ตอนที่ 475 : ก็แค่คนรักสุนัขที่ผ่านทางมา
“เยี่ยมไปเลย!”
ร่างใหญ่โตของชายคนหนึ่งกําลังก้มรับแก้วไวน์ด้วยสีหน้ายินดีไม่น้อย เอลฟ์สาวที่อยู่ด้านข้างก็กําลังมองบาบีคิวด้วยดวงตาเป็นประกาย
“นี่มั่นงานเทศกาลใช่ไหม? พวกเราควรสนุกกับมันให้มากกว่านี้ใช้ไหม?”
“นี่มันงานเทศกาลตัวจริงเสียงจริงเลยแหละ เหล้าก็เยี่ยม ทางโน้นยังมีอีกแน่ะ!”
ชายร่างใหญ่กําลังกระดกแก้วไวน์ในมือพร้อมร้องตะโกน เอลฟ์สาวก็อดไม่ได้ที่จะต่อว่าเล็กน้อย
“นี่นายไม่ดื่มเกินไปหรือไง?”
“ว่าอะไรนะ? นี่แค่ห้าแก้วเอง”
“ห้แก้วที่ว่านั่นมันเหล้านะยะ นี่ท้องนายมันทําด้วยอะไรกันแน่เนี่ย?”
“เหอะ แล้วบาบีคิวที่เธอลืออยู่ในมือนั่นล่ะ? อีกนิดเธอจะกลายเป็นหมูแล้วนะ”
“ไอ้บ้า นายมันไม่รู้อะไร เสน่ห์ของหญิงงามนายยังไม่รู้จักด้วยซ้ํา แล้วก็นี่ไม่ใช่อาหารนะ นี่คือ ยา ยาอายุวัฒนะเลยต่างหากล่ะ ฉันต้องลดน้ําหนักจนช่วงนี้แทบจะเครียดเป็นบ้าอยู่แล้ว ถ้ากระทั่งในนิวเวิลด์ยังกินอะไรไม่ได้ตามใจปากฉันได้คลั่งตายแน่ นี่แหละคือยาคลายเครียดชั้นเลิศเลย”
“แต่นั่นก็ไม่มากเกินไปเหรอ? ฉันไม่อยากคบกับผู้หญิงที่ตัวอ้วนเหมือนหมูหรอกนะ แล้วเธอก็ควรรู้ว่าฉันเนียเป็นพวกกินมังสวิรัติ”
“มะ-เมื่อกี้นายพูดว่าพวกเราคบกัน?”
ใบหน้าของเอลฟ์สาวถึงกับแดงก่ําขณะเตะเข้าใส่ท้องของชายตัวหนา
“โอ๊ย อะไรกันเนี่ย? พวกเราไม่ได้คบกันหรือยังไง?”
“นายเบื่อจะใช้ชีวิตแล้วสินะถึงได้พูดจาไร้สาระออกมา เขียนข้อความก่อนตายเอาไว้ หรือยัง?”
“แหม แหม อายเหรอเนี่ย… โอ๊ย ฉันก็เข้าใจอยู่ เดี๋ยวนะ? นะ-นั่น?”
เสียงที่ขี้เล่นของชายหนุ่มพลันกลายเป็นตะโกนพร้อมสะดุ้ง
“อะไร? มีอะไรกัน?”
เอลฟ์สาวมองตามสายตานั้นไปอย่างแตกตื่น แต่ชายหนุ่มเพียงสั่นศีรษะให้ทั้งไม่ละสายตา ที่สุดปลายสายตาคือสุนัขขนสีเงินที่กําลังวิ่งอยู่ท่ามกลางฝูงชน ชายหนุ่มคล้ายโดนสะกดให้สายตามองอย่างไม่ลดละขณะเริ่มพิมพ์
“ถึงกับมีสุนัขชั้นเลิศขนาดนั้นในที่แบบนี้! ดูความมันเงาของขนสีเงินที่ลู่ไปกับสายลมนั่นสิ แถมยังมีกล้ามเนื้อที่เป็นเลิศจนทําให้ร่างกายงดงาม ใครเป็นเจ้าของกันนะ? ไม่รู้หรอกนะว่าทําได้ยังไง แต่นั่นมันต้องสายพันธุ์ชั้นเลิศแน่! หรือเจ้าของจะเป็นหมูที่ขี่หลังสุนัขตัวนั้น? อิจฉาจริง นั่นสุนัขในฝันเลยนะนั่น แถมสุนัขนั่นยังแบกคนขึ้นหลังได้ด้วย! บ้าจริง ไปหาสุนัขวิเศษขนาดนั้นได้จากไหนกันเนี่ย?”
“หา นายเป็นไอ้สั่งหรือยังไง? สุนัขในฝัน? นี่นายฝันถึงสุนัขทุกคืนเลย? นายมันเด็กมีปัญหาชัด ๆ ไอ้พวกโอตาคุคลั่งสุนัข! ทุกวันนี้รอบตัวนายยังมีสุนัขไม่พอหรือยังไง? แล้วยังอยากได้เพิ่มอีก เนี่ยนะ? บ้านนายมีสุนัขเป็นสิบตัวแล้วนะเจ้าบ้า!”
เอลฟ์สาวอดไม่ได้ที่จะต่อว่าสักหน่อยขณะมองชายหนุ่ม ไม่ช้าชายหนุ่มก็โต้แย้ง
“ว่าอะไรนะ? ไม่ใช่ว่าบ้านเธอก็มีแมวหรือยังไง?”
“ใช่ ฉันเลี้ยงแค่ตัวเดียว แมวหนึ่งตัว นี่มันเรื่องปกตินะยะ เลี้ยงแค่ตัวสองตัวถือเป็นคนรักสัตว์ทั่วไป แต่นายเลี้ยงถึงสิบตัว นั่นปกติหรือยังไง?”
“หา เธอนี่ไม่เข้าใจอะไรเลยจริง ๆ พวกมันน่ารักจะตาย สัตว์เลี้ยงก็คือความรัก เอาไปเทียบกับแมวพวกนั้นของเธอออกจะเกินไปนะ ไม่เคยเห็นผลงานวรรณกรรมชิ้นเอกที่พูดถึงเด็กน้อย ซึ่งได้พบพานกับสุนัขสีขาวของตนเองโดยกอดมันทั้งน้ําตาเพราะความยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งหรือยังไง? ชื่อนีโรละมั้ง? ไม่สิ หรือจะชื่อเฟรนเดอร์กันนะ?”
ชายร่างใหญ่กําลังหลั่งน้ําตาเมื่อนึกถึงเรื่องราวสุดประทับใจ
“นอกจากในวรรณกรรมแล้ว ยังมีผลงานทั้งที่เป็นภาพยนตร์และการ์ตูนด้วยนะ นี่เป็นหลักฐานอย่างชัดเจนเลยว่าความรักนี้ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางขนาดไหน อีกทางหนึ่ง แมวน่ะไม่ต่างอะไรกับแม่มดผู้ชั่วร้ายเลยสักนิด ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ว่าเธอเลี้ยงสัตว์น่ากลัวแบบนั้นเอาไว้ในบ้านได้ยังไง”
“มะ-แม่มด? นายจะบอกว่าฉันเป็นแม่มด?”
“ฉันไม่ได้พูดหมายความอย่างนั้น แล้วก็นะ เธอเป็นนักเวทนนา นักเวทที่เป็นผู้หญิงไม่เรียกว่าแม่มดหรือยังไง?”
“มีแต่โอตาคุแบบนายนั่นแหละที่จะพูดอย่างนั้น แล้วก็นะ เลิกพูดถึงเรื่องนี้ได้แล้ว!”
“อา ก็ได้ ๆ สุนัขตัวนั้นดูยังไงก็วิเศษจังนะ หือ? บัดซบ!”
ชายหนุ่มฉับพลันขมวดคิ้วแล้วสบถออกมา เอลฟ์สาวที่กําลังจะเหวี่ยงอารมณ์พร้อมหมัดเข้าใส่ นั้นก็ต้องมองสีหน้าของชายหนุ่มอีกครั้ง
“อะไร? นะ-นี่นายโกรธฉันเหรอ?”
“หือ? ไม่ใช่ ๆ ไม่ใช่แบบนั้น ไอ้เจ้าพวกนั้นต่างหาก!”
ชายหนุ่มเผยสีหน้าเก้กังออกมาขณะกลับมาโกรธอีกครั้งหนึ่ง เอลฟ์สาวเพิ่งตระหนักได้ว่าทําไมชายหนุ่มถึงโกรธ ตอนนี้ชายหนุ่มไม่ได้จับจ้องที่สุนัขสีเงินตัวนั้นอีกต่อไป กลับเป็นพวกที่สวมใส่หน้ากากกําลังล้อมโจมตีสุนัขตัวนั้นอยู่ต่างหาก สุนัขตัวนั้นกําลังยืนหยัดตรงหน้าเจ้าของที่คล้ายหมูเพื่อปกป้องแม้จะได้รับบาดแผลจํานวนมากก็ตาม
“พวกมัน… กล้าดียังไงมาทําร้ายสุนัขแสนงดงามตัวนั้น!”
ชายหนุ่มกัดฟันแน่นขณะนําเอาดาบปลายปืนออกมา เอลฟ์สาวถึงกับเผยสีหน้ารําคาญ
“เดี๋ยวสิยะ พวกเรายังไม่รู้เลยนะว่าเรื่องเป็นมายังไง”
“จะรู้ไปทําไม? สุนัขน่ะซื่อสัตย์กับเจ้าของที่สุด เขาต้องเป็นคนดีอย่างแน่นอน คนที่เลี้ยงสุนัขตัวนั้นให้ซื่อสัตย์กับเจ้าของได้ขนาดนั้นไม่ใช่คนเลวแน่ ไอ้พวกที่โจมตีสุนัขตัวนั้นต่างหากที่เลว! มองแค่นี้ก็รู้แล้ว!”
นี่มันเหตุผลเข้าข้างบ้าบออะไรกัน? ทว่าชายหนุ่มหาได้สนใจ เขาเริ่มวิ่งเข้าใส่พวกคนร้ายในสายตาพร้อมดาบปลายปืนในมือโดยทันที
“อา คนพวกนั้น คงไม่รอดงั้นสินะ”
เอลฟ์สาวมองพวกคนร้ายในสายตาของชายหนุ่มด้วยดวงตาเวทนากับโชคชะตาที่ต้องประสบ เธอทราบดีว่าชายหนุ่มเป็นพวกคลั่งสุนัขขนาดไหน กล่าวตามตรงเธอไม่เคยเห็นใครรักสุนัขขนาด
นี้เช่นกัน แม้ว่าชายหนุ่มจะโกรธแค่ไหน หากพบเห็นสุนัขย่อมยิ้มออกมา แล้วทุกวันนี้ชายหนุ่มยิ่งมาเลี้ยงสุนัขเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนเธอต้องกังวล แถมกระทั่งไปโรงพยาบาลสัตว์เพื่อเล่นกับพว กสุนัขก็มีเป็นบางครั้ง นับว่าเป็นอาการคลั่งสุนัขขั้นรุนแรง และมันก็ส่งผลมาถึงในเกมด้วย ไม่สิ เพราะเกมนี้ต่างหากที่ยิ่งทําให้อาการหนักมากขึ้น กระทั่งว่าไอเทมหายากวางอยู่ตรงหน้า ชายหนุ่มพร้อมจะปล่อยมันไปเพื่อไล่ตามดูสุนัขที่เดินผ่านทาง
“ไอ้คนโง่เง่าขนาดนี้ถึงกับเป็นหนึ่งในห้ายอดนักรบของบริสทาเนีย…”
เอลฟ์สาวถอนหายใจขณะบ่นกับตัวเอง ขณะที่ชายหนุ่มนั้นมีฝีมือของจริง แต่อีกฝ่ายก็กลับรักสัตว์จนเกินไป และด้วยความที่รักสัตว์นั้นเองก็ทําให้ชายหนุ่มเลือกเปลี่ยนอาชีพเป็นจ้าวแห่งสัตว์อสูร ถูกต้อง จ้าวแห่งสัตว์อสูร! ชายหนุ่มและเอลฟ์สาวที่โต้เถียงเรื่องหมากับแมวอยู่นั้นไม่ใช่ใครอื่น เป็นเบรดและเรเดียนนั่นเอง
“เป็นคนดีอยู่หรอก แต่ก็มีส่วนแปลกที่คลั่งสุนัขจนเกินไป”
เรเดียนบนขณะเม้มริมฝีปาก เธอได้รู้จักกับเบรดก็ตอนที่นิวเวิลด์เปิดเบต้าเทส ครั้งนั้นพวกเขาทั้งสองคือสองคนสุดท้ายจากศึกสู้เพื่อเอาชีวิตรอด เธอกับเบรดเคยปะทะกันมาก่อนแล้วตั้งแต่ก่อนหน้าที่จะเข้าศึกสุดท้ายของเบต้าเทส และเธอก็ไม่สามารถตัดสินผลแพ้ชนะกับชายหนุ่มได้ หลังจากที่เกมถูกวางจําหน่ายอย่างเป็นทางการ บ่อยครั้งพวกเขามักจะออกไปล่าด้วยกันหากมีโอ กาสจนกลายเป็นสนิทกันเสียอย่างนั้น ยังมีความจริงอีกว่าเบรดเป็นนักบุกเบิกเกมที่ได้รับความเคารพจากผู้เล่นอื่นไม่น้อยเลยทีเดียว
แม้ว่าปกติแล้วจะดูค่อนข้างซื่อบื้ออยู่บ้าง แต่หากได้ต่อสู้ก็จะกลายเป็นอีกคนเลยทีเดียว เมื่อเป็นผู้นําของปาร์ตี้ เขาสามารถแสดงความสามารถอันน่าตื่นตะลึง และบ่อยครั้งยังรับหน้าที่เสี่ยงอันตรายที่สุดเสมอ ทั้งยังเป็นคนที่พร้อมวิ่งเข้าช่วยเหลือพรรคพวกโดยไม่หวั่นเกรงอันตรายที่อาจเกิดกับตนเองแต่อย่างใด เพราะเหตุนั้นทําให้เกิดคําเล่าลือว่า “อยากพิชิตดันเจี้ยนให้มองหาเบรด” และปกติเรเดียนก็มักจะอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลเสมอจึงทําให้ได้ทราบความดีงามด้านนี้ของเบรดไม่น้อย เธอยังทราบว่าแท้จริงแล้วเบรดไม่เคยโกรธหรือเกลียดเธอแต่อย่างใด นั่นจึงทําให้พวกเขามายิ่งสนิทสนมกัน และด้วยเวลาผ่านไป จุดอ่อนของเบรดที่เป็นพวกคลั่งสุนัขก็ปรากฏให้เธอได้เห็น… แน่นอนว่าเธอเข้าใจคนที่รักสุนัข และเธอก็ไม่ได้เกลียดสุนัขด้วย แต่ความรักของเบรดที่มีให้กับสุนัขมันเกินกว่าสามัญสํานึกของคนทั่วไปจนอาจเรียกได้ว่าคลั่งไคล้
“ก็ถือว่าโชคดีละมั้ง ผู้ชายคนเดียวที่ต้องเจอคือหมอนี่ที่คลั่งสุนัขอย่างประหลาด…”
และนั่นก็เป็นเหตุให้เธอเริ่มไม่ค่อยชอบสุนัขตามไปด้วย หากเบรดไม่ได้มีอาการแปลกประหลาดกับสุนัข ความสัมพันธ์ของคนทั้งสองจะยิ่งมายิ่งเพิ่มขึ้นแน่นอน เรื่องนี้มันเป็นหนามที่คาใจเธอมานานแล้ว ตั้งแต่ตอนที่เธอพูดถึงเรื่องแมวกับเบรด ขณะที่เบรดรักสัตว์ก็ใช่ แต่หนึ่งเดียวที่มีท่าทีเป็นปฏิปักษ์ด้วยก็คือแมว อะไรก็ดี ตอนนี้มีกลุ่มคนกําลังทําร้ายสุนัขต่อหน้าเบรด… เธอไม่ต้องเดาก็พอจะเห็นผลว่าต่อไปจะเกิดอะไร
“ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ น่ารําคาญชะมัด เลิกสนแล้วกินบาบีคิวต่อดีกว่า เฮ้อ…”
หลังจากปล่อยให้เรื่องเป็นไป เรเดียนก็กลับไปนั่งกินบาบีคิวต่อ โต๊ะที่เคยโล่งตอนนี้เริ่มเต็มไปด้วยจานที่ใช้แล้วกองสุมขึ้น
“แบกิว!”
“อัก นะ-นายท่าน!”
แบกิวร่างสั่นเพราะต้องรับดาบที่ฟาดฟันลงมาอีกครั้ง แต่แบกิวก็พยายามรักษาสมดุลร่างกายเอาไว้เพื่อป้องกันร่างเจ้านายของตนพร้อมยื่นกรงเล็บออกเตรียมแลกชีวิต
“ฮีม ข้าต้องปกป้องนายท่าน!”
“ช่างเป็นหมาที่น่ารําคาญ!”
กลุ่มโจรที่รายล้อมบุคซิลอยู่ต่างจ้องมองแบกิวอย่างเกลียดชัง หลังออกจากทะเลสาบแล้วก้าวนําหน้าอาร์คมาได้ กลุ่มโจรก็เข้าปิดล้อมเตรียมเข้าจับกุมบุคซิลโดยทันที ทว่าพวกเขากลับต้องเผชิญหน้ากับแบกิวที่ค่อนข้างแข็งแกร่งจนยังไม่สามารถจับตัวบุคซิลได้
“เหอะ อาการมันสาหัสแล้ว ฆ่ามันให้เรียบร้อยก่อนไอ้บ้านั่นจะตามมาอีก!”
กลุ่มโจรต่างเงื้อดาบขึ้นเตรียมปลิดชีพแบกิว กลุ่มโจรตรงหน้านี้เลเวลเฉลี่ย 250-300 อีกทางหนึ่ง แบกิวเลเวล 310 นอกจากนี้แล้วแบกิวยังเป็นสมาชิกเผ่าพันธุ์วูล์แรง เพราะแบบนั้นเขาจึงสามารถต้านทานกลุ่มโจรนับสิบคนเอาไว้ได้ แต่กระทั่งว่ามีความต่างของเลเวลเข้าช่วยเหลือ กลุ่ม โจรอย่างไรแล้วก็มีทั้งสิ้นสิบคน แม้กว่าครึ่งจะกระจายไปเพราะต้องออกค้นหา แต่ตอนนี้ตรงหน้า แบกิวก็มีกลุ่มโจรอยู่ถึงเจ็ดคนกําลังล้อมเอาไว้ เมื่อหลายคนรุม สิ่งเดียวที่แบกิวทําได้คือยืนหยัดต้านทานเอาไว้จนอาการสาหัสอย่างที่เห็น เมื่อกลุ่มโจรรุกเร้าหนักยิ่งขึ้น ย่อมเป็นปกติที่จะไม่สามารถทนได้อีกต่อไป
“ฮึก ฮัก แบกิว! ใครก็ได้ช่วยด้วย!”
บุคซิลกําลังมองแบกิวที่ร่างโชกเลือดและร่ําร้องออกอย่างน่าเวทนา ทว่าขบวนพาเหรดแฟนซีเดินขบวนอยู่ตรงหน้า เสียงของบุคซิลไม่มีทางดังออกไปได้ไกลเพราะโดนเสียงอื่นกลบหมดเช่นกัน ผู้คนทั้งหลายไม่มีทางสนใจตรอกซอยเพราะมีเรื่องให้สนใจยิ่งกว่าอีกด้าน ต่อให้พบเห็นสถานการณ์ก็ไม่อาจเปลี่ยน ตัวละครดังของโลกภายนอกมากมายกําลังตั้งขบวนอยู่ภายในโบซากะกันทั้งนั้น แถมผู้คนในเมืองต่างก็ใส่หน้ากาก จํานวนไม่น้อยที่ถืออาวุธของเล่นเดินไปเดินมากันอย่างผ่าเผย หากมองมาทางนี้คงนึกว่ากําลังเล่นสนุกกันอยู่ก็เป็นไปได้
“อดทนเดี๋ยวนะ ฉันกําลังจะไปถึงแล้ว!”
เสียงของอาร์คดังให้ได้ยินผ่านโสดประสาทของบุคซิล ทว่าอาร์คไม่ได้อยู่ใกล้เลย เสียงนั้นมันดังผ่านดวงตาของบุคซิลต่างหาก
“ไม่นะ แบกิวอาการวิกฤตแล้วนะครับ!”
บุคชิลร่ําร้องออกทั้งน้ําตา ขณะเดียวกันนั้น แบกิวที่โดนต้อนเข้าจนมุมโดยพวกโจรก็ร้องตะโกนขึ้นมา
“นายท่านอย่าห่วงข้า หนีไป! อาก!”
“แบกิว! ต่อให้ต้องตายฉันก็จะไม่ทิ้งนายแล้วหนีไป! อัก!”
บุคซิลร่ําร้องทั้งยังวิ่งเข้าไปหาแบกิวจนโดนดาบที่ฟาดลงมา
วิ่ง วูบ ครืน ตึง!
แต่อย่างฉับพลันนั้นเอง สายลมกระโชกรุนแรงพัดผ่านกลุ่มโจรที่กําลังโจมตีแบกิวอยู่จนร่างเสียสมดุลกัน บุคซิลและพวกโจรต่างมองไปทางเข้าตรอกซอยพร้อมกัน
“อาร์คนิม? คือ? ใครกันเนี่ย?”
“หึหึหึ ก็แค่คนรักสุนัขที่ผ่านทางมา”
บุคคลที่เข้าโจมตีพวกโจรหาได้ใช่อาร์ค อีกฝ่ายเป็นชายร่างใหญ่สวมใส่ชุดเกราะหนังพร้อมดาบปลายปืนที่พาดอยู่บนไหล่ ท่ามกลางความสับสน เบรดกลับสงบและลงมืออย่างไม่คิดพูดคําอื่นใดอีก ถูกต้องแล้ว เหตุผลที่เบรดเข้ามากระทําเช่นนี้ก็เพราะแบกิว แบกิวเป็นสมาชิกของเผ่า พันธุ์วูล์แรงที่รูปลักษณ์ภายนอกดึงดูดสายตาเบรดไม่น้อย!
“เหวอ! นายคนนี้มันคนที่อยู่บนเรือโจรสลัดนี่!”