เล่ม 8 ตอนที่ 9 : ประตูสู่อีกโลก (4)
น้ำตาเริ่มหยาดหยดจากดวงตาของเด็กชาย ขณะนั้น เด็กชายคว้าเข้าที่มือของลาริเอ็ตเต้และกล่าวขึ้นมา
[พี่สาว ได้โปรด! พี่สาวต้องช่วยนายท่านด้วยนะครับ!]
“ฉะ-ฉันเหรอ?”
[ใช่ครับ ผมร้องไห้อยู่ที่นี่หลายวันแล้ว พี่สาวเป็นคนแรกที่เข้ามาพูดคุย พี่สาวเป็นเพียงคนเดียวที่ผมขอร้องได้ ได้โปรดช่วยเหลือนายท่านที่เป็นผีหลงทางในโลกใต้พิภพเพราะอลันทรยศความไว้ใจด้วยเถอะครับ!]
“ตะ-แต่ว่า ฉันไม่รู้วิธีไปโลกใต้พิภพนะ”
[นั่นไม่ใช่ปัญหาครับ ที่หลุมศพของนายท่านน่าจะสามารถสร้างเส้นทางมิติได้ ประตูนั่นจะนำพาไปสู่โลกใต้พิภพที่นายท่านอยู่ และเมื่อนายท่านกลับคืนสู่สภาพเดิม พี่สาวก็สามารถกลับมาได้ทันที ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากไปด้วย แต่เพราะผมโดนผูกติดไว้กับหลุมศพของนายท่านด้วยโซ่แห่งพันธสัญญา]
ลาริเอ็ตเต้เผยสีหน้างงงวย ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างกะทันหันจนนำพาเธอไปสู่มิติอื่น… นอกจากนี้ เธอยังต้องช่วยเหลืออัศวินศักดิ์สิทธิ์คนนั้นอีก แต่ก่อนอื่นใดต้องตามหาตัวให้เจอ เรื่องราวครั้งนี้ยากต่อการปฏิเสธเพราะอีกฝ่ายคือเด็กชายที่มีใบหน้านองน้ำตา ท้ายที่สุดลาริเอ็ตเต้จึงคิดปลอบใจตัวเอง
‘เรื่องนี้ก็เพราะอลัน อย่างน้อยก็เป็นความรับผิดชอบของเราด้วยเช่นเดียวกัน ใช่แล้ว แม้ไม่รู้ว่าจะทำสำเร็จหรือไม่ แต่การจะปฏิเสธเด็กน้อยคนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่เราจะหักหาญใจทำได้ลงคอ ต้องลองดูกันแล้วว่าเราจะทำได้ขนาดไหน อย่างแย่ที่สุดก็แค่ตายแหละนะ’
“ได้จ้ะ ฉันจะทำให้ดีที่สุดนะ”
[ขอบคุณครับ!]
เด็กชายในร่างโปร่งแสงโค้งกายขอบคุณหลายต่อหลายครั้งก่อนจะนำลาริเอ็ตเต้มุ่งเข้าไปในป่า ภายในป่าลึก มันมีป้ายหลุมฝังศพที่ถูกย้อมไปด้วยสีดำ เขาคืออัศวินศักดิ์สิทธิ์ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นหนึ่งในเจ็ดผู้กล้าแห่งตำนาน ในช่วงปลายของยุคหนึ่งร้อยปีแห่งความมืดมิด ผู้กล้าทุกคนต่างได้เป็นกษัตริย์ในพื้นที่ของตน แต่แล้วเพราะอะไรกันสุสานของเขาจึงมาอยู่ในที่เปล่าเปลี่ยวเช่นนี้? นอกจากนี้ เด็กชายร่างโปร่งแสงยังคอยคุ้มกันหลุมฝังศพโบราณนี้อีกด้วย… ทว่าคล้ายเป็นเพราะไม่มีเวลา เด็กชายจึงไม่ได้เล่าเรื่องราวอะไรมากนัก เด็กชายมองหลุมศพอย่างคะนึงหาก่อนที่จะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่สู้ดีนัก
[พี่สาวครับ… ได้โปรดช่วยดวงวิญญาณของนายท่านด้วย]
[จ้ะ พี่จะพยายามให้ดีที่สุด]
จากนั้น ลาริเอ็ตเต้จึงเดินเข้าประตูมิติด้วยสีหน้าหนักอึ้ง เธอไม่เคยคาดคิดเลยว่านี่คือโชคชะตาที่กำลังรอคอยเธออยู่…
* * *
กร๊าซ!
