Ark The Legend – ตอนที่ 305

เล่ม 10 ตอนที่ 8 : ความรับผิดชอบของอาร์ค (1)

 

หนึ่งความคิดเปลี่ยนโลก มันเป็นแนวคิดที่ไม่ว่าใครต่างก็คิด และหลายครั้งก็มักเป็นจริง เมื่อเขาเปลี่ยนใจ อาร์คจึงเริ่มคิดหาแผนการเพื่อช่วยเหลือชาวแมลงสาบเหล่านี้โดยทันที ภาพลักษณ์ของพวกเขาตอนนี้หาได้ใช่อะไรที่จะเปลี่ยนใจเขาได้อีกไม่ ถูกต้อง เผ่าพันธุ์ สงครามศาสนา และกระทั่งการรังแกในสังคมทั้งหลาย ปัญหาพวกนี้ล้วนเกิดขึ้นบ่อยครั้ง แต่แล้วพอเกิดเรื่องบางอย่างขึ้น ความคิดก็สามารถเปลี่ยนแปลง… อย่างไรก็ตาม อาร์คไม่ได้รังเกียจที่จะจับมือและเท้าของชาวแกลกิ้นอีกต่อไป เขาลืมเลือนเรื่องรางวัลภารกิจจนหมดสิ้นแล้ว อาร์คเริ่มทำการตรวจสอบผู้ป่วยด้วยความหวังว่าเขาจะเป็นหมอผู้สามารถรักษา ไม่ช้า เขาพลันพบเห็นสิ่งหนึ่งที่ไม่เคยคิดว่าจะพบมาก่อน

‘นี่ออกจะแปลกไปบ้าง’

แคมป์แห่งนี้มีชาวแกลกิ้นกว่าห้าสิบคนรวมตัวกันอยู่ แต่พวกเขาทั้งหมดต่างมีอาการที่แตกต่างกัน

‘ถ้าหากติดโรคจากที่นี่ แบบนั้นอาการมันก็ต้องเหมือนกันสิ แต่แกลกิ้นพวกนี้แสดงอาการที่แตกต่างกันถึงสิบอย่างด้วยซ้ำ นี่ไม่ใช่แค่อาการป่วยทั่วไปแล้ว มันต้องมีอะไรเจือปนแน่ โรคนี้ดูแล้วไม่อาจรักษาได้ง่าย มันต้องมีเหตุผลที่เกิดขึ้นสิ’

อาร์คเริ่มสำรวจสภาพรอบพื้นที่หลายทิศทาง ในโลกใบนี้ ไม่มีอะไรที่เกิดขึ้นอย่างไม่มีสาเหตุ ชาวแกลกิ้นป่วยหลังเข้ามายังป่าแห่งนี้ แต่แล้วพวกเขาต้องทำอะไรที่แตกต่างกัน และนั่นต้องเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคของแต่ละคน อาร์คเริ่มถามผู้ป่วยแต่ละคนว่าทำอะไรกันบ้างหลังเข้ามาในป่า

“ป่า… หลังจากเข้ามา… ก็ไม่มีอะไร… แค่ก แค่ก”

“อะไรก็ได้ครับ จะเล็กน้อยแค่ไหนก็สำคัญทั้งนั้น”

“ก็… เหมือนปกติ… มารวมตัวกันเพื่อฉลอง… กินอาหาร… เต้นรำ… และเล่นสนุกกัน… แต่แล้วไม่ช้า… พวกเราทีละคนก็เริ่มป่วย…”

‘กินอาหารงั้นเหรอ?’

อาร์คเร่งร้อนถามกลับไป

“ได้ใช้วัตถุดิบที่แตกต่างกันหรือเปล่าครับ?”

“ไม่… วัตถุดิบเป็นสิ่งที่เก็บได้ที่นี่… พวกเราใช้พวกมันจำนวนหนึ่ง… แต่ปกติพวกเราก็กินกันแบบนั้น…”

‘หรือจะไม่ใช่?’

อาร์คคิดว่าพวกเขากินอาหารเป็นพิษเข้าไป แต่ถ้าหากเขาคิดให้ดีอีกครั้ง พวกเขาเหล่านี้เป็นนักเดินทางมืออาชีพ ดังนั้นแล้วชาวแกลกิ้นก็สมควรมีประสบการณ์กับวัตถุดิบมาโชกโชน พวกเขาคงไม่หน้ามืดตามัวกินวัตถุดิบไม่รู้จักที่เพิ่งพบในป่าแน่

‘แต่มันต้องมีอะไรที่ส่งผลกับพวกเขาสิ เราต้องหาให้เจอ’

“แล้ววัตถุดิบพวกนั้นเก็บจากแถวไหนมาครับ?”

“พื้นที่แถบนี้พวกเราหาวัตถุดิบเข้าท่าไม่เจอ… พวกเราก็เลยออกไปไกลหน่อย… โชคดี… พวกเราเจอมันอยู่ใกล้ธารน้ำ… พวกเราผสมมันกับวัตถุดิบที่พวกเรามี… จากนั้นก็มุ่งหน้าไปยังทิศทางที่มีต้นไม้ใหญ่”

“ลาริเอ็ตเต้นิม รบกวนรออยู่ที่นี่สักพักนะครับ”

อาร์คปล่อยผู้ป่วยไว้ให้ลาริเอ็ตเต้และบุคซิลขณะมุ่งหน้าไปยังธารน้ำ

“เดดริค ไปหาต้นไม้ใหญ่ แล้วก็มองหาธารน้ำด้วย”

“พบแล้วขอรับ”

ผ่านไปชั่วครู่ เดดริคกลับมาจากการสำรวจขณะนำทางเขาไปยังธารน้ำ มันเป็นธารน้ำสีรุ้งที่มักพบเจอได้บ่อยครั้งในโลกใต้พิภพ แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะหาวัตถุดิบใกล้ธารน้ำได้ หมอกหนาทำให้สัมผัสด้านกลิ่นเปลี่ยนไป อีกทั้งยังบดบังพืชพรรณ แต่ด้วยความอดทนของอาร์ค ในที่สุดเขาก็หาเจอ

“ไหนพวกเราเจออะไรกันเนี่ย? วินิจฉัยวัตถุดิบ!”

 

=====

อะซาทาร็อด

หญ้ากินได้ที่มักเติบโตตามริมธารน้ำ รากและใบของมันสามารถกินได้ และสามารถใช้เป็นเครื่องเทศได้

=====

 

“ไม่ใช่ที่คิดไว้เหรอเนี่ย?”

อาร์คถอนหายใจขณะส่ายศีรษะ ไม่ช้า เสียงหนึ่งพลันปรากฏขึ้นพร้อมหน้าต่างข้อมูลเด้งขึ้นอีกครั้ง

 

=====

ผลลัพธ์ขั้นสูงของ ‘วินิจฉัยวัตถุดิบ’ ได้แจ้งรายละเอียดเพิ่มเติม

อะซาทาร็อดที่ท่านถืออยู่นั้นกลายพันธุ์เพราะเติบโตข้างลำน้ำที่ปนเปื้อน ถ้าหากผู้ไม่มีภูมิต้านทานรับประทานเข้าไป อาการร้ายแรงอย่างปวดหัว เป็นไข้ จะปรากฏ ทว่า อะซาทาร็อดสามารถใช้งานเป็นยาเพื่อรักษาอาการเป็นพิษได้ ดังนั้นแล้วขึ้นอยู่กับวิธีการเลือกใช้ ท่านสามารถแยกส่วนที่เป็นยาออกมาเพื่อใช้รักษาอาการป่วยได้

=====

 

เมื่อทักษะวินิจฉัยวัตถุดิบเลื่อนระดับเป็นขั้นสูง มันไม่มีอะไรเพิ่มเติมปรากฏขึ้นอย่างเด่นชัด เพราะเหตุนั้นเขาจึงลืมเลือนไป แต่เขาก็ไม่คิดเลยว่าในสถานการณ์แบบนี้จะเป็นทักษะนี้ช่วยไว้

“ธารน้ำที่ปนเปื้อน?”

อาร์คตักตวงน้ำจากธารน้ำขึ้นมาขณะใช้ทักษะวินิจฉัยวัตถุดิบอีกครั้ง

 

=====

น้ำจากธารน้ำที่ปนเปื้อน

น้ำจากธารน้ำซึ่งไหลผ่านป่าแห่งชีวิต สามารถนำไปใช้ทำอาหารได้

ข้อมูลเพิ่มเติมขั้นสูง : มันดูคล้ายน้ำธรรมดา แต่หากมองให้ดีจะพบถึงสิ่งปนเปื้อนด้วยสารเคมีไม่รู้จักหลายชนิด ผลลัพธ์หากรับประทานเข้าไปอาจเกิดขึ้นได้เพราะสารเคมีหลากหลายที่ปนเปื้อน ระดับการปนเปื้อนนี้ส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตและพืชพรรณรอบบริเวณ

=====

 

“ว่าแล้ว ปัญหาอยู่ที่อาหารจริงด้วย”

เป็นเพราะอาร์คให้เหตุผลกับตัวเองก่อนการสืบหาสาเหตุ เขาจึงสามารถคาดเดาได้แล้วว่าชาวแกลกิ้นมีอาการป่วยเพราะอะไร ธารน้ำแห่งนี้เป็นสารเคมีผสมอยู่หลากหลาย สารเคมีเหล่านั้นมีทั้งดีและแย่ต่อร่างกาย และพืชพรรณที่เติบโตบริเวณริมน้ำต่างก็โดนปนเปื้อนไปด้วยสารเคมี ถ้าหากแกลกิ้นรู้จักการวินิจฉัยวัตถุดิบขั้นสูง แบบนั้นแล้วพวกเขาคงไม่มีทางกินวัตถุดิบอันตรายเหล่านี้เข้าไปแน่ แต่วัตถุดิบพวกนี้เพียงแค่มองก็เหมือนปกติธรรมดาทั่วไปที่สามารถนำไปทำอาหารได้ ด้วยเหตุนั้น ชาวแกลกิ้นจึงผสมกับอาหารจนก่อให้เกิดพิษจากสารเคมี และเพราะเหตุนั้นลาริเอ็ตเต้จึงไม่อาจใช้ทักษะรักษาโรคเข้าช่วยเหลือ รวมทั้งทักษะเยียวยาของอาร์คก็เช่นกัน

‘ถึงแบบนั้นก็เถอะ อาหารเป็นพิษ…’

สภาพแวดล้อมที่ปนเปื้อนนั้นหนักหนาเกินกว่าที่คิดไว้

‘เอาเถอะ แนวทางแก้ไขตอนนี้ก็พอจะคาดเดาได้แล้ว’

อาร์คนึกย้อนถึงข้อมูลที่สำรวจมาได้จากการใช้วินิจฉัยวัตถุดิบ ธารน้ำไม่ได้มีเพียงแค่สารเคมีผสมเท่านั้น แต่มันยังมีส่วนที่สามารถนำมาใช้เป็นยาได้ด้วย แบบนั้นแล้วเขาสามารถรับมือกับอาการอาหารเป็นพิษโดยใช้งานวัตถุดิบเหล่านี้ไปทำเป็นยาได้ เช่นกัน ยาก็สามารถนำไปทำเป็นยาพิษได้ด้วย เพราะแบบนั้นแล้วเขาจำเป็นต้องแยกส่วนที่ดีออกจากสารพิษเพื่อเริ่มกระบวนการ อาร์คมองธารน้ำด้วยสีหน้าจริงจัง เขานึกวิธีการออกแล้วก็จริง แต่ก็มีอีกหลายอย่างที่ต้องทำ อย่างแรก เขาต้องสำรวจว่าวัตถุดิบใดที่ชาวแกลกิ้นกินเข้าไป เพื่อหาสาเหตุของอาการทั้งหมดและนำไปสู่วิธีการรักษา

‘หวังว่าชาวแกลกิ้นจะพอมีสติตอบคำถามเราได้นะ แบบนั้นแล้วจะได้หาวิธีทำยาออกมา…’

หน้าต่างข้อมูลเผยวิธีการนำวัตถุดิบทำอาหารไปสู่ยา มีทั้งการต้ม สกัด บด และกลั่น ซึ่งมีวิธีการทำยาที่หลากหลายมาก เขาจำเป็นต้องใช้เวลามหาศาลอีกทั้งความพยายามเพื่อสืบหาวิธีการที่ถูกต้องไปทีละหนึ่ง แต่นั่นก็เป็นปัญหาในภายหลัง

‘เรื่องเร่งด่วนตอนนี้คือต้องรวบรวมตัวอย่างกว่าสามสิบชนิดเพื่อวินิจฉัยต่อ’

อาร์คเผยสีหน้ามืดมนมองธารน้ำ มันเป็นธารน้ำในป่าที่ค่อนข้างใหญ่ แต่เขาก็ไม่อาจพบเจอวัตถุดิบใดได้เลยไม่ว่าจะมองหาแค่ไหนก็ตาม คงเป็นโจรจิ้งจอกเก็บไปหมดแน่ กว่าจะหาตัวอย่างที่หนึ่งเจอเขาก็เสียเวลาไปสิบนาทีได้แล้ว เขาแทบนึกไม่ออกเลยว่าจะต้องใช้เวลาเท่าไหร่กว่าจะหาได้ครบ

‘เราต้องคอยใช้การเยียวยากับพวกแกลกิ้นด้วย แบบนั้นจะทำให้เราไม่อาจใช้เวลาเต็มที่เพื่อรวบรวมวัตถุดิบได้ ลาริเอ็ตเต้กับบุคซิลก็มีทักษะหาวัตถุดิบ แต่ก็เป็นเพียงแค่ระดับเริ่มต้นเท่านั้น คงเกิดความผิดพลาดแน่หากให้พวกเขารับงานนี้’

อาร์คกำลังเป็นกังวล ผ่านไปชั่วครู่ใหญ่เขาค่อยนึกวิธีการขึ้นมาได้

‘จริงด้วย แม้จะเกินไปบ้าง แต่ก็น่าจะใช้งานทักษะนั้นได้’

* * *

 

“เดดริค ราซาค ลากคอพวกมันออกมา!”

“ขอรับ!”

กรั่ก กรั่ก กรั่ก กรั่ก!

เดดริคและราซาคขานรับขณะมุ่งเข้าไปในป่า

“ลาริเอ็ตเต้นิม คอยช่วยลากพวกมันออกมากับบุคซิลด้วยนะครับ!”

ลาริเอ็ตเต้และบุคซิลต่างใช้ไม้เขี่ยตามพุ่มไม้อีกด้านหนึ่ง อาร์คกำลังหลับตาและเพ่งทุกอย่างไปที่ประสาทการรับฟัง ผ่านไปชั่วครู่ เขาได้ยินเสียงบางสิ่งบางอย่างกำลังก้าวเท้าเหยียบใบไม้ไม่ไกลออกไป อาร์คเบิกตาโพลงขณะชี้มือสั่งการ

“ทางนั้น เนตรแห่งจิต!”

แหวนทรงลูกตาบนนิ้วของเขากำลังกลิ้งกลอกไปมาขณะปล่อยคลื่นเสียงออกไป ขณะเดียวกัน ภาพที่เบลอเล็กน้อยเริ่มปรากฏทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาไม่อาจมองเห็นได้ มันเป็นโจรจิ้งจอกที่น่ารังเกียจซึ่งใช้งานทักษะสีกลมกลืนอยู่ กระทั่งว่าเปลี่ยนสีไปแล้วก็ยังคงวนเวียนอยู่ใกล้เคียง จิ้งจอกตัวนั้นพลันแตกตื่นขณะวิ่งหนีโดยมีอาร์คตามติด ถ้าหากมีใครเข้าใกล้ โจรจิ้งจอกจะใช้ความเร็วอันมหาศาลพุ่งตัวหนีไป

นั่นก็เป็นอีกเหตุผลว่าทำไมอาร์คถึงไม่ค่อยชอบโจรจิ้งจอก

‘หึหึหึ แต่ยังไงมันก็แค่ความเร็วของสัตว์อยู่ดี’

อาร์คยกยิ้มขณะหัวเราะออก

วี๊ด!

อาร์คพลันได้ยินเสียงกรีดร้องของจิ้งจอกหลังผ่านไปไม่กี่วินาที เมื่อเขาหันไปมอง จึงได้เห็นร่างโจรจิ้งจอกกำลังโดนยึดติดอยู่กับเถาวัลย์ที่พันไว้รอบร่างกาย ถูกต้องแล้ว เป็นผลนาดิงกะ! อาร์คหว่านโปรยผลนาดิงกะเอาไว้ทั่วบริเวณเพื่อใช้แผนการจับเป็นในครั้งนี้ ไม่ช้า เดดริค ราซาค ลาริเอ็ตเต้ และบุคซิลจึงพุ่งตัวเข้าหาจิ้งจอกตัวนั้นโดยทันที เพราะวิธีการนี้อาร์คจึงสามารถลดความเร็วของพวกมันลงได้กว่า 50% แม้จะเร็วยังไงก็ตาม แต่ตอนนี้เขาสามารถไล่ทันได้แล้ว

“จบกันที!”

อาร์คระเบิดพลังเท้าย่นระยะเข้าหา

“เรียกปีศาจ ดาบแห่งธาตุไฟ จรัสแสง!”

เขาเหวี่ยงดาบที่เปี่ยมไปด้วยเสียงกรีดร้องภูตผีและเปลวเพลิงเข้าใส่จิ้งจอก พวกมันเลเวลเพียงแค่ 100 อีกทั้งเขายังเพิ่มพลังโจมตีผ่านทักษะที่มี และผลนาดิงกะก็จะคงสภาพไว้ได้อย่างน้อยหนึ่งนาที ด้วยเหตุนี้มันจึงอาจมีโอกาสที่จิ้งจอกจะหลบหนีไปได้ ครั้งนี้อาร์คจึงทุ่มสุดตัวหวังจบการโจมตีในครั้งเดียวให้ได้

“เฮ้อ พอเอาจริงมันก็ไม่ได้จับตัวยากอะไรเลยนะเนี่ย”

โชคดีที่จิ้งจอกมีพลังป้องกันต่ำ เพราะงั้นเขาจึงสามารถสังหารมันได้ด้วยการโจมตีเพียงแค่สองครั้ง

ซื่อ ซื่อ ซื่อ ซื่อ!

ราดันโผล่พรวดลงไปขณะวิ่งเข้าหาร่างศพของจิ้งจอก ก็เหมือนกับอาร์ค ราดันมีความเกลียดชังจิ้งจอกพวกนี้เช่นเดียวกัน

“ราดัน หยุดก่อน หลบไปหน่อย เดี๋ยวพวกเราได้อีกแน่”

อาร์คกลับไปยังแคมป์ขณะนำร่างของโจรจิ้งจอกไปด้วย สถานที่ตั้งแคมป์ตอนนี้ก็มีร่างของจิ้งจอกตัวอื่นอยู่ด้วยก่อนหน้าแล้ว

“รวบรวมมาได้หกตัวน่าจะพอแล้วนะ ถ้าหากมากเกินไปก็จะเป็นปัญหาอีก”

อาร์ครวบรวมร่างของจิ้งจอกมาขณะหันกลับไปมองราซาค ถูกต้อง นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมอาร์คจึงคิดเริ่มจับพวกมันกลับมา

“ราซาค ได้เวลาแสดงผลของการวิวัฒนาการแล้ว สมดุลแห่งความตาย!”

ถูกต้อง มันคือทักษะที่ดีมอสได้เรียนรู้ตอนวิวัฒนาการเป็นราซาค อาร์คไม่เคยคิดใช้งานทักษะนี้มาก่อน มันไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่จำเป็นต้องใช้กระดูกของราซาคมาสิ้นเปลือง ทว่า ครั้งนี้อาร์คยอมกล้ำกลืนรับความเสียหาย ราซาคถอนหายใจก่อนที่จะสละกระดูกซี่โครงทั้งหก กระดูกซี่โครงป่นเป็นผงขณะเริ่มหมุนวนรอบร่างไร้ชีวิตของจิ้งจอก

 

=====

ราซาคได้เสียสละกระดูกซี่โครงเพื่อใช้งานทักษะสมดุลแห่งความตาย

ด้วยผลของ ‘สมดุลแห่งความตาย’ โจรจิ้งจอก A, B, C, D, E และ F ได้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง ‘โจรจิ้งจอก’ จะทำตามทุกคำสั่งขณะคาถายังมีผลอยู่ แต่ถ้าหากราซาคเคลื่อนไหวออกจากตำแหน่งปัจจุบันหรือเสียสมาธิ แบบนั้นแล้วคาถาจะถูกยกเลิกใช้งาน

=====

 

ร่างของพวกจิ้งจอกเริ่มสั่นกระตุกหลังทักษะทำงาน มันดูไปแล้วคล้ายซอมบี้ที่ถูกสร้างขึ้นมาให้มีชีวิต แต่นั่นไม่สำคัญเท่าไหร่ เพราะยังไงเขาก็ใช้ประโยชน์มันในทางอื่นอยู่แล้ว

“ดีล่ะ จงเป็นหน่วยค้นหา ไปรอบบริเวณริมธารน้ำและออกค้นหาวัตถุดิบ แต่ห้ามกินพวกมัน นำพวกมันกลับมาให้ฉัน!”

 

Ark The Legend

Ark The Legend

Ark The Legend
Status: Ongoing
บทนำ คิมฮยอนอู เด็กหนุ่มที่ชีวิตเกิดความผลิกผันตั้งแต่ยังวัยรุ่น ชีวิตของเขาประสบความยากลำบากต้องหาเงินเพื่อจ่ายเป็นค่ารักษาพยาบาลสุดแพงของแม่ ขณะที่เขากำลังกัดฟันสู้ชีวิตอยู่ เขาได้รับข้อเสนองานหนึ่งจากบริษัทยักษ์ใหญ่ แต่แล้วเมื่อไปสัมภาษณ์ เขากลับพบว่ามันคือการทดสอบคัดเลือกพนักงานโดยการเล่นเกม แม้จะแปลกไปบ้างแต่เงินก็ดีไม่น้อยเขาจึงตกลงรับมา เมื่อเข้าเกม อาร์คคือตัวละครที่เขาเลือกสร้าง แรกเริ่มผจญภัยก็ต้องประสบพบเจอความยากลำบากไม่น้อย ผู้เล่นอื่นก็แทบไม่อาจเชื่อใจได้ เขาต้องยืนหยัดด้วยตัวเอง ยิ่งเล่นเกมไปเขาจึงได้พบว่า เกมแห่งนี้หาได้มีอะไรที่เหมือนเกมไม่ ทั้งเอ็นพีซีในเกมที่แทบจะเหมือนมนุษย์จริง ภารกิจที่มีเนื้อเรื่องน่าติดตามอีกทั้งยังยากลำบาก รวมถึงเนื้อเรื่องหลักภายในเกมที่ส่งผลกระทบต่อทั้งเกมก็คล้ายมีความลับอยู่ไม่น้อย และด้วยความที่แทบไม่เชื่อใจผู้อื่นในเกม เขาต้องพยายามฟันฝ่ามันให้ได้ด้วยสองมือของตัวเอง!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset