Ark The Legend – ตอนที่ 361 : อาเกรอน (2)

 

ตอนที่ 361 : อาเกรอน (2)

 

“ถึงคราวเราบ้างแล้ว เดดริค ใช้โหมดดาวเทียมสอดแนม!”

 

“ขอรับ!”

 

เดดริคบินสูงขึ้นไปหนึ่งร้อยเมตรตามคําสั่งของอาร์คเพื่อรับรู้เรื่องราวภาคพื้นจากทางอากาศ

 

“ด้านหน้ามีหอคอยสังเกตการณ์อยู่ทางซ้ายและขวา แต่ละหอคอยดูประมาทไม่ได้ขอรับ…มีเผ่านาคูจักลาดตระเวนอยู่รอบสิ่งปลูกสร้างด้วย แต่ละคนอยู่ห่างกันราวห้าสิบเมตร….เคลื่อนไหวตามเข็มนาฬิกาขอรับ”

 

ข้อมูลของเดดริคนี้ปรากฏขึ้นเป็นจุดสีแดงบนแผนที่ของอาร์ค นี่คือทักษะที่เดดริคได้เรียนรู้ระหว่างช่วงการทําสงครามกับเผ่านาคูจัก

 

สมุนปีศาจของท่าน เดดริค ได้เรียนรู้ทักษะใหม่

 

โหมดดาวเทียมสอดแนม (ขั้นต้น  พิเศษเฉพาะบุคคล) : ท่านสามารถสํารวจภูมิประเทศในรัศมี 50 เมตร พร้อมทั้งทราบการเคลื่อนไหวของศัตรูภายในรัศมี เมื่อศักยภาพของทักษะเพิ่มมากขึ้น อํานาจการสอดแนมจะเพิ่มมากขึ้น ข้อมูลที่ได้รับจากสมุนปีศาจของท่านจะถูกแสดงผลบนแผนที่ ทว่าเมื่อเรียกใช้งานทักษะจําเป็นต้องจ่ายพลังมานา 5 หน่วยทุกระยะเวลา 10 วินาที

 

ดังนั้นแล้วเดดริคจึงมักโดนบังคับให้ไปทําหน้าที่เป็นดาวเทียมสอดแนม แม้ว่าอาเกรอนจะไม่ใช่เมืองระดับใหญ่โต แต่มันก็ไม่ง่ายที่จะเข้าใจสภาพการณ์ของศัตรูเพราะทัศนวิสัยการมองเห็นจากภายในถังไม้ค่อนข้างมีจํากัด นอกจากนี้ยังมีความเป็นไปได้สูงว่าเผ่านาคูจักจะพบเห็นถังไม้เมื่อเดินลาดตระเวนไปมา พวกเขาจําเป็นต้องเข้าใจภูมิประเทศและรูปแบบการเคลื่อนไหวของศัตรู นั้นเป็นเหตุผลหลักที่อาร์คเลือกใช้โหมดดาวเทียมสอดแนม

 

“ได้เวลาแทรกซึมเข้าฐานทัพศัตรูกันแล้ว”

 

ถังไม้ทั้งแปดเริ่มเคลื่อนตัวเข้าสู่อาเกรอน

 

ตึก ตึก ตึก…

 

“หยุด! หน่วยลาดตระเวนกําลังมาทางหัวมุม”

 

อาร์คกระซิบเสียงต่ําก่อนที่จะได้เข้าอาเกรอน หน่วยรบพิเศษหยุดเคลื่อนที่โดยทันทีก่อนที่จะกลั้นลมหายใจอยู่ภายในถังไม้ หลังผ่านไปหลายวินาที เผ่านาคูจักสิบคนก็เดินพ้นออกมาจากหัวมุม เมื่อลาดตระเวนผ่านพื้นที่แถบนี้พวกมันจึงพบเห็นถังไวน์ตั้งอยู่ก่อนพึมพําออกมา

 

“หือ? ใครมันเอาถังไวน์มาตั้งไว้ที่นี่?”

 

“อืม พอเห็นถึงนี่แล้วทําเอากระหายขึ้นมาเลย”

 

ความเสี่ยง : 20%

 

‘อีก อะ-ไอ้พวกบ้า! ไปให้พ้นเลยนะเว้ย!?’

 

อาร์คกล่าวสวดภาวนาให้เผ่านาคูจักไม่คิดเข้ามาสํารวจถังไม้ คล้ายโชคดี หนึ่งภายในกลุ่มพลันตบไหล่เพื่อนร่วมงานแล้วพูดขึ้นมา

 

“เฮ้ย ระหว่างทํางานใครใช้ให้ดื่มของมึนเมาได้? แทนที่จะมาดื่มตอนลาดตระเวน ไปดื่มตอนพักโน่น”

 

“ก็ได้ ก็ได้ ก็แค่อยากลองเท่านั้นเอง”

 

เผ่านาคูจักมองถังไม้ด้วยความเสียดายอีกครั้งก่อนจะหันจากไป เมื่อหน่วยลาดตระเวนจากไปแล้ว ค่าความเสี่ยงจึงกลับเป็น 0% อีกครั้ง

 

‘เฮ้อ… ไอ้พวกบ้า แค่เดินผ่านไปมันยากตรงไหน ทําไมต้องมาทําให้หัวใจเต้นตุบตับด้วยเนี่ย?’

 

หน่วยรบพิเศษทั้งคณะสูดหายใจกันเฮือกเพราะต้องอดกลั้นไว้เมื่อครู่ก่อนจะเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง

 

ตึก ตึก ตึก ตึง! ตึก ตึก ตึก ตึง! ตึก ตึก ตึก ตึง!

 

เสียงของถังไม้ก้าวเดินออกไปอย่างลื่นไหล อาเกรอนมีสิ่งปลูกสร้างหลายแห่งจนดูไม่ต่างกับเมืองขนาดใหญ่ในโลกกลาง ลักษณะท้องที่ก็ค่อนข้างง่ายต่อการหลบเลี่ยงศัตรู นอกจากนี้ยังมีถังไม้จํานวนมากให้พบเห็นตั้งแต่เข้ามาภายในเมือง เพราะแบบนั้นระดับความเสี่ยงจึงไม่เคยเพิ่มขึ้นอีกทุกครั้งที่พวกเขาเจอเผ่านาคูจัก พวกเขาจะรออย่างกระอักกระอ่วนจนกระทั่งหน่วยลาดตระเวนเดินผ่านไป

 

‘ไม่ใช่ว่าน่าตื่นเต้นดีหรือยังไงกัน?’

 

มันให้ความรู้สึกคล้ายสายลับในเกมโบราณอย่างเมทัลเกียร์โซลิดที่ลักลอบเข้าพื้นที่อย่างไรอย่างนั้น ทั้งต้องสอดส่องการเคลื่อนไหวของศัตรู และยังต้องสํารวจภูมิประ เทศแล้วค่อยเล็ดรอดผ่านไปด้วยความตื่นเต้น หลังบุกฝ่าแนวป้องกันของศัตรูมาได้กว่ายี่สิบนาที หน่วยรบพิเศษก็มาถึงประตูด่านแรกแล้ว ถังไม้ตอนนี้ต่างรวมกันอยู่ใกล้จุดตรวจเพื่อเข้าไปยังพื้นที่ถัดไป 

 

“พื้นที่ตรงนี้มีหอคอยสังเกตการณ์อยู่ค่อนข้างมาก เพราะงั้นจึงอันตรายมากเช่นกัน”

 

ส่วนเรื่องน่ารําคาญที่สุดของการลักลอบผ่านพื้นที่ของศัตรูคือหอคอยสังเกตการณ์ เอ็นพีซีบนหอคอยสังเกตการณ์ มีรัศมีการสอดส่องค่อนข้างกว้างมาก และหากใครลักลอบเข้าไปภายในรัศมีและโดนมองมา ทักษะลอบเร้นจะยกเลิกการงานโดยทันที อันที่จริงตั้งแต่ที่หน่วยรบพิเศษเข้าสู่ระยะสายตาความเสี่ยงก็เพิ่มขึ้นเป็น 50% แล้ว พวกทหารยาม จะต้องพบเห็นแน่หากมีการเคลื่อนไหวเพื่อลักลอบผ่านไป แถมจุดตรวจแต่ละแห่งยังมีหอคอยสังเกตการณ์สิบแห่งรายล้อมอยู่

 

“แต่หอคอยสังเกตการณ์ก็ไม่ได้อันตรายถึงขนาดนั้น ถ้าหากอยู่ใกล้กําแพงเข้าไว้ระหว่างเคลื่อนไหว ความเสี่ยงก็จะลดลงไปเหลือแค่หอคอยสังเกตการณ์อีกด้านหนึ่งเท่านั้น และระยะการสอดส่องของหอคอยสังเกตการณ์ก็จะไม่ทับซ้อนกับหอคอยทางสาม สี่ และหกนาฬิกา”

 

“พวกเราจะเคลื่อนไหวแบบนี้ต่อไม่ได้ ต้องหาทางรับมือ”

 

แชมบาร่ากล่าวเสียงเบา

 

“โชคยังดีมีหอคอยสังเกตการณ์สามแห่งที่อยู่ค่อนข้างไกล พวกเราจะแยกกันไป พวกเราสองคนไปที่หอคอยสามและสี่ นาฬิกา ขณะที่หอคอยทางด้านหกนาฬิกาความเสี่ยงน้อยกว่า แยปแซบรับผิดชอบตรงส่วนนี้ไป”

 

“ต้องคอยระวังในช่วงที่ทหารยามบนหอคอยอื่นหันมองมาทางตัวเองด้วย นายมั่นใจไหม?”

 

“เจ้าบ้า นายคิดว่าพูดอยู่กับใครกัน?”

 

พวกเขาต้องจัดการหอคอยสังเกตการณ์ก่อนจึงจะสามารถเคลื่อนกําลังเข้าเมือง หนทางเดียวที่จะทําให้หอคอยสังเกตการณ์เป็นอัมพาตในพื้นที่ของศัตรูคือการลอบสังหาร แชมบาร่านับว่าเชี่ยวชาญด้านนี้ยิ่งกว่าอาร์ค อาร์คเพียงหัวเราะก่อนพยักหน้ารับ

 

“ดีงั้นก็มาเริ่มกันเลย คงสภาพการติดต่อสื่อสารเอาไว้ตลอดได้ ถ้าพวกมันเคลื่อนไหวฉันจะได้บอกทัน”

 

ดังนั้นแล้วถังไม้ทั้งสามจึงเริ่มเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้หอคอยสังเกตการณ์ พวกเขาจะหยุดทุกครั้งที่หน่วยลาดตระเวนผ่านมาจากนั้นจึงค่อยเดินไปต่อ จนท้ายที่สุดถังไม้ทั้งสามก็มาถึงสถานที่ซึ่งผู้คุมหอคอยสังเกตการณ์เฝ้าระวังอยู่ ขณะเดียวกัน อาร์คก็ทําการสํารวจแผนที่เล็กขณะคาดคํานวณจังหวะและเวลา เป็นเพราะสภาพการหอคอยสังเกตการณ์ไม่อาจมองเห็นจากภายในถังไม้ พวกเขาจึงต้องพึ่งพาเดดริคเพียงเท่านั้น

 

[แชมบาร่า ระวังด้วยมันกําลังจะหันมาทางขวา]

 

[เห็นแล้ว ว่าแต่…มันจะง่ายกว่านี้ถ้ามีค้างคาวของนาย ทําไมไม่ให้ฉันยืมเจ้านั่นเสียหน่อยล่ะ?]

 

แชมบาร่าปืนขึ้นหอคอยไปอย่างคล่องแคล่วขณะระมัดระวังสังเกตไปด้วย

 

[ฉันไม่ยกให้หรอก]

 

[น่าเบื่อชะมด]

 

[เลิกคุยแล้วเตรียมตัวกันได้แล้ว ตอนนี้ไม่มีใครในพวกมันให้ความสนใจกันเองอีกแล้ว]

 

“ราดันเตรียมพิษด้วย”

 

จากนั้นอาร์คจึงกระโดดออกจากถังไม้ขณะยังคงสภาพลอบเร้นไว้ ราดันพ่นเอาของเหลวสีเขียวเข้าใส่ตัวดาบ ขณะเดียวกันนั้นเอง ทั้งอาร์คและแชมบาร่าต่างกระโดดโผล่พรวดเข้าสู่หอคอยสังเกตการณ์ จากนั้นพวกเขาจึงใช้การจ้วงแทงด้านหลังกับทหารยามที่เฝ้าระวังอยู่

 

ท่านโจมตีคริติคอล!

 

ทหารยามร่างแข็งที่อเพราะพิษและล้มลงกับพื้น นั่นคือเหตุผลที่เขาเลือกใช้พิษอัมพาต ถ้าหากทหารยามกรีดร้องขอความช่วยเหลือได้ แบบนั้นการลอบสังหารก็ไม่นับว่าเป็นการลอบสังหารแล้ว จากนั้นอาร์คจึงลั่นการโจมตีเพิ่มด้วยคมดาบแห่งความมืด พลังชีวิตของทหารยามลดฮวบโดยทันที แต่ผ่านไปเพียงครู่หนึ่งอาการอัมพาต ที่ปากของทหารยามก็คลายตัวพร้อมให้เรียกร้องขอความช่วยเหลือ ทว่าอาร์คก็ยังคงลั่นการโจมตีคริติคอลเข้าใส่จนเป็นผลให้ทหารยามติดอาการอัมพาตอีกครั้ง อาร์คตอนนี้เลเวล 300 และยังมีโบนัสจากความมืดอีก ตอนนี้เพียงแค่สิบห้าวินาทีก็เพียงพอให้เขาจัดการเผ่านาคูจักได้สักคนแล้ว อย่างรวดเร็ว อาร์คทําการตัดศีรษะของทหารยามทิ้งก่อนค่อยโล่งใจได้ ทางด้านแชมบาร่าเองก็คล้ายเสร็จงานพร้อมกัน

 

‘ชิ ไอ้เจ้านี่…’

 

อาร์คบ่นออกมาขณะเม้มปากเอาไว้ เขาเติบโตขึ้นมากตั้งแต่มายังโลกใต้พิภพ ตอนนี้กระทั่งว่าเป็นจีเวลกับคยังไม่อาจรับมือเขาได้ เพราะเหตุนั้นความภาคภูมิของอาร์คจึง สุมกันสูงจนคิดว่าเหนือกว่าแล้วหากเทียบกับแชมบาร่า แต่แล้วความแตกต่างกับไม่คล้ายเคยมีอยู่หากเทียบกับ ความเร็วที่แชมบาร่าจัดการทหารยามอีกคนไปได้

 

‘ถึงแม้ว่าอาชีพของแชมบาร่าจะเป็นมือสังหารก็เถอะ…’

 

แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้เขารู้สึกเหนือกว่าแต่อย่างใด ไม่ช้า จุดสีแดงบนแผนที่เริ่มขยับ จุดสีแดงหมายถึงเผ่านาคูจัก และ ตําแหน่งที่มันอยู่นั้นก็ค่อนข้างอันตรายมากด้วย อาร์คจ้องมองตาแทบถลนขณะพบว่าเผ่านาคูจักไปถึงด้านล่างหอคอยสังเกตการณ์ที่แชมบาร่าอยู่แล้ว

 

[แชมบาร่า ทางด้านล่างเจ็ดนาฬิกา!]

 

ขณะเดียวกันนั้นดวงตาของแชมบาร่าก็หันกลับไปยังทิศทางดังกล่าว อาร์คจ้องมองอีกฝ่ายนํามีดออกมาก่อนจะปัก เข้าใส่ปากของนาคูจักผู้โชคร้าย

 

เป็นทักษะ ‘ปามีด’ ของแชมบาร่า! นักบุญมือสังหารมีความโดดเด่นเรื่องลอบสังหารและการใช้งานพิษกับดาบ และมีด และพิษพวกนั้นก็ทรงพลังอํานาจยิ่งกว่าที่ราดันสา มารถทําได้เสียอีก! นาคูจักคนนั้นตัวแข็งทือขณะพยายามดึงเอามีดที่โจมตีเข้าใส่ออกไป แชมบาร่าพลันกระโดดลงจากหอคอยอย่างตัวเบาก่อนที่จะชักดาบออกมาฟาดผ่านศีรษะของนาคูจักคนนั้นไป ความเสียหายจากการลอบสังหารนั้นจะถูกเสริมขึ้นอีกด้วยแรงดึงดูดที่สร้างแรงเพิ่มจนเกิดเป็นความเสียหายมหาศาล นาคูจักคนนั้นที่โดนอาการมึนงงเข้าไปถึงกับไม่มีโอกาสได้ร้องสักแอะก่อนสิ้นชีวิต

 

‘น่ากลัวเกินไปแล้ว!’

 

เขาอึ้งทึ่งกับความเร็วนี้จนแทบนับถือออกมา โชคดีที่ อาร์คเป็นพันธมิตรด้วยไม่เช่นนั้นหากมีศัตรูแบบนี้เขาคงยากลําบากแน่

 

[ถอนตัวกันเร็ว]

 

พวกเขาซ่อนศพไว้ในหอคอยสังเกตการณ์ก่อนที่จะพรางตัวกันอีกครั้ง อาร์คตอนนี้มั่นใจแล้วว่าหอคอยสังเกตการณ์แต่ละแห่งสามารถเห็นกันได้ หากแห่งอื่นมองมาและเห็นอาจเกิดปัญหาขึ้น ระหว่างที่อาร์คและแชม บาร่าจัดการหอคอยสังเกตการณ์ทางด้านหน้าสองแห่ง แยปแซบที่รับช่วงจัดการกับอีกแห่งก็กลับเข้ามาร่วมทีมสมาชิ กกลุ่มทัณฑ์บนที่รออยู่ถึงกับยิ้มให้ก่อนจะพูดคุยกัน

 

“หึหึหึ ไม่ใช่ว่าง่ายกว่าที่คิดหรือยังไง?”

 

“ตอนแรกก็กังวลอยู่ แต่ดูเหมือนไม่ยากเท่าไหร่นี่”

 

“อย่าหย่อนความระวังครับ หากพวกเราโดนพบเจอก่อนถึงต้นไม้โลกก็จบเห่กัน”

 

กล่าวตามตรงอาร์คก็รู้สึกผ่อนคลายลงไม่น้อยเช่นกัน ก็เหมือนอย่างที่กลุ่มทัณฑ์บนกล่าวเรื่องราวง่ายกว่าที่คิดไว้ หลังมีประสบการณ์แล้วการเคลื่อนที่ถังไม้จึงเร็วยิ่งกว่าครั้งก่อนหน้า

 

“เดี่ยว มีใครกําลังมา”

 

ตึก ตึก ตึก ตึง ตึง!

 

เป็นอีกครั้งที่ถังไม้ทั้งแปดแข็งที่อเพราะคําพูดของอาร์คผ่านไปครู่หนึ่ง เด็กชายเผ่านาคูจักอายุราวสิบปีก็เดินผ่านหัวมุมนั้นมา

 

‘อะไรกัน? เด็กหรอกเหรอ?’

 

อาร์คถอนหายใจอย่างโล่งอก เป็นเพราะเขาคิดว่าเด็กมีความอันตรายน้อยกว่าทหารเยอะ แต่นับเป็นความผิดพลาดใหญ่หลวง เด็กนั้นมีความสงสัยใคร่รู้ยิ่งกว่าผู้ใหญ่ เด็กมักแสดงการกระทําเกินคาดคิดเสมอกับสิ่ง

 

ที่ไม่เคยเห็น และก็เป็นตามนั้น เด็กคนนั้นถึงกับหยุดอยู่ตรงหน้าถังไวน์ก่อนจะจ้องมองไม่วางตา

 

ความเสี่ยง : 50%

 

Ark The Legend

Ark The Legend

Ark The Legend
Status: Ongoing
บทนำ คิมฮยอนอู เด็กหนุ่มที่ชีวิตเกิดความผลิกผันตั้งแต่ยังวัยรุ่น ชีวิตของเขาประสบความยากลำบากต้องหาเงินเพื่อจ่ายเป็นค่ารักษาพยาบาลสุดแพงของแม่ ขณะที่เขากำลังกัดฟันสู้ชีวิตอยู่ เขาได้รับข้อเสนองานหนึ่งจากบริษัทยักษ์ใหญ่ แต่แล้วเมื่อไปสัมภาษณ์ เขากลับพบว่ามันคือการทดสอบคัดเลือกพนักงานโดยการเล่นเกม แม้จะแปลกไปบ้างแต่เงินก็ดีไม่น้อยเขาจึงตกลงรับมา เมื่อเข้าเกม อาร์คคือตัวละครที่เขาเลือกสร้าง แรกเริ่มผจญภัยก็ต้องประสบพบเจอความยากลำบากไม่น้อย ผู้เล่นอื่นก็แทบไม่อาจเชื่อใจได้ เขาต้องยืนหยัดด้วยตัวเอง ยิ่งเล่นเกมไปเขาจึงได้พบว่า เกมแห่งนี้หาได้มีอะไรที่เหมือนเกมไม่ ทั้งเอ็นพีซีในเกมที่แทบจะเหมือนมนุษย์จริง ภารกิจที่มีเนื้อเรื่องน่าติดตามอีกทั้งยังยากลำบาก รวมถึงเนื้อเรื่องหลักภายในเกมที่ส่งผลกระทบต่อทั้งเกมก็คล้ายมีความลับอยู่ไม่น้อย และด้วยความที่แทบไม่เชื่อใจผู้อื่นในเกม เขาต้องพยายามฟันฝ่ามันให้ได้ด้วยสองมือของตัวเอง!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset