Armipotent จักรวรรดิคลั่ง จักรพรรดิอมตะ – ตอนที่ 26 คาราน นักรบผู้ยิ่งใหญ่

ลู่อันดูฉากนี้จากระยะไกล ก๊าซสีเขียวได้หายไปและเขาก็เห็นร่างสูงสามเมตรยืนอยู่ตรงนั้นขณะที่กองซากศพของซอมบี้หายไป ร่างนี้ไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นศพเช่นกัน

ใช่แล้ว ผิวหนังของสิ่งมีชีวิตตัวนี้เป็นสีเขียวตั้งแต่หน้าจรดเท้า มันมีงาสี่งาที่ยื่นออกมาจากปากของมันซึ่งทำให้มันดูน่ากลัวเล็กน้อย นอกจากนี้มันก็ไม่ได้สวมอะไรเลยนอกจากหนังสัตว์เพื่อปกปิดร่างกายส่วนล่างของมัน

นอกจากรูปร่างที่สูงใหญ่แล้ว มันก็ยังมีร่างกายที่แข็งแกร่งอีกด้วย หน้าท้องและกล้ามเนื้อที่ปูดโปนบนแขนของมันนั้นแสดงให้เห็นว่าสิ่งมีชีวิตตัวนี้แข็งแกร่งเพียงใด อย่างไรก็ตาม ลู่อันก็สังเกตเห็นว่ามันมีบางอย่างผิดปกติกับสิ่งมีชีวิตตัวเขียวนี่ ร่างนั้นดูเหมือนจะเบลอ

ในขณะเดียวกัน ถังเส้าหยางซึ่งอยู่ใกล้กับสิ่งมีชีวิตตัวเขียวก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับการปรากฏตัวของสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาดนี้ สิ่งมีชีวิตที่อยู่ตรงหน้าเขาดูเหมือนกับสัตว์ประหลาดในภาพยนตร์มากกว่า

‘ ต่อจากนี้ฉันก็จะต้องเอาชนะสิ่งมีชีวิตตัวเขียวนี่และทำให้มันยอมจำนนและทำสัญญากับมันด้วย [สัญญาวิญญาณ] สินะ…’

ผู้ทำสัญญาวิญญาณ เขาเดาได้ใกล้เคียงความจริง  อย่างไรก็ตาม วิญญาณกับผีนั้นก็ต่างกัน ผู้ทำสัญญาวิญญาณจะยืมพลังแห่งวิญญาณเพื่อเพิ่มพลังของเขา และมันก็ขึ้นอยู่กับวิญญาณที่เขาเรียกออกมา บางทีเขาอาจจะได้รับสกิลพิเศษมาด้วย

ออริจิ้นแนะนำให้เขาลองใช้ซากศพของซอมบี้เพื่อเปิดใช้งาน [เครื่องเซ่นสังเวย] เพื่อเรียกนักรบวิญญาณออกมา หลังจากนั้น เขาก็ต้องทำสัญญากับวิญญาณผ่านสกิล [สัญญาวิญญาณ]  หลังจากนั้นเขาก็จะสามารถใช้งานพลังแห่งวิญญาณได้ผ่านทักษะ [ผสานวิญญาณ]

นั่นคือแผน อย่างไรก็ตาม การทำสัญญากับวิญญาณโดยปกติแล้ววิญญาณก็มักจะท้าทายผู้ที่เรียกมันออกมาก่อน  แม้แต่วิญญาณเองก็ยังไม่อยากจะก้มหัวให้เจ้านายที่อ่อนแอ

อย่างไรก็ตาม มันก็มีกรณีพิเศษที่วิญญาณเต็มใจจะทำสัญญาโดยไม่ต้องต่อสู้ อย่างไรก็ตาม มันก็มีโอกาสเพียงแค่หนึ่งในสิบล้านเท่านั้นตามที่ออริจิ้นบอก

