เล่ม 9 ตอนที่ 9 : อัศวินพิสุทธิ์ (4)
“พรแห่งท้องทะเล!”
สร้อยคอของอเดเลียนช่วยเสริมพลังป้องกันและพลังมานาให้กับเขาได้
“ราดัน เอาเรเปียร์มิวทัลออกมา!”
ซื่อ ซื่อ ซื่อ!
อาร์คคว้าเรเปียร์ของชาวมิวทัลขณะเรียกใช้งานคมดาบวายุโดยทันที เสียงสั่นสะเทือนเริ่มดังขึ้นขณะดาบเกิดรอยปริแตก
“รับไป คมดาบวายุ!”
ครืน ครืน ครืน!
อาร์คโหมซัดเรเปียร์มิวทัลเข้าใส่ออร่าสีดำก่อนที่มันจะระเบิดออก ไม่ช้า สไลม์สีดำที่เคลือบร่างนั้นเอาไว้เริ่มโป่งพองราวลูกโป่ง ผ่านไปพักหนึ่ง สไลม์สีดำเริ่มหลุดลอกออกจากร่างของทามูระ เมื่อร่างแท้จริงของทามูระเผยขึ้น อีกฝ่ายตอนนี้สภาพคล้ายโครงกระดูกที่ผอมแห้ง โดยทันที อาร์คชักดาบแห่งกิลซาลอีกครั้งก่อนโจมตีเข้าใส่ เมื่อดาบผ่าร่างทำงาน หัวของทามูระจึงถูกตัดออกและร่วงหล่นลงกับพื้น
=====
เลเวลของท่านเพิ่มขึ้น
เลเวลของท่านเพิ่มขึ้น
เลเวลของท่านเพิ่มขึ้น…
=====
หน้าต่างข้อความปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่อง เขาถึงกับเพิ่มเลเวลได้ 9 ระดับ! ทั้งหมดนี้ก็เพราะโบนัสค่าประสบการณ์ของดาบผ่าร่าง
“ไม่อยากจะเชื่อ… ความมืด… พลังของลอร์ดแห่งความมืด…”
ศีรษะของทามูระพึมพำบางสิ่งขณะกำลังตายอย่างช้า ๆ
“พลังที่จะฟื้นคืน… เมื่อข้าได้รับพลังอันเป็นที่สุด… ข้าจะทำลายโลกด้วยพลังของความมืดมิดอันยิ่งใหญ่… เขา เขา… เขาบอก… แต่กลับโกหก…”
‘เขา?’
อาร์คงุนงงกับคำพูดขณะที่ไข่มุกสีดำปรากฏขึ้นจากปากของทามูระและพุ่งขึ้นท้องฟ้า อาร์คตอบสนองขณะจะเข้าไปคว้าเอาไว้…
ฟึ่บ!
เหยี่ยวสีดำพลันโบยบินจากท้องฟ้าด้วยเสียงกรีดอากาศอันแหลมคม มันคว้าไข่มุกนั้นเอาไว้ก่อนที่จะบินขึ้นสู่ท้องฟ้าอีกครั้งหนึ่ง เรื่องราวเกิดขึ้นรวดเร็วมากจนไม่มีเวลาตอบสนองได้ทัน
“อะไรกัน? เหยี่ยวนั่นคือ?”
ขณะที่เหยี่ยวตัวนั้นโบยบินขึ้นไปสู่ยอดของหุบเหวแห่งความสิ้นหวัง อาร์คพลันเห็นชายคนหนึ่งที่ยอดด้านบน เป็นชายที่ปรากฏตัวโดยมีดวงจันทร์เป็นฉากหลัง แม้ว่าจะไม่อาจยืนยันรูปลักษณ์อีกฝ่ายได้ แต่เส้นผมสีแดงและหน้ากากสีขาวนั้นผิดปกติจนสามารถเห็นได้อย่างเด่นชัด
‘หรือว่า… ผู้ชายสีแดง!’
ชายสีแดงครั้งหนึ่งเคยปรากฏขึ้นในภาพฉายของอิกดราซิล!
‘งั้นที่ทามูระพูดถึงก่อนหน้านี้ก็คือชายสีแดง? ถ้าเป็นแบบนั้น… ชายสีแดงก็อยู่เบื้องหลังเรื่องราวนี้ด้วย? งั้นไข่มุกนั่นก็ต้องเป็นเบาะแส!’
อาร์คคิดกระโดดผุดขึ้นไปแต่แล้วเขาก็ต้องชะงักงัน
‘ให้ตายสิ ตรงนี้ยังมีไอเทมกองอยู่!’
