ถังเส้าหยางรีบวิ่งเข้าไปและเห็นกลุ่มคนแปดคนกำลังถูกซอมบี้ไล่ตามอยู่ เขารู้สึกแปลกใจที่ได้เห็นซอมบี้ระยะที่ 2 มันไม่ใช่แค่ตัวเดียวเท่านั้น แต่มันมีถึงสามตัว สามคลาวเลอร์
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับซอมบี้ระยะที่ 2 นอกมินิเกม “ การวิวัฒนาการไม่ได้ช้า แต่มันก็ไม่ได้เร็วขนาดนั้น… บางทีซอมบี้ระยะที่ 3 ก็อาจจะปรากฏขึ้นในอีกหนึ่งเดือนหรืออาจจะภายในสองสัปดาห์ด้วยซ้ำ!” ถังเส้าหยางพึมพำในขณะที่เขาคาดการณ์เวลาที่ซอมบี้ระยะที่ 3 จะปรากฏนอกมินิเกม
กลุ่มแปดคนสังเกตเห็นว่ามีคนกำลังมาหาพวกเขา ขนาดของเดสทรอยเยอร์ดึงดูดความสนใจของกลุ่มในทันที ชายสองคนที่อยู่ข้างหน้าโบกมืออย่างตื่นเต้น “ ทางนี้! ช่วยด้วย!”
แม้จะไม่มีเสียงตะโกน แต่ถังเส้าหยางก็ยังจะวิ่งเข้าหาพวกเขา อย่างไรก็ตาม เขาก็สังเกตเห็นผู้หญิงที่อยู่ด้านหลังกำลังจะถูกจับโดยคลาวเลอร์
“ ฉันไปไม่ทันแน่…” ระยะห่างระหว่างเขากับกลุ่มนั้นอยู่ที่ประมาณสามสิบเมตร ในขณะที่คลาวเลอร์นั้นต้องการเพียงแค่กระโดดอีกครั้งเดียวเพื่อจับผู้หญิงคนนั้น
ถังเส้าหยางหยุดวิ่งในทันที เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นเขาก็โยนขวานศึกออกไปในทางทิศทางของกลุ่มในทันที
การกระทำของเขาทำให้ทั้งกลุ่มตกใจ และชายสองคนที่อยู่ข้างหน้าก็ตกใจเมื่อเห็นขวานใหญ่กำลังพุ่งตรงมาที่พวกเขา
“ โอ้ไอ้เหี้ย! ไอ้สารเลวนี่มันบ้านี่หว่า! หลบไปๆ!” ชายคนหนึ่งในชุดวอร์มตะโกน แต่การเตือนของเขาก็สายเกินไปแล้ว
โว้ว!
เมื่อเขาตะโกนเสร็จ ขวานศึกก็ได้พุ่งผ่านเขาไปแล้ว มันบินไปทางหลังของเขา และเมื่อเขาหันกลับไป เขาก็เห็นขวานศึกพุ่งเข้าใส่ซอมบี้ที่เกือบจะจับผู้หญิงคนนั้นได้อย่างรวดเร็ว ขวานศึกทำให้กลุ่มของพวกเขากลัวอย่างแน่นอน แต่พวกเขาก็ไม่หยุดวิ่ง มันมีเพียงชายในชุดวอร์มเท่านั้นที่ยืนตะลึงในที่เกิดเหตุ
“ ทำอะไรน่ะ วิ่ง!” ผู้หญิงแถวสุดท้ายตามทันแล้วตะโกนใส่ชายในชุดวอร์ม เสียงตะโกนปลุกชายคนั้นตื่นขึ้นจากภวังค์
หลังจากตะโกนออกไป เขาก็สะดุ้งจากความงุนงงและเริ่มวิ่งอีกครั้ง เขามองย้อนกลับไปและสังเกตเห็นว่าคลาวเลอร์ทั้งสองที่อยู่ห่างจากเขาเพียงห้าเมตร “ อุวะ! ช่วยด้วย!”
โว้ว!
ร่างๆหนึ่งเดินผ่านเขาไปและวิ่งเข้าไปหาคลาวเลอร์ทั้งสอง เขาสังเกตเห็นว่าร่างๆนั้นก็คือคนที่ขว้างขวานศึกออกมาก่อนหน้านี้ คราวนี้เขาไม่ได้โง่พอที่จะหยุดและเตือนผู้ชายคนนั้นด้วยความเมตตา “ วิ่งหนี! พวกมันต่างจากซอมบี้ทั่วไป!”