เหตุผลที่ออริจิ้นคิดว่าผู้ทำสัญญาวิญญาณเป็นคลาสที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเขา นั่นก็เป็นเพราะพรสวรรค์ร่างกายศักดิ์สิทธิ์ของเขา พรสวรรค์นี้ทำให้เขามีค่าคุณสมบัติมากขึ้นและมันก็ทำให้ค่าคุณสมบัติของเขามีความสมดุลมากขึ้น

และเมื่อเปรียบเทียบกับลู่อันที่มีความว่องไวสูง  มันก็เห็นได้ชัดว่าลู่อันนั้นไม่เหมาะกับคลาสนี้  มันเป็นเพราะเขาจะต้องเอาชนะวิญญาณให้ได้ด้วยเพื่อที่จะทำสัญญา เพราะฉะนั้นแล้ว ถึงเขาจะโครตเร็ว แต่เขาก็ยังขาดความสามารถและความแข็งแกร่งไปอยู่ดี

ท้ายที่สุดแล้ว มันก็จำเป็นที่จะต้องเอาชนะวิญญาณเพื่อให้ได้มาซึ่งพลัง นอกจากนี้ หากผู้อัญเชิญวิญญาณอ่อนแอเกินไป มันก็มีแต่จะทำให้คลาสผู้ทำสัญญาวิญญาณต้องเสียเปล่า

ในขณะเดียวกัน ถังเส้าหยางนั้นก็เน้นไปที่ความแข็งแกร่งและพลังชีวิตของเขาในขณะที่ค่าคุณสมบัติอื่นๆก็จะเพิ่มขึ้นทุกครั้งที่เขาเลเวอัพ  ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงมีโอกาสสูงที่จะเอาชนะวิญญาณที่แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับลู่อันที่มีความว่องไวที่เหนือกว่าเท่านั้น

ถังเส้าหยางจ้องไปที่สิ่งมีชีวิตที่อยู่ข้างหน้าเขา และสิ่งมีชีวิตตัวเขียวก็จ้องกลับมาที่เขาด้วยเช่นกัน เมื่อสิ่งมีชีวิตตัวเขียวเห็นเดสทรอยเยอร์ที่วางอยู่บนไหล่ของถังเส้าหยาง  ดวงตาสีเขียวของมันก็ส่องประกายด้วยความตื่นเต้น

สิ่งมีชีวิตตัวเขียวรีบพุ่งไปที่ถังเส้าหยาง  มันบ่งบอกว่าอีกฝ่ายกำลังพุ่งเข้ามาโจมตีเขา อย่างไรก็ตาม สิ่งมีชีวิตตัวเขียวก็หยุดอยู่ห่างจากถังเส้าหยางห้าเมตร

มันชี้ไปที่ขวานศึกแล้วพูดว่า “ แก นักรบ?”

ถังเส้าหยางมองไปที่ขวานศึกของเขา จากนั้นเขาก็มองย้อนกลับไปที่สิ่งมีชีวิตตัวเขียวและพยักหน้า  “ ใช่ ฉันเป็นนักรบ ฉันชื่อถังเส้าหยาง!”

เขาฟังคำแนะนำของออริจิ้นมาแล้ว  และมันก็แนะนำเขาว่าอย่าทำตัวเป็นศัตรูกับวิญญาณที่เขาอัญเชิญมา  ท้ายที่สุดแล้ววิญญาณก็จะกลายมาเป็นสหายของเขาในภายหลัง ดังนั้นการมีความสัมพันธ์ที่ดีจึงย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่า  และการแนะนำตัวก็เป็นการเริ่มต้นที่ดี นั่นคือสิ่งที่ถังเส้าหยางคิด

“ ข้า นักรบ เช่นกัน คาราน นักรบผู้ยิ่งใหญ่” คารานแนะนำชื่อของมันในขณะที่มันตรวจสอบถังเส้าหยาง

“ ฮึก… เจ้า สู้กับคาราน… ถ้าเจ้าอดทนจนพระอาทิตย์ตกดินได้… คาราน ตกลง สัญญา! คาราน ไม่ ยอมรับ คนอ่อนแอ!”