ร่างมอนสเตอร์ตัวใหญ่สีน้ำตาลร่างกระตุกก่อนล้มลงไปกองกับพื้น
“แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก ชนะแล้ว!”
ลมหายใจของอาร์คถี่รัวขณะล้มลงนั่งกับพื้น หลังออกจากหอคอยแห่งซาลริน เขาก็มุ่งหน้าไปหาซิดเพื่อรับไอเทมคืน หลังตรวจสอบแผนที่และสมุดบันทึก เขาจึงพบว่าพื้นที่ที่มีการบ่งชี้ตำแหน่งคือบริเวณป่าสีแดง ทว่า การเข้าสู่ป่าสีแดงแห่งนี้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเลย มอนสเตอร์ที่เพิ่งล้มไปเมื่อครู่ก็คือเบวูล์ฟที่แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง… มันคือมอนสเตอร์เลเวล 180 ในเมื่อภารกิจนี้มีข้อจำกัดอยู่ที่เลเวล 150 อาร์คจึงรู้สึกทึ่งต่อมอนสเตอร์ระดับสูงที่พบราวโดนไฟช็อตเลยทีเดียว
‘ถ้าหากเราไม่มีรองเท้าที่ได้จากดุ๊ค สงสัยคงอยู่รอดในป่านี้ยากแหง’
อาร์คมองรับชมรองเท้างดงามคู่นี้ที่ทำขึ้นจากแผ่นหนัง รองเท้าจิตวิญญาณวายุมีความสามารถในการไถลตัวได้ มันคือสุดยอดทักษะที่เหมาะสมกับเขาเป็นอย่างยิ่งต่อการโจมตีทุกท่วงท่า โชคดีที่ระบบการต่อสู้แบบใหม่นี้ส่งผลออกมาอย่างชัดเจนและมีประสิทธิภาพสูงมากยิ่งกว่าที่เขาคาดเดาเอาไว้ กระนั้นแล้ว การจะฝ่าดงมอนสเตอร์เลเวลสูงในป่าสีแดงแห่งนี้ก็นับว่าเป็นเรื่องยากอยู่ดี โดยเฉพาะถ้าหากปราศจากซึ่งโบนัสธาตุความมืด
บางครั้งที่โดนรุม หากเขาไม่มีรองเท้าจิตวิญญาณแห่งสายลมอาจจะตายไปโดยทันทีแล้วก็เป็นไปได้ อย่างไรแล้วทุกครั้งที่เปิดศึกต่อสู้และจบลง เขาจำเป็นต้องพักช่วงระยะเวลาหนึ่ง การปะทะกับฝูงมอนสเตอร์ในช่วงเวลากลางวันแทบจะเป็นเรื่องที่ไม่อาจเป็นไปได้สำหรับผู้เล่นตัวคนเดียวอย่างเขา เพราะเหตุนี้กำหนดการของเขาที่จะไปถึงเป้าหมายปลายทางจึงถูกเลื่อนออกไปอีกหลายวัน ทว่า หนึ่งสิ่งที่มั่นใจได้คือมอนสเตอร์ในป่าสีแดงให้ค่าประสบการณ์ค่อนข้างสูง จนกระทั่งถึงตอนนี้เขาเพิ่มเลเวลมาได้ 9 ระดับแล้ว
“หน้าต่างข้อมูลตัวละคร!”
=====
ชื่อตัวละคร : อาร์ค
เผ่าพันธุ์ : มนุษย์
แนวโน้ม : ความดี +350
ชื่อเสียง : 6,675 (+500)
เลเวล : 189
อาชีพ : ผู้เดินทางแห่งความมืด
ฉายา : อัศวินแห่งแมว, ผู้เยียวยาแห่งสมรภูมิ, วีรบุรุษแห่งแจ๊คสัน
พลังชีวิต : 3,040 (+150)
พลังมานา : 3,055
พลังจิตวิญญาณ : 100
พละกำลัง : 359 (+28)
ความคล่องตัว : 509 (+35)
ความอดทน : 569 (+20)
สติปัญญา : 58 (+10)
ความฉลาด : 592
โชค : 69 (+30)
ความยืดหยุ่น : 88
ศาสตร์แห่งการสื่อสาร : 46
เสน่หา : 109 (+10)
ยืดหด : 210
ค่าสถานะพิเศษ ภูมิความรู้โบราณวัตถุ : 138
ผลจากอุปกรณ์สวมใส่
– ชุดเกราะผู้พิทักษ์แห่งชาวเงือก : ภูมิต้านทานธาตุน้ำ +100%, ขีดจำกัดของน้ำไร้ผล
– อุ้งตีนแมว (ถุงมือ) : ความเร็วโจมตี +10%, ความคล่องตัว +15, อัตราการโจมตีคริติคอล +10%
– หมวกแรคคูน (หมวก) : ความคล่องตัว +10, สติปัญญา +10
*ผลลัพธ์จากเซ็ตไอเทม [ราชัน] : พละกำลัง +10, ความคล่องตัว +10, ความอดทน +10, พลังป้องกัน +20
– บันทึกแห่งนักรบ (เกราะไหล่) : พละกำลัง +3
– รองเท้าจิตวิญญาณวายุ (รองเท้า) : ความคล่องตัว +30, ความเร็วเคลื่อนที่ +30%, ความเร็วโจมตี +10%, สามารถใช้ทักษะ ‘ไถลตัว’
– ผ้าคลุมอัคคี (ผ้าคลุม) : ภูมิต้านทานธาตุไฟ +50%
– สร้อยคอของอเดเลียน (สร้อยคอ) : พลังป้องกัน +40, เสน่หา +10
– ปลุกวิญญาณ (แหวน) : พละกำลัง +5, ฟื้นฟูพลังมานา +5%
– เนตรแห่งจิต (แหวน) : สามารถใช้ทักษะ ‘เนตรแห่งจิต’
– เครื่องรางแห่งพลัง (กำไล) : พลังชีวิต +50, ฟื้นฟูพลังชีวิต 5 หน่วยทุกระยะเวลา 20 วินาที
– เกียรติยศแห่งนักสู้ (กำไล) : พละกำลัง +10, ความคล่องตัว +10, ความอดทน +10, ชื่อเสียง +500, อัตราเติบโตทักษะทางดาบ +5%
*ทุกความสามารถเพิ่มขึ้น 40% ในความมืด
*ท่านได้รับความสามารถหลบซ่อนตัวตนในความมืด ระยะเวลาส่งผล 20 นาที ยกเลิกเมื่อเข้าสภาวะต่อสู้
*ภูมิต้านทานความกลัว ความมืด ตาบอด และคาถาเสน่ห์เพิ่มขึ้น 50%
*ท่านสามารถนำเอาความสามารถแท้จริงออกมาได้จากอุปกรณ์ทุกชนิด
*ดูดซับแรงกระแทกเพิ่มขึ้น 20%
*ภูมิต้านทานพิษเพิ่มขึ้น 50%
=====
‘เลเวล 189 แล้ว! อีกแค่ 1 เลเวลเท่านั้น!’
ใช่แล้ว ที่เขาต่อสู้อย่างยากลำบากจนกระทั่งถึงตอนนี้ก็เพื่อให้เข้าถึงเลเวล 190 เมื่อถึงตอนนั้นแล้วเขาจะสามารถใช้งานดาบแห่งกิลซาลได้
‘ดาบหายากเล่มแรกของเรา… จะรู้สึกแบบไหนกันนะ? อยากลองเร็ว ๆ แล้วสิ’
“อึก หนาวขอรับ หนาว!”
หลังจากที่อาร์คตรวจสอบหน้าต่างข้อมูล เดดริคจึงปริปากบ่นออกมาขณะถูไถปีกไปมา ตอนนี้นิวเวิลด์เข้าสู่ช่วงฤดูหนาวแล้ว อีกทั้งป่าสีแดงยังถูกปกคลุมเอาไว้ด้วยสายลมกรรโชกแรงที่พร้อมกรีดสรรพสิ่ง กระทั่งว่าเขาไม่อยากเสียเงินสัก 1 เหรียญทองแดง อาร์คก็ยังต้องยอมซื้อเสื้อคลุมหนาเตอะมาใส่
กรั่ก กรั่ก กรั่ก! กรั่ก กรั่ก กรั่ก กรั่ก!
ดีมอสที่ร่างมีแต่กระดูกนั้นคล้ายกล่าวว่า ไม่เห็นหนาวอะไรสักหน่อย
“หุบปากแกเลย ฉันมีร่างกายละเอียดอ่อนไม่เหมือนแกนะ!”
“เอ้าลุกขึ้นกันได้แล้ว ได้เวลาแล้วนะ”
อาร์คลุกขึ้นยืนอีกครั้งขณะเดินมุ่งลึกเข้าไปในป่ารก หลังผ่านศึกนองเลือดมาหลายครั้ง ท้ายที่สุดเขาก็มาถึงเป้าหมายปลายทางจนได้ หลังจากผ่านความยากลำบากมากมาย สถานที่สุดท้ายที่มาถึงคือกระท่อมโทรม ๆ หลังหนึ่ง นอกจากนั้นสิ่งที่พบเจอก็มีเพียงแค่ฝุ่นที่หนาเตอะภายในพร้อมหนังสือและเครื่องใช้ในครัว ไม่เห็นจะมีอะไรที่ข้องเกี่ยวกับการเล่นแร่แปรธาตุเลยสักนิด
“อะ-อะไรกันเนี่ย? หรือเราพลาดตรงไหนไป?”
ไม่ว่าอาร์คจะมองแผนที่กี่ครั้ง ทุกข้อมูลต่างบ่งชี้มายังกระท่อมแห่งนี้ ไม่สิ มันต้องมีอะไรบางอย่างอยู่ภายในนี้แน่ และข้อความบางบรรทัดในสมุดบันทึกพลันเริ่มปรากฏในศีรษะของอาร์ค
[สถานที่ในโลกแห่งนี้ที่มีรอยเปื้อนแห่งโลหิต ทว่าโลกที่เจ้ารู้จักนั้นหาได้ใช่ความจริง เบื้องหลังกระจกซอมซ่อจะกลายเป็นอีกโลกที่เจ้าหาได้รู้จักไม่]
‘พอมาคิดดูแล้ว เรายังไม่ได้ใช้กุญแจเลยนี่นา!’
อาร์คเริ่มมองทั่วกระท่อมเพื่อหาอะไรที่ผิดสังเกต และไม่ช้าเขาก็ได้พบกับกล่องขนาดใหญ่ แม้ว่ามันจะบรรจุเอาไว้ซึ่งกรอบรูปโบราณมากมาย ทว่ามีภาพหนึ่งที่เป็นประตูไม้ซึ่งเขาไม่อาจดึงมันออกจากกล่องได้
‘หรือว่า?’
อาร์คนำกุญแจสัมผัสเข้าที่ตัวล็อคของประตู
คลิก!
ขณะนั้นเอง กุญแจได้เข้าสู่ล็อคของประตูที่อยู่ในรูปภาพและเปิดบานประตู ประตูที่ล็อคเอาไว้เริ่มแง้มออกเผยซึ่งความว่างเปล่าภายใน เขาพิจารณาพักหนึ่งจึงค่อยยื่นมือเข้าไปจนสัมผัสบางสิ่งที่คล้ายน้ำก่อนจะชักมือกลับออกจากภาพดังกล่าว
‘ใช่แล้ว มากาโรศึกษาเรื่องมิติอื่น เขาจะต้องค้นคว้าเรื่องนี้สำเร็จแล้วแน่… ต่างโลก! ห้องทดลองที่เราค้นหานั้นอยู่ต่างมิติ!’
“มิติแห่งอื่น… มันจะเป็นสถานที่แบบไหนกันนะ?”
อาร์คที่ไร้ซึ่งความหวาดกลัวกำลังถลำตัวเข้าสู่โลกที่ไม่รู้จัก กระทั่งว่าจะเป็นต่างโลก มันก็ยังคงเป็นเกม ความเสี่ยงหรือระบบสมควรคล้ายคลึงกัน อาร์คเพียงแค่ยิ้มขณะยื่นมือลึกเข้าสู่ภาพ หลังผ่านไปหลายนาที ร่างของอาร์คจึงหายเข้าไปในรูปภาพดังกล่าว…
“เห็นไหม? เห็นนั่นไหม?”
“เห็นเต็มตาเลย หมอนั่นเข้าไปในรูปภาพ”
“หึหึหึ ไอ้เจ้าอาร์คนั่น ไม่เคยคิดเลยสินะว่าพวกเราติดตามมาโดยตลอด”
“คงไม่ใช่ว่าในภาพนั่นมีสมบัติมหาศาลอยู่หรอกนะ?”
คนทั้งสามเข้ามาในกระท่อมพร้อมเครื่องแต่งกายหนาเตอะและมีขนฟูฟ่อง เป็นบุคซิล แซบจิล และอัลเมออค สามพี่น้องหมูน้อยนั่นเอง ก่อนที่อาร์คจะเข้ามายังป่าสีแดง พวกเขาตระหนักได้ว่าเงินถูกเบิกถอนไปจากบัตรเงินสดบริเวณหมู่บ้านแถบนี้จึงลอบตามมา แน่นอน ในฐานะพ่อค้าแล้ว ป่าสีแดงค่อนข้างเสี่ยงตายสำหรับพวกเขาเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งโชคดีที่อาร์คเป็นพวกถางป่าให้เหี้ยนจึงทำให้พวกเขาตามติดมาได้
“ไอ้เจ้าอาร์คนั่น กว่าจะออกมาหาสมบัติได้ก็เอาเงินเราไป 200 เหรียญทองแล้ว…”
“พวกเราต้องเหนื่อยแทบหลังงองุ้มกันเลยทีเดียวกว่าจะถึงวันนี้”
อัลเมออคร้องออกด้วยสีหน้าโศกเศร้า ขณะนั้นเองแซบจิลจึงเข้ามาปลอบ
“ไม่เป็นไรน่า อย่างที่เราเห็น โอกาสที่จะฉกฉวยสมบัติตอนนี้อยู่ในมือพวกเราแล้ว!”
“หึหึหึ อยากเห็นหมอนั่นร้องไห้ชะมัด”
“พวกเราเตรียมตัวพร้อมแล้วนะ? ไปกันเลย!”
จากนั้น หมูน้อยทั้งสามจึงกระโดดเข้าไปในรูปภาพ
* * *
กริ๊ง!
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นพร้อมแรงสั่นสะเทือน เมื่อยกโทรศัพท์ขึ้นเขาจึงได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น
“นี่วังโฮ”
“…ได้เรื่องไหม?”
“ใช่ ได้ชื่อกับที่อยู่มาแล้ว”
“ชื่อของมันล่ะ?”
“คิมฮยอนอู อายุยี่สิบสอง”
“เหอะ!”
บุคคลที่กำลังส่งเสียงตอบกลับสายโทรศัพท์คืออันเดลนั่นเอง
“ให้ทำยังไงต่อดี?”
วังโฮกล่าวถาม อันเดลจึงตอบกลับด้วยการแค่นเสียงก่อนจะครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง
“หักแขนมันทั้งสองข้าง ทำแบบนั้นมันคงเล่นเกมไม่ได้หลายเดือนเลยทีเดียว แล้วอย่าลืมถ่ายภาพแขนที่หักของมันมาให้ฉันด้วย หลังจากนั้นฉันค่อยโอนเงินเข้าบัญชีตามที่สัญญาเอาไว้ ตกลงไหม?”
“งานถนัดพวกเราเลย ไม่ต้องห่วง เรื่องนี้ไม่มีปัญหาแน่”
วังโฮหัวเราะขณะรับคำ
“อย่าปากโป้งไปบอกพ่อฉันล่ะ”
“รับทราบ”
อันเดลวางสายไปก่อนที่จะมองไปยังเครื่องเล่นเกมด้วยสีหน้าฆ่าฟัน หลังโดนอาร์คฆ่าที่นาการัน เขาไม่ได้กลับเข้านิวเวิลด์อีกเลยนับแต่นั้น เขาได้ยินว่าอาร์คได้รับปราสาทหลังถือครองสิทธิ์ท้าชิง อีกทั้งอลันยังกลายเป็นอาชญากร อันเดลรู้ว่าอลันแท้จริงเป็นคนอย่างไรดียิ่งกว่าใครทั้งหมด เพราะงั้นแล้วเขาจึงไม่กล้ารับสายจากอลันที่ก่อนหน้านี้โทรมาบ่อยครั้ง
‘ได้เวลาจบเรื่องราวกันแล้ว’
เมื่อใดที่เขาเผยภาพของอาร์คที่แขนทั้งสองหักให้อลันดู อีกฝ่ายคงลืมเลือนความโกรธไปได้ สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คือหาทางลดความโกรธของอลันลง…
‘อาร์ค… แกบอกสินะว่าฉันเลือกคู่ต่อสู้ผิดคน? ไม่มีทาง คนที่เลือกคู่ต่อสู้ผิดมันแกต่างหาก!’
ทว่า ความแข็งแกร่งของอาร์คหาได้มีเพียงแค่ในเกมไม่…