ถังเส้าหยางเพิกเฉยต่อการเตือนอย่างแน่นอน ตอนนี้เขามีอีกเหตุผลหนึ่งแล้วที่จะฆ่า เหตุผลแรกก็คือเพื่อเก็บเลเวล และเหตุผลนี้ก็คือเพื่อให้ได้มาซึ่งเหรียญ GC เขาจะต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อรวบรวมเหรียญ GC เพื่อเอามาพัฒนาจักรวรรดิถัง
เมื่อสังเกตเห็นว่าถังเส้าหยางไม่สนใจคำเตือนของเขา ชายในชุดวอร์มก็ไม่เหลียวหลังและวิ่งไปข้างหน้าด้วยสุดกำลังของเขา
คลาวเลอร์ทั้งสองสังเกตเห็นเหยื่อตัวใหม่ที่พุ่งเข้ามา คลาวเลอร์ทั้งสองกวัดแกว่งกรงเล็บอันน่าสะพรึงกลัวไปยังเหยื่อผู้มาใหม่ในทันที แม้จะวิ่งด้วยความเร็วสูงสุด แต่ถังเส้าหยางก็ยังสามารถหลบกรงเล็บได้อย่างง่ายดาย
ถังเส้าหยางรีบพุ่งต่อไปที่ขวานศึกของเขา ด้วยค่าคุณสมบัติของเขาในปัจจุบัน มันก็จริงอยู่ที่เขาสามารถฆ่าพวกมันด้วมือเปล่าได้ แต่เขาก็ไม่ได้คิดที่จะทำแบบนั้น
เขารีบไปหยิบขวานศึกของเขา คลาวเลอร์ทั้งสองไม่ได้ไล่ตามกลุ่มผู้รอดชีวิตอีกต่อไป แต่พวกมันหันความสนใจไปที่ถังเส้าหยางที่อยู่ใกล้พวกมันแทน
ในขณะเดียวกัน ถังเส้าหยางก็มาถึงที่ซึ่งขวานศึกของเขาอยู่ ปลายของมันคล้ายกับหัวหอกและมันก็กำลังเจาะลึกอยู่ที่แผ่นหลังของคลาวเลอร์โดยปักมันลงกับพื้น เขาดึงเดสทรอยเยอร์ออกมา ในขณะเดียวกัน เขาก็เตะเข้าไปหัวของคลาวเลอร์
ปะทุ!
เลือดสีเขียวพุ่งออกมาจากคอของคลาวเลอร์ และหัวของคลาวเลอร์ก็หมุนลอยไปในอากาศ เขาไม่ได้หยุดแต่เพียงแค่นั้น ในขณะที่เขาหันกลับมา เขาก็ได้เหวี่ยงขวานศึกออกไปในแนวนอน การโจมตีของเขามาได้ถูกจังหวะในขณะที่ขวานศึกของเขาก็ได้ฟันเข้าไปที่คลาวเลอร์ทั้งสอง
แม้ว่าร่างของคลาวเลอร์ทั้งสองจะถูกแยกออก แต่มือของพวกมันก็ยังพยายามจะเอื้อมไปหาเขา อย่างไรก็ตาม มันก็ไร้ประโยชน์เมื่อถังเส้าหยางได้กระโดดถอยหลังไปและหลีกเลี่ยงกรงเล็บได้อย่างง่ายดาย
ป๋อม ป๋อม ป๋อม ป๋อม
ศพล้มลง แต่ซอมบี้ก็ยังไม่ตาย กรงเล็บของมันยังคงพยายามเอื้อมมาหาเขา
เป้ง! เป้ง!
เขาเหวี่ยงขวานศึกออกไปอีกครั้งที่หัวของพวกคลาวเลอร์ หลังจากนั้น คลาวเลอร์ก็หยุดเคลื่อนไหวอย่างแท้จริง
“ หืม… ฉันควรเอาศพมันกลับไปด้วยดีไหมนะ ซอมบี้ระยะที่ 2 เป็นวัตถุดิบที่ดีสำหรับสกิลเครื่องเซ่นสังเวย!”
ออริจิ้นกล่าวว่าคุณภาพของข้อเสนอที่สูงขึ้นก็จะทำให้วิญญาณที่ถูกเรียกออกมาแข็งแร่งขึ้นตาม แน่นอนว่าปริมาณก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญเช่นกัน
การต่อสู้สิ้นสุดลงในเวลาไม่ถึงนาที คลาวเลอร์ไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อถังเส้าหยางในปัจจุบันอีกต่อไป
ในขณะเดียวกัน ชายในชุดวอร์มยังคงวิ่งหนีเอาชีวิตรอด อย่างไรก็ตาม ในไม่ช้าเขาก็สังเกตเห็นว่ากลุ่มของเขาได้หยุดวิ่ง เขางุนงงและถามว่า “ เกิดอะไรขึ้น ทำไมพวกนายