เล่ม 9 ตอนที่ 4 : ราดัน (1)
“ดีมอส ไปสกัดอีกทาง!”
กึก กัก! เสียงกระดูกของดีมอสกระทบกันขณะวิ่งพุ่งตัวออกไป ดีมอสเริ่มไถลตามพื้นน้ำแข็งขณะยกโล่ขึ้น บางสิ่งได้กระทบเข้ากับโล่คล้ายภาพที่พร่าเลือนไม่เด่นชัดจากภายในความมืด พวกมันหายไปอีกครั้ง แต่ก็สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าคือพังพอน มันคือพังพอนที่มีขนสีดำสนิททั้งตัว
“นั่นแหละ พวกเราใกล้ทำได้แล้ว เดดริค ล่อพังพอนตัวอื่นยื้อเวลาไว้หน่อย”
“รับทราบขอรับ”
เดดริคเริ่มทำการยั่วยุพังพอนโดยการส่ายก้นไปมา ขณะเดียวกันนั้น อาร์คได้ยืนขัดขวางเส้นทางอีกด้านหนึ่งเอาไว้
“เนตรแห่งจิต!”
เป็นเพราะอยู่ในความมืด คลื่นเสียงที่เปรียบดั่งคลื่นโซน่าที่มักใช้ในการค้นหาของเรือดำน้ำใต้ทะเลทำให้เขาสามารถมองเห็นรูปลักษณ์ของทางเดินแห่งนี้ได้อย่างชัดเจน นี่คือผลลัพธ์พิเศษจากแหวนหายาก เนตรแห่งจิต เมื่อใช้โซน่าสแกนพื้นที่ โดยทันทีเขาจึงรับทราบว่าพังพอนสีดำพวกนี้อยู่ตรงไหนกันบ้าง เมื่อมีดีมอสเคียงข้าง อาร์คสามารถสกัดกั้นเส้นทางเอาไว้ได้ พังพอนพวกนี้มีทักษะพิเศษที่เรียกว่า ‘เงา’ ไว้ใช้คอยหลบซ่อนตัวในรอยแยกตามผนังถ้ำ และพวกมันจะคอยเล็งหาโอกาสเพื่อหลบหนี
‘ครั้งนี้ไม่พลาดแน่!’
อาร์คใช้เวลากว่าสองสัปดาห์ในการสำรวจถ้ำเพื่อจัดทำแผนที่ขึ้นมา เป้าหมายหลักของเขายังคงเป็นการรวบรวมแก่นพังพอนให้ครบยกเซ็ต ขณะที่ตระเวนไปทั่วทั้งถ้ำและสู้กับพวกพังพอนไปทั่ว เขาจึงได้พบธาตุอันหลากหลายทั้งพวกที่มีขนสีน้ำเงิน ขนสีเหลือง… พวกมันแต่ละสีจะมีธาตุสังกัดประจำตัวแตกต่างกันไป นอกจากนี้ พวกมันยังไม่เคยอยู่โดยลำพัง
นับว่าเขาโชคดีที่พบเจอพังพอนธาตุไฟก่อน ตามปกติแล้วเขามักต้องเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเพื่อต่อสู้กับพังพอนสี่ถึงห้าตัวเสมอ แน่นอนว่าในคราวแรกเขาไม่อาจรับมือได้ไหว เพราะงั้นแล้วเขาจึงจัดระบบขึ้นใหม่ ให้เดดริคและดีมอสคอยล่อพังพอนพิเศษเอาไว้ขณะที่เขาจัดการพวกตัวธรรมดา และจากนั้นจึงค่อยใช้วิ่งเร็วเพื่อหลบหนีหากใกล้ตาย การต่อสู้เป็นเช่นนี้เรื่อยระหว่างการสำรวจถ้ำน้ำแข็งแห่งนี้ ทว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาก็ทำให้เลเวลของเขาเพิ่มขึ้นได้ไม่น้อย ไม่เพียงเท่านั้น แต้มทักษะของเขาทั้งหลายก็พัฒนามากขึ้น และเขายังสามารถใช้งานดาบแห่งกิลซาลได้แม่นยำมากขึ้นอีกด้วย
‘หากไม่มีทักษะการต่อสู้ด้วยมือและดาบ เราคงใช้อาวุธแบบสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้’
อาร์คทราบดีว่าตนยังไม่อาจใช้พลัง 100% ของดาบแห่งกิลซาลได้ ลักษณะการใช้งานของมันแตกต่างจากดาบและมีดอย่างสิ้นเชิง แน่นอนว่าเขาจำเป็นต้องใช้เวลาเพื่อปรับตัวกับลักษณะการใช้งานจุดเด่นของอาวุธเช่นนี้เมื่อต้องเปลี่ยนมาใช้มัน นี่คือระบบการปรับตัวให้เข้ากับอาวุธ หลังจากที่เปลี่ยนอาวุธ ผลกระทบมันเกินคาดคิดนัก แต่เมื่อเขาเริ่มใช้งานดาบแห่งกิลซาลไปเรื่อย เขาก็ยิ่งมายิ่งโจมตีได้ดียิ่งขึ้น และตอนนี้เขายังสามารถใช้ได้ถูกต้องและสามารถรักษาสมดุลเอาไว้ได้ดีกว่าตอนครั้งแรกที่ใช้งานมากนัก เพราะเหตุนั้น อาร์คจึงสามารถใช้งานพลังโจมตีของดาบแห่งกิลซาลได้ 100% และยังสามารถใช้ลูกเตะร่วมประสานไปด้วยได้แล้วอย่างไม่ติดขัดแต่อย่างใด เขาสามารถใช้งานดาบแห่งกิลซาลเป็นเครื่องตัด ขณะที่ลูกเตะใช้สร้างความเสียหายอันรุนแรง!
อาร์คใช้การผสมผสานเช่นนี้ต่อสู้กับมอนสเตอร์ได้อย่างสนุกสนาน ตอนนี้ยังเหลืออีกสอง… หลังได้รับธาตุไฟ เขาได้รวบรวมแก่นพังพอนมาได้อีกสี่ธาตุ ดิน ลม น้ำแข็ง และสายฟ้า ตอนนี้พังพอนพิเศษที่อยู่ตรงหน้าคือธาตุความมืด
‘แย่เหมือนกัน ไม่ใช่ว่าเราเสียเวลาไปหลายวันเพราะไอ้เจ้านี่หรือไง?’
หลายวันก่อนหน้านี้เขาพบพังพอนธาตุความมืดแล้ว ทว่า พังพอนธาตุนี้แตกต่างจากธาตุอื่นมากนัก ระหว่างที่อาร์คต่อสู้กับพวกตัวธรรมดา ตัวธาตุความมืดพิเศษตัวนี้จะใช้งาน ‘เงา’ จากนั้นจึงค่อยหลบหนีไป ซึ่งเป็นเพราะลักษณะของทักษะ ‘เงา’ แตกต่างไปจากลอบเร้น หากไม่เป็นฝ่ายโจมตีก่อน ‘เงา’ ก็จะไม่ถูกปลดออกกระทั่งว่าอาร์คโจมตีเข้าใส่มันได้ เพราะเหตุนี้อาร์คจึงพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนต้องเสียเวลาอีกหลายชั่วโมงเพื่อหาตัวมันอีกครั้ง ซึ่งเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นมาได้กว่าห้าครั้งแล้วก่อนที่อาร์คจะต้อนมันเข้าจนมุมแบบตอนนี้ได้
‘เนตรแห่งจิตใช้ได้แค่หนึ่งนาที ต้องรีบปิดฉาก!’
“เรียกปีศาจ!”
คว๊าก!
ผนึกบนดาบแห่งกิลซาลถูกปลดขณะปีศาจเริ่มปรากฏขึ้นบนตัวดาบ อย่างรวดเร็ว อาร์คย่นระยะห่างเข้าถึงตัวพังพอนธาตุความมืดพร้อมใช้งานคมดาบแห่งความมืดจากทางด้านข้าง
คี๊ก!
พังพอนธาตุความมืดเริ่มสะดุดล้ม แต่เมื่อเขาโจมตีเสร็จสิ้น รูปร่างของมันพลันหายตัวไปอีกครั้งกลืนเข้ากับความมืดเพราะ ‘เงา’
“ร่ายรำแห่งความมืด!”
อาร์ควิ่งเข้าไปใกล้ด้วยการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วขณะใช้ทักษะต่อเนื่องอย่างปะทะความมืดหลายครั้ง พังพอนธาตุความมืดนับว่าเป็นมืออาชีพด้านการหลบหนี เพราะงั้นแล้วมันจึงมีความว่องไวยิ่งกว่าพังพอนตัวอื่น แต่การโจมตีและการป้องกันของมันน้อยนักหากนำไปเทียบกับพังพอนทั่วไป พอโดนจับตัวเอาไว้ได้ มันก็ขึ้นอยู่กับเวลาแล้วว่าพังพอนตัวนี้จะพ่ายแพ้เมื่อไหร่ พลังชีวิตของมันลดน้อยลงทุกครั้งที่เขาฟาดฟันดาบเข้าใส่ พังพอนธาตุมืดรับรู้ถึงอันตรายอย่างรวดเร็วขณะใช้ ‘เงา’ ออกมา ทว่าอาร์คก็มีทีเด็ดอย่างเนตรแห่งจิตอยู่ สามารถสามารถรับรู้ถึงพังพอนและเหวี่ยงดาบเข้าหาได้อย่างแม่นยำ เมื่อพังพอนตัวนี้เข้าสภาวะวิกฤต ภาพในมุมมองของอาร์คกลับสว่างเจิดจ้าราวมีคนจุดไฟส่องสว่างขณะร่างของพังพอนหายไป หนึ่งนาทีผ่านไปแล้วและผลของเนตรแห่งจิตก็หายไปพร้อมกันนั้น
“ฮึ่ย เกือบได้ตัวมันแล้วเชียว!”
ขณะเดียวกันนั้นเอง เขาก็ไม่อาจได้ยินเสียงฝีเท้าใดอีกต่อไป พังพอนตัวนี้ค่อนข้างเหลี่ยมจัดและกลบฝีเท้าได้เนียนมาก อาร์คตอนนี้ไม่อาจพบเจอมันได้อีกแล้ว
‘ไม่อยากเสียเวลาอีกหลายชั่วโมงค้นหาตัวมันด้วยสิ มันอยู่ไหนกันเนี่ย?’
อาร์คเริ่มตระเวนทั่วพื้นที่ ดีมอสคอยปิดกั้นเส้นทางเอาไว้เพราะงั้นจึงไม่มีทางที่พังพอนทุกตัวในบริเวณนี้จะผ่านไปได้ คิดได้เพียงอย่างเดียวคือเพราะพื้นที่ตรงนี้ค่อนข้างใหญ่ แต่เขาก็ไม่ได้คิดเหวี่ยงดาบสะเปะสะปะไปมาราวคนดวงตามืดบอด ถ้าหากเขาขยับไปผิดทิศทาง เช่นนี้มันจะวิ่งหนีไป
‘โอกาสมีครั้งเดียว… ถ้างั้น…’
“หลบอยู่ไหนวะ! ไอ้พังพอนสารเลว!”
เสียงของอาร์คดังสนั่นทั่วทั้งถ้ำ เป็นทักษะข่มขู่ขั้นกลาง! ผงที่ดูเย็นเยือกจำนวนหนึ่งคล้ายสั่นและร่วงหล่นอยู่ห่างออกไปหลายเมตร ดวงตาของอาร์คถึงกับทอประกาย
“นั่นสินะ วิ่งเร็ว!”
อาร์คพุ่งตัวราวลูกศรขณะเหวี่ยงดาบเข้าใส่ มันคือความรู้สึกที่คล้ายส่งผ่านจากปลายนิ้ว ขณะเดียวกันนั้น เลือดได้เจิ่งนองจากพื้นที่ว่างเปล่า ไม่ช้า ขนสีดำของพังพอนจึงค่อยเผยขึ้นให้เห็น… พังพอนธาตุมืดตัวนี้ส่งเสียงคร่างต่ำออกมาก่อนที่ร่างจะถูกแบ่งแยกออกเป็นสอง
“นั่นไงล่ะ ได้ตัวแกแล้ว!”
“จะ-เจ้านายขอรับ ช่วยทางนี้ด้วย ถ่วงไม่ไหวแล้วขอรับ!”
ขณะนั้นเอง เดดริคพลันบินมาจากอีกด้านหนึ่ง ปีกของเดดริคถูกฉีกกระชากโดยพังพอน อีกทั้งตอนนี้ยังตกอยู่ในสภาวะวิกฤต
“ทำได้ดีมาก ไปพักก่อน ดีมอส ลุยกันเลย!”
อาร์คยกยิ้มขณะวิ่งพุ่งเข้าใส่พวกพังพอนที่เหลือพร้อมดีมอส
“เนตรแห่งแมว!”
เขาใช้เวลากับถ้ำน้ำแข็งแห่งนี้มากว่าสองสัปดาห์แล้ว ระหว่างช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาได้ฆ่าพังพอนไปกว่าพันตัว ทุกครั้งที่ฆ่ามอนสเตอร์ชนิดเดียวกันได้หนึ่งร้อยตัว เขาจะได้รับผลลัพธ์พิเศษ 5% จากเนตรแห่งแมว หลังผ่านการล่าไปนับพันตัว มีความเป็นไปได้ว่าเขาจะสามารถใช้ ‘เส้นนำวิถี’ ที่เอาไว้ใช้คาดเดาการโจมตีของศัตรูได้มากถึง 70% เมื่อใดที่พังพอนยกแขนขึ้น เส้นวิถีสีแดงจะปรากฏเล็งบนหน้าอกของอาร์คราวแสงเลเซอร์ส่องออกมา และนั่นจึงทำให้เขาสามารถลดดาบลงต่ำเพื่อปัดป้องและสวนกลับการโจมตีโดยการตัดแขนมันได้
“เสร็จเรื่องราวเสียที!”
เขาตัดผ่าร่างของศัตรูออกเป็นสอง มันคือทักษะใหม่ที่เขาเพิ่งได้เรียนมาหลังจาก ‘ดาบผ่าร่าง’ เข้าสู่ขั้นกลาง เป็นไปได้ว่าเขาจะสามารถสังหารศัตรูได้โดยทันทีเมื่อใดก็ตามที่ศัตรูอยู่ในสภาวะวิกฤต! นอกจากนี้ จำนวนค่าประสบการณ์ และโอกาสที่จะดร็อปไอเทมวิเศษก็จะเพิ่มสูงขึ้นระดับหนึ่งด้วยเช่นเดียวกัน เมื่อเลเวลทักษะนี้สูงขึ้น ไม่ใช่ว่ามีโอกาสที่เขาจะได้รับทั้งค่าประสบการณ์และไอเทมเพิ่มขึ้นหรือ? แน่นอนว่าทักษะหายากเช่นนี้สามารถเรียนได้ผ่านทางดาบสองมือโดยเฉพาะ อาร์คจึงไม่คิดพลาดโอกาสนี้แต่อย่างใด นับแต่นั้น อาร์คจึงมักจะใช้งานดาบผ่าร่างทุกครั้งที่พังพอนตกอยู่ในสภาวะวิกฤต ทว่าโอกาสสำเร็จหาได้สูงอะไรมากนัก นั่นจึงทำให้ยากต่อการเพิ่มระดับทักษะ
‘แต่เรามีแต้มทักษะอยู่ 60 แต้ม!’
อาร์คลงทุน 40 ใน 60 ของแต้มทักษะไปกับ ‘ดาบผ่าร่าง’ เพื่อให้เข้าสู่ขั้นกลาง
=====
ดาบผ่าร่าง (ขั้นกลาง, มีผลต่อเนื่อง 100/300) : เมื่อใช้เทคนิคนี้ คมดาบของท่านจะคมกล้ายิ่งขึ้น มีความเป็นไปได้ที่จะตัดร่างของศัตรูออกเป็นสองเมื่อใช้งาน
*ผลลัพธ์พิเศษ (ผ่าร่าง) : หากท่านเล็งโจมตีร่างของศัตรูโดยทำให้เกิดการโจมตีคริติคอลได้ มีโอกาส 5% ที่จะสามารถผ่าร่างเป้าหมายได้
=====
มันคือผลลัพธ์พิเศษอย่างการผ่าร่าง! ถ้าหากเขาสามารถตัดแขนหรือว่าขาของมันได้ เช่นนั้นการเคลื่อนไหวของพวกมันก็จะช้าลง ชัดเจนว่างานนี้ต้องใช้ความแม่นยำและสมาธิสูงเพื่อเล็งส่วนที่ต้องการโจมตีและสร้างความเสียหายคริติคอลขึ้นมา ทว่าเป็นเพราะมันยาก เขาจึงสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวของมันยามทำได้สำเร็จ
“เอาล่ะ มาเริ่มกันเลยไหม?”
พังพอนที่เหลืออีกสามตัวไม่แม้กระทั่งอยู่ในสายตาของอาร์คเลยสักนิด อาร์คเริ่มการฝึกฝนผ่าร่างโดยใช้พังพอนพวกนี้เป็นเหยื่อ ขณะที่พังพอนบางตัวพลังชีวิตเหลือ 50% แขนและขาของพวกมันกลับถูกตัดขาดไปจนหมดสิ้นไม่อาจต่อสู้ได้อีกต่อไปแล้ว
“เฮือก เจ้านายขอรับ นี่ออกจะโหดเหี้ยมยิ่งกว่าเก่านะขอรับ”
เดดริคโผล่ร่างออกมาขณะมองพังพอนพวกนี้จากระยะไกล อาร์คนับวันยิ่งโหดเหี้ยม แต่นี่ก็ไม่ใช่เพราะเขาต้องการฝึกการใช้งานทักษะให้ดียิ่งขึ้นหรือไร?
เพราะงั้นแล้ว ช่วงนี้การผ่าร่างของพังพอนให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยจึงไม่ต่างอะไรกับงานอดิเรกเลยสักนิด
“อืม ตอนนี้ก็ได้ทุกอย่างที่ต้องการครบแล้ว กลับไปที่กบดานของเรากันดีกว่า”
อาร์คเก็บรวบรวมไอเทมขณะเดินทอดน่องกลับไปยังปากทางเข้าถ้ำ
* * *
=====
ท่านได้กลับมายังแคมป์
=====
ตอนนี้อาร์คต้องปรับตัวเพื่อใช้ชีวิตอยู่ในถ้ำน้ำแข็งแห่งนี้ สิ่งแรกที่จำเป็นคือเขาต้องสร้างแคมป์ขึ้นภายในถ้ำ สิ่งจำเป็นคือการสร้างสถานที่ปลอดภัย ในเมื่อเขาไม่อาจปลดการอัญเชิญสมุนปีศาจได้ เพราะงั้นแล้วเขาจึงไปรวบรวมเถาวัลย์จำนวนหนึ่งและใช้มันต่างเชื้อฟืน แน่นอนว่างานนี้ตั้งแต่จุดไฟก็ไม่ง่ายแล้ว เขาไม่มีหินสำหรับจุดไฟ เพราะงั้นแล้วเขาจึงต้องใช้วิธีของมนุษย์ยุคโบราณอย่างการนำกิ่งไม้สองอันมาถูไถกันจนกระทั่งเกิดประกายไฟขึ้นและลุกโชน เมื่อเขาสามารถจัดไฟได้แล้วจึงค่อยใช้ทักษะการตั้งแคมป์ และเมื่อนั้นการตั้งแคมป์ก็จะเสร็จสมบูรณ์ มอนสเตอร์ก็จะหลีกเลี่ยงพื้นที่ตรงนี้เมื่อมีการตั้งแคมป์ นอกจากนี้ แคมป์ยังช่วยการฟื้นฟูพลังชีวิตและอุณหภูมิให้ร่างกายได้ จึงนับเป็นสถานที่สำหรับผ่อนคลายในสถานการณ์แบบนี้ เพราะงั้นแล้วอาร์คจึงเลือกใช้ตำแหน่งตั้งแคมป์เป็นฐานหลังบุกเข้าโจมตีภายในถ้ำเสร็จ
“อา อุ่นจัง เกือบหนาวตายแล้วขอรับ…”
ซื่อ ซื่อ ซื่อ
กรั่ก กรั่ก กรั่ก!
สมุนปีศาจของเขาแทบไปขดตัวอยู่รอบกองไฟทันทีที่ถึงสถานที่ตั้งแคมป์
“โชคดีที่ยังมีเชื้อไฟอยู่ เดดริค ไปรวบรวมเถาวัลย์มาหน่อยจะได้เพิ่มปริมาณไฟได้”
“ขอรับ ขอรับ รับทราบคำสั่งขอรับ เชอะ งานแบบนี้ให้ข้าทำตลอดเลย”
เดดริคบ่นกระปอดกระแปดแต่ก็ออกไปรวบรวมเถาวัลย์มาให้เพื่อฟื้นกองไฟให้ลุกโชน
“ไหนไหน มาเริ่มตรวจสอบไอเทมกันเลยดีกว่า”
อาร์คเดินไปหยุดอยู่มุมหนึ่งของแคมป์ หลังผ่านไปสองสัปดาห์ภายในถ้ำน้ำแข็ง แคมป์แห่งนี้ก็กลายเป็นบ้านแห่งหนึ่งสำหรับเขาไปแล้ว หลังบุกฝ่าป่าสีแดงมาได้ กระเป๋าของอาร์คก็เต็มแทบล้น ในเมื่อเขาต้องใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ตลอดทั้งสองสัปดาห์ เขาจึงต้องหาทางรับมือกับปริมาณความจุกระเป๋าไปด้วย แต่เพราะความภาคภูมิของเขาที่ไม่อาจปล่อยให้แม้สิ่งของเล็กน้อยกระเด็นหลุดลอย จึงเป็นผลให้สถานที่ตั้งแคมป์ของเขากลายเป็นที่สำหรับเก็บรวบรวมไอเทมชั่วคราว
“เรารวบรวมมาได้มากเลยทีเดียว”
ซอลโมโช เศษภูเขาน้ำแข็ง หนังพังพอนและกระดูก อาหารที่ทำแล้ว… ไอเทมทั้งหลายกองเอาไว้ไม่ต่างภูเขาขนาดย่อม มองเพียงแวบเดียวก็ทำเขาอบอุ่นหัวใจทุกครั้งที่ได้มอง ทว่า อาร์คก็ต้องถอนหายใจขณะใบหน้าเผยความมืดมน
“จำนวนที่เราสามารถนำออกจากถ้ำน้ำแข็งได้ก็ต้องเป็นไปตามที่กระเป๋าเราใส่ไปได้ ไม่ว่าเราจะรวบรวมมาได้มากแค่ไหน กว่าครึ่งสุดท้ายก็ต้องปล่อยไป”
กระทั่งว่าแผ่นหนังหรือกระดูกสามารถขายได้ เขาอาจได้รับเงินไม่กี่เหรียญทองก็จริง แต่มันก็มากพอที่จะทำให้เขาต้องหลั่งน้ำตาได้หากต้องทิ้งพวกมันไว้
“เราต้องใช้วิจารณญาณพิจารณาเลือกชิ้นที่น่าจะขายได้เงินที่สุดไป เอาเถอะ ไว้ค่อยกังวลอีกทีตอนธุระที่นี่เสร็จเรื่องราวแล้วกัน…”
อาร์คเริ่มค้นหาวัตถุดิบจำนวนหนึ่งในกองไอเทม มันคือวัตถุดิบที่จำเป็นสำหรับการทำเม็ดยาอมตะ ขณะที่สมุนปีศาจของเขากลิ้งเล่นอยู่ อาร์คก็ใช้ช่วงเวลาเหล่านั้นจัดการขั้นตอนผสมและตกผลึก
“เอาล่ะ พวกนายอยู่ที่นี่เหมือนเดิมนะ ฉันขอตัวไปนอนก่อน กินอาหารให้ครบแล้วก็อย่าปล่อยให้ไฟดับเชียวล่ะ”
“รับทราบขอรับ เลิกจู้จี้ได้แล้วขอรับ”