เล่ม 9 ตอนที่ 3 : ดาวเด่นแห่งตำนาน? (1)
“เฮ้อ อากาศเย็นลงอีกแล้ว”
ฤดูใบไม้ร่วงผันผ่านไปเพียงไม่นาน โดยไม่ทันรู้ตัวตอนนี้ก็เข้าสู่เดือนธันวาคมแล้ว อากาศยิ่งมายิ่งหนาวขึ้น อีกทั้งยังมีฝนตกยิ่งทำให้อากาศหนาวกว่าเก่า เพียงสวมเสื้อหนาเฉย ๆ ก็แทบไม่พอ
“ทำไมต้องเรียกเราออกมาวันนี้ด้วยนะ?”
อากาศแบบนี้ดีที่สุดคืออยู่กับบ้านและเล่นเกม ที่จริงอากาศหนาวตอนนี้ก็ยังไม่นับเป็นอะไรหากเทียบกับในเกมก่อนหน้านี้… แต่อย่างน้อยในเกมเขาก็ยังมีซุปพังพอน ทว่าตัวเขาตอนนี้เปล่าเปลี่ยวยืนรับลมหนาว ยังไงเข้าเกมไปหาเงินก็ดีกว่ามายืนรอตรงนี้เป็นไหน ๆ
“แต่เราต้องออกมาข้างนอกแทนที่จะได้เล่นเกม…”
เขาคงใช้ข้อแก้ตัวได้หากเป็นจีวอนฮวารังหรือว่ากลุ่มทัณฑ์บน แต่คำแก้ตัวไม่อาจใช้กับกลุ่มคนที่ฮยอนอูกำลังจะไปพบเจอในวันนี้ เขาอาจกลายเป็นศพได้ถ้าหากเอ่ยคำว่าเกมขึ้นในการสนทนา
“ยังไงก็เถอะ นี่ก็ปาร์ตี้สิ้นปีสินะ… ครบปีอีกแล้วเหรอเนี่ย?”
ฮยอนอูมองขึ้นไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืน เขาไม่เคยตระหนักถึงวันเวลาเลยตั้งแต่ที่ฝังตัวขลุกกับเกม แต่พอมองย้อนกลับไป เขาจึงได้รู้ตัวว่านี่ก็ผ่านไปครบอีกปีหนึ่งแล้ว
“เหนือสิ่งอื่นใด ที่ดีที่สุดของปีนี้คือแม่อาการดีขึ้นมาก”
ตอนที่เขาไปเยี่ยมเมื่อหลายวันก่อน ตอนที่แม่ของเขาเห็นว่าเขากำลังจะกลับ เธอได้ลุกขึ้นยืนจากรถเข็นด้วยตัวเอง แม้จะเป็นเพียงไม่กี่ก้าวจากเตียงไปทางประตู แต่ร่างของเธอนั้นกลับเต็มไปด้วยเหงื่อขณะนั่งลงพร้อมเผยเสียงหัวเราะออกมา ‘แม่ดีขึ้นเยอะแล้วฮยอนอู… ไม่นานคงได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว’ นี่คล้ายสิ่งที่แม่ของเขาคิดสื่อผ่านการกระทำ
“อย่าฝืนมากเกินนะครับ ไม่งั้นเดี๋ยวอาการอาจจะทรุดลงได้”
ฮยอนอูกล่าวด้วยความเป็นห่วงก่อนจะออกมา เพียงก้าวออกจากประตูห้อง เขาแทบหลั่งน้ำตาออก เขาไม่อาจสะกดข่มความยินดีและตื่นเต้นนี้เอาไว้ได้เลย หลายต่อหลายครั้งที่ต้องคอยพยุงแม่เพราะไม่อาจเดินได้ ทุกครั้งที่ฮยอนอูเห็นเช่นนั้นเขารู้สึกคิดอยากตัดขาตัวเองทิ้งและนำไปให้แม่เพื่อให้เดินได้อีกครั้ง
‘ค่ารักษาพยาบาลแพงหูฉีกก็ถือว่าคุ้มค่า!’
ค่ารักษาพยาบาลนับวันยิ่งเพิ่มขึ้น… เขาคงไม่อาจรับค่าใช้จ่ายได้ไหวหากไม่มีเงินที่ได้รับจากนิวเวิลด์ ฮยอนอูสร้างรายได้จากนิวเวิลด์นั้นคิดเป็นสามเท่าได้หากเทียบกับรายได้ของเขาเมื่อปีที่ผ่านมา ผลลัพธ์นี้เป็นเพราะความบากบั่นและโชค อีกทั้งแผนการค้าเม็ดยาอมตะก็ใกล้จะสำเร็จในอีกไม่ช้านี้แล้วด้วย
‘ทำสำเร็จไปแล้วห้าจากเจ็ดเม็ด ตอนนี้เหลืออีกแค่สอง ช่วงสองวันที่เหลือเราจะทำมันให้สำเร็จได้ภายในปีนี้ แบบนั้นปีหน้าก็จะเป็นช่วงตักตวงเงินให้กับเรา! ถ้าเราทำภารกิจของมากาโรเสร็จสิ้น เหรียญทองอีกหลายพันก็จะต้องหลั่งไหลเข้ามา!’
ฮยอนอูคิดฝันถึงอนาคตขณะมุ่งหน้าไปยังสถานที่นัดพบ ขณะนั้นเอง สี่คนที่มีท่าทีเคร่งเครียดพลังโผล่ขึ้นมาจากอีกด้าน คนกลุ่มนี้ดูก็ทราบว่าไม่ใช่คนดีอย่างแน่นอน เพียงแค่สบตาฮยอนอูก็สามารถบอกได้ว่าคนพวกนี้สามารถหยิบยกใครขึ้นมาเพื่อหาเรื่องได้ทั้งนั้น ฮยอนอูเคยมีประสบการณ์กับเรื่องพวกนี้บ่อยครั้งยามยังใช้ชีวิตช่วงกลางคืนและมักโดนคนเหล่านี้ล้อมไว้ แต่สี่คนนี้เข้ามาชิดใกล้จนขวางเขาไม่ได้เดินต่อไปได้อีก
“ฮยอนอูใช่ไหม?”
“?”
ฮยอนอูหยุดชะงักขณะเงยหน้าขึ้น ใบหน้าเหล่านี้เป็นเขาไม่เคยรู้จักมาก่อน
“พวกนายคือ?”
“ฉันถามว่านายใช่ฮยอนอูหรือเปล่า?”
ชายคนหนึ่งในกลุ่มพลันใบหน้ากระตุกกล่าวถาม มันทำเอาเขารู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก ฮยอนอูไม่ทราบว่าทำไม แต่เขาสามารถบอกได้ชัดเจนเลยว่าเจตนาของพวกเขาแสดงออกทางสีหน้าทั้งสิ้น แม้ว่าพวกเขาจะแค่พูดคุย แต่ความรุนแรงที่แอบแฝงอยู่นั้นแทบเปี่ยมล้น เป็นเขาที่มีประสบการณ์มากสามารถบอกได้เลยว่าคนพวกนี้ไม่คิดปิดซ่อนสิ่งใดเพียงแค่สบตา
“ไม่หรอก ผิดคนแล้ว”
ฮยอนอูตอบกลับอย่างทื่อด้านขณะเดินเลี่ยงไป แต่แล้วหนึ่งในกลุ่มคนเหล่านั้นพลันคว้าไหล่ของเขาเอาไว้
“คิดทำอะไร?”
“คิดเหรอว่าเด็กน้อยอย่างแกทำท่าทีแบบนั้นกับพวกเราแล้วจะรอดตัว?”
ชายคนนั้นดึงไหล่ฮยอนอูชักกลับเข้าหา ทว่าฮยอนอูตอนนี้ไม่เหมือนกับเมื่อก่อน เมื่อเขารู้สึกได้ว่าตกอยู่ในอันตราย เท้าของเขาได้แปรเปลี่ยนเป็นลูกเตะตอบสนองออกไปก่อนแล้ว เท้าของเขาเตะเข้าใส่กรามของบุคคลที่ฉุดรั้งเขาเอาไว้จนร่างกระเด็นไป
“สารเลว!”
คนที่เหลืออีกสามพลันพุ่งเข้าจู่โจมเขาโดยทันที แม้เรื่องราวเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน แต่ระฆังฉุกเฉินในหัวฮยอนอูร้องเตือนอยู่นานแล้ว หากเขาไม่หนีไปตอนนี้ เขาจะต้องโดนทำร้ายร่างกายจนเสื้อผ้าเปรอะเปื้อนแน่
‘เราต้องหนี!’
ความคิดนี้เรียบง่ายและเด่นชัด ร่างของเขาพลันตอบสนองโดยอัตโนมัติพร้อมเคลื่อนตัวเว้นระยะห่างออกไป ฮยอนอูหลบเลี่ยงหมัดที่พุ่งเข้าใส่ขณะใช้เข่ากระแทกเข้าที่ใบหน้าของอีกฝ่าย ชายคนนั้นร่างสั่นจนเลือดกำเดาหลั่งออก ฮยอนอูพลันโดนคว้าคอเสื้อเอาไว้ พร้อมกันนั้นเขาตอบสนองอัตโนมัติโดยการใช้เทคนิคมวยปล้ำเพื่อเป็นอิสระจากการคว้าจับ ลูกเตะสวนกลับในฉับพลันเข้าจุดตายของร่างบุคคลที่คิดร้ายต่อเขา เมื่อสองคนล้มไปแล้ว อีกคนหนึ่งจึงพุ่งเข้าใส่ ฮยอนอูใช้การเคลื่อนไหวที่ได้เรียนรู้จักการต่อยมวยย่อร่างกายส่วนล่างลงขณะพุ่งตัวออกไปและหมุนตัวหลบ ภาพฉากที่เกิดขึ้นเหล่านี้คล้ายถ่ายทำภาพยนตร์อยู่ก็ไม่ปาน
“หือ? ได้ยังไงกัน?”
อีกฝ่ายถึงกับเผยใบหน้าโง่งม ฮยอนอูร่างหมุนหลบเลี่ยงไปได้ราวสายฟ้าไหลผ่าน จากนั้น ลูกเตะหนักหน่วงพลันประดังออกไป! นี่คือเทคนิคที่เขามักฝึกฝนในช่วงเวลาซ้อมมือ ชายคนนั้นถึงกับกรีดร้องออกเพราะโดนฮยอนอูเตะเข้าใส่
‘เทคนิคนี้เข้าท่า!’
ฮยอนอูรู้สึกตื่นตกใจเพราะการเคลื่อนไหวของตัวเอง ระหว่างการฝึกที่ยิมของสำนักงานตำรวจ เขามักจะมีการเคลื่อนไหวที่ไม่ค่อยดีนัก ทว่า คู่ต่อสู้ของเขาล้วนเป็นนักมวย นักมวยปล้ำ และนักเทควันโดอยู่เสมอ เพราะแบบนั้นเขาจึงแพ้อยู่ทุกวี่วัน เขาจึงไม่ทันตระหนักเลยว่าตัวเองนั้นแข็งแกร่งขึ้นเพียงใดแล้ว อีกทั้งเขายังไม่เคยมีโอกาสได้ทดลอง เพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน เขาถึงกับสามารถเอามาทดลองกับอันธพาลเหล่านี้ได้
“ตรงนั้นอะไรกันน่ะ?”
“ถ่ายทำภาพยนตร์หรือเปล่า?”
“โห ไม่เลวเลยนี่?”
ผู้คนที่เดินผ่านทางเริ่มจ้องมองขณะกระซิบกระซาบ บางคนกระทั่งยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายวิดีโอแล้ว
‘บัดซบ โง่เง่าขนาดไหนถึงคิดว่าถ่ายภาพยนตร์? เรียกตำรวจสิ!’
ฮยอนอูเริ่มจ้องมองฝูงชนที่ถ่ายวิดีโอด้วยสีหน้าโกรธเคือง ทว่าไม่มีเวลาให้เขาสนใจบุคคลที่รับชมเรื่องราวพวกนี้มากนัก แม้ว่าเขาจะจัดการทั้งกลุ่มไปได้แล้ว แต่นี่คือความเป็นจริง การต่อสู้จะไม่จบจนกระทั่งอีกฝ่ายไม่สามารถสู้ต่อได้ อีกทั้งยังเป็นเรื่องยากขึ้นอีกหากพวกเขาเหล่านี้พกมีดมาด้วย นี่คือความแตกต่างระหว่างเกมและความเป็นจริง
‘เราต้องไปจากที่นี่ก่อน! ต้องหาทางหลุดพ้นจากตรงนี้…’
ขณะที่กลุ่มคนร้องโอดโอยเพราะความเจ็บปวด ฮยอนอูเริ่มฝ่าฝูงชนไปขณะหลบเลี่ยงเข้าตรอกซอย ถ้าหากเขาสามารถผ่านซอยนี้ไปได้ก็จะไปถึงสถานที่นัดพบ ถ้าหากเขาไปถึงที่นั่นได้ก็สามารถหลบเลี่ยงเรื่องราวอันตรายครั้งนี้ไปได้ ฮยอนอูวิ่งผ่านซอยไปด้วยความเร็วอย่างไม่คิดชีวิต ขณะนั้นเองเขาเริ่มเห็นเค้าลางของจุดนัดพบที่อยู่นอกซอย… เมื่อนั้นคล้ายเขาเห็นแสงสว่างสาดซัดจากทางด้านหน้า
มึนงง… เขาเริ่มสูญเสียการทรงตัวขณะมีใครคว้าเส้นผมของเขาเอาไว้ แรงเยอะมาก! ฮยอนอูพยายามเอนตัวไปด้านหลัง ขณะนั้นชายคนดังกล่าวที่คว้าตัวเขาเอาไว้พลันจับเขาโยนเข้าซอยอีกครั้งหนึ่ง แม้ว่าขนาดตัวของฮยอนอูจะไม่เล็ก แต่เขากลับโดนโยนผ่านอากาศราวตัวเบาหวิวขณะตกกระทบพื้นอย่างแรง กลุ่มคนที่เหลือตามมาถึงพร้อมเตะเข้าใส่ฮยอนอูหลายครั้งก่อนจะหยุดเท้า
“ไอ้พวกโง่ เด็กคนเดียวยังจัดการไม่ได้?”
“ขออภัยด้วยครับลูกพี่”
“ปิดซอยเอาไว้ อย่าให้ใครมองเข้ามาได้”
อันธพาลหลายคนทำตามคำสั่งโดยการเข้าไปปิดปากซอยเอาไว้ ในที่สุดฮยอนอูก็ได้เห็นใบหน้าของคนที่น่าจะเป็นหัวหน้า อีกฝ่ายร่างใหญ่ ตัดผมสั้น แถมยังมีแผลเป็นที่ใบหน้า รูปลักษณ์นี้ช่างบ่งบอกว่านี่คืออันธพาลตัวจริงเสียงจริง
“ทำแบบนี้ทำไม? แค่ก!”
เขาโดนเตะเข้าใส่อีกครั้ง ขณะฮยอนอูพยายามกล้ำกลืนความเจ็บ หัวหน้ากลุ่มอันธพาลพลันหัวเราะออกมา
“เหอะ เงียบปากแล้วฟัง ฉันจะไม่พูดมาก พวกเราไม่มีความแค้นเคืองต่อกัน หลับตาแล้วยอมให้พวกเราหักแขนแกแต่โดยดี ถ้าแกไม่สู้กลับ อย่างน้อยตอนโดนถ่ายรูปสภาพจะได้ไม่เละ”
“หา?”
“หรืออยากเละก่อนแล้วค่อยโดนถ่ายรูป ก็แล้วแต่แกแหละนะ”
“!”
ฮยอนอูมองไปยังชายตรงหน้าด้วยท่าทีตื่นตระหนก เรื่องราวเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน เขาโดนใครก็ไม่รู้หาเรื่องตรงถนน แล้วตอนนี้กลับจะโดนหักแขนเนี่ยนะ? เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น? ทว่าเขาก็ทราบดีว่าบุคคลตรงหน้าไม่ได้ล้อเล่น แค่มองตาของอีกฝ่าย ฮยอนอูก็บอกได้แล้วว่าบุคคลตรงหน้าเอาจริงเพียงใด
‘เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น? คนพวกนี้เป็นใครกัน?’
ร่างของฮยอนอูเริ่มสั่น ในเกมเขาสามารถสู้กับพวกออร์คเป็นกลุ่มได้โดยไม่ต้องกระพริบตาด้วยซ้ำ ทว่าความเป็นจริงแตกต่างจากเกม คนเหล่านี้ล้วนบอบบางยิ่งหากเทียบกับพวกออร์ค แต่ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่พวกออร์คในเกมจะเผยความรู้สึกคุกคามเช่นนี้ออกมา เช่นกัน เขาไม่ได้เป็นพวกชอบใช้ความรุนแรง เขาเริ่มหวาดกลัวยามนึกถึงความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้นต่อจากนี้
“พวกนายเป็นใคร? ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ…”
“ตอบมาแค่ยอมหรือไม่ยอม พูดอย่างอื่นอีกฉันจะเลาะฟันแกออกมา!”
หัวหน้ากลุ่มอันธพาลข่มขู่
‘ไม่ดีแล้ว’
ฮยอนอูพลันหลั่งเหงื่อเย็นขณะสงบปากคำ ชายตรงหน้าหัวเราะขณะคว้าจับแขนของเขาเอาไว้ อีกฝ่ายคิดอยากหักแขนของฮยอนอูจริง เรื่องราวนี้ทำเอาเขาแตกตื่น แต่มันไม่ใช่เพราะความเจ็บ
‘ถ้าแขนเราหักก็จะเล่นเกมไม่ได้!’
ถ้าหากเขาไม่อาจเล่นเกมได้ แน่นอนว่านั่นหมายถึงการที่ไม่อาจทำเงินได้ แล้วค่ารักษาพยาบาลของแม่เขาล่ะ? ค่ากินค่าอยู่อีก? เงินกู้ที่ต้องชำระ… ทั้งหมดล้วนเป็นภาพฉากวิ่งผ่านภายในหัวของฮยอนอูอย่างเร็วรี่ และข้อสรุปก็ปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้ เขาจะไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายหักแขนตนเป็นอันขาด ฮยอนอูเริ่มพลิกแขนกลับขณะรวบรวมพลังทั้งหมดคิดศอกกลับอีกฝ่าย
“แค่ก!”
“เหอะ… อยากให้ขาใช้งานไม่ได้ด้วยใช่ไหม?”
“ฉันไม่รู้เรื่องอะไรเลย อย่าทำแบบนี้!”
“ไม่ใช่บอกให้หุบปากไว้? เฮ้ย มาจับมันไว้อย่าให้ขยับตัวได้!”
อันธพาลอีกคนเข้ามาคว้าแขนและขาของเขาเอาไว้ขณะบังคับให้ก้มลง จากนั้น ชายคนที่เป็นหัวหน้าพลันยกก้อนอิฐขึ้นเหนือแขนของเขา ตอนนี้ฮยอนอูทำได้เพียงแค่มองดูแขนตัวเองที่กำลังจะหัก!
“มะ-ไม่!”
ฮยอนอูกรีดร้อง ในสถานการณ์อยุติธรรมเช่นนี้ เขาไม่มีพละกำลังพอที่จะขัดขืน อีกทั้งสถานการณ์ตอนนี้ยังเป็นไปไม่ได้ที่จะมีใครมาช่วยเขาได้ เหมือนกับที่ผู้คนยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปและวิดีโอก่อนหน้านี้แทนที่จะเรียกตำรวจ ถ้าหากมีหนึ่งในพวกเขาสักคนฉุกใจคิดโทรแจ้งตำรวจเรื่องราวคงจบลงแล้ว ใช่แล้ว ตอนนี้ชีวิตของฮยอนอูกำลังตกอยู่ในอันตราย ขณะที่ฮยอนอูกรีดร้อง เสียงหนึ่งที่ไม่คาดคิดพลันดังขึ้นจากอีกด้านของซอย
“หือ? อะไรกันเนี่ย?”
เหล่าอันธพาลต่างหันควับมองไปยั้งต้นเสียงอย่างพร้อมเพรียง ชายคนหนึ่งเดินเข้าซอยมาทั้งยังสวมรองเท้าเตะ เป็นชายร่างสูงราวหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตร ดูไปแล้วช่างคล้ายคนแคระท่ามกลางกลุ่มอันธพาล พวกอันธพาลต่างเผยสีหน้าคุกคามขณะกล่าวถามออกไป
“แกเป็นใคร? ไม่อยากตายก็ไสหัวไป”
หากเป็นคนธรรมดาคงก้มหัววิ่งหนีไปแล้ว ทว่าอีกฝ่ายกลับเมินเฉยขณะเดินเข้าไปใกล้ยิ่งขึ้น