หลังจากได้ยินคำประกาศของคาราน ดวงตาของถังเส้าหยางก็ส่องประกายออกมาอย่างป่าเถื่อน สิ่งที่เขาไม่ชอบมากที่สุดก็คือการที่มีคนอื่นมาเขาลงมาจากที่ที่สูงกว่า ในอดีต เขามักจะทุบตีคนที่คิดจะดูถูกเขาเสมอ ยกเว้นอดีตหัวหน้าของเขาที่เสียชีวิตไปแล้ว

“ ดี! ฉันจะสู้ แต่ฉันไม่ต้องการให้เวลามันนานขนาดนั้นเพื่อที่จะเอาชนะแก! ฉันจะเอาชนะแกก่อนพระอาทิตย์ตกดิน!”  เมื่อพูดจบแล้วเขาก็ไม่ได้โจมตีวิญญาณในทันที เขาถอยกลับและให้เวลาคารานเตรียมตัว นี่เป็นการดวลที่ยุติธรรม  และเขาก็จะต่อสู้อย่างยุติธรรม

“ คาราน ชอบ วิญญาณ ของแก! เตรียมตัวให้พร้อม คาราน ไป!” เมื่อพูดอย่างนั้น ขวานก็ปรากฎขึ้นในมือของคาราน  ขวานของมันสั้นกว่าและหนากว่า มันเป็นขวานคู่ที่มีด้ามสั้นกว่า

ด้วยขวานในมือคาราน มันก็รีบวิ่งเข้าไปที่ถังเส้าหยาง  ความเร็วของคารานนั้นเร็วกว่าถังเส้าหยางเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ได้วางแผนที่จะหลีกเลี่ยงการโจมตีของชายร่างใหญ่

คารานเหวี่ยงขวานไปทางถังเส้าหยาง  ในเวลาเดียวกันถังเส้าหยางก็เหวี่ยงขวานศึกออกไปอย่างสุดกำลัง เขาไม่ได้วางแผนที่จะหลบ มันเป็นการปะทะกันของความแข็งแกร่ง

 

เพล้ง!

ขวานปะทะขวาน มันทำให้เกิดเสียงดังและลมก็กระเพื่อมออกไปกระทบกับลู่อันที่ยืนห่างจากสนามรบยี่สิบเมตร ลู่อันรู้สึกตกใจกับลมที่ตีมาโดนหน้าเขา เขาจ้องมองการต่อสู้ด้วยความกลัว

อย่างไรก็ตาม จากนั้นเขาก็สังเกตเห็นว่าบอสของเขาถูกสัตว์ประหลาดตัวเขียวผลักออกไป ใช่แล้ว ถังเส้าหยางแพ้ในการปะทะกันของความแข็งแกร่ง

ทั้งสองหยุดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่คารานจะผลักถังเส้าหยางออกไป ถังเส้าหยางรู้สึกประหลาดใจที่เขาพ่ายแพ้ในการปะทะกันของความแข็งแกร่ง เขาถูกผลักกลับในการปะทะครั้งแรก

“ แก แข็งแกร่ง แต่ คาราน แข็งแกร่งกว่า!” การันไม่ลืมที่จะโอ้อวดความแข็งแกร่งของมันหลังจากการปะทะครั้งแรกของพวกเขา

“ เอ่อ… ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตอนนี้สัตว์ประหลาดตัวเขียวกำลังเยาะเย้ยฉัน!”  ถังเส้าหยางกัดฟันของเขา หลังจากหงุดหงิดอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดถังเส้าหยางก็พุ่งเข้าหาคารานและตะโกนว่า  “ การต่อสู้ยังไม่จบ ไอ้ยักษ์เขียว!”

“ ข้า ไม่ เขียว ข้า คาราน!”  คารานตอบกลับด้วยเสียงโห่ร้องพร้อมกับยกอาวุธขึ้น

ขณะที่ระยะห่างเหลือเพียงสามเมตร เขาก็กระโจนขึ้นกลางอากาศและเหวี่ยงขวานศึกลงไปที่คาราน  ด้วยโมเมนตัมของเขา ความแข็งแกร่งของเขาจึงเพิ่มขึ้น

คารานทำสิ่งเดียวกันกับถังเส้าหยาง มันไม่ได้พยายามหลีกเลี่ยงการโจมตี แต่มันพยายามตอบโต้การโจมตีของเขา คารานเหวี่ยงขวานไปที่ขวานศึก การปะทะครั้งที่สองจบลงด้วยความเหนือกว่าเล็กน้อยของถังเส้าหยาง

คารานกัดฟันและพยายามต้านทานพลังอันยิ่งใหญ่  พื้นแตกร้าวจากการปะทะกัน  แม้การโจมตีของถังเส้าหยางจะมีพละกำลังมหาศาลที่ซ่อนอยู่ แต่เขาก็ยังไม่อาจผลักคารานให้ถอยกลับไปแบบที่มันทำกับเขาได้

ด้วยความผิดหวัง ร่างของถังเส้าหยางก็เคลื่อนไหวต่อไปในอากาศขณะที่เขาเตะปากของคารานก่อนที่เขาจะร่อนลงบนพื้น  การเตะนั้นกระทันหันเกินไปจนคารานไม่สามารถตอบสนองต่อการโจมตีนั้นได้ทัน

คารานเดินโซเซไปสองสามก้าวและจ้องไปที่ถังเส้าหยางอย่างไม่เชื่อ มันรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อยเพราะมันไม่คาดคิดว่าการคู่ต่อสู้จะเคลื่อนไหวได้ดีขนาดนี้

ถังเส้าหยางยิ้มให้คารานและชูนิ้วกลางให้ฝ่ายตรงข้าม

แม้ว่าราคานจะไม่เข้าใจความหมายเบื้องหลังท่าทางของคู่ต่อสู้  แต่มันก็ไม่ได้โง่พอที่จะไม่เข้าใจความหมายเบื้องหลังการกระทำ  ฝ่ายตรงข้ามกำลังเยาะเย้ยมันและแม้ว่ามันจะรู้ว่าเป็นการเยาะเย้ยนั้นเป็นการยั่วยุ แต่มันก็ยังตกหลุมพลางอยู่ดี

“ ย้ากก! คาราน โกรธ!”  คารานแผดเสียงคำรามและพุ่งเข้าหาคู่ต่อสู้อีกครั้ง

“ เสียงคำรามของแกไม่มีประโยชน์กับฉัน!”  ถังเส้าหยางไม่ต้องการที่จะแพ้ในขณะที่เขาพุ่งไปข้างหน้า

สัตว์ประหลาดและมนุษย์กำลังปะทะกันโดยใช้กำลังหยาบ ทั้งคู่ต่างก็ไม่มีใครอยากแพ้

ลู่อันดูการต่อสู้ด้วยความงุนงง การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือด ทุกครั้งที่ขวานปะทะกัน เขาก็จะเห็นบอสของเขาถูกผลักออกมา  อย่างไรก็ตาม ด้วยกลอุบายบางอย่าง  บอสของเขาจะตอบโต้สัตว์ประหลาดด้วยการเตะหรือต่อยเสมอ

ในขณะที่พวกเขาต่อสู้กันนานขึ้น  ลู่อันก็สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงบางอย่างจากบอสของเขา เขาเริ่มสังเกตเห็นว่าสัตว์ประหลาดตัวเขียวไม่สามารถผลักบอสของเขากลับได้อีกต่อไป ในขณะที่การต่อสู้ดำเนินต่อไป ความแข็งแกร่งของถังเส้าหยางก็ดูเหมือนจะมีแต่เพิ่มขึ้น

สิ่งนั้นทำให้ลู่อันรู้สึกสับสน  เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง พวกเขาก็จำเป็นจะต้องเลเวลอัพ  และในการเลเวลอัพ พวกเขาก็จำเป็นจะต้องฆ่าสัตว์ร้ายหรือซอมบี้  อย่างไรก็ตาม บอสของเขาก็กำลังต่อสู้กับสัตว์ประหลาดตัวเขียวมาเป็นเวลาสามชั่วโมงแล้ว มันไม่มีทางที่เขาจะเลเวลอัพได้โดยไม่ต้องฆ่าสัตว์หรือซอมบี้

ลู่อันใช้เวลาของเขาไปกับการสังเกตบอสของเขา จากนั้นเขาก็สังเกตเห็นว่าทุกครั้งที่พวกเขาปะทกัน ท่าทางของบอสของเขาก็จะเปลี่ยนไปทุกครั้ง

‘ ท่าทางที่ถูกต้องจะสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งของเขาได้อย่างงั้นหรอ‘  ลู่อันสงสัยกับการวิเคราะห์ของเขา แต่เขาก็คิดไม่ออกถึงความเป็นไปได้อื่นๆว่าทำไมจู่ๆบอสชองเขาถึงได้สามารถรับมือกับความแข็งแกร่งของสัตว์ประหลาดตัวเขียวได้

ในขณะเดียวกัน  ถังเส้าหยางก็ไม่ใช่คนเดียวที่พัฒนาขึ้น  คารานเองก็เริ่มมีการพัฒนาเช่นกัน  การลอบเตะและต่อยของถังเส้าหยางเริ่มที่จะใช้ไม่ได้กับมัน

ลู่อันสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงระหว่างทั้งสองในขณะที่พวกเขาแลกเปลี่ยนการโจมตีกันอย่างบ้าคลั่ง

มันยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ลู่อันสังเกตเห็น  มันคือความคล้ายคลึงกันระหว่างทั้งสอง แม้ว่าฝั่งหนึ่งจะเป็นสัตว์ประหลาด และอีกฝั่งหนึ่งเป็นมนุษย์ แต่ทั้งคู่ต่างก็สนุกสนานไปกับการต่อสู้  มนุษย์กำลังยิ้มในขณะที่สัตว์ประหลาดก็กำลังหัวเราะในขณะที่พวกเขาแลกหมัดกันไปมา

การต่อสู้ดำเนินต่อไปเป็นเวลาแปดชั่วโมงและลู่อันก็เฝ้าดูการต่อสู้ด้วยความงุนงง เขายังไม่ได้กินข้าวกลางวัน แต่แค่การดูการต่อสู้ มันก็ไม่ได้ทำให้เขาหิวเลย

เป้ง!

ขวานปะทะกันอีกครั้ง  มันทำให้เกิดประกายไฟกระจายไปทั่ว หลังจากการปะทะกัน  ถังเส้าหยางก็ถอยกลับ  เขาเริ่มหายใจไม่ออก และมันก็ทำให้เขาเริ่มอ้าปากหายใจเหมือนปลาทอง

สภาพของคารานเองก็ไม่ได้ดีไปกว่าถังเส้าหยางมากนัก  แม้ว่ามันจะเป็นวิญญาณ แต่มันก็ยังรู้สึกเหนื่อยจากการต่อสู้ที่นานเกินไป

คลัง! คลัง! คลัง!

ทันใดนั้นถังเส้าหยางก็ขว้างขวานศึกออกไปและตะโกนว่า “ ฉันยอมแพ้! แกสามารถกลับไปทุกที่ที่แกจากมาได้เลย! การต่อสู้ครั้งนี้ไร้ประโยชน์  มันจะไม่มีผู้ชนะระหว่างเรา!”

ก่อนหน้านี้เขาสนุกกับการต่อสู้ แต่เมื่อเขารู้ว่าเขาไม่มีทางเอาชนะคารานได้ เขาก็โยนอาวุธทิ้งด้วยความหงุดหงิดในทันที การต่อสู้นั้นไร้ประโยชน์อย่างแท้จริงเพราะเขาไม่สามารถเอาชนะฝ่ายตรงข้ามได้

ดังนั้นแทนที่จะต่อสู้ต่อไป เขาจึงอยากจะเอาเวลาไปล่าซอมบี้หรือกลับไปที่สวนสาธารณะที่มีหมอกหนาอีกครั้ง เขาสามารถเอาเวลาไปอัพเลเวลของเขาได้โดยการล่าพวกมัน  และแม้ว่าเขาจะสนุกกับการต่อสู้ แต่มันก็ไม่ใช่การต่อสู้ที่เขาจะไม่สามารถเอาชนะได้

ถังเส้าหยางนอนลงบนพื้น เขาหันหน้าเข้าหาหมู่เมฆสีเหลือง เขาหลับตาพักผ่อนหลังจากการต่อสู้อันยาวนาน

อย่างไรก็ตาม เขาก็ต้องแปลกใจเมื่อได้ยินคำพูดของคาราน “ มนุษย์ เจ้า แข็งแกร่ง  คาราน ยอมรับ เจ้า  คาราน เต็มใจ ติดตาม เจ้า!”

ถังเส้าหยางลืมตาขึ้นและกระโจนขึ้นมา จากนั้นเขาก็สังเกตเห็นคารานกำลังคุกเข่า เขาประหลาดใจและยินดีไปในเวลาเดียวกัน เพื่อให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้ฟังผิด ถังเส้าหยางจึงถามคารานอีกครั้ง “ นายแน่ใจแล้วนะ?”

“ ใช่ คาราน ยอมรับ สัญญา!”

ถังเส้าหยางวางมือขวาลงบนศีรษะล้านของคารานโดยไม่ลังเล  จากนั้นเขาก็เปิดใช้งาน [สัญญาวิญญาณ]

ในไม่ช้า คารานก็กลายเป็นก๊าซสีเขียวและเข้าไปที่หน้าผากของเขา หลังจากนั้น เขาก็รู้สึกได้ว่าความเย็นยะเยือกได้แผ่กระจายไปทั่วศีรษะและร่างกายของเขา

[ สัญญาถูกทำ ]

เสียงหุ่นยนต์ไร้อารมณ์ดังก้องอยู่ในหัวของเขา

ด้วยความใจร้อน   ถังเส้าหยางก็รีบเปิดใช้งานสกิลใหม่ที่สามของเขาในทันที [ผสานวิญญาณ] จากนั้นภาพเบลอของคารานก็ก่อตัวขึ้นบนหลังของเขาเป็นเวลาห้าวินาที หลังจากนั้น ภาพเบลอนั้นก็ได้เข้าสู่ร่างกายของเขา

ผิวของถังเส้าหยางค่อยๆเปลี่ยนไปเป็นสีเขียว จากนั้นกล้ามเนื้อของเขาก็ปูดโปนขึ้น  เขาลืมตาขึ้นและตรวจสอบหน้าจอค่าสถานะของเขา

—————————————–

ชื่อ: ถังเส้าหยาง  [ คาราน – นักรบผู้ยิ่งใหญ่]

คลาส: ผู้ทำสัญญาวิญญาณ

อายุ: 26

สังกัด: ไม่มี

เลเวล: 30

พรสวรรค์: ร่างกายศักดิ์สิทธิ์

คะแนนค่าคุณสมบัติ: 0

ความแข็งแกร่ง: 109 [+200]

ความว่องไว: 39

พลังชีวิต: 60 [+100]

สตามิน่า: 35

พลังเวทย์: 31

ประสาทสัมผัส: 8

สกิล: [การตรวจสอบขั้นพื้นฐาน], [เครื่องเซ่นสังเวย], [สัญญาวิญญาณ – เลเวล 1], [ผสานวิญญาณ – เลเวล 1]

วิญญาณที่ทำสัญญา (1/3): [ คาราน – นักรบผู้ยิ่งใหญ่ ]

สกิลวิญญาณ:

[สกิลคาราน]: [สงครามร่ำไห้] [ขวานคลั่ง] [แยกปฐพี]

————————————–

Armipotent จักรวรรดิคลั่ง จักรพรรดิอมตะ

Armipotent จักรวรรดิคลั่ง จักรพรรดิอมตะ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset