ตอนที่ 441 : กองทัพอัศวินวิญญาณ!
มันต้อง มีทางอื่นสิ…”
อาร์คเม้มริมฝีปากที่แห้งผากขณะพลังชีวิตยังคงลดลงอย่างต่อเนื่ อง จากนั้นก็คล้ายมีอะไรผุดเข้ามาในความคิด
“เรายังมีกองทัพอัศวินวิญญาณ!”
ถูกต้อง ความคิดนี้ผุดวาบขึ้นมาทันที เขาสามารถอัญ เชิญอัศวินวิญญาณจากโอเบเรียมได้! มันเป็นทักษะเรียกใช้งานก็จริ ง แต่ที่ต้องใช้ก็คือพลังจิตวิญญาณไม่ใช่พลังมานา ไม่ช้าม ติก็เริ่มสั่นขณะอาร์คเรียกใช้งานทักษะ เขากําลังมองช่องว่างมิติที่ กําลังปรากฏวิญญาณติดอาวุธหนักจากโอเบเรียม
อัศวินแห่งโอเบเรียมมาตามการอัญเชิญของท่าน!
เหล่าอัศวินวิญญาณไม่พูดพล่ามอะไร เพียงแค่ตะโกนเมื่อพบเห็นซอมบี้เชื้อราและพุ่งเข้าใส่
[ทางนั้น จัดการมันเลย]
[เพื่อเกียรติยศแห่งโอเบเรียม!]
[โอ้]
อัศวินทั้งสิ้นสามสิบนายต่างโรมรันกันออกมาประหนึ่งพายุโหมใส่ซอมบี้เชื้อรา คล้ายกับเกิดคลื่นยักษ์สาดซัดปราสาททรายที่ชายหาด วิญญาณอัศวินเหล่านี้มีทั้งที่ใช้โล่ ดาบ และตะบอง พวกเขาล้วนโจมตีใส่ซอมบี้ตรงหน้าอย่างไม่คิดชีวิต โชคร้ายไปนิด ทักษะนี้เพียงแค่ขั้นต้น มันจึงไม่ได้ส่งผลอะไรกับพวกซอมบี้สักเท่าไหร่ อัศวินวิญญาณเหล่านี้กระทําการโจมตีได้อย่างจํากัด ซอมบี้เชื้อราโดนผลักดันไประดับหนึ่งเพราะแรงกดดันจากกองทัพอัศวิน วิญญาณจนร่างล้มระเนระนาด อัศวินวิญญาณที่เห็นโอกาสก็พุ่งเข้าใส่ซอมบี้เชื้อราไม่คิดชีวิตเช่นกัน แต่แล้ว..
[พวกซอมบี้อันชั่วร้าย!]
ตั้ง ตั้ง
เสียงร้องเตือนดังขึ้นขณะหัวหน้าอัศวินกําลังตะโกนใส่พวกซอมบี้
[บ้าจริง ร่างของพวกเราถูกผูกมัดกับโอเบเรียม พวกเราช่วยมากกว่านี้ไม่ได้]
ไม่ช้า ร่างของอัศวินวิญญาณทั้งหลายก็เริ่มหายไปประหนึ่งคลื่นที่สาดซัดเข้าฝั่งแล้วย้อนกลับอย่างรวดเร็ว ระยะเวลาห้าวินาทีของกองทัพอัศวินวิญญาณสิ้นสุดลงแล้ว แม้ว่าจะใช้พลังจิตวิญญาณไป 300 หน่วย แต่มันก็ช่วยให้อาร์คหลบหนีจากการรุมโจมตีของพวกซอมบี้เชื้อรามาได้ และการกระทําครั้งนี้มันก็เป็นโอกาสสุดท้ายที่จะทําให้เขาหนีพ้นจากถ้ําได้เช่นกัน
“ต้องรีบหนี!”
อาร์คพยายามอย่างอย่างเต็มที่ ทว่าเขากลับรู้สึกถึงแรงปะทะที่ใบหน้าก่อนจะเห็นดวงดาวลอยเหนือศีรษะมากมาย
“หัวเรา!”
อาร์คยังคงติดอาการวิงเวียน เพราะแบบนั้นสายตาจึงไม่กระจ่างชัด เขาไม่อาจเห็นได้เลยว่าเมื่อครู่เพิ่งวิ่งชนกําแพงไป นับว่าเป็นความอับอายครั้งยิ่งใหญ่สําหรับเขาเลยทีเดียว แทนที่จะหลบหนีซอมบี้เชื้อรามาได้กลับต้องวิ่งผจญกําแพง
“ราคาร์ดทําบ้าอะไรอยู่? บอกแล้วไงให้ช่วยดูทิศทาง!?”
“เจ้านายขอรับ ข้าไม่มีเวลาสักนิดให้บอกด้วยซ้ํา”
“เงียบน่า รีบบอกทางได้แล้ว!”
“ขอรับ ขอรับ ตามมา!”
ราคาร์ดบ่นแต่ก็จิกเส้นผมของอาร์คเป็นการชี้ทางไปในตัวด้วย เพราะอาร์คไม่ต่างอะไรกับโดนอาการตาบอดจึงต้องพึ่งพาวิธีนี้ ราคาร์ดจิกผมอาร์คแล้วฉุดกระชากไปยังทิศทางที่ต้องการ ขณะที่ราซาคจะคอยช่วยป้องกันพวกซอมบี้ที่ตามมาด้วยโล่
“ยังไม่พ้น?”
“ยังขอรับ”
อาร์คแทบอยากเป็นลมเมื่อได้ยินคําตอบ
“เราเข้ามาแค่ประมาณหนึ่งร้อยเมตรนี่นา แล้วทําไมถึงเข้ามาลึกขนาดนี้ได้กัน?”
อาร์คคิดว่ามันแปลกไปบ้างแต่ตอนนี้เขาไม่มีทางรู้ได้ รอจนกระทั่งสักพักหนึ่ง สายตาเขากลับคืนมากระจ่างชัด อาร์คถึงกับต้องใบหน้าแข็งค้างไป เมื่อมองสภาพรอบด้านให้ดี เขาออกจากถ้ํามาแล้ว ถ้ํานั้นอยู่ใกล้กับหลุมฝังศพนักบุญบีเทลจูส และพวกซอมบี้เชื้อราก็ถอยกลับเข้าถ้ําไปตั้งแต่ที่เขาออกมาแล้ว แต่… ราคาร์ดยังเอาแต่จิกทิ้งเส้นผมของเขาขณะนําเดินไปนั่นไปนี่
“พวกเราออกมาหรือยัง?”
“ยังอีกไกลเลยขอรับ อันตราย! หลบเร็ว!”
เมื่ออาร์คเอ่ยถาม ราคาร์ดจึงทําการจิกทั้งเส้นผมอย่างแรงอีกครั้ง
“หัวนายสิที่จะโดนอันตราย!”
อาร์คคว้าตัวราคาร์ดเอาไว้แล้วตะโกนใส่ ราคาร์ดถึงกับแตกตื่น เสียงสั่น
“จะ-เจ้านายมองเห็นแล้ว?”
“อยากลองไหมล่ะ?”
“เอ่อ ข้าก็แค่อยากหยอกล้อนิดหน่อยเองขอรับ”
“หยอกล้อ? งั้นฉันล้อเล่นด้วยสักที่ดีไหม?”
อาร์คตอบกลับไปทั้งแสยะยิ้มชั่วร้าย เขากําลังอยากหาที่ระบายอยู่พอดี
“บอกแล้วไงว่ามันอันตรายนะ”
ดวงตาลอยได้พึมพําเสียงเบาออกมาเมื่อเห็นสีหน้าอาร์คในตอนนี้ อาร์คถึงกับหันศีรษะกลับไปมอง
“ความคิดนาย?”
“ออกมาปลอดภัยแล้ว ดีจังเลยนะครับ”
ดวงตานั้นแสร้งเปลี่ยนเรื่องเฉไฉคําตอบ อาร์คต้อนราคาร์ดเข้าจนมุมแล้วอัดจนอีกฝ่ายดวงตาปูดบวม ท่ามกลางสถานการณ์เลวร้าย สมุนอัญเชิญของเขายังมีความคิดกบฏเช่นนี้ อาร์คอยากระบายใส่ราคาร์ดจริง แต่สภาพตัวเขาตอนนี้ไม่อํานวย
“กระทั่งทักษะเรายังใช้ไม่ได้
ใครจะคิดกันว่าอยู่ดีๆ สถานการณ์จะพลิกผันขนาดนั้น? ความมั่นใจของเขาที่ล่าซอมบี้ข้างนอกมาเกือบสองร้อยชั่วโมง หลังทําการเปลี่ยนอาชีพไปแทบเลือนหายหมดสิ้นเพียงแค่ไม่ถึงชั่วโมงที่เข้าถ้ําไป และการโดนพวกซอมบี้รุมโจมตีก็ไม่ใช่เหตุผลเดียวที่ทําให้เขาแย่ปานนี้
คิดว่าน่าจะไหว แต่เราก็พลาดอีกจนได้
ระหว่างการต่อสู้ อาร์คได้ตระหนักถึงปัญหาร้ายแรง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อาร์คต่อสู้กับศัตรูจํานวนมากในพื้นที่แคบ หากเป็นในอดีต เขายังสามารถใช้ประสบการณ์และทักษะเอาตัวรอดมาได้ นอกจากนี้ศัตรูส่วนใหญ่ยังเลเวลต่ํากว่ามากเพราะโบนัสจากความมืด แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ เขาโดนข้อจํากัดของสถานที่
“เหตุผลมันก็ชัดเจนอยู่แล้ว เราขาดสติเกินไปตอนคิดว่าไม่มีทักษะก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่เรากลับต้องพึ่งพามันมากกว่าที่คิด”
อาร์คพิจารณาถึงปัญหาได้อย่างรวดเร็ว ในตอนแรกอาร์คคิดว่า ด้วยความสามารถและฝีมือพร้อมค่าสถานะจะทําให้ต่อสู้ได้ไหว แต่นี่ไม่ใช่เวทีประลองฝีมือแต่อย่างใด เขาต้องเผชิญหน้ากับพวกมันจํานวนมากโดยไม่เหลือทางสํารองเผื่อเอาไว้ เป็นเขาประเมินผิดไปว่าทักษะไม่จําเป็นต้องใช้จึงระเบิดพลังมานาออกไปอย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง และนั่นจึงทําให้อาร์คต้องรับผลกรรมเมื่อพลังมานาทั้งหมดหายไป พลังชีวิตของเขาต้องลดลงอย่างรวดเร็วเพราะมอนสเตอร์มากมายรุมโจมตีใส่ เทคนิคการต่อสู้ของอาร์คเพิ่มขึ้นมากก็จริง ทว่าทักษะก็ยังเป็นสิ่งจําเป็น การล่าจะยิ่งสนุกและรวดเร็วมากขึ้นหากมีทักษะของเกมคอยช่วยเหลือ เขาแทบลืมเลือนไปด้วยซ้ําว่าครั้งสุดท้ายที่ใช้การเตะคือเมื่อไหร่
“นี่คือเหตุผลที่เราโดนเล่นงานฝ่ายเดียว!?
อาร์คตอนนี้ค่อนข้างแข็งแกร่งขึ้นมากตั้งแต่เปลี่ยนเป็นอาชีพขั้นที่สองและได้เรียนรู้ทักษะเพิ่มหลายอย่าง แต่แล้วความสามารถทางการต่อสู้โดยลําพังกลับถดถอยลง เมื่อทักษะไม่สามารถใช้งาน เขาก็ไม่สามารถต่อสู้ด้วยดีได้
“ให้ตายสิ…. ตอนนี้เราไม่ต่างอะไรกับนักรบที่มือไม้ถูกมัดเอาไว้เลย”
นานมาแล้ว อาร์คเคยคิดว่าอันเดลพึ่งพาแต่พลังป้องกันของตัวละครและทักษะมากเกินไป เกมนี้ไม่เหมือนเกมออนไลน์ยุคเก่า ความสามารถในโลกจริงสามารถเอามาประยุกต์ใช้ในเกมโลกเสมือนนี้ได้ สําหรับการต่อสู้ ฝีมือติดตัวนับเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จําเป็น เขาเคยแสดงศักยภาพที่สามารถทัดเทียมแชมบาร่ากับจัสติสแมนแบบหนึ่งต่อหนึ่งมาได้ก็เพราะเหตุนั้น อาร์ครู้ดีกว่าใครว่าเรื่องราวจุดนี้สําคัญแค่ไหน แต่เพราะเขาหลงระเริงไปกับเกมจึงทําให้พลาดในครั้งนี้
คิดว่าฝึกดีแล้ว แต่ที่จริงไม่ใช่เลย
เหตุผลแรกที่อาร์คสามารถต่อสู้กับศัตรูที่อ่อนแอกว่าได้ง่ายมากก็เพราะโบนัสจากธาตุความมืด 50% เหตุผลที่สองคือเขาพึ่งพาทักษะมากกว่าความสามารถในยามฉุกเฉิน ความมั่นใจเกินไปก็เป็นอีกเหตุผลว่าทําไมเขาถึงหน้ามืดเข้าถ้ําไม่คิดหน้าคิดหลัง ในตอนแรกก่อนเข้าถ้ําเขาไม่เคยใส่ใจนึกถึงเรื่องพวกนี้เลย
“ถ้าเราต่อสู้กับแชมบาร่าตอนนี้ ไม่ใช่ว่าแทบจะปิดประตูแพ้เลยหรือยังไงกัน?”
ยิ่งคิดยิ่งบั่นทอน อาร์คพยายามปรับเปลี่ยนความคิดให้เป็นเชิงบวก
“อย่าฟังซ่านไป โชคดีแค่ไหนแล้วที่เรารู้ตัวก่อนจะสายเกินไป ทักษะสําคัญก็จริง แต่ความสามารถส่วนตัวในการต่อสู้ยังไงก็คือแกนหลัก รู้ตัวแล้วก็ดีแล้ว ต้องหาทางแก้!”
“พักกันพอแล้ว เริ่มกันเลยดีกว่า!”
“ขอรับ? พวกเราจะเข้าไปอีก?”
เมื่ออาร์คลุกขึ้นยืน ราคาร์ดก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วถาม
“แหงอยู่แล้ว เคยเห็นฉันทิ้งดันเจี้ยนไปเพราะคู่ต่อสู้โหดหินหรือยังไง?”
“ไม่ขอรับ แต่ว่า…”
“ไม่ต้องห่วง ฉันไม่วุ่มบ่ามอีกรอบแน่นอน”
เมื่อฟื้นฟูพลังมานาคืนมา คณะของอาร์คก็กลับเข้าไปยังภายในถ้ําอีกครั้ง พร้อมกันนั้นอาร์คก็ออกคําสั่งกับราคาร์ด
“ราคาร์ด ล่อพวกมันมาที่ปากทางเข้า”
“จะจัดการพวกมันที่ละน้อยเหรอขอรับ?”
“ใช่… ทําไมถึงทําสีหน้าเหนื่อยใจขนาดนั้นกันล่ะ?”
“ไปแล้วขอรับ”
ราคาร์ดบินเข้าไปภายในถ้ําอย่างรวดเร็วเมื่ออาร์คจ้องมองไม่วางตา ผ่านไปสักพัก ราคาร์ดก็กลับมาพร้อมซอมบี้เชื้อราสามตัวตามที่อาร์คสั่ง มอนสเตอร์ส่วนใหญ่ที่รวมตัวกันอยู่ที่เดียวมักจะมีการเชื่อมโยงถึงกัน มันเป็นระบบที่มีไว้เพื่อให้มอนสเตอร์เกาะกลุ่มอยู่ด้วยกัน แต่โชคดีไม่น้อยที่ซอมบี้เชื้อราเป็นอันเดต พวกมันไม่มีความคิด ระบบการเชื่อมโยงจับกลุ่มจึงไม่มี
คา!
“มาแล้วขอรับ!”
ราคาร์ดบินพุ่งออกจากถ้ําพร้อมซอมบี้เชื้อราสามตัวที่ตามติด
“ดี เริ่มกันเลย นับจากนี้จะไม่ใช่ทักษะ!”
“ราคาร์ด ราซาค พวกนายก็ไม่ต้องเคลื่อนไหว ไม่ต้องช่วยฉัน ต่อให้อยู่ในอันตรายก็ตาม!”
“ขอรับ? ทําไมกันล่ะ? แต่ก็ดีขอรับ”
กรัก กรั่ก กรั่ก!
อาร์คเมื่อได้รับการตอบสนองจากสมุนอัญเชิญแล้วจึงวิ่งเข้าใส่พวกซอมบี้เชื้อรา เมื่ออาร์คเผชิญหน้า ซอมบี้เชื้อราจะเปลี่ยนเป้าหมายที่เข้าหาโดยทันที พวกมันใช้กรงเล็บที่มีพยายามนั่นลงมา! อาร์คใช้ท่าเท้าเทควันโดสกัดกั้นการโจมตีจากกรงเล็บนั้น จากนั้นซอมบี้อีกสองตัวก็เหวี่ยงแขนเข้าใส่ แต่หนึ่งนั้นโดนดาบของเขาสกัดกั้นเอาไว้ได้ อีกตัวหนึ่งนั้นกรงเล็บแทงเข้าใส่ไหล่ของเขา
“อัตราการตอบสนองของเราช้าลง หากเป็นก่อนหน้าการหลบหลีกพวกนี้ไม่ใช่เรื่องยาก แค่ใช้ร่ายรําแห่งความมืดก็พ้นแล้ว เราต้องตั้งใจกว่านี้ไม่งั้นโดนโจมตีอีกครั้งแน่”
ขณะที่อาร์คได้รับความเสียหายไปจํานวนหนึ่ง เขาพลันหันร่างกลับเตรียมพร้อมหลบการโจมตีชุดถัดไป ในสถานการณ์แบบนี้ มันง่ายกว่าที่จะใช้ “ปัดป้อง” และโจมตีสวนกลับ” เพื่อเรียกใช้ทักษะต่อเนื่องสวนกลับฉับพลัน จากนั้นแล้วตามปกติเขาจะต้องใช้คมดาบแห่งความมืดจนกระทั่งสะสมออร่าได้มากพอสําหรับความมืด อาฆาต… ภาพปรากฏภายในความคิดเป็นฉากอยู่พักหนึ่ง อาร์คตอนนี้กําลังพยายามต่อสู้โดยไม่ใช่ทักษะพวกนั้น
“นี่คือการฝึกฝน!”