เล่ม 10 ตอนที่ 1 : อาชีพของดีมอส? (4)
“จ้าวแห่งความตาย? มันคืออะไรกัน?”
เขาไม่เคยได้ยินชื่ออาชีพนี้มาก่อน
‘ช่องว่างของจ้าวแห่งความตายมีโอกาสเพียงแค่ 0.5% ในเมื่อความเป็นไปได้มันน้อยนิดขนาดนั้น มันอาจเป็นอาชีพที่หาได้ยากยิ่งกว่าอัศวินแห่งความตาย… หมายความว่า… โชคดียังมีผลอยู่งั้นสินะ?’
อาร์คมองวงล้อรูเล็ตด้วยสีหน้าแปลกประหลาด แม้เขาจะมีทางเลือกที่คิดไว้ค่อนข้างมาก แต่ก็ยังเป็นเรื่องน่าตื่นตาตื่นใจอยู่ดีที่เรื่องราวเป็นแบบนี้ ปัญหาอยู่ที่อาร์คไม่อาจตระหนักได้เลยว่าอาชีพจ้าวแห่งความตายคืออะไร เขาไม่อาจบอกได้เพียงแค่มองชื่อหรือว่าข้อมูลที่ปรากฏขึ้นตอนนี้
‘มันเป็นอาชีพที่โอกาสน้อยนิดจะได้รับ แต่ว่า…’
ก็ยังมีข้อกังขาอยู่เขาจึงลังเลที่จะเลือก
‘แต่เราก็ไม่มีทางเลือกอื่นเหลือแล้ว ถ้าการวิวัฒนาการล้มเหลว ดีมอสจะเสียพลังชีวิต 600 หน่วยและทุกค่าสถานะอีก 30 หน่วย และโอกาสวิวัฒนาการก็จะหายไปพร้อมกัน’
แม้ว่าอาชีพนี้จะดูคลุมเครือ แต่เขาก็ไม่อาจยอมรับบทลงโทษที่จะเกิดขึ้นได้ และดีมอสก็เหมือนจะมีการตอบสนองเช่นกัน ตอนที่ได้รับอาชีพพ่อค้าโครงกระดูกอีกฝ่ายก็พูดไม่พอใจอยู่ไม่น้อย ทว่าตอนนี้ดวงตากลับทอประกายมีชีวิตชีวาเมื่อได้เห็นชื่อจ้าวแห่งความตาย มันคล้ายกับตอนที่เขาฝึกดีมอสกับทักษะสะสมกระดูก และฝึกเดดริคกับทักษะดูดเลือด โดยพื้นฐานตามประสบการณ์ที่ผ่านมา สมุนปีศาจของเขามักจะมีการตอบสนองในทางที่ดีหากเป็นสิ่งที่พวกมันชอบ
“ตกลง เอาตามนั้นแล้วกัน วิวัฒนาการได้เลย!”
ท้ายที่สุด อาร์คตัดสินใจเลือกวิวัฒนาการขณะหลับตาเตรียมรับผลที่จะตามมา
วูบ วูบ วูบ!
ช่วงเวลานั้นเอง เสียงประหลาดพลันดังขึ้นจากกระดูกของดีมอสขณะร่างกายเริ่มเปลี่ยนแปลง จนกระทั่งถึงตอนนี้ ดีมอสนั้นถูกประกอบขึ้นด้วยชิ้นส่วนที่หลากหลาย ทั้งซี่โครงจากออร์ค กระดูกสะบ้าจากมนุษย์สุนัข… มันเป็นการผสมผสานรวมกระดูกของมอนสเตอร์อันหลากหลาย กระทั่งกระดูกของอันเดลก็มี ในเมื่อร่างกายนี้เกิดขึ้นจากสายพันธุ์ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ผลลัพธ์จึงปรากฏเป็นกระดูกไม่มีความสัมพันธ์กัน อีกทั้งยังสวมใส่เสื้อคลุมหยาบกร้านจนดูไม่ต่างจากกองขยะ แต่พอการวิวัฒนาการเริ่มต้น กระดูกเริ่มส่องแสงขณะเป็นสีดำ โครงกระดูกได้ถูกเปลี่ยนเป็นกระดูกสีดำทั้งหมด… ดวงตาก็ทอแสงสว่างสีแดงฉานออกมา
กรั่ก… กรั่ก กรั่ก… กรั่ก กรั่ก กรั่ก…
เสียงจังหวะที่กระดูกกระทบกันก็เปลี่ยนไป อีกทั้งยังดูมืดมนกว่าก่อนหน้า
=====
การวิวัฒนาการเสร็จสมบูรณ์
ทุกส่วนของร่างกายได้เกิดการยกระดับประสิทธิภาพให้เกิดความเหมาะสมกับการเติบโตของจ้าวแห่งความตาย พลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ที่เฝ้ามองโลกใต้พิภพได้ประทานนาม ‘ราซาค’ ให้กับจ้าวแห่งความตาย ตอนนี้ราซาคสามารถได้รับภูมิความรู้ที่จำเป็นสำหรับจ้าวแห่งความตาย
=====
ราซาค
ผู้อยู่อาศัยในโลกใต้พิภพซึ่งวิวัฒนาการได้หลังผ่านการสะสมกระดูก หลังดูดซับเศษเสี้ยวภูมิความรู้จากเนโครแมนเซอร์ผ่านกะโหลกของทามูระ ความรู้ความเข้าใจต่อความตายของราซาคจึงลึกล้ำขึ้น แม้ว่าจะมีความอหังการตามธรรมชาติ แต่ความภักดีต่อเจ้านายยังคงมี และจะได้รับโบนัสเพิ่มเมื่อได้เรียนรู้ทักษะที่เกี่ยวข้องกับความตาย นอกจากนี้ ประสิทธิภาพของดาบจะเพิ่มสูงมากขึ้น
สายพันธุ์ : อันเดต
แนวโน้ม : ความมืด
ชนชั้น : ระดับต่ำ
พลังชีวิต : 1,724 (+250)
ความภักดี : 620 (+30)
พละกำลัง : 253 (+20)
ความคล่องตัว : 95 (+20)
ความอดทน : 279 (+20)
สติปัญญา : 58 (+50)
ความฉลาด : 76 (+50)
โชค : 26 (+10)
*ความเสียหายโดยซอว์เบลดเพิ่มขึ้น 7, ความทนทาน +50, ระยะของแส้เพิ่มขึ้น 5 เมตร
*ท่านได้เรียนรู้ทักษะ ‘สมดุลแห่งความตาย’
*ท่านได้เรียนรู้ทักษะ ‘คำมั่นแห่งความตาย’
สมดุลแห่งความตาย (ขั้นต้น, เรียกใช้งาน) : หลังเข้าใจสมดุลแห่งความตาย ท่านจะสามารถเรียกดวงวิญญาณของมอนสเตอร์กลับคืนให้กับร่างกายได้หลังตายไป ทว่า เทคนิคนี้จำเป็นต้องแลกเปลี่ยนกับกระดูกของราซาคเพื่อให้ใช้งานได้สำเร็จ จำนวนของกระดูกที่ต้องเสียสละขึ้นอยู่กับค่าสถานะและระดับของเป้าหมาย นอกจากนี้ ถ้าหากท่านเสนอสิ่งที่มูลค่าเพิ่มมากขึ้น ค่าสถานะของเป้าหมายก็จะเพิ่มขึ้น พลังชีวิตของเป้าหมายที่ฟื้นคืนชีพจะได้รับกลับคืน 50% ทว่าราซาคจะไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ระหว่างการควบคุมเป้าหมายไม่เช่นนั้นสัญญาจะถูกยกเลิก
คำมั่นแห่งความตาย (ขั้นต้น, เรียกใช้งาน) : คำมั่นแห่งความตายคือวิธีการที่สมุนปีศาจจะแสดงความภักดีต่อเจ้านาย
หากผู้เล่นเสียชีวิต คำมั่นแห่งความตายจะทำงาน และสมุนปีศาจจะทำการแลกเปลี่ยนพลังชีวิตกับเจ้านาย ทว่า สมุนปีศาจจะเสียชีวิตโดยทันทีและจะรับบทลงโทษของความตายแทนเจ้านายโดยทุกค่าสถานะ -1
=====
‘นี่มัน… ควรดีใจสินะเนี่ย?’
อาร์คอ่านหน้าต่างข้อมูลด้วยสีหน้าโง่งม หลังวิวัฒนาการ ค่าสถานะก็เพิ่มสูงขึ้นมาก พลังชีวิตและค่าความภักดี 170 หน่วยถึงกับถูกเสริมเข้าไป จึงเป็นการเพิ่มเลเวลให้กับดีมอสถึง 17 ระดับ และก็เป็นดังคาด จ้าวแห่งความตายเป็นตัวละครสายนักเวท การที่จะเพิ่มสติปัญญาและความฉลาดนั้นจำเป็นยิ่งกว่าพละกำลังและความคล่องตัว ทว่า มันก็ไม่ใช่อะไรที่จะเอาไปเทียบเปรียบกับนักเวทได้เลย ในเมื่อวิวัฒนาการมาพร้อมดาบและโล่ที่ถืออยู่ พละกำลัง ความคล่องตัว และความอดทน ทั้งหมดถูกเพิ่มขึ้นมาในระดับหนึ่ง นั่นจึงทำให้พลังป้องกันและพลังโจมตีเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แม้ว่าดีมอสจะเติบโตขึ้นในเส้นทางของนักเวท แต่ก็นับว่าโชคดีที่อาร์คเคยฝึกพื้นฐานให้มันเป็นนักรบ
‘เพิ่มความเสียหายให้ซอว์เบลดไม่ค่อยส่งผลอะไรนัก พลังโจมตีที่เพิ่มขึ้น 7 หน่วยก็จะเป็น 30~40 ถือว่าด้อยกว่าดาบแห่งกิลซาลเยอะเอาเรื่อง แต่ถ้านับว่าเป็นดาบมือเดียวก็แข็งแกร่งเอาการอยู่ แต่ตอนนี้เราคุ้นชินกับดาบแห่งกิลซาลแล้วก็คงไม่เปลี่ยนกลับไปใช้’
ในเมื่อบางครั้งเขาก็ต้องใช้งานแส้ การที่พลังโจมตีเพิ่มขึ้นก็นับว่าเป็นอะไรที่ดี ปัญหาอยู่ที่ทักษะ ‘สมดุลแห่งความตาย’ และ ‘คำมั่นแห่งความตาย’ หมายความว่าเขาสามารถฟื้นคืนชีพมอนสเตอร์ที่ตายไปแล้วและใช้งานพวกมันได้อย่างอิสระ มันฟังดูน่าทึ่งอยู่หากเพียงแค่คิด ทว่าเทคนิคนี้จำเป็นต้องสละกระดูกบางส่วนของราซาคทุกครั้งที่ใช้งาน นั่นหมายความว่าจะเป็นการลดทอนค่าสถานะที่ได้รับมาผ่านการสะสมกระดูก แน่นอนว่าเขาสามารถเรียกมันคืนกลับผ่านการสะสมกระดูกได้เช่นเดียวกัน แต่เขาก็ไม่คิดต้องการเสียสละค่าสถานะไปเพียงเพราะแค่ความสามารถ 50% ของมอนสเตอร์
‘อืม มันคงดีมากถ้าเราเลือกฟื้นคืนชีพให้บอส…’
แต่การฟื้นคืนชีพมอนสเตอร์ต้องใช้กระดูกสามชิ้น อีกทั้ง มันยังจะทำให้เคลื่อนไหวไม่สะดวกเพราะราซาคไม่สามารถขยับตัวได้ และยังมี ‘คำมั่นแห่งความตาย’ แทนที่อาร์คจะตาย เขาสามารถปันส่วนแบ่งพลังชีวิตของราซาคมาได้ ทว่า มันจะดีหากราซาคมีพลังชีวิตเหลืออยู่มาก หากพลังชีวิตของราซาคมีน้อย แบบนั้นแล้วทั้งอาร์คและราซาคก็จะต้องเสียค่าสถานะด้วยกันทั้งคู่
‘บอกไม่ถูกเลยว่าทักษะของอาชีพนี้มันดีหรือแย่กันแน่’
อาร์คครุ่นคิดด้วยสีหน้าแปลกประหลาด สำคัญคือการวิวัฒนาการต้องผ่านการรวบรวมกระดูกเพื่อเพิ่มค่าสถานะ ตอนนี้กลับได้ทักษะหลังวิวัฒนาการเพื่อลดค่าสถานะตัวเองเสียแทน
‘แล้วเราก็ไม่อยากใช้กระดูกที่ราซาคมีอยู่ด้วยสิ’
แม้ว่าราซาคจะได้รับทักษะใหม่มาจนได้ ทว่าอาร์คก็ไม่คิดที่จะทดสอบประสิทธิภาพแต่อย่างใด
‘โดยรวมก็ไม่แย่ จ้าวแห่งความตายดูแล้วน่าจะเป็นลูกผสมระหว่างนักเวทและนักรบ ในเมื่อพลังโจมตีและพลังป้องกันไม่ได้น้อยอะไรนัก เราก็ยังคงใช้งานในฐานะแทงค์ได้อยู่ และทักษะที่ได้รับมาในบางสถานการณ์ก็น่าจะใช้งานได้ดีพอสมควร ก็ดี ตอนนี้เหลือแค่เรียกค่าสถานะกลับคืน ต้องเริ่มทำอาหารแล้วสิ’
อาร์คพึงพอใจกับผลลัพธ์เช่นนี้ ความจริงที่ไม่ได้วิวัฒนาการเป็นอัศวินแห่งความตายก็รบกวนใจอยู่ แต่อย่างน้อยอาชีพจ้าวแห่งความตายก็พอใช้งานได้ ไม่ใช่ว่ามันดีกว่าเป็นร้อยเท่าหากเอาไปเทียบกับพ่อค้าโครงกระดูกหรือไร? อาร์คเผยรอยยิ้มขณะมองราซาค
“เอาล่ะ ตอนนี้ก็วิวัฒนาการเรียบร้อยแล้วสินะ ดีมอส… ไม่สิ ตอนนี้เป็นราซาคแล้วสินะ?”
กรั่ก กรั่ก… กรั่ก กรั่ก กรั่ก…
ราซาคพยักหน้ารับอย่างเนือย ๆ ที่จริงมันมีสิ่งหนึ่งที่เขาไม่พบระหว่างการวิวัฒนาการ ตอนที่ดีมอสพบเจอกระดูกที่ดีต้องตา อีกฝ่ายมักจะเผยอาการมีชีวิตชีวาเสมอ นั่นคือเสน่ห์ที่พบเห็นได้เสมอมา… แต่ตอนนี้อาร์คไม่อาจจับความรู้สึกได้หลังวิวัฒนาการเป็นจ้าวแห่งความตาย แม้ว่าสภาพบรรยากาศจะค่อนข้างเข้มข้นจนให้ความรู้สึกหมองหม่น เดดริคยังคงเผยท่าทีไม่พอใจต่อราซาค
“เชอะ ไอ้หนูนี่ตอนนี้ถึงกับเปลี่ยนบรรยากาศรอบตัวเลยงั้นสิ?”
กรั่ก กรั่ก? กรั่ก กรั่ก กรั่ก…
“ว่าอะไรนะ? เหอะ เพราะตัวแกเลยประสบความสำเร็จไปงั้นสิ? อย่ามาพูดให้ขำ ที่แกทำก็แค่หยิบฉวยกระดูกเพื่อวิวัฒนาการเท่านั้น! ข้าต่างหากที่เป็นผู้สืบทอดของสายเลือดอันสูงศักดิ์ของแวมไพร์! ข้าจะไม่ยอมใช้วิธีการไร้ความคิดแบบที่แกทำแน่!”
กรั่ก กรั่ก กรั่ก… กรั่ก กรั่ก กรั่ก กรั่ก!
ราซาคหัวเราะออกขณะไหวไหล่ให้
“ว่าอะไรนะ? ไอ้เจ้านี่ คิดว่าจะจบเรื่องได้หรือไง? ไม่ใช่ว่านานมาแล้วเป็นแกหรือไงที่กลิ้งไปมากับพื้นทั้งที่ทำอะไรไม่ได้ ตอนนี้เมินเฉยข้างั้นสิ? อยากลิ้มรสประสบการณ์ตอนนั้นอีกสักครั้งไหม?”
เดดริคเริ่มโพล่งออกด้วยความโกรธ
“เดดริค หยุด ทำไมไม่สงบใจลงแล้วคุยกันดี ๆ ล่ะ?”
“ว่าอะไรนะขอรับ? ตอนนี้กระทั่งเจ้านายก็จะทำเป็นเมินข้า?”
ใบหน้าของเดดริคพลันบิดเบี้ยวเพราะคำพูดของอาร์ค
“แกจะทำตัวแบบนี้อีกนานไหม?”
“ขอรับ แล้วทำไม? คิดจะทำร้ายข้าอีกแล้วงั้นสิ? เอาเลย! เจ้านายก็คิดว่าข้าเป็นแวมไพร์ที่วิวัฒนาการไม่ได้อีกแล้วงั้นสิ? เหอะ ดี ดี! ทุบตีข้าเลยสิขอรับ! ฉีกทึ้งข้าเลย!”
‘ทำไมอยู่ดี ๆ ถึงทำตัวแบบนี้กันเนี่ย?’
อาร์คมองเดดริคอย่างไม่อาจเข้าใจ
แต่แล้วผ่านไปชั่วครู่ ความคิดหนึ่งได้ผุดขึ้นในหัวของเขา
‘เดี๋ยวนะ? หรือว่าไอ้เจ้านี่… ฮ่า ฮ่า ไม่เลวเลย’
อาร์คตระหนักได้ว่าเดดริคทำไมถึงทำตัวแบบนี้จึงเผยเสียงหัวเราะออกมา ถ้าหากเขานึกย้อนกลับไปในอดีต ความสัมพันธ์ของพวกเขาตอนที่ยังเป็นค้างคาวและกะโหลกนั้นไม่ค่อยใกล้ชิดอะไรกันมาก เดดริคสามารถพูดได้แต่แรกอีกทั้งยังมีความสามารถบินได้ แบบนั้นแล้วมันจึงทำเป็นเมินเฉยเจ้ากะโหลกที่ได้แค่กลิ้งไปมากับพื้น
อาร์ค > ค้างคาว > กะโหลก > งู
นั่นคือการจัดอันดับในใจของเดดริค นอกจากนี้ อาร์คยังวิวัฒนาการมันเป็นตัวแรก เพราะงั้นแล้วมันจึงเกิดอาการกระยิ้มกระหย่องในใจ และเมื่อความสัมพันธ์ดำเนินต่อไป กระทั่งหลังเจ้ากะโหลกวิวัฒนาการเป็นดีมอส นั่นเป็นครั้งแรกที่อันดับซึ่งเคยมีพลังทลาย เดดริคมักคิดว่าตัวเองเหนือกว่าเพราะวิวัฒนาการเป็นตัวแรก แต่ตอนนี้ทั้งราดันและราซาคต่างก็วิวัฒนาการตามกันมา แบบนั้นแล้วตำแหน่งที่มันเคยมีเลยสั่นคลอน ในฐานะแวมไพร์ ความภาคภูมิที่เคยมีจึงคล้ายโดนหั่นด้วยมีด
“หัวเราะ? ข้าตลกสินะ? บ้าบอที่สุด อย่าหัวเราะนะ! ข้าคือท่านเดดริค!”
‘ดี ก็ไม่ได้รังเกียจท่าทีแบบนี้หรอก ทำไมเราคิดไม่ถึงมาก่อนเลยนะ?’
ท้ายที่สุดอาร์คจึงตระหนักได้ว่าทำไมเดดริคถึงมีพฤติกรรมแบบนี้ อีกฝ่ายพยายามมีตัวตน กระทั่งว่าราซาคมีความภักดีสูงกว่า แต่เมื่อครู่เป็นเขาทำอาหารให้ราซาคอย่างตั้งใจโดยที่เดดริคได้กินของเหลือ มันก็เลยแสดงอาการแบบนี้ออกมา ปกติเดดริคมักเป็นเพียงตัวเดียวที่บ่นไม่หยุด แต่แล้วครั้งนี้กลับไม่ปริปากพูดถึง
‘ต้องแบบนี้สิ การพยายามไม่ลำเอียงกับสองตัวนี้นับเป็นเรื่องผิดพลาด ตอนนี้ความภาคภูมิของเดดริคไม่ยอมให้มันบ่นออกมากับแค่เรื่องอาหาร เพราะช่องว่างระหว่างราซาคมีความห่างขึ้นมาก หึหึหึ วิธีนี้ไม่เลวเลยทีเดียว’
เป็นเพราะเผยจุดอ่อนออกมาเอง อาร์คจึงจับหางเดดริคเอาไว้ได้
‘ไอ้เจ้านี่ฉลาดก็ใช่ แต่ยังไงก็ทำตัวเหมือนเด็กน้อย’
ซื่อ ซื่อ ซื่อ!
ขณะนั้นเอง ราดันที่ออกไปสำรวจรอบด้านได้กลับมาแล้ว ท่ามกลางศพของชาวนาคูจักทั้งสองร้อยในจัตุรัสใต้ดิน ราดันได้เก็บเกี่ยวทุกสิ่งอย่างมาจึงได้รับไอเทมมาหลายร้อยรายการ แม้ว่าจะไม่มีไอเทมอะไรพิเศษ แต่จำนวนของมันก็มากพอที่จะทำให้อาร์ครู้สึกยินดีได้ หลังเสร็จสิ้นเรื่องราวแล้ว อาร์คจึงกลับไปยังชั้นสองที่ทุกคนกำลังรออยู่
“เอ้า ไปกันได้แล้ว”
“บู่ บู่ เชอะ!”
เดดริคคร่ำครวญออกมาขณะตามหลังพวกเขาไปไม่ห่าง