พวกมันคือไอเทมของชาวนาคูจักทั้งสองร้อยที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วบริเวณ นอกจากนี้ เขายังไม่ได้ตรวจสอบไอเทมที่ทามูระดร็อปออกมาเลย! เขาไม่มีทางปล่อยทุกสิ่งตรงนี้เอาไว้เพียงเพราะต้องไล่ตามชายสีแดงแน่ อีกทั้งกระทั่งว่าเขาสามารถวิ่งไล่ตามไปตอนนี้ได้ ก็ไม่มีทางที่จะไล่ตามได้ทัน ชายสีแดงพึมพำบางสิ่งก่อนที่เหยี่ยวตัวนั้นจะเข้าไปใกล้ ชายสีแดงคว้าเท้าของเหยี่ยวไว้ขณะบินหายลับขึ้นไปบนท้องฟ้า ไม่ช้าร่างนั้นก็จางหายไปกับความมืดมิด กระทั่งว่าเป็นเดดริคก็ไม่มีทางบินไล่ตามความเร็วระดับนั้นได้ทัน! อาร์คและลาริเอ็ตเต้เพียงแค่จ้องมองด้วยปากที่อ้าเหวอกว้าง ผ่านไปครึ่งค่อนวัน ลาริเอ็ตเต้จึงค่อยเงยหน้าขึ้นและสวมกอดอาร์คเอาไว้
“พวกเราชนะได้แล้ว! พวกเราจัดการทามูระได้!”
ขณะนั้นเอง ความคิดของเขาเกี่ยวกับชายสีแดงพลันหลุดลอยออกนอกจักรวาลไปแล้ว
“ละ-ลาริเอ็ตเต้นิม?”
เมื่ออาร์คเอ่ยปาก ลาริเอ็ตเต้จึงหน้าแดงขณะปล่อยแขนออก
“ขะ-ขอโทษค่ะ ดีใจไปหน่อย…
“อา ไม่หรอกครับ กอดต่อก็ได้…”
“คะ?”
“เปล่าครับ”
อาร์คหุบปากลงขณะส่ายศีรษะให้ จากนั้นความเงียบอันเก้กังพลันบังเกิดระหว่างพวกเขาทั้งสอง ผ่านไปพักหนึ่ง… ลาริเอ็ตเต้จึงมองอาร์คอีกครั้งก่อนที่จะกล่าวว่า
“ฉะ-ฉันเสร็จงานที่นี่แล้ว แต่ก็ไม่รู้วิธีกลับไปยังโลกเดิมด้วยสิ พอเข้ามาประตูมันก็หายไปแล้ว”
อาร์คดูเหมือนจะพอคาดเดาเรื่องราวได้จึงตอบรับด้วยใบหน้าเศร้าเสียใจเช่นเดียวกัน
“ผมเองก็ยังหาทางกลับไม่ได้เหมือนกัน ประตูที่ผมเข้ามาเป็นทางเข้าขาเดียว ต้องขอโทษด้วยครับที่ช่วยอะไรไม่ได้”
“ไม่ ไม่เป็นไรหรอก… แต่ขออยู่กับอาร์คนิมจนกว่าจะเจอประตูได้ไหม?”
“ครับ?”
อาร์คจ้องมองลาริเอ็ตเต้ด้วยดวงตาเบิกกว้าง คำกล่าวของลาริเอ็ตเต้นี้ มันเป็นสิ่งที่เขาคาดหวังเอาไว้ตั้งแต่เริ่มเล่นเกมนี้เลยด้วยซ้ำ นอกจากนี้ เขายังได้เห็นแล้วว่าลาริเอ็ตเต้ทรงประสิทธิภาพแค่ไหนยามต่อสู้กับบอส แต่ความคิดเรื่องต้องแบ่งปันไอเทมก็ยังต้องชั่งใจเขาอยู่ไม่น้อย อยากอยู่ด้วยก็อยาก แต่ไม่ใช่ว่าความเป็นจริงสำคัญกว่า? เรื่องราวส่วนนี้ต้องพูดคุยให้ชัดเจน มันจะเป็นปัญหาหากเขาต้องเสียรายได้ครึ่งหนึ่งเพราะการอยู่ร่วม
“ผมก็ดีใจนะครับ แต่ก่อนที่จะพูดถึงเรื่องนั้น ไอเทมพวกนี้…”
“ฉันแค่อยากร่วมทางไปด้วยพักหนึ่งค่ะ เรื่องอื่นไม่สนใจสักนิด”
ลาริเอ็ตเต้ตั้งแต่เริ่มเกมก็ติดสอยห้อยตามอลันมาโดยตลอด จึงไม่ทราบว่าความหิวโหยในเกมนั้นเป็นเช่นไร ดังนั้นแล้วเธอจึงไม่เคยต้องการไอเทมใดเลย หรือบางทีเธอคิดว่าอาร์คอาจจะมอบไอเทมอะไรก็ได้ให้เธอตามความเหมาะสม? ถ้าหากเธอคิดเช่นนั้นก็นับว่าผิดพลาดแล้ว แม้ว่าเขาจะแบ่งปันไอเทมที่ได้รับมาบ้าง แต่เขาไม่เคยมอบสิ่งมีค่าใดให้กระทั่งว่าเป็นจัสติสแมน
‘ใช่แล้ว เธอเปลี่ยนอาชีพจากนักเวทเป็นอัศวิน แถมตอนนี้ยังสวมใส่อุปกรณ์ของนักเวทจนกระทั่งถึงตอนนี้ เราน่าจะมอบไอเทมอะไรที่เป็นของอัศวินให้เธอบ้างจากสิ่งที่ได้รับ’
อย่างไรแล้วตอนนี้ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาต้องปฏิเสธคำขอของลาริเอ็ตเต้
“เข้าใจครับ ไปด้วยกันก็ดี”
“ขอบคุณค่ะ งั้นฉันขอตัวไปจัดเรียงทักษะสักพักหนึ่ง ในเมื่อทักษะเปลี่ยนแปลงใหม่หมด ต้องใช้เวลาตรวจสอบและพิจารณาอยู่พักหนึ่งเลยทีเดียว”
อาร์คพยักหน้ารับขณะลาริเอ็ตเต้กลับไปหาพวกโบนาที่กำลังรออยู่ อาร์ครู้สึกถึงบางสิ่งที่แปลกประหลาดเพราะท่าทีของเธอ ทว่าเขาก็ส่ายศีรษะอย่างรวดเร็ว
‘เธอคงไม่อยากต้องเดินทางไปทั่วโลกใต้พิภพแห่งนี้คนเดียวละมั้ง’
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดถึงเรื่องนี้ ยังมีอีกอย่างที่ค้างคาใจเขาอยู่นานแล้ว
‘ไอเทมของทามูระ!’
มันคือรางวัลหลังความยากลำบาก!
“เอาล่ะ ราดัน ไปสำรวจให้รอบแล้วกลืนพวกสิ่งของมา”
ซื่อ ซื่อ ซื่อ!
อาร์คปล่อยราดันออกไปขณะเดินเข้าไปใกล้ทามูระ
=====
แก่นเนโครแมนเซอร์
แก่นของเนโครแมนเซอร์ผู้ซึ่งปกครองหุบเหวแห่งความสิ้นหวัง
*ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับแก่นมอนสเตอร์ถูกรับรู้ผ่านทางประสาทอันยอดเยี่ยมของนักทำอาหารเพื่ออยู่รอดขั้นสูง
=====
แก่นนี้เป็นของทามูระ เนโครแมนเซอร์แห่งเผ่านาคูจักผู้ซึ่งปกครองหุบเหวแห่งความสิ้นหวัง ด้วยพลังอำนาจอันสุดยอดได้บรรจุเอาไว้ภายในคริสตัลที่เปี่ยมไปด้วยภูมิความรู้อันน่าพิศวง หลังผ่านกระบวนการทำเม็ดยาอมตะ ท่านจะสามารถได้รับภูมิความรู้บางส่วน
=====
“หือ แก่นระดับ A!”
อาร์คแทบลมหายใจติดขัดจนกรามหล่นค้าง นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่เขาได้รับแก่นของมอนสเตอร์ในโลกใต้พิภพ และครั้งนี้ยังเป็นถึงแก่นระดับ A! ด้วยความที่เป็นแก่นระดับ A มันย่อมต้องมีผลลัพธ์อันวิเศษยอดเยี่ยมยิ่งกว่าเม็ดยาสไลม์อมตะอย่างแน่นอน โบนัสที่จะได้รับก็เกินคาดเดา
‘นี่ก็เป็นผลจากดาบผ่าร่าง? หรือว่าแก่นมอนสเตอร์แท้จริงแล้วมันมีโอกาสดร็อปสูงในโลกใต้พิภพแห่งนี้กัน?’
อย่างไรก็ตาม เหตุผลหาได้สำคัญ อาร์คพยายามสงบจิตสงบใจลงขณะมองไอเทมชิ้นถัดไป
=====
ไม้เท้าแห่งความตาย (ยูนีค)
ประเภท : คทา
พลังโจมตี : 35~40
ความทนทาน : 55/90
น้ำหนัก : 40
ข้อจำกัดการใช้งาน : เลเวล 200 ขึ้นไป และมีอาชีพสายเนโครแมนเซอร์
คทาของเนโครแมนเซอร์ทามูระ ด้วยความที่เป็นสิ่งประดิษฐ์ชั่วร้ายซึ่งถูกสร้างขึ้นจากกระดูกของหลายชีวิต พลังอำนาจของเวทมนตร์แห่งความตายจึงล้นพ้นอยู่ภายในอาวุธชิ้นนี้
=====
ดวงตาของอาร์คเบิกกว้างหลังได้เห็นไอเทมชิ้นนี้ นับว่าเป็นไอเทมที่สร้างความตื่นตาตื่นใจ ไอเทมหายากส่วนใหญ่จะมีทักษะแนบเสริมมาด้วย แต่ก็เป็นเรื่องยากที่จะมีออพชั่นติดตัวที่ส่งผลตลอด มันสามารถส่งผลเพิ่มความสามารถโดยรวมของสิ่งมีชีวิตอัญเชิญได้ถึง 30%! อีกทั้งยังมีออพชั่นที่ส่งผลต่อเนื่องอย่างการเพิ่มความสามารถทุกทักษะของเนโครแมนเซอร์อีก 10% นับว่าเป็นไอเทมที่เนโครแมนเซอร์ทุกคนต้องอยากได้ไว้ในครอบครองอย่างแน่นอน
ในเมื่อมันช่วยเสริมการอัญเชิญของเนโครแมนเซอร์อย่างมหาศาล พวกเขาย่อมต้องยินดีจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อซื้อหาไอเทมชิ้นนี้ ไม่ว่าผู้เล่นใดที่เลเวลเกินกว่า 200 และมีกำลังเงินหยิบสอยใช้จ่าย ย่อมต้องยอมซื้อหาไอเทมชิ้นนี้ในราคาแพงอย่างแน่นอน!
โลกใต้พิภพเป็นพื้นที่ตกสำรวจ และมีผู้เล่นเพียงแค่สิบคนเท่านั้นที่มาเยือน ส่วนใหญ่ของมอนสเตอร์และบอสที่ถูกอาร์คฆ่ามักจะเป็นครั้งแรกที่พวกมันตาย ดังนั้นแล้วอัตราการดร็อปไอเทมจึงถือว่าดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และเมื่อใช้ร่วมด้วยกับดาบผ่าร่าง โลกใต้พิภพตอนนี้ไม่ต่างกับขุมทองสำหรับอาร์คเลยทีเดียว
กรั่ก กรั่ก กรั่ก! กรั่ก กรั่ก กรั่ก!
ขณะนั้นเอง เขาพลันได้ยินเสียงดีมอสเข้ามาใกล้ตำแหน่งที่ศีรษะของทามูระอยู่ อาร์คเริ่มแตกตื่นขณะหันกลับไปมองและได้เห็นว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น ภาพฉากน่าสะพรึงได้บังเกิดต่อหน้าต่อตาของอาร์ค ดีมอสได้เชือดเฉือนเลือดเนื้อที่ศีรษะของทามูระออก ดีมอสปลดกะโหลกของตัวเองโดยทันทีพร้อมลูกไฟในดวงตาที่ดับวูบ จากนั้น มันจึงเปลี่ยนเอากะโหลกของทามูระประกอบเข้ากับโครงกระดูกของตัวเองอีกครั้งหนึ่ง เปลวเพลิงสีน้ำเงินพลันลุกโชนในดวงตาอีกครั้งพร้อมประกายไฟสีแดงที่ปรากฏขึ้นแผ่กระจายไปทั่วทั้งร่างโครงกระดูก
‘สวรรค์โปรด ให้ตายสิ… นี่สินะเหตุผลที่ดีมอสไม่อยากให้โจมตีใส่หัวของทามูระ?’
เพราะต้องการกะโหลกของทามูระ? แม้เขาจะทราบว่าดีมอสมีงานอดิเรกคือ ‘สะสมกระดูก’ แต่ก็ไม่เคยคิดเลยว่ากระทั่งหัวก็เปลี่ยนได้ด้วย? ช่างเป็นภาพที่ชวนพิศวงอย่างแท้จริง เป็นเพราะอาร์คไม่เข้าใจเรื่องราวดีพอ ดีมอสนั้นมีความต้องการที่สูงล้ำอย่างเหลือเชื่อไม่ใช่เพียงแค่เปลี่ยนกระดูกธรรมดา
ร่างโครงกระดูกใหม่ที่หลอมรวมเป็นดีมอสเริ่มถูกปกคลุมด้วยแสงสีแดงสลัว พร้อมกันนั้นหน้าต่างข้อความก็ปรากฏขึ้นแก่สายตาของอาร์คโดยทันที