู่ในรถและมองไปที่ปฏิกิริยาของทุกคนด้านนอกและพยักหน้าอย่างเห็นด้วย การตอบสนองของเฉินเสี้ยนกาวน่าทึ่งอย่างมาก ขณะที่กลุ่มทหารวิวัฒนาการกำลังหวาดกลัวที่มีฝูงซอมบี้ปรากฏขึ้นมา แต่เฉินเสี้ยนกาวกลับมีสติและจัดการได้ มันไม่ใช่ง่ายๆเลย
และนอกเหนือจากเฉินเสี้ยนกาวแล้ว กลุ่มทหารก็กำลังสับสนวุ่นวาย วิ่งวุ่นกันไปทั่ว มันมีรถมากมายรายล้อมจอดอยู่ หากทุกคนกลับต้องการจะกระโดดเข้าไปอยู่ในรถเพื่อจะได้สู้กลับหรือเพื่อรักษาชีวิตรอด เพราะมันเป็นที่กำบังที่ปลอดภัยที่สุดในตอนนี้ และเพราะผู้คนที่อัดแน่นและแออัดมากเกินไป รถทั้งหลายจึงไม่สามารถขับออกไปได้ มีรถสองคันที่ถึงกับเทคว่ำไปกับพื้นด้วยน้ำหนักคนที่มากเกินไป ทำให้วัสดุของที่อยู่ในรถเทกระจาดออกมาหมด
ฝูงซอมบี้สี่พันตัวที่กำลังมุ่งหน้าเข้ามาได้ช่วยเปิดเผยความจริงที่อัปลักษณ์ของกลุ่มทหารสองร้อยนายแห่งซางจิงที่คิดว่าตัวเองเป็นคนระดับสูงและมีความสามารถกว่าคนอื่นว่าแท้จริงแล้วเป็นพวกขี้ขลาดที่ดีแต่อวดเก่ง
ในที่สุดหวังไคก็เข้าใจว่าทำไมตลอดสองวันที่ผ่านชูฮันถึงให้อิสระแก่คนพวกนี้ เขาต้องการทดสอบคุณภาพทางจิตวิทยาและปฏิกิริยาตอบสนองตามสัญชาตญาณ ทว่าเฉินเสี้ยนกาวที่เป็นหัวหน้าทีมของคนธรรมดากลับทำได้ดีกว่ากลุ่มทหารวิวัฒนาการของซางจิงซะอีก ด้วยเพราะตัวค่ายซางจิงถูกสร้างมาอย่างสมบูรณ์แบบจนซอมบี้ไม่สามารถฝ่าเข้าไปได้ ทหารพวกนี้จึงได้รับการป้องกันอยู่ตลอดและไม่เคยได้เผชิญหน้ากับเหตุการณ์ร้ายแรงอะไร ดังนั้นพอได้เห็นซอมบี้จำนวนมากอย่างกระทันกันพวกเขาจึงกลัวจนตัวสั่นและทำอะไรไม่ถูก ทั้งๆที่ความจริงแล้วฝูงซอมบี้พวกนี้นั้นมีจำนวนน้อยกว่าที่ชูฮันต่อสู้ด้วยตัวคนเดียวที่เมืองอันลูซะอีก
“นายจะไม่ออกไปเหรอไง?” หวังไคถาม หากมันไม่มีความสงสารในน้ำเสียงของหวังไคเลยสักนิด เพราะชูฮันเคยพูดไว้ว่าถ้าในกลุ่มนี้ไม่มีสายลับของลูกผสมซ่อนอยู่ อย่างน้อยคนพวกนี้ก็คงจะตายบนท้องถนน
ชูฮันเอื้อมมือไปหยิบขวานซิ่วโหลขึ้นมาอย่างสบายพลางพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ฉันจะรอดูว่าขีดจำกัดของเฉินเสี้ยนกาวจะถึงระดับไหน”
สำหรับพลทหารเกือบสองร้อยนายที่ซางจิงส่งมา เขาล้มเลิกความหวังกับพวกน้ันไปแล้ว กองทัพจะมีการฝึกอบรมไปเพื่ออะไรมันไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย?
หลิวยู่ติงที่ยืนอยู่ด้านนอกรถจี๊ปที่ชูฮันอยู่ข้างในก็เหงื่อโชกไปท่วมไปทั้งตัว หันรีหันขวางไปทั่วอย่างตระหนก หัวใจเต้นรัวเกินสองร้อยครั้งต่อนาที การที่ชูฮันเตรียมอาวุธก่อนการมาถึงของฝูงซอมบี้ยิ่งทำให้หลิวยู่ติงกลัวอยู่ในอก
ทุกย่างก้าวอยู่ในการคาดการณ์ของชูฮันไว้หมดแล้ว…ชูฮันรู้ดีว่าฝูงซอมบี้จะระเบิดออกมา!
จากนั้นเมื่อมองไปเห็นกลุ่มคนที่แบ่งออกเป็นสองฝ่ายตรงหน้า ซึ่งมีพฤติกรรมแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง หลิวยู่ติงก็กำหมัดแน่นอย่างโมโห ไม่แปลกใจที่ชูฮันไม่ยุ่งเกี่ยวกับการกระทำของเฉินช่าวเย่และคนอื่นๆก่อนหน้านี้ ไอ้พวกขี้ขลาดตาขาวที่อวดดีว่าตัวเองเป็นวิวัฒนาการกลับกลัวจนหัวหดเมื่อเจอกับซอมบี้ พวกมันยังมีหน้ามาเข้าร่วมกองทัพได้อีก?
อย่างที่ชูฮันพูดไว้ทุกอย่าง เปล่าประโยชน์!
“พลตรีหลิวยู่ติง!” เหล่าทหารที่ไม่สามารถอัดเข้าไปอยู่ในรถได้วิ่งมาหาหลิวยู่ติงด้วยความวิตก แหกปากร้องใส่หลิวยู่ติง “พวกมันจะปล่อยให้ผมตาย!”
ในขณะเดียวกัน หลายคนที่เหลือที่ไม่มีที่ซ่อนก็โวยวายตามมา
“ท่านพลตรี! ช่วยด้วย!”
“พลเอกชูฮันล่ะ? ทำไมเขาไม่ออกมาฆ่าซอมบี้?”
“เรียกชูฮันออกมา เขาเป็นที่หนึ่งของรายชื่อประลองวิวัฒนาการระยะ 3 ไม่ใช่เหรอ? เร็วเข้า!”
“ชูฮันเป็นคนที่แข็งแกร่งและอวดเก่งดีนักไม่ใช่เหรอ? ไหนว่ามีความสามารถในการฆ่าซอมบี้! ทำไมถึงเอาแต่ซ่อนตัวล่ะ?”
“ชูฮัน! นายคิดจะซ่อนตัวอยู่แบบนี้เหรอไง? ออกมา!”
ตั้งแต่แรกเริ่ม เหล่าทหารอยากจะกระโดดขึ้นรถและขับหนีออกไปและตอนนี้พวกเขาก็เริ่มหันมาต่อว่าโทษชูฮัน แทนกลุ่มทหารวิวัฒนาการเกือบสองร้อยนายหวาดกลัวฝูงซอมบี้อย่างมากจนขาดเหตุผลไปอย่างสิ้นเชิง
สีหน้าของหลิวยู่ติงยิ่งเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ หมัดที่กำแน่นเริ่มคลายตัวลง เขายังคงยืนอยู่ด้านนอกตัวลงอย่างเงียบสนิท เขาโตขึ้นมากับชูฮันและเข้าใจเจตนาของชูฮันดี ยังไงก็ตามชูฮันจะไม่ออกมาถ้าเขาไม่อยากออก
ท่ามกลางฝุ่นตลบที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย คนของฝ่ายเฉินเสี้ยนกาวต่างเข้าประจำที่ตั้งของตัวเองเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ และในตอนนั้นันก็มีกลุ่มคนพุ่งเข้าใส่เผชิญหน้ากับฝูงซอมบี้
หลี่บี๋เฟิงแหกปากเสียงดังอย่างคนคลั่ง “จัดการพวกมันให้สิ้นซาก!”
“ตายซะ!”
“ฆ่ามันให้เละ!”
“พวกมึงกินพ่อแม่กู วันนี้กูจะฆ่าพวกมึงคืน!”
“กูจะฆ่าพวกมึงให้หมด แก้แค้นที่มึงฆ่าลูกสาวกู!”
เสียงแหกปากโห่ร้องเรียกกำลังใจและเสียงแตกตื่นของผู้คนดังระงมไปทั่วประกอบกับเสียงกระโหลกของซอมบี้ที่แตกกระจาย
แววตาของชูฮันมีร่องรอยของความประหลาดใจเมื่อเปิดผ้าม่านออกไปดูด้านนอกและได้เห็นหลี่บี๋เฟิงวิวัฒนาการระยะ 3 ที่เนื้อตัวโชกไปด้วยเลือดสีดำของซอมบี้ ในมือมีมีดขนาดใหญ่กำลังไล่ฟันซอมบี้พร้อมกับแหกปากไปด้วย หลี่บี๋เฟิงเผชิญหน้ากับซอมบี้อย่างไม่เกรงกลัว ไล่ฆ่าพวกมันไปเรื่อยๆทีละตัว
“เขาเก่งด้านการฆ่าดี” หวังไคที่เงียบอยู่พักหนึ่งพูดขึ้น
ชูฮันเอามือลูบคางขณะมองภาพตรงหน้าอย่างสงสัย หลี่บี๋เฟิงไม่คิดจะสู้กับเขาเมื่อตอนที่เจอกันครั้งแรก ทั้งๆที่ความจริงแล้วหลี่บี๋เฟิงก็เป็นคนมีฝีมือ เขาไม่เคยออกหน้าอวดตัวว่าเก่งแต่กลับเผชิญหน้ากับฝูงซอมบี้อย่างไม่เกรงกลัวและออกนำด้วยซ้ำ?
ท่ามกลางความวุ่นวาย เฉินช่าวเย่พรสวรรค์ระยะ 4 จับมือติงเซวเป็นครั้งแรกอยู่ภายในรถ จากนั้นเขาก็ออกมายืนอยู่ด้านนอกตัวรถข้างติงเซวที่แก้มแดงราวกับมะเขือเทศด้วยความเขินอาย
หลังจากผ่านความตื่นตระหนกและเขินอายไป จู่ๆติงเซวก็ตกใจพร้อมกับนึกขึ้นมาได้ “ทำไมคุณไม่ยิงปืนล่ะ?”