ตอนที่ 469 : ขอยืมหน้าหน่อย
“หลังได้ทราบเรื่องราวความอยุติธรรมของโรงงานเซรัน กล่าวตามตรงกระผมเกิดความอับอายยิ่งนักที่สมาคมเวทมนตร์ทําการค้าขายกับคุณ ผมนั้นเป็นผู้จัดการสาขายังแทบไม่อาจรับไหว แล้วคิดว่ามาสเตอร์ของกระผมจะโกรธเกรี้ยวมากเพียงใดกัน?”
ความโกรธกําลังพวยพุ่งภายในดวงตาของราเบนท์ขณะจ้องมองอากาเต้อย่างคาดคั้น
“แต่หากอากาเต้นิมยอมรับเงื่อนไขของอาร์คนิมที่เป็นห่วงสวัสดิภาพของประชากรผู้ยากไร้ ผมจะทําเป็นไม่เห็นความจริงเรื่องนี้ ขอพูดให้ชัดเจน นี่ไม่ใช่เพื่ออากาเต้นิม แต่เป็นเพราะผมเคารพการตัดสินใจของอาร์คนิมที่ห่วงใยเหล่าประชากรผู้ยากไร้”
อาร์คไม่ทราบจนถึงขณะนี้ ว่าในปัจจุบันนี้มีผู้เล่นเพียงแค่ยี่สิบคนเท่านั้นที่ได้รับฉายา “สมาชิกแห่งสมาคมเวทมนตร์” และสําหรับเอ็นพีซีก็มีไม่ถึงห้าร้อยคน ดังนั้นแล้วมาสเตอร์ของสมาคมเวทมนตร์จึงให้ความสนใจกับสมาชิกทุกคนได้อย่างทั่วถึง และที่นี่ คืออาณาจักรแห่งเวทมนตร์ สมาคมเวทมนตร์ย่อมต้องมีอิทธิพลทั่วทุกหนแห่ง
“ดีจริง ๆ ที่รู้จักคนระดับสูงแบบนี้”
อาร์คเพิ่งตระหนักได้ถึงความสําคัญของเส้นสายและเครือข่าย โดยไม่ต้องให้เรื่องไปถึงมาสเตอร์ของสมาคมอากาเต้ก็ยอมตั้งแต่ได้ ยินว่าอาร์คเป็นสมาชิกแห่งสมาคมเวทมนตร์แล้ว
“เอ้า จะยอมรับเงื่อนไขหรือเปล่าล่ะ?”
อากาเต้เริ่มพูดจามีมารยาทมากขึ้นเมื่อทราบว่าใครกันแน่ที่กุมดาบไว้ในมือ อาร์คเผยท่าทางไปยังราเบนท์เป็นการขอบคุณที่ช่วยออกหน้าให้
“แล้วก็นะ นั่นแค่เงื่อนไขแรกเอง”
“แล้วเงื่อนไขที่สองคืออะไรกัน?”
“จ่ายให้ผม 2,000 เหรียญทอง”
“วะ-ว่ายังไงนะ?”
“ถือเป็นค่าบริการและค่าใช้จ่ายสําหรับวัตถุดิบที่ใช้เพื่อรักษาผู้ป่วยของสลัม ขอบอกไว้ก่อนเลยนะ เรื่องนี้จะกล่าวหาผมไม่ได้ พูดตามตรงผมคิดเรียกสัก 10,000 เหรียญทองเพราะความเหนื่อยยาก ครั้งนี้ด้วยซ้ํา แต่หลังปรึกษากับราเบนท์นิม เขาบอกว่าแบบนั้นอาจมีปัญหาจนเป็นผลให้โรงงานเซรันล้มละลายได้ เข้าใจหรือยัง? ที่เรียกเท่านี้ก็เพราะผมทราบว่าเซรันจ่ายได้ไหวเท่าไหร่”
อาร์คตอบกลับไปพร้อมยิ้มชั่วร้ายให้ ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร อาร์คก็ยังต้องการหาโอกาสสร้างผลกําไร เขาทราบดีว่าอาการเต้ย่อมต้องปฏิเสธข้อเสนอจ่ายค่าทําขวัญ 1,000 เหรียญทอง เพราะแบบนั้นเขาถึงต้องแสดงให้เห็นว่าใครกันแน่ที่ถือดาบพร้อมเชือด อาร์คใช้โอกาสนี้เรียกทั้งค่าปลอบโยนชาวสลัมและเรียกเงิน เข้ากระเป๋าตัวเอง เดิมที่เขาคิดจะเรียก 10,000 เหรียญทองจริง ทว่าหากทําแบบนั้นเซรันอาจล้มละลาย อาร์คจึงไปปรึกษาราเบนท์ว่าควรเรียกเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสม มันจึงเป็นที่มาของข้อเสนอ 1,000 เหรียญทองสําหรับค่าทําขวัญและ 2,000 เหรียญท องสําหรับอาร์ค เขาคิดเรียกเต็มอัตราไม่เหลือช่องว่างไว้ให้ต่อรองในเมื่อตัวตนของเขาได้รับการยืนยันแล้ว อากาเต้จึงทําได้เพียงจํายอมทั้งเหงื่อที่ท่วมตัว
“ได้ ข้าจะจ่ายค่าตอบแทนนั้นให้ แต่ข้าไม่สามารถจ่ายเงินจํานวนเท่านั้นในทันทีได้ ไม่แบบนั้นแล้วเซรันจะกลายเป็นมีสภาพล้มละลาย ไม่ใช่ว่าเจ้าก็ทราบดีแล้วหรือว่าข้ามีกําลังจ่ายได้เพียงใด? ข้าจะขอแบ่งจ่ายออกเป็นสามงวด โดยที่จ่ายสองเดือนต่องวด ถ้าหากเจ้าไม่ยอมรับเรื่องนี้ข้าก็ทําอะไรไม่ได้แล้ว”
อาร์คยิ้มและตกปากรับข้อเสนอของอากาเต้
“แบบนั้นก็ไม่เลว แล้วก็อย่าลืมเขียนหนังสือสัญญาด้วยนะครับ ถ้าหากไม่ทําตามข้อตกลง สมาคมเวทมนตร์จะทําการยึดเซรัน และ ประชากรของสลัมกับผมค่อยได้รับส่วนแบ่งหลังทําการยึดเรียบร้อยแล้ว”
“โฉดชั่ว!”
“ไม่อยากได้ยินคําแบบนั้นจากปากของคนอย่างคุณเท่าไหร่หรอกนะ”
อาร์คแสยะยิ้มให้ หลังข่มขู่อากาเต้เรียบร้อย เขาจึงได้รับหนังสือสัญญาสองฉบับ หนึ่งสําหรับอาร์ค และอีกหนึ่งสําหรับประชากรของสลัม
“งั้นก็ ตั้งใจทํางานมาจ่ายหนี้ด้วยนะครับ”
อาร์คโบกหนังสือสัญญาไปมาทั้งยังหัวเราะ เป็นผลให้อากาเต้ กัดฟันแน่นจนแทบแตก แต่ขณะที่อาร์คกําลังจะหันกลับไปนั้นเอง เขาพลันนึกขึ้นมาได้แล้วหันกลับมาพูดใหม่
“เกือบลืมไป เงื่อนไขที่สาม!”
“วะ-ว่าอะไรนะ? ข้าไม่มีอะไรจะให้แล้ว!”
“ทําไมรีบออกตัวจังล่ะครับ? ไม่ต้องห่วง ไม่ได้ถามถึงเงิน แน่นอน แค่ขอยืมหน้าหน่อย”
“ยืมหน้า?”
อากาเต้ถามทั้งน้ําเสียงงุนงง อาร์คชี้นิ้วขึ้นตรงหน้าและดึงให้อากาเต้ก้มหน้าลง เมื่อตําแหน่งเหมาะสมแล้ว เขาพลันยิ้มแล้วร้องบอกรอนนี่
“รอนนี่ ตานายแล้วนะ!”
ตึง
“อั่ก!”
รอนนี่พลันวิ่งเข้ามาเตะเสยเข้าที่ใบหน้าอย่างรวดเร็ว อากาเต้ต้องล้มลงกับพื้นใบหน้านองด้วยเลือด ขณะที่อากาเต้กลิ้งกับพื้นและ พยายามกุมจมูกห้ามเลือดเอาไว้ อาร์คที่รับชมอยู่จึงถามขึ้น
“เท่านี้จริงเหรอ?”
รอนนี่พยักหน้ารับทั้งสีหน้ากล้ํากลืน
“ครับ”
“ถ้านายว่าพอใจเท่านี้ก็เท่านี้แหละนะ”
อาร์คชื่นชมรอนนี่ไม่น้อยขณะเข้าไปลูบผม
“นายเข้าใจใช่ไหม? นอกจากแม่ของนายที่เกือบตายแล้ว คนอื่นในสลัมแค่มีอาการบ้างไม่ได้ร้ายแรงมาก มีเพียงแต่แม่ของนายที่ย่ําแย่ นั่นก็เพราะแม่ของนายอดทนต่ออาการและยังทํางานต่อไป แม้จะโดนพิษของก้ามคาราดาราสเล่นงาน กระทั่งว่าขยับตัวแทบไม่ไหว แม่ของนายก็ยังกัดฟันอดทนทํางานต่อ”
อาร์คจับไหล่ของรอนนี่ไว้แน่นและเอ่ยเน้นถ้อยเน้นคํา
“ทั้งหมดก็เพื่อนาย เพราะนายคือความภาคภูมิใจ และแม่ของนายก็คือความภาคภูมิใจของนายนะ”
“พี่ชาย”
รอนนี่กอดอาร์คไว้ทั้งยังร้องไห้ อาร์คปลอบรอนนี่ก่อนสักพัก จากนั้นจึงค่อยกลับไปยังสลัม ผู้คนของสลัมต่างได้รับหนังสือสัญญากันถ้วนหน้า ตารุนถึงกับอ้าปากค้าง
“ได้ยังไงกันเนี่ย?”
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรครับ หลังไปที่โรงงานเซรันพร้อมบอกถึงความทุกข์ยากจากโรค อากาเต้ก็ยอมเขียนหนังสือสัญญาพวกนี้ให้”
อาร์คเลือกไม่อธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ผู้คนของสลัมรับรู้ อย่างไรแล้วคนยากไร้เหล่านี้ยังต้องทํางานให้เซรันต่อ หากพวกเขาอยากใช้ชีวิตกันต่อ การไม่รู้ว่าอากาเต้ดื้อรั้นขนาดไหนถึงยอมคงจะดีกว่า หลังจากเรื่องราวถูกแก้ไขเรียบร้อย ประชากรของสลัมต่างก็มาหารอนนี่
“ที่ผ่านมา พวกเราขอโทษจริง ๆ”
“พวกเราทําแบบนั้นไปโดยไม่รู้เลยว่านายรู้สึกยังไง”
“ไม่ต้องพูดอะไรหรอก ไม่ต้องยกโทษให้พวกเราก็ได้”
“ไม่เป็นไรครับ แม่ของผมก็ดีขึ้นมากแล้วด้วย”
รอนนี่สะอื้นก่อนจะตอบกลับด้วยน้ําเสียงที่ยินดี อาร์คที่รับชมอยู่ก็หัวเราะไปด้วย
‘สมแล้วที่เป็นเด็กคนนี้’
อาร์คอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาทั้งยังพยักหน้าเห็นดีเห็นงาม ด้วยความจริงแล้วอาร์คคิดว่ารอนนี่มีจิตใจที่ดีเกินไปหลังจากได้เห็นสิ่งที่ทํากับอากาเต้ หากเป็นอาร์คตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน เขาอาจจะถึงขั้นเกือบฆ่าอากาเต้ไปแล้วก็ได้ ทว่าอาร์คและรอนนี่ไม่เหมือนกัน เด็กคนนี้ใจดีมาก เพียงแค่เตะไปหนึ่งครั้งก็บรรเทาความ โกรธลง ทั้งยังอภัยให้ผู้คนของสลัมที่รังเกียจเขาอย่างง่ายดาย นับว่าแตกต่างจากอาร์คอย่างสิ้นเชิงเลยก็ว่าได้
“ก็นะ ได้เห็นเท่านี้ก็สบายใจแล้ว”
อาร์ครับชมภาพที่ผู้คนของสลัมกําลังสนุกสนานกันพลางลอบถอนตัวออกมา ครั้งนี้เขาทํางานเพราะตั้งใจอยากช่วยจริง ๆ แม้ว่าจะได้รับ 2,000 เหรียญทองจากอากาเต้ แต่เขาไม่ได้คิดรับสิ่งอื่นใด จากผู้คนที่ทุกข์ยากเหล่านี้ เพราะแบบนั้นอาร์คจึงเลือกที่จะลอบถอนตัวออกจากสลัม แต่แล้ว ตารุนที่มองไปรอบกลับพบว่าอาร์คกําลังพยายามหลบฉากไปจึงเข้ามาคว้ามือไว้
“เดี๋ยวก่อนสิ นี่เจ้าคิดไปไหนกัน?”
“ธุระของผมเสร็จแล้วครับ ผมยังมีงานอื่นต้องทําด้วย…”
“พูดจาไร้เยื่อใยอะไรแบบนั้นกัน? เจ้าคิดว่าพวกเราไม่รู้บุญคุณงั้นหรือ เจ้าช่วยพวกเราเอาไว้ ไม่เพียงแค่รักษาอาการเจ็บป่วย แต่ยังช่วยทวงความยุติธรรมให้พวกเรา ข้าตระหนักได้ว่าเจ้าได้ทําหลายสิ่งอย่างนัก การรักษาคนป่วยจําเป็นต้องใช้ภูมิความรู้ไม่น้อย เจ้านั้นเป็นผู้เยียวยาอย่างแท้จริง!”
และด้วยคํายกยอนี้ หน้าต่างข้อมูลที่เขาไม่เคยคิดว่าจะมีก็ปรากฏขึ้น
—–
การเยียวยาปาฏิหาริย์สําเร็จ
การรักษาผู้ป่วยไม่ใช่เพียงแค่การเยียวยา ผู้เยียวยาที่แท้จริงจะไม่คิดถึงเพียงแค่อาการเจ็บปวย แต่ยังคิดถึงเรื่องอื่นนอกจากอาการเจ็บป่วย บางครั้งผู้คนที่คนใกล้ชิดล้มป่วยก็ต้องทนทุกข์ไม่ต่างกัน พวกเขาทนทุกข์ก็เพราะคนที่รักกําลังเจ็บป่วย นี่ก็เป็นอีกหนึ่งปัญหาใหญ่ เพราะยิ่งกว่าคนที่เจ็บปวยคือผู้ห่วงหารอบด้าน ท่านนั้นเป็นผู้รู้แจ้งถึงความจริงเรื่องนี้
ไม่เพียงแค่ท่านช่วยเหลือผู้คนที่เจ็บปวย แต่ยังรวมถึงคนใกล้ชิดผู้ป่วยด้วย ผู้คนของสลัมต่างหิวโหยเพราะต้องนําเงินไปซื้อยา นั่นทําให้ชีวิตของพวกเขายิ่งยากลําบากจนกระทั่งท่านเข้าช่วยเหลือ เพราะความตื้นตันที่พวกเขามีให้จากหัวใจ พวกเขารู้สึกขอบคุณ ท่านจากใจจริงที่ทําให้พวกเขามีทางใช้ชีวิตตามปกติอีกครั้ง
ภายในใจของพวกเขา ท่านคือผู้เยียวยาที่แท้จริง นี่คือสิ่งตอบแทนอันล้ําค่า ท่านเพียงคาดหวังให้พวกเขาหายเจ็บไข้ เพื่อที่คนใกล้ชิดพวกเขาจะได้หายทุกข์ยากตามไปด้วย นี่คือปาฏิหาริย์ที่แท้จริง ด้วยความสําเร็จนี้ท่านจึงได้กลายเป็นแสงประทีปของผู้เยียวยาที่เข้าสู่ระดับซึ่งสูงยิ่งขึ้น
*เพราะการเยียวยาปาฏิหาริย์สําเร็จ ทุกค่าสถานะเพิ่มขึ้น 2
*ค่าสถานะความรักเพิ่มขึ้น 40
*ชื่อเสียงเพิ่มขึ้น 200
*แนวโน้มความดีเพิ่มขึ้น 100
————-
เพราะการเยียวยาปาฏิหาริย์สําเร็จ ท่านได้รับฉายา ‘ผู้เยียวยาแห่งมวลชน’
ชื่อเสียงในฐานะผู้เยียวยาของท่านเพิ่มขึ้น ผู้ป่วยทุกคนจะให้การยกย่องท่าน
*โบนัสจากฉายา ทุกค่าสถานะเพิ่มขึ้น 2
*ชื่อเสียงเพิ่มขึ้น 200
————-
“หา แบบนี้ก็เป็นการเยียวยาด้วย?” อาร์คมองหน้าต่างข้อมูลด้วยความอึ้งทิ้งไม่น้อย
‘ตอนอยากได้ไม่มา ตอนนี้ดันโผล่มาหลังเรื่องราวจบลงแล้ว ระบบนี้เหมือนกลั่นแกล้งกันยังไงชอบกล’
แต่เป็นอย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน หากเยียวยาปาฏิหาริย์บังเกิดในตอนนั้น มากาเร็ตคงหายดีอย่างรวดเร็วก็จริง แต่แบบนั้นเขาจะไม่ได้ช่วยเหลือผู้ป่วยคนอื่น ชาวสลัมจะยังมองรอนนี้ไม่ดีเช่นเดิม และ แน่นอน อาร์คจะไม่ได้รับเงิน 2,000 เหรียญทองด้วย
“พี่ชาย พวกคุณลุงในหมู่บ้านบอกว่าอยากทําอาหารเลี้ยงพี่ชายแน่ะ”
ขณะนั้นเอง รอนนี่วิ่งเข้ามาหาอาร์คที่พลาดโอกาสหายตัวไปอย่างตัวเอกในภาพยนตร์จึงต้องอยู่ต่อ พวกเขาคิดอยากทําอะไรที่แสนวิเศษให้ ผู้คนของสลัมล้วนอยากตอบแทนผู้มีพระคุณของพวกเขาจากใจจริง พวกเขานําเอาเนื้อจํานวนหนึ่งออกมาพร้อมเครื่องดื่ม นั่นทําให้เขาตอนนี้โดนรายล้อมเอาไว้โดยผู้คนในสลัม แต่นี่ก็ ไม่ใช่เรื่องแย่ ไม่สิ เขารู้สึกดีมากที่ได้เห็นการเฉลิมฉลองเช่นนี้เกิด
“นี่ก็ปาฏิหาริย์จริงไหม? ได้กินเนื้อกับดื่มเหล้าไปด้วยนี่นับเป็นปาฏิหาริย์ที่ฟ้าประทาน”
ผู้คนที่รายล้อมเขาเอาไว้ต่างหัวเราะให้ขณะพยายามคะยั้นคะยอให้อาร์คกินเนื้อเพิ่มมากขึ้นทั้งร้องเต้นรํา