Ark The Legend – ตอนที่ 270

เล่ม 9 ตอนที่ 6 : โศกนาฏกรรมของสามพี่น้องหมูน้อย (1)

 

ตึก ตึก ตึก!

กิ้งก่าขนาดใหญ่กำลังวิ่งผ่านทุ่งรุกร้างไปจนก่อให้เกิดกลุ่มฝุ่นควัน เป็นราดันม่าที่อาร์คกำลังขี่อยู่นั่นเอง หลังแยกจากรีดแล้ว อาร์คจึงเริ่มออกเดินทางผ่านทุ่งรกร้างอีกครั้งโดยไม่คิดหยุดพัก เมื่อเมินเฉยต่อพวกสิ่งรอบข้างและสภาพอากาศเขาจึงเดินทางต่อเนื่องกว่าหนึ่งชั่วโมง ท้ายที่สุดเขาจึงได้พบกับหมู่บ้านที่รีดกล่าวถึง หลังสำรวจมองดูหมู่บ้านพักหนึ่งจึงพบว่ามันคือหมู่บ้านขนาดเล็ก

“นี่คือหมู่บ้านที่ต่างมิติงั้นสินะ?”

ขนาดของมันใหญ่กว่าหมู่บ้านแลนเซลสองหรือสามเท่าเห็นจะได้ ทว่า สภาพบ้านเรือนดูทรุดโทรมคล้ายสิ่งปลูกสร้างพร้อมจะพังทลายทุกเมื่อ บ้านก็ปกคลุมเอาไว้ด้วยแผ่นหนังดูไปแล้วคล้ายเต็นท์อย่างไรอย่างนั้น พอมองสำรวจดูระยะใกล้ เต็นท์ดังกล่าวดูไปคล้ายแคมป์ผู้หลบภัย ในเมื่อไม่มีเงินตราใช้สอย มันก็คงเป็นเรื่องยากที่จะหาสิ่งของที่ทั้งสองฝ่ายพอใจมาแลกเปลี่ยน

‘เราน่าจะได้เรื่องราวอะไรจากหมู่บ้านนี้บ้าง’

“ราดัน ทำได้ดีมาก”

ซื่อ ซื่อ ซื่อ!

ราดันเริ่มตัวหดเล็กลงขณะเข้ามารัดพันเอวของเขาไว้เช่นเดิม เมื่อเดินเข้าไปที่หมู่บ้าน เขาจึงเห็นทหารรักษาการณ์สวมใส่ชุดหนัง

“ผิวสีน้ำเงิน ผิวสีน้ำเงิน ฮ่าฮ่าฮ่า ดูเข้าสิ”

เดดริคเมื่อเห็นทหารรักษาการณ์พลันระเบิดเสียงหัวเราะออกโดยทันที เหมือนดังที่รีดกล่าวไว้ มิวทัลเป็นเผ่าพันธุ์ที่คล้ายกับมนุษย์ แต่ก็มีส่วนที่แปลกไปบ้าง ผิวหนังของพวกเขาสีน้ำเงินและมีดวงตาสีเหลืองทองคำ กล่าวไปแล้วพวกเขาดูคล้ายสเมิร์ฟที่เขาเคยดูเป็นการ์ตูนเมื่อตอนเด็ก อาร์คเองก็รู้สึกว่าออกจะน่าขันไปบ้างเช่นกัน ทว่าด้วยความที่เป็นต่างเผ่าพันธุ์พบเจอกันครั้งแรก เขาจึงต้องสงวนท่าทีไว้ขณะเผยรอยยิ้มเข้าแทนที่ เขาต้องพยายามไม่ให้ความสัมพันธ์ต่อกันย่ำแย่ ไม่เช่นนั้นจะทำให้เขาไม่ได้รับข้อมูลใด

“เดดริค หุบปากน่า”

“มันตลกนี่ขอรับ หรือเจ้านายไม่คิด?”

“แกอยากเป็นแบบนั้นบ้างไหมล่ะ?”

“…ข้าหุบปากก็ได้ขอรับ”

เดดริคชะงักปากลงโดยทันที

“ขอโทษครับ”

พวกทหารยามพลันตึงเครียดขึ้นมาเมื่อเห็นอาร์คเข้ามาใกล้

“เจ้าเป็นใคร? ข้าไม่คุ้นว่าเคยเห็นเจ้าแถวนี้มาก่อน”

“ใช่ครับ ผมเพียงผ่านทางมาจากสถานที่อันห่างไกล หลังข้ามผ่านทุ่งรกร้างเป็นระยะเวลานาน ผมเลยสงสัยว่าพอที่จะพักเท้าที่นี่ได้หรือเปล่าครับ?”

“อืม ก็ดูไม่มีพิษภัยอะไร…”

“นั่นก็ได้ แต่พวกเราไม่ค่อยต้อนรับคนแปลกหน้าเท่าไหร่นัก”

ทหารยามกล่าวขึ้นขณะมองอาร์คขึ้นลงและพึมพำไปมา สภาพบรรยากาศตอนนี้ดูไปแล้วไม่ค่อยยินดีสักเท่าไหร่นัก ในตอนแรกที่เพิ่งมาถึงหมู่บ้านแห่งใหม่ ค่าความสัมพันธ์จะขึ้นอยู่กับชื่อเสียงและค่าแนวโน้ม ทว่าตัวเลขพวกนั้นคงไม่มีผลกับโลกใต้พิภพแห่งนี้

“รู้จักรีดหรือเปล่าครับ?”

“รีด? พวกหาบเร่ของเผ่าแกลกิ้น?”

“ใช่ครับ ผมมาที่นี่เพราะเขาแนะนำมา เขาบอกว่าชาวมิวทัลที่หมู่บ้านแห่งนี้กล้าหาญและแข็งแกร่ง และพวกเขายังยินดีต้อนรับผู้มาเยือนอย่างอบอุ่นและนุ่มนวลให้สมกับเกียรติที่พวกเขามี ไม่ทราบว่าพวกคุณพอที่จะให้ผมหยิบยืมสถานที่ปลอดภัยสำหรับพักผ่อนหลังเดินทางเป็นเวลานานได้หรือไม่ครับ?”

“โอ้ รีดกล่าวเช่นนั้น?”

แม้รีดจะไม่ได้พูดอะไร แต่ประชากรของโลกใต้พิภพนับว่าอ่านทางง่าย พวกทหารรักษาการณ์เหล่านี้ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนพยักหน้าให้

“ที่จริงพวกเราก็ไม่เคยเมินหนีต่อนักเดินทางอยู่แล้ว ย่อมได้ เจ้าสามารถเข้าหมู่บ้านได้ แต่หากเจ้าก่อปัญหาใดขึ้นจะถูกขับไล่ออกจากหมู่บ้านโดยทันทีเช่นกัน”

“ขอบคุณครับ”

อาร์คยิ้มให้ขณะเข้าหมู่บ้านไป แต่นั่นก็ทำให้เขาไม่ได้ยินเสียงเบาค่อยของพวกทหารรักษาการณ์ที่พูดไล่หลัง

“ดูเหมือนหมอนั่นจะผ่านการเดินทางที่ยากลำบากมาพอสมควร”

“นั่นสิ แต่ข้าก็ไม่รู้เลยว่าเจ้านั่นเป็นพวกเผ่าไหน ยังหนุ่มแท้ ๆ แต่ไม่มีสีเหลือแล้ว”

ชาวมิวทัลนั้นแบ่งออกเป็นหลากหลายตามเผ่า เป็นเพราะอาร์คดูแล้วคล้ายพวกเขา พวกเขาจึงคิดว่าเป็นคนที่มาจากเผ่าอื่น เพราะงั้นแล้วพวกเขาจึงเวทนาอาร์คที่ไม่ได้มีสีน้ำเงิน… มันจะเป็นเหตุผลให้ประชากรในหมู่บ้านมองเขาเป็นคนพิการคนหนึ่ง แต่เป็นเพราะความเวทนาของพวกเขานั่นเอง จึงทำให้อาร์คได้รับข้อมูลจากประชากรในหมู่บ้านมากมาย

สายพันธุ์ที่อยู่อาศัยในโลกใต้พิภพมีหลากหลาย แกลกิ้นที่เขาเพิ่งพบเมื่อครู่ในทุ่งรกร้างก็เป็นหนึ่งในพวกนั้น เผ่าพันธุ์ของเดดริคเป็นแวมไพร์ ส่วนดีมอสเป็นอันเดต ซึ่งทั้งสองก็ถูกนับเป็นประชากรของโลกใต้พิภพเช่นเดียวกัน หรือก็คือ ความแตกต่างระหว่างเอ็นพีซีและมอนสเตอร์ในมิติแห่งนี้ไม่ชัดเจน เอ็นพีซีก็ไม่ต่างอะไรกับมอนสเตอร์ หรือมอนสเตอร์ที่เข้าโจมตีแท้จริงแล้วอาจเป็นเอ็นพีซีฆาตกร

‘งั้นเราก็พาดีมอสเดินรอบหมู่บ้านได้งั้นสินะ?’

นอกจากตอนต่อสู้แล้ว อาร์คมักจะให้พาดีมอสไปไหนมาไหนด้วยรูปลักษณ์ดาบ เพราะมันจะทำให้น้ำหนักเบาลงเป็นการลดภาระให้ราดัน อีกทั้งเขายังต้องสงวนท่าทีไว้ก่อนเพื่อคงสภาพค่าความสัมพันธ์กับพวกเอ็นพีซีเอาไว้ ไม่มีเอ็นพีซีคนใดมีความรู้สึกดีแน่หากเห็นเขาอยู่กับโครงกระดูกตนหนึ่ง ที่จริง บ่อยครั้งที่ค่าความสัมพันธ์ของเขาลดน้อยลงที่โลกกลางก็เพราะเดินทางไปไหนมาไหนกับดีมอส อีกทางหนึ่ง เดดริคบ่อยครั้งกลับมีประโยชน์ต่อการเพิ่มความสัมพันธ์มากกว่า ตัวตนค่อนข้างแย่ก็จริง แต่พอแปลงร่างเป็นเด็กน้อยกลับน่ารักน่าชัง เพราะงั้นแล้วจึงค่อนข้างเป็นที่นิยมในหมู่ผู้สูงอายุและผู้ใหญ่ไม่น้อย

แต่ดูเหมือนหมู่บ้านแห่งนี้จะไม่มีปัญหาอย่างที่โลกกลาง พอมองดูรอบหมู่บ้านชัดเจนแล้ว เขาได้เห็นมอนสเตอร์บางตัวที่เขาเคยโจมตีด้วยคมดาบแห่งความมืดโดยทันทีที่พบเห็นในทุ่งรกร้างด้วยซ้ำ เพราะงั้นแล้วดีมอสไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

ทว่า สายพันธุ์ที่ปกติธรรมดาที่สุดในบรรดาเอ็นพีซีของที่นี่ก็คล้ายกับมนุษย์ ชาวมิวทัลก็คล้ายประชากรมนุษย์ของโลกใต้พิภพแห่งนี้ ชาวมิวทัลกระจายตัวอยู่ทั่วทั้งโลกใต้พิภพ ในบรรดาพวกเขาต่างอยู่อาศัยกันเป็นเผ่า ทว่าก็มีมิวทัลบางพวกที่ก่อร่างสร้างอาณาจักรขึ้นมาเช่นเดียวกัน

“ครั้งหนึ่งข้าเคยพบเจอนักเดินทางที่พูดถึงเงินเช่นกัน แต่พวกเขาเหล่านั้นดูแล้วไม่ค่อยมีความอดทน คงเป็นเพราะคนละสายพันธุ์ด้วยละมั้ง บางเผ่าก็ไม่เหมือนมิวทัล กระทั่งต่อต้านพวกเราก็มี”

เจ้าของร้านใกล้ประตูทางเข้าหมู่บ้านกล่าวเช่นนั้น หนทางที่ง่ายที่สุดเพื่อรับข้อมูลคือการค้นหาร้านค้า ในเมื่อนักเดินทางส่วนใหญ่ก็ต้องมายังร้านค้าเป็นที่แรก เขาจึงคิดว่าน่าจะได้ข่าวคราวอะไรจากที่นี่บ้าง

“นั่นสินะครับ ว่าแต่ ขอผมดูไอเทมหน่อยได้ไหมครับ?”

“ได้สิ”

เจ้าของร้านพยักหน้ารับขณะชี้ไปที่ชั้นวางของ เพราะเป็นหมู่บ้านขนาดเล็กเขาจึงไม่ได้คาดหวังอะไรมากนัก มันดูไปแล้วคล้ายกองขยะก็จริง แต่อาร์คก็รับชมอย่างตั้งใจ แม้ว่ารีดจะมีสิ่งของหลายอย่าง แต่เขาก็ยังได้รับสิ่งของสำหรับสมุนปีศาจมาได้บ้าง รีดบอกเอาไว้ว่าสิ่งของเหล่านี้ไม่ใช่หาได้โดยง่าย ทว่าอาร์คก็มักจะหาไอเทมที่เป็นไปไม่ได้อยู่บ่อยครั้ง

 

=====

ยางไม้อุมม่า

ยางไม้อุมม่าสามารถได้รับจากพืชพรรณโบราณ

ต้องโค่นต้นอุมม่าหลายสิบต้นจึงจะสามารถได้รับจำนวนที่เพียงพอหนึ่งขวดได้ ด้วยสารอาหารที่อัดแน่นอยู่ภายใน เมื่อใช้งานจะสามารถฟื้นฟูอาการเหนื่อยล้าของร่างกายและจิตใจได้

=====

ผลนาดิงกะ

พืชพรรณโบราณนามนาดิงกะซึ่งเต็มไปด้วยความสามารถในการหล่อเลี้ยง หากเดินผ่านป่า ท่านจะพบว่าโดนสกัดขาเอาไว้ซึ่งรากไม้ของนาดิงกะ ทว่า นาดิงกะไม่ใช่พืชพรรณที่ทำร้ายใคร มันเพียงแค่ต้องการสัมผัสร่างของผู้เดินทางก่อนจะจากไปเท่านั้น

=====

 

ในเมื่อเป็นหมู่บ้านด้อยพัฒนา ไอเทมส่วนใหญ่จึงเป็นของจำพวกนี้ ทว่า ด้วยผลลัพธ์ของพืชพรรณเหล่านั้นก็นับว่าดีมาก ยางไม้อุมม่าสามารถฟื้นฟูพลังชีวิตได้เหมือนโพชั่นระดับกลาง

‘ไอเทมพวกนี้เอาไปขายที่โลกกลางน่าจะเป็นเงินได้อยู่’

ปริมาณของสินค้าก็ไม่ได้มีอะไรมากนัก ยางไม้อุมม่ามีเพียงแค่ห้า ขณะที่ผลนาดิงกะมีเพียงห้าสิบผล อาร์คจึงแลกเปลี่ยนกับแผ่นหนัง กระดูก และสิ่งของจำนวนหนึ่งที่หาได้จากภูเขาหิมะ

‘บ้าจริง ยังมีไอเทมอีกหลายอย่างเลยที่กินพื้นที่กระเป๋า แล้วเราจะแลกเปลี่ยนอย่างไม่คิดไตร่ตรองเลยก็ไม่ได้… เราไม่รู้ว่าราคาของมันถูกหรือแพงหากตีค่าเป็นเงิน แต่ถ้าหากเราสามารถได้รับไอเทมที่มีประโยชน์ อย่างน้อยก็พอขายมันได้ แบบนั้นก็ไม่มีอะไรให้บ่น…’

เมื่ออาร์คเสร็จธุระกับร้านแล้วจึงเริ่มถามเข้าประเด็นหลัก

“ว่าแต่ ผมได้ยินมาว่ามีชายชราทรงปัญญาอาศัยอยู่แถวหมู่บ้านนี้ใช่หรือเปล่าครับ?”

“โอ้ เจ้าหมายถึงเบซอทิวนิมงั้นหรือ?”

“พอจะบอกได้ไหมครับว่าเขาอยูที่ไหน?”

“มองหาบ้านหลังใหญ่ที่สุด นั่นแหละบ้านของเบซอทิว”

อาร์คออกจากร้านค้าขณะเดินไปตามเส้นทางหลักเพื่อมองหาเป้าสายตา หมู่บ้านแห่งนี้ขนาดเล็ก เพราะงั้นจึงไม่ยากที่จะค้นหาและพบเจอ

“มีใครอยู่ไหมครับ?”

แม้เขาจะส่งเสียงร้องเรียกจากด้านนอกหลายครั้ง แต่ไม่มีใครตอบรับ อาร์ครออยู่พักก่อนจะชะเง้อเข้าไปดูผ่านประตูที่เปิดไว้ เมื่อเขาเข้าไป กำแพงภายในล้วนเต็มไปด้วยชั้นวางของแนบชิด กองเศษกระดาษก็รวมตัวกันราวภูเขาขนาดย่อมอยู่บนชั้นวาง พวกมันดูไปแล้วคล้ายหนังสือของโลกใต้พิภพ อาร์คมองม้วนคัมภีร์เหล่านั้นก่อนที่จะเดินเข้าไป

“อา… ให้ตายสิ ไม่อยากจะเชื่อ เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกัน? ทำไมพวกนั้นยังไม่กลับมาอีก? หรือว่าเกิดเรื่องขึ้น? จะทำยังไงดีเนี่ย…”

ที่มุมหนึ่ง ชายชรากำลังจิกทึ้งผมตัวเองขณะพึมพำ

“ขอโทษครับ”

“ข้าจะทำงานต่อได้ยังไงกัน? ข้าทนไม่ไหวแล้ว”

“เอ่อ… ผมอยากถามอะไรสักอย่าง”

“อา ช่างน่าเครียดและกังวลนัก… ไม่อยากไปขอให้พวกทหารยามช่วยด้วยสิ แต่ก็เป็นห่วง… ถ้าเกิดเรื่องขึ้นเราคงขาดใจแน่…”

“เอ่อ ขอโทษนะครับ…”

อาร์คพยายามตบเข้าที่ไหล่ของอีกฝ่ายเบา ๆ จนเป็นผลให้ชายชราหันควับมองกลับมา ด้วยหนวดและเส้นผมสีขาว อีกฝ่ายเป็นชายชราที่ดูคล้ายสเมิร์ฟชราภาพ

“หือ อะไรกัน? เจ้าคือ? แล้วทำไมถึงเข้ามาในบ้านคนอื่นกันล่ะ?”

“ผมเรียกจากข้างนอกหลายต่อหลายครั้งไม่มีคนตอบน่ะครับ…”

“เพราะงั้นเจ้าก็เลยเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต?”

“ไม่ครับ คือ…”

“บ้าอะไรกัน? เจ้าต้องการอะไร?”

ชายชราพลันถามอย่างรวดเร็วโดยไม่คิดให้เวลาเขาได้ตอบ

“ผมได้ยินมาว่าเบซอทิวนิมคือคนที่ทรงปัญญามากที่สุดในหมู่บ้าน”

“ว่าอะไร? สวรรค์โปรด ออกไปซะ! ข้าไม่มีเวลามาพูดคุย!”

“ผมขอรบกวนเวลาแค่นิดเดียว เคยได้ยินชื่อของมากาโรบ้างไหมครับ…”

“ข้าบอกว่าไม่อยากฟัง!”

เบซอทิวตวาดดังลั่นขณะขว้างไม้เท้าใส่เขา อึดใจถัดมา เบซอทิวกลับหยุดชะงักแล้วพลันสำรวจผ้าคลุมของอาร์ค จากนั้นอีกฝ่ายจึงถามอาร์คด้วยดวงตาเบิกโพลง

“เจ้า หรือว่าข้ามภูเขาอีสต์มูนมา?”

“ครับ ใช่แล้ว”

“งั้นนี่ก็คือขนแกลกาชิ?”

“ใช่ครับ เป็นขนแกลกาชิที่ผมได้รับมาจากพังพอนตัวหนึ่ง”

 

Ark The Legend

Ark The Legend

Ark The Legend
Status: Ongoing
บทนำ คิมฮยอนอู เด็กหนุ่มที่ชีวิตเกิดความผลิกผันตั้งแต่ยังวัยรุ่น ชีวิตของเขาประสบความยากลำบากต้องหาเงินเพื่อจ่ายเป็นค่ารักษาพยาบาลสุดแพงของแม่ ขณะที่เขากำลังกัดฟันสู้ชีวิตอยู่ เขาได้รับข้อเสนองานหนึ่งจากบริษัทยักษ์ใหญ่ แต่แล้วเมื่อไปสัมภาษณ์ เขากลับพบว่ามันคือการทดสอบคัดเลือกพนักงานโดยการเล่นเกม แม้จะแปลกไปบ้างแต่เงินก็ดีไม่น้อยเขาจึงตกลงรับมา เมื่อเข้าเกม อาร์คคือตัวละครที่เขาเลือกสร้าง แรกเริ่มผจญภัยก็ต้องประสบพบเจอความยากลำบากไม่น้อย ผู้เล่นอื่นก็แทบไม่อาจเชื่อใจได้ เขาต้องยืนหยัดด้วยตัวเอง ยิ่งเล่นเกมไปเขาจึงได้พบว่า เกมแห่งนี้หาได้มีอะไรที่เหมือนเกมไม่ ทั้งเอ็นพีซีในเกมที่แทบจะเหมือนมนุษย์จริง ภารกิจที่มีเนื้อเรื่องน่าติดตามอีกทั้งยังยากลำบาก รวมถึงเนื้อเรื่องหลักภายในเกมที่ส่งผลกระทบต่อทั้งเกมก็คล้ายมีความลับอยู่ไม่น้อย และด้วยความที่แทบไม่เชื่อใจผู้อื่นในเกม เขาต้องพยายามฟันฝ่ามันให้ได้ด้วยสองมือของตัวเอง!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset