เล่ม 10 ตอนที่ 6 : แม่หญิงงาม (1)
‘อา ไม่ได้… นี่ไม่ได้แล้ว’
ความอดทนอดกลั้นของอาร์คเริ่มใกล้ถึงขีดสุด ขณะที่ลาริเอ็ตเต้ทำผลการต่อสู้ออกมาแย่ เดดริคก็เริ่มทำตัวน่ารำคาญ และเขายังต้องออกไปรวบรวมวัตถุดิบเพื่อมื้ออาหารให้คนพวกนี้เสมอ…
=====
เพราะผู้เล่น สมุนปีศาจของท่านสามารถกินอิ่มได้อย่างพึงพอใจ
=====
ไม่ใช่ว่าหน้าต่างข้อความนี่เป็นการสาดเกลือใส่บาดแผลหรือไร? ความตึงเครียดของอาร์คสะสมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
‘มีวิธีอื่นไหมนะ? มันต้องมีวิธีที่ทำให้ลาริเอ็ตเต้มีประโยชน์กับการต่อสู้มากกว่านี้ และต้องแก้ไขนิสัยเด็กเลวของเดดริคด้วย! ถ้าเราหาวิธีนั้นไม่พบได้อกแตกตายแน่!’
อาร์คแทบคำรามอยู่ในลำคอขณะจ้องมองลาริเอ็ตเต้ ที่จริงเธอทำให้อาร์ครับมือไม่ถูก ที่มันยากแบบนี้ก็เพราะเธอเป็นผู้หญิง เขาไม่อาจเปิดอกพูดจากับเธอโดยตรงได้ แต่ถ้าหากเขาต้องบาดเจ็บจนเกือบตายเพราะเธอนั่นก็คงไม่ไหวเหมือนกัน
‘หรือเราควรหลับตาแล้วพูดสิ่งที่อยากพูดออกไปเลยดี?’
เขาคิดแบบนี้หลายต่อหลายครั้งและก็จบลงที่เพียงแค่คิดวนไปมา อีกฝ่ายไม่ใช่ผู้หญิงอื่นใด แต่เป็นลาริเอ็ตเต้ หากเป็นคนที่เขาสนิทด้วยอย่างโรโค่คงไม่มีปัญหาอะไรหากจะพูดออกไป
‘เฮ้อ… ทำเอานึกถึงที่ครูฝึกลีมย็องลงพูดไว้เลย…’
อาร์คนึกถึงลีมย็องลงขึ้นมา ตำรวจหญิงที่ไปออกกำลังกายในยิมก็มีจำนวนหนึ่งเลยทีเดียว ทว่าลีมย็องลงก็ไม่ได้มีท่าทีอื่นใดผิดแผกไปซึ่งไม่ต่างกับที่เขามีให้กับผู้ร่วมทีมคนอื่น อย่างไรก็ดี ถ้าหากเขาเป็นคนที่ใช้ความรุนแรงกับผู้หญิงคงไม่มีทางมาเป็นหัวหน้าทีม SWAT ได้อย่างแน่นอน
“ถ้าหากจะให้พูดว่าการดูแลผู้หญิงที่ดีที่สุดคืออะไร ก็คือควรให้เธออยู่บ้านและไปซักผ้า!”
นั่นน่าจะเป็นสิ่งที่ลีมย็องลงคิด แน่นอนว่าตำรวจหญิงไม่ได้เผยสีหน้าไม่พึงพอใจเลยสักนิด ถ้าหากพวกเขาไม่ได้ฝึกร่วมกันในยิมมาเนิ่นนาน บางทีอาจมีเสียงตะโกนต่อว่าไปแล้วก็ได้
‘หือ? เดี๋ยวนะ?’
ความคิดหนึ่งคล้ายวาบผ่านเข้ามา
‘ใช่แล้ว ทำไมเราไม่คิดถึงมาก่อนเลยนะ?’
