ตอนที่ 407 : แบกิว
“เฮ้ แบกิว”
“บะ-แบกิว? ใครกัน?”
อัลเบิร์ตที่คุกเข่ากับพื้นอยู่มองถามด้วยความสงสัย อาร์คจึงตอบกลับด้วยสีหน้าผู้เหนือกว่า
“นับจากนี้นั่นเป็นชื่อของนายแล้ว”
“ตะ-แต่ข้าชื่ออัลเบิร์ต..”
“โห? ไม่พอใจชื่อที่ฉันตั้งให้ว”
อัลเบิร์ตสะท้านขณะถอยกลับเมื่ออาร์คเผยสีหน้าบึ้งตึง เจอประสบการณ์ไปขนาดนี้มีหรือจะยังคิดต่อต้าน? ไม่มีร่องรอยเช่นนั้นแม้เพียงนิด ด้วยหูและหางที่ลู่ลงร่างนั้นกําลังสั่น อัลเบิร์ตกล้ำกลืนเสียงสั่นเครือ
“ขอรับ โปรดเรียกชื่อแบกิวได้ทุกเมื่อที่นายท่านต้องการ ข้าจะตอบรับทุกการเรียก…”
“หืม ดูเหมือนการละลายนิสัยครั้งนี้จะได้ผลดีไม่น้อย
อาร์คพยักหน้ารับด้วยความพึงใจ อันที่จริงเหตุผลที่อาร์คเชื่อดอัลเบิร์ตให้คนอื่นดูก็สําเร็จแล้ว เขาได้รับสุนัขแสนเชื่องมาตัวหนึ่ง ความสัมพันธ์คือเจ้านายและข้ารับใช้นั้นชัดเจนตั้งแต่วินาทีแรกที่เริ่มสัญญา หากตอนแรกเขายอมอ่อนข้อให้ ด้วยความที่เป็นสัตว์ป่าอาจเกิดผลลัพธ์ยากลําบากในภายหลัง อัลเบิร์ตเป็นหนึ่งในเผ่าพันธุ์หมาป่า อาร์คไม่คิดว่าจะมีอะไรรับประกันได้ว่าอีกฝ่ายจะไม่คิดขบถในภายหลัง ดังนั้นเขาจึงต้องเปลี่ยนชื่อของอัลเบิร์ตเสียใหม่เพื่อเตือนตัวตนของอีกฝ่าย นับจากนี้ทุกวันที่อัลเบิร์ตได้ยินชื่อแบกิวจะต้องนึกถึงคืนวันอันโหดร้าย
“ดีมากแบกิว ฉันจะขอพูดครั้งเดียว นับจากวันนี้นายจะต้องเป็นสุนัขของบุคซิล เข้าใจใช่ไหม? อันดับของนายในกลุ่มถือว่าอยู่ต่ำที่สุด บุคซิลและสมุนปีศาจของฉันสําคัญกว่า เข้าใจหรือไม่?
“บุคซิล”
อัลเบิร์ต ไม่ใช่สิ แบกิวครางต่ำชื่อบุคซิลออกมา แม้อีกฝ่ายจะยอมรับอาร์ค แต่แบกิวอย่างไรก็เป็นสมาชิกเผ่าวูล์แรง ให้รับใช้อาร์คที่เป็นผู้สืบทอดของผู้กล้ามาบันไม่นับเป็นปัญหาแต่อย่างใด ทว่าให้เป็นลูกน้องของหมูน้อยตรงหน้ามันกระทําชําเราความภาคภูมิของเขานัก
“มองแบบนั้นคืออะไร? มีอะไรอยากโต้แย้ง?”
“ไม่!”
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงยอมกลายเป็นสุนัขเลี้ยงของบุคซิลทันที เมื่ออาร์คเพียงแค่ขมวดคิ้ว อาร์คลูบหัวแบกิวเล็กน้อยก่อนหันกลับไปมองบุคซิล
“ดีดี ต้องเชื่องเข้าไว้ บุคซิล นายล่ะมีปัญหาอะไรกับลูกน้องตัวนี้ไหม? ถ้าไม่มีนับจากนี้แบกิวก็อยู่ในความดูแลของนายแล้ว”
“ครับ? ผะ-ผม?”
“แหงสิ ใครกันล่ะที่ร้องเรียกอยากได้ลูกน้องเมื่อกี้น่ะ?”
แม้แบกิวจะเป็นข้ารับใช้ แต่อย่างไรก็ต้องใช้จ่ายเงินเพื่อซื้อหาอาหาร เหตุผลที่อาร์คต้องการให้บุคซิลรับผิดชอบแบกิวก็เพราะค่าใช้จ่ายทั้งหมดจะกลายเป็นบุคซิลจ่ายนั่นเอง บุคซิลตอนนี้รู้สึกคล้ายอยากจะร้องไห้เสียให้ได้เพราะภาระค่าอาหารที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว ทว่าเขาไม่กล้าโต้แย้งเมื่อได้เห็นความรุนแรงเมื่อครู่
“บัดซบ อย่างที่คิดไว้ ไม่น่าไปหาเรื่องอาร์คนิมเลย
ท้ายที่สุด บุคซิลจึงคิดได้ว่าไม่น่าหาเรื่องใส่ตัวเลยเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศหนักลิ้งตอนนี้ อาร์คปรบมือเรียกสติ
“เอ้า ได้เวลาทํางานกันแล้ว!”
“ครับ? งาน? ยังมีอะไรต้องทําอีกเหรอครับ?”
“ยังมีอีกเรื่องนึงนี่นา”
อาร์คพยักหน้ารับด้วยใบหน้าจริงจัง
“หีหีหี ตอนนี้แหละคือช่วงที่สุขที่สุดหลังเรื่องราวจบแล้ว”
ถูกต้องแล้ว ส่วนที่ดีที่สุดของเทพนิยายไม่ใช่เนื้อหา แต่เป็นเรื่องราวหลังจบแล้วซึ่งจะทําให้คนอ่านรู้สึกมีความสุขต่างหาก
“แต่โลกนี้ไม่ง่ายดายขนาดนั้น ในความเป็นจริงหากต้องเผชิญหน้ากับเรื่องราวอย่างเทพนิยายคงตายกันไปไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ
แต่หากจะให้อิงหลักความจริงมันก็ออกจะเป็นการทําลายฝันเด็กเกินไป ท้ายที่สุด สิ่งที่หลงเหลือจากเทพนิยายซึ่งส่งต่อไปยังเด็กคือความปรารถนา! นั่นคือสิ่งที่อาร์คเชื่อ ดังนั้นแล้วตอนนี้การได้รับสิ่งตอบแทนคือสิ่งที่ควรกระทําอย่างเร่งด่วน
“แบกิว นายอาศัยอยู่ในปราสาทแห่งนี้มานานแล้วใช่ไหม? พาฉันไปชมให้รอบปราสาทหน่อย”
ชัดเจนว่าจุดประสงค์แท้จริงหาได้ใช่การเดินชมรอบปราสาท แต่มันคือการตรวจสอบวัตถุมีมูลค่าเพื่อคิดคํานวณสิ่งของที่ต้องการจากราคาร์ดต่างหาก
“ที่นี่คือห้องรับแขกขอรับ”
“เดี๋ยวนะ โห ที่นี่ก็มีของประดับตกแต่งไม่น้อยเลยนี้?”
อาร์คให้แบกิวออกนําหน้า ทุกที่ที่เขาผ่านไปจะมีไอเทมหลายชิ้นมีป้ายสีแดงติดเอาไว้ จากนั้นจะเป็นหน้าที่ของบุคซิลนําไอเทมที่มีป้ายสีแดงเก็บเข้ากระเป๋า อันที่จริง อาร์คนับว่ามีสายตาที่ดีไม่น้อยในการประเมินไอเทม มันช่วยให้เขาสามารถหยิบฉวยไอเทมที่มีราคามาได้ หากอาร์คอยู่เพียงลําพัง เขาคงต้องพิจารณาให้ดีว่าจะเอาชิ้นใดกลับไปเพราะพื้นที่มีจํากัด แต่ปัญหานั้นคลี่คลายเพราะมีบุคซิล ก่อนหน้าเดินทางมายังดินแดนแห่งแวมไพร์เพิ่งจัดการทําให้กระเป๋าโล่งไป จากนั้นก็โดนจับตัว เพราะงั้นแล้วที่ว่างจึงยังมีเหลืออยู่เพียบ แถมเอ็นพีซีอย่างแบกิวยังมีกระเป๋าเดินทางสะพายหลังอีกต่างหาก
“ปัญหาเรื่องพื้นที่กระเป๋าคงไม่มีอะไรน่าห่วงแล้ว”
ดังนั้น อาร์คจึงติดป้ายสีแดงทุกไอเทมที่เห็นชอบว่ามันสามารถทําเงินได้มากกว่า 1 เหรียญทองแดง กระทั่งชุดเกราะหรือมีดทําครัวอาร์คยังนํากลับ
นี้มันเยอะกว่าที่เราคิดไว้อีกนะเนี่ย
อาร์คประทับใจกับปราสาทแห่งนี้ไม่น้อย ในโลกมืด มันน่าจะเป็นเรื่องยากสําหรับการหาไอเทมมาตกแต่งปราสาท แต่เขามารู้ภายหลัง ปีศาจเลือดนั้นไม่ได้ใช้ทั้งอาวุธหรือว่าชุดเกราะ ปีศาจเลือดเป็นมอนสเตอร์ ดังนั้นแล้วจึงมีหนังที่หนาและกรงเล็บให้ใช้งาน ด้วยเหตุนั้นปีศาจเลือดจึงดร็อปกรงเล็บและแผ่นหนังเมื่อตายไป และยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่สมควรต้องพิจารณาให้ดี จํานวนหินดวงจันทร์และไอเทมทั่วไปในคลังปราสาทค่อนข้างมีไม่น้อยเลยทีเดียว
“บางส่วนในนี้คาราคุลก็รวบรวมมาจากชายหาด”
นั่นคือสิ่งที่ปีศาจเลือดบอกให้เขาฟัง
“เหอะเหอะ ขนาดตายไปแล้วยังทําให้เราสุขใจได้ขนาดนี้”
หากเป็นปกติ อาร์คคงรวบเอาไอเทมทั้งหมดที่เก็บไว้ในคลังไปแล้ว
“แต่มันไม่มีไอเทมวิเศษเลยเนี่ยสิ เอาไปหมดอย่างมากก็เปลี่ยนเป็นเงินได้ 600-700 เหรียญทอง ยังไม่พอสําหรับค่าพอร์ตอัญเชิญเลย แต่ได้เงินเข้ากระเป๋าก็ดีกว่าไม่ได้แหละนะ”
“ปะ…ปราสาท… ปราสาทของข้า…”
ราคาร์ดเผยดวงตาปริ่มน้ำตา ไม่ช้าก็เริ่มนองใบหน้าใครหน้าไหนกันจะปลดทรัพย์ในบ้านของสัตว์อัญเชิญกันได้ถึงเพียงนี้? ชาววูล์แรงตอนนี้ก็มองราคาร์ดด้วยท่าที่เวทนากันไม่น้อย
“นี่หรือผู้สืบทอดแห่งผู้กล้ามาบันที่ผู้อาวุโสเฝ้ารอ?”
“ไม่ต่างจากที่คิดเกินไปหน่อย?”
“เอาเถอะ…ยังไงพวกเราก็ไม่เคยเจอผู้กล้ามาบัน…”
ผู้อาวุโสก็เกาศีรษะไม่ต่างกันขณะเผยสีหน้าอับอาย ทว่าอาร์คที่เป็นเป้าของการสนทนานั้นหาได้ละอายใจแต่อย่างใด เขาไม่ทราบว่าแท้จริงชาววูล์แรงจินตนาการถึงผู้กล้ามาบันแบบไหน แต่ต่อให้เป็นผู้กล้าแห่งตํานานก็ต้องกินต้องใช้หรือไม่ใช่? เพื่อสังหารปีศาจร้าย ค่าเดินทางจําเป็นต้องมี นี่คือเกมที่สะท้อนความเป็นจริง นี่ไม่ใช่เกมไร้สาระอย่างการที่ตัวเอกเดินบุกเข้าบ้านคนอื่น เปิดหีบ ทุบไหรื้อชั้นหนังสือแล้วได้ไอเทมเสียหน่อย หากทําแบบนั้นกับเกมนี้ไม่ใช่ไปกระตุ้นโทสะเอ็นพีซีเข้าหรือยังไง? แถมยังจะโดนตราว่าเป็นอาชญากรอีก ใครหน้าไหนกันจะเป็นพ่อพระทั้งยังอิ่มทิพย์ได้? คําตอบก็คือไม่มียังไงล่ะ
“ผู้กล้ามันก็ต้องเปลี่ยนไปตามยุคสมัย”
ถูกต้องแล้ว อาชีพผู้กล้าสมัยก่อนอาจได้รับหลายสิ่งมาฟรีซึ่งมันก็ไม่น่าจะเพียงพอ และอาร์คไม่คิดเดินบนเส้นทางนั้น
“กระทั่งเป็นลูกหลานผู้กล้า หลังหมดยุคก็ยังต้องกินต้องใช้!”
แน่นอนว่าเขามีเงินที่ขายไอเทมจากห้องทดลองของมากาโร และร้านค้าของเขาก็ได้รับความนิยมไม่น้อย เขาจึงไม่ต้องห่วงเรื่องค่าใช้จ่ายในตอนนี้ แต่อย่างไรแล้วไม่ใช่ว่าพอหมดเดือนก็ต้องมีค่าใช้จ่ายสําหรับเดือนถัดไปรออยู่หรืออย่างไร?
ต่อให้จะเป็นแค่ 1 เหรียญทองแดงเราก็เก็บออมไว้”
และแม้อาร์คจะเป็นผู้สืบทอดของหนึ่งในผู้กล้าแห่งตํานานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเกม เขาก็ยังคงไม่ลืมเลือนเรื่องของรางวัลภารกิจ ดังนั้นแล้ว เมื่อเสร็จสิ้นการปลดทรัพย์ปราสาทแวมไพร์ อาร์คจึงไปหาผู้อาวุโสเผ่าวูล์แรง
“ท่านผู้อาวุโส ตอนนี้ท่านไม่ติดพันธนาการของแวมไพร์อีกต่อไป นับจากนี้สามารถฟื้นคืนเกียรติยศที่สูญเสีย
“ใช่ เรื่องนั้นต้องขอบคุณเจ้า ในฐานะตัวแทนของเผ่า ข้าขอขอบคุณ”
“ใช่ครับ นับจากนี้เผ่าวูล์แรงสามารถฟื้นคืนความรุ่งโรจน์ในอดีต
อาร์คยิ้มขณะพึมพําคําเดิมออกมา
“ทําไมชายคนนี้ถึงพูดวนซ้ำ?”
แต่แล้วผู้อาวุโสก็ต้องกระแอมไอขณะที่คล้ายนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“แค่ก ข้าเพิ่งนึกได้ว่ายังไม่ได้มอบรางวัลให้แก่เจ้า แต่ก็ดังเจ้าทราบ พวกเราใช้ชีวิตภายใต้การปกครองของคาราคุลมานับร้อยปี ดังนั้นแล้วพวกเราจึงไม่มีอะไรนัก กับของสิ่งนี้คิดเห็นเช่นไร?”
ผู้อาวุโสนําเอารองเท้าคู่หนึ่งที่ทําจากหนังสีเงินออกมา
เท้าหมาป่า (หายาก)
ประเภท : รองเท้าหนัง
พลังป้องกัน 60
ความทนทาน : 60/60
น้ำหนัก : 15
ข้อจํากัดการใช้งาน : เลเวล 200 ขึ้นไป
รองเท้าซึ่งครั้งหนึ่งเป็นของนักรบหมาป่าแห่งตํานานผู้ซึ่งสู้เคียงข้างผู้กล้ามาบันเมื่อหลายร้อยปีก่อน เมื่อสวมใส่รองเท้านี้ จะสามารถใช้การกระโดดประดุจหมาป่าได้
ภารกิจ การล้างแค้นของเผ่าวล์แรง สําเร็จ
“โห ไอเทมหายาก!
ปากของอาร์คอ้าออกกว้างอย่างเหม่อลอย ดังคาดภารกิจครั้งนี้สมแล้วที่เป็นระดับความยาก B+ มันทําให้เขาได้รับไอเทมหายากเป็นรางวัล
“แต่ว่า ทําไมถึงเป็นรองเท้ากันล่ะ?”
แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาไม่ชอบ ตอนนี้อาร์คยังคงใช้งาน “รองเท้าจิตวิญญาณวายุ” หากพิจารณาจากข้อจํากัดเรื่องเลเวลแล้ว เท้าหมาป่านับว่าดีกว่าทั้งออพชันและพลังป้องกัน ทว่าบัพพิเศษนั้นไม่ได้ดีอะไรมากนักหากเทียบกับที่เขาใช้งานอยู่ตอนนี้ เพราะรองเท้าจิตวิญญาณวายุสามารถทําให้เขาใช้งานไถลตัวได้ มันเป็นประโยชน์มากกว่า
“เท้าหมาปามีทักษะกระโดด? เราจะกระโดดได้สูงสิบเมตร? นี่ไม่ใช่อะไรที่จะมีประโยชน์ในการต่อสู้เลยสักนิด แถมระยะเวลาคูลดาวยังตั้งห้านาที แต่ก็นะ รองเท้าจิตวิญญาณวายุก็ไม่ใช่ว่าเราสามารถใช้งานได้ตลอดไป ต้องพิจารณาให้ดีถ้าหากจะต้องเปลี่ยน ไว้ลองใช้ในการต่อสู้ค่อยพิจารณาอีกทีแล้วกัน”
ด้วยเหตุนั้น อาร์คจึงเปลี่ยนมาสวมใส่เท้าหมาป่าเป็นการชั่วคราว แต่แล้วเสียงกระดิ่งแสดงความยินดีพร้อมหน้าต่างข้อมูลก็ปรากฏ
ผลลัพธ์ของเซ็ตไอเทมทํางาน
ท่านได้สวมใส่ไอเทมเซ็ตชิ้นใหม่ เซ็ตไอเทมพิเศษนั้นได้ถูกจัดสร้างขึ้นจากช่างฝีมือเพื่อผู้กล้ายุคโบราณ ตามปกติแล้วผลลัพธ์ของมันจะยิ่งทรงพลังมากยิ่งขึ้นเมื่อจํานวนเซ็ตไอเทมเพิ่มมากขึ้น หากท่านได้รับไอเทมของเซ็ตทั้งหมด ผลลัพธ์ที่ได้จะเหนือลําเกินคาดคิด
*เซ็ตอุปกรณ์สวมใส่ปัจจุบัน
[หมวกแรคคูน] [อุ้งตีนแมว] [ชุดเกราะผู้พิทักษ์แห่งชาวเงือก] [เท้าหมาป่า] [??]
ท่านได้สวมใส่เซ็ตไอเทมสี่ชิ้น ผลลัพธ์พิเศษที่ได้จึงเพิ่มมากขึ้น
“เซ็ตไอเทม! งั้นก็ช่วยไม่ได้แล้วแหละนะ”
แม้ “อุ้งตีนแมว” จะเป็นไอเทมหายาก และหมวกแรคคูนจะมีความสามารถแปลงกาย แต่พลังป้องกันออกจะน้อยไปหน่อยหากเทียบกับชุดเกราะที่เลเวล 200-300 ทางด้านชุดเกราะที่ใส่อยู่ตอนนี้ทําให้สามารถเมินเฉยต่อบทลงโทษภายใต้น้ำได้ 100% ก็ใช่ แต่ตอนนี้เขาคงไม่ได้ลงน้ำอีกพักใหญ่ ดังนั้นแล้วจึงมีหลายครั้งที่เขาคิดอยากซื้อหาชุดเกราะหนังตัวใหม่จากเว็บไซต์ประมูล เหตุผลที่เขายังไม่เปลี่ย นชุดเกราะก็เพราะมันมีเซ็ตไอเทมอยู่ เขาคิดว่าโบนัสของเซ็ตไอเทมน่าจะมีค่าพอให้ใช้งานได้
“ขณะที่เลเวลของเราเพิ่มขึ้น พลังป้องกันที่ได้รับกรณีเปลี่ยนชุดเกราะที่เหมาะสมนั้นสูงกว่าเซ็ตโบนัสกําลังเป็นกังวลอยู่พอดี
เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะได้รับเซ็ตไอเทมเพิ่มขึ้นในสถานที่เช่นนี้ ด้วยเหตุนี้ พละกําลัง ความคล่องตัว ความอดทน และพลังป้องกันของเซ็ตจึงเพิ่มขึ้นจาก 10 เป็น 20 หน่วย นั่นจึงทําให้ไม่ต้องกังวลเรื่องการเปลี่ยนชุดเกราะไปได้อีกพักหนึ่ง
“นี่ขนาดเป็นผลลัพธ์ของไอเทมรวมกันแค่สี่ชิ้นนะเนี่ย
หากเขาได้เซ็ตที่สมบูรณ์ แบบนั้นมันต้องให้โบนัสอย่างมหาศาล ทว่าการค้นหาเซ็ตไอเทมให้ครบสมบูรณ์เป็นเรื่องยากเกินคาดคิด ทุกวันจะมีคนนับพันเข้าเว็บไซต์ข้อมูลข่าวสารค้นหาเรื่องเซ็ตไอเทมกันไม่ขาดสาย แม้พวกเขาจะบังเอิญเจอเข้าหนึ่งหรือว่าสอง แต่ไอเทมที่เหลือบางชิ้นกลับต้องประมูลจากเว็บไซต์ นั่นทําให้อาร์คยอมถอยให้เส้นทางดังกล่าว