อาร์คพลันพบวิธีแก้ทุกปัญหาที่เกิดขึ้น เขาเริ่มยืนขึ้นโดยทันทีพร้อมเดินไปหาลาริเอ็ตเต้
“ลาริเอ็ตเต้นิม ผมอยากพูดคุยด้วยน่ะครับ”
“พูดมาได้เลยค่ะ”
“ลาริเอ็ตเต้นิมตอนนี้เป็นอัศวินแล้ว ไม่ใช่ว่าอัศวินพิสุทธิ์ก็คล้ายกับอัศวินศักดิ์สิทธิ์เหรอครับ? แบบนั้นแล้วเวทมนตร์ศักดิ์สิทธิ์น่าจะมีบทบาทเรื่องการสนับสนุนมากกว่า เรียนรู้วิธีการใช้ดาบและโล่สำคัญก็จริง แต่เวทมนตร์ศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่แพ้กัน ลาริเอ็ตเต้นิมไม่ลองต่อสู้โดยสนุกไปกับมันดูเหรอครับ?”
“ก็จริงนะคะ…”
ลาริเอ็ตเต้ตอบกลับเสียงเบา ถูกต้อง ลาริเอ็ตเต้ก็ทราบดีเพราะเคยมองดูอลันจากด้านข้างตลอด เพราะแบบนั้นเธอจึงได้เรียนรู้ทักษะประชิดมาบ้าง นั่นจึงเป็นเหตุให้เธอคิดอยากเข้าประชิดมอนสเตอร์เพื่อเป็นประโยชน์ต่ออาร์ค
“แต่เพราะลาริเอ็ตเต้นิมเป็นนักเวทมาตั้งแต่เล่นเกม แบบนั้นแล้วจะให้เปลี่ยนมาเป็นเชี่ยวชาญต่อสู้ประชิดเลยก็ออกจะฝืนเกินไป เพราะงั้นลองเปลี่ยนมาเป็นสนับสนุนการต่อสู้โดยใช้เวทมนตร์ฟื้นฟูและค่อย ๆ เรียนรู้วิธีการต่อสู้ระยะประชิดพื้นฐานทีละน้อยดีไหมครับ ถ้าหากแบบนั้นแล้วผมก็ยินดีช่วยสอนพื้นฐานให้นะครับ”
“อาร์คนิมจะสอนให้ฉันเหรอคะ?”
“ใช่ครับ ผมจะสอนทุกสิ่งเรื่องการใช้ดาบและการเคลื่อนไหวในระยะประชิดให้ครับ”
ลาริเอ็ตเต้ครุ่นคิดไปพักก่อนพยักหน้ารับ
“…ลองดูก็ดีค่ะ”
รอยยิ้มปรากฏที่มุมปากอาร์ค ถูกต้อง ถ้าหากเธอไม่ทราบวิธีการต่อสู้ ทางที่ดีกว่าคือสอนให้เธอ นอกจากนี้ อาร์คและลาริเอ็ตเต้จะได้กลายเป็นผู้สอนและผู้ฝึก เขาไม่รู้วิธีการพูดกับผู้หญิง แต่ถ้าหากจะมีลูกศิษย์สักคนก็ไม่ใช่ว่าเขาสามารถบอกกล่าวทุกสิ่งอย่างที่คิดได้หรอกหรือ?
‘ก็ไม่รู้หรอกนะว่าจะดีแค่ไหน แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้แน่’
อาร์คจึงทำให้ลาริเอ็ตเต้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมได้
“งั้นเริ่มเลยก็แล้วกันนะครับ อย่างแรกเลย เหวี่ยงดาบหนึ่งพันครั้ง!”
“คะ? หนึ่งพันครั้ง?”
“นักรบคนอื่นล้วนเหวี่ยงดาบมาตั้งแต่ยังเลเวล 1 ถ้าหากลาริเอ็ตเต้นิมอยากให้พื้นฐานดีขึ้นเพื่อให้ต่อสู้กับมอนสเตอร์เลเวล 200 ได้ แบบนั้นแล้วลาริเอ็ตเต้นิมก็ต้องเข้าให้ถึงพื้นฐานผ่านการเหวี่ยงดาบจำนวนมากทุกวันครับ”
อาร์คเริ่มทำตัวเป็นผู้ฝึกสอนกำลังสอนสั่งลูกศิษย์ในสังกัด
“ไว้ครบหนึ่งพันครั้งแล้วผมจะกลับมาอีกครั้ง ถึงตอนนั้นจะสอนเรื่องการป้องกันนะครับ”
พออาร์คให้ลาริเอ็ตเต้ฝึกด้วยตนเอง เขาจึงไปหาเดดริค ราซาค และบุคซิลที่อยู่ในแคมป์ เขาเผยรอยยิ้มเย็นเยียบขณะเอ่ยปากขึ้น
“เอ้า ทุกคนตามมาทางนี้หน่อย”
“ขอรับ? อะไรกัน? คงไม่ใช่จะลากพวกข้าเข้าที่มืดแล้วจัดการหรอกนะขอรับ?”
“จัดการ? ฝึกฝนต่างหาก ลาริเอ็ตเต้นิมกำลังพยายามอย่างหนักเพื่อให้แข็งแกร่งขึ้น พวกนายจะเอาแต่ขี้เกียจกินและนอนแบบนี้ไม่ได้ ในเมื่อต้องอยู่ร่วมกันอีกหลายวันเพื่อฝึกให้ลาริเอ็ตเต้นิม แบบนั้นแล้วพวกนายก็ต้องฝึกด้วยเช่นกัน ทุกคนต้องสำเร็จการศึกษาพื้นฐานและฝึกซ้อมมือกับฉันทุกวัน”
“อะ-เอ่อ ข้าไม่อยากขอรับ!”
“ผมก็ไม่ ทำไมพ่อค้าต้องฝึกด้วย…”
“อย่าพูดมาก! ตามมาได้แล้ว!”
อาร์คลากสมุนปีศาจและบุคซิลเข้าไปในป่า จากนั้น… เขาจึงใช้การฝึกฝนโดยการประมือโดยเน้นหนักที่ความรุนแรงอยู่นานสองนาน ผ่านไปสองชั่วโมง ใบหน้าของทั้งสมุนปีศาจและบุคซิลต่างเต็มไปด้วยรอยบวมปูดจากการฝึก(?)ของอาร์ค ท้ายที่สุดพวกเขาจึงกลับมายังแคมป์ ลาริเอ็ตเต้ที่กำลังเหวี่ยงดาบอยู่จึงเผยอาการตื่นตกใจ
“ตายแล้ว หน้านั่น…”
“เป็นการฝึกน่ะครับ หลังได้เห็นลาริเอ็ตเต้นิมพยายาม เจ้าพวกนี้ก็เลยเกิดแรงใจที่จะฝึกปรือฝีมือให้ดียิ่งขึ้น”
ใบหน้าของบุคซิลแทบบิดเบี้ยวเพราะคำลวงการฝึกของอาร์ค ทว่าเมื่ออาร์คยิ้มและหันกลับ บุคซิลจึงพยักหน้ารับโดยทันทีขณะหลั่งเหงื่อท่วมใบหน้า ผลการฝึกสองชั่วโมงได้เผยออกมาแล้ว
‘อา สดชื่นดีจัง! เหมือนที่คิดไว้ ต้องคอยสั่งสอนมารยาทให้ไอ้เจ้าพวกนี้’
อาร์ครู้สึกสดชื่นขึ้นมาเหมือนเด็กไปสิบปีก็ไม่ปาน อีกไม่กี่วันถัดจากนั้น อาร์คยังอยู่ที่เดิมเพื่อมุ่งเน้นที่การฝึกฝน โชคดีที่ลาริเอ็ตเต้ได้เรียนรู้ ‘เชี่ยวชาญดาบ’ และ ‘ป้องกันหนัก’ มาได้แล้ว ขณะที่บุคซิลและสมุนปีศาจของเขาต่างก็สูญเสียน้ำหนักที่ได้รับมาเกินไปมาก โบนัสที่ได้ พวกเขาล้วนกลับมาเชื่อฟังเขาในฐานะลูกศิษย์อีกครั้งหนึ่ง
‘หึหึหึ อีกไม่ช้าคงเรียบร้อยดี… อำนาจการควบคุมกลับมาอยู่ในมือเราอีกครั้ง’
หลังจากลาริเอ็ตเต้ฝึกฝนท่าพื้นฐานเรียบร้อย โดยทันทีอาร์คจึงเริ่มสอนส่วนต่อไปของการฝึกฝน
“ตอนนี้ผมจะแสดงขบวนการเคลื่อนไหวของปาร์ตี้ให้ดูนะครับ เพราะงั้นแล้วรบกวนดูให้ดี เดดริค ราซาค!”
“ขอรับเจ้านาย!”
กรั่ก กรั่ก กรั่ก!
ลูกศิษย์อย่างเดดริคตอบรับคำพร้อมบินขึ้น
“รูปแบบขบวนจะเป็นแผน A ถึง D ตามลำดับนะครับ เริ่มได้!”
อาร์คให้สมุนปีศาจออกนำขณะเริ่มการต่อสู้กับกลุ่มคูรุน ดวงตาของลาริเอ็ตเต้จึงได้เบิกกว้าง ที่จริง เธอไม่เคยเข้าใจเลยยามที่รับชมอาร์คต่อสู้ก่อนหน้านี้ จังหวะเวลาที่หลบการโจมตี องศาของดาบ และยังท่าเท้า! ทุกสิ่งอย่างล้วนเป็นเทคนิคพื้นฐาน แต่เธอไม่เคยเข้าใจเลยสักนิดเพราะเธอไม่เคยฝึกฝนการเป็นนักรบมาก่อน แต่ตอนนี้เธอมีภูมิความรู้ในระดับที่สูงขึ้นเพราะการฝึกสอนของอาร์ค นอกจากนี้ เธอยังได้เรียนวิธีการต่อสู้ร่วมกับปาร์ตี้และสมุนปีศาจของอาร์คด้วย
‘ระดับสูงมาก! ตอนนี้เราพอจะรู้แล้วว่าอาร์คนิมยอดเยี่ยมขนาดไหน แต่เขากลับไม่เคยพูดออกมาเลย… บางทีอาจจะเขินอายเกินจะพูดเรื่องสอนเทคนิคการต่อสู้ระยะประชิดให้กับเรา’
ลาริเอ็ตเต้เริ่มมองเขาด้วยความนับถือที่ยกระดับมากขึ้น อย่างไรแล้วอาร์คได้มอบหนังสือที่เนื้อหาอธิบายถึงพื้นฐานการแปรขบวนทัพของสมุนปีศาจให้เธอด้วย หลังจากฝึกกันไปพักหนึ่ง ฝีมือของลาริเอ็ตเต้ตอนนี้ก็น่าจะเทียบนักรบเลเวล 30 ได้ ด้วยเหตุนี้อาร์คจึงเริ่มสอนโดยใช้สมุนปีศาจของตน ที่จริง ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะได้มาออกคำสั่งกับเธอเช่นนี้ แต่หลังจากได้กลายเป็นผู้ฝึกและลูกศิษย์ซึ่งกันและกัน มันไม่ใช่เรื่องยากอะไรอีกต่อไปที่จะแนะแนวให้เธอ ไม่สิ เขาก็สงสัยตัวเองอยู่เหมือนกันว่าก่อนหน้านี้มัวแต่ลังเลอะไรอยู่
‘ใช่แล้ว เธอก็แค่คนอื่นที่เรารู้จักกันเท่านั้นเอง’
ลาริเอ็ตเต้ไม่ถูกนับเป็น ‘แขก’ ของกลุ่มอีกต่อไป เพราะงั้นเขาจึงไม่ต้องระวังอะไรอีก มันเป็นเพียงแค่การร่วมเดินทางกับสหายร่วมงานก็เท่านั้น และในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว… เขาก็มีเหตุผลที่จะยัดเยียดให้เธอฝึกตามที่เขาต้องการได้ด้วย เมื่อความสัมพันธ์กระจ่างชัดขึ้นมา อาร์คจึงเผยธาตุแท้
“ลาริเอ็ตเต้นิม กิลด์ดาบแห่งอรุณรุ่งถูกยุบไปแล้วใช่ไหมครับ? เพราะงั้นเดินทางร่วมกับผมก็ไม่น่าจะมีอะไรต้องกังวล แต่ถ้าหากวันหนึ่งต้องเดินทางคนเดียว แบบนั้นแล้วลาริเอ็ตเต้นิมจะได้มีทักษะไว้ใช้เพื่อตัวเองได้ ในบรรดาสิ่งเหล่านั้น สิ่งสำคัญคือการทำอาหาร เรียนรู้วิธีการรวบรวมวัตถุดิบ แบบนั้นจะช่วยให้การทำอาหารนับจากนี้ง่ายขึ้น ผมจะสอนเรื่องนี้ให้ครับ บุคซิลก็ด้วย ฉันจะสอนเรื่องรวบรวมวัตถุดิบให้”
“ครับ? แต่ผมมีงานต้องถ่ายทำอาร์คนิม…”
บุคซิลโพล่งออกมาอย่างตื่นตกใจแต่ก็ต้องหุบปากไปเมื่ออาร์คจับเขย่าตัว ด้วยเหตุนี้อาร์คจึงได้สอนอีกฝ่ายถึงวิธีการจำแนกวัตถุดิบ ในเมื่อมันมีวัตถุดิบระดับสูงมากมายในโลกใต้พิภพ มันก็มีอีกมากมายที่ไม่อาจนำมาใช้ แต่หลังผ่านไปหลายวันแห่งความเจ็บปวด ทั้งลาริเอ็ตเต้และบุคซิลจึงได้เรียนรู้ทักษะจำแนกวัตถุดิบ
“เรียนได้แล้ว จำแนกวัตถุดิบ!”
“ยินดีด้วยนะครับ นับจากนี้คือส่วนสำคัญ การที่ทักษะจะเพิ่มประสิทธิภาพขึ้นมาได้ก็ต้องใช้งานกับวัตถุดิบที่หลากหลาย ตอนนี้สิ่งสำคัญคือการมองหาวัตถุดิบไปด้วยเวลาที่ไม่ได้ต่อสู้”
ด้วยเหตุนี้ อาร์คจึงบีบบังคับให้บุคซิลและลาริเอ็ตเต้ออกรวบรวมวัตถุดิบนับแต่นี้
‘เฮ้อ ตอนนี้เราจะได้เน้นไปที่ทักษะถลกหนังกับแล่เนื้อแทนที่จะเป็นรวบรวมวัตถุดิบได้เสียที’
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาจึงบีบบังคับให้ทั้งสองฝึกฝนจำแนกวัตถุดิบ เขาต้องการเพิ่มระดับทักษะถลกหนังและแล่เนื้อให้เข้าสู่ขั้นสูงเพื่อให้ได้รับผิวหนังและหัวใจของอันเดต แต่ถ้าหากเขาต้องง่วนอยู่กับการทำอาหารป้อนพวกเขาไม่รู้จบรู้สิ้น แบบนั้นเขาก็จะไม่มีเวลาไปเพิ่มทักษะที่ตัวเองต้องการกันพอดี
‘นี่สิการเดินทางที่คู่ควร!’
ด้วยเหตุนี้ ความตึงเครียดทั้งหมดที่เคยสะสมมาพลันหายไป แต่ไม่ช้าหลังเริ่มเดินทางกันต่อ พวกเขาก็ได้พบกับความยากลำบากครั้งใหม่
“แผน A-1! ลาริเอ็ตเต้นิมโจมตีจากทางด้านหลัง!”
อาร์คยอมให้ลาริเอ็ตเต้เข้าร่วมขบวนทัพสำหรับต่อสู้ เมื่อแผน A-1 ถูกสั่งใช้งาน อาร์ค ลาริเอ็ตเต้ และสมุนปีศาจของเขาจึงเข้าโจมตีจากทั้งสี่ทิศทาง ไม่ช้า คูรุนพิเศษที่ตัวใหญ่กว่าเป็นสองเท่าก็ไม่อาจต้านทานไหวขณะล้มพับลงไปและมีไอเทมดร็อปออกมา
=====
โล่คืนสภาพแห่งไม้การัม (วิเศษ)
ประเภท : โล่ขนาดกลาง
พลังป้องกัน : 250 (+40)
ความทนทาน : 320/400
น้ำหนัก : 25
ข้อจำกัดการใช้งาน : อัศวินเลเวล 150 ขึ้นไป
โล่ที่ปกคลุมด้วยไม้การัมซึ่งแข็งแกร่งยิ่งกว่าเหล็กกล้า ไม้การัมสามารถได้รับจากต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ มันสามารถใช้นำไปทำไอเทมศักดิ์สิทธิ์ได้หลากหลาย ถ้าหากใช้เพื่อสร้างชุดเกราะไม้ ออร่าอันศักดิ์สิทธิ์ก็จะคุ้มครองผู้สวมใส่
=====
“ไอเทมวิเศษ!”
ดวงตาของอาร์คเผยความหิวกระหายออกมา แต่ประสิทธิภาพของไอเทมชิ้นนี้คือปัญหา มันสำหรับอัศวินโดยเฉพาะเท่านั้น และยังช่วยเสริมเวทมนตร์ศักดิ์สิทธิ์ให้อีกด้วย เมื่อลาริเอ็ตเต้ตัดสินใจร่วมทางไปกับอาร์คแล้ว มีข้อตกลงกันแต่แรกแล้วว่าสิ่งของทั้งหมดจะยกให้อาร์คก็จริง แต่เพียงแค่มองดูไอเทมชิ้นนี้ ก็ชัดเจนแล้วว่าลาริเอ็ตเต้ควรใช้งานมัน กระทั่งว่าพวกเขามีข้อตกลงกัน โล่นี้ก็ทำให้เขาเกิดความกระหายต้องการไม่น้อย
‘ไม่ใช่แค่ไอเทมวิเศษธรรมดา โล่นี้ยังมีออพชั่นพิเศษที่หายาก! อย่างน้อยเอาไปลงเว็บไซต์ประมูลสินค้าก็น่าจะได้สักหนึ่งล้านวอน เรื่องนี้เราจะยอมไม่ได้! มันดีกว่าสิ่งของทั่วไปทั้งหมดที่เราเก็บมาตลอดทางเสียอีก…’
อาร์คนิ่งงันขณะหลบเลี่ยงสายตาของลาริเอ็ตเต้ จนกระทั่งท้ายที่สุดเขาจึงค่อยยกโล่ขึ้นมา เขาไม่อาจยอมปล่อยมือจากเงินหนึ่งล้านวอนได้จริง ๆ กระทั่งว่าต้องยอมเป็นคนเสียสติก็ตาม ขณะนั้นเองอาร์คจึงนึกความคิดหนึ่งอันปราดเปรื่องขึ้นมาได้
‘บัวต้องไม่ช้ำ และน้ำก็ต้องไม่ขุ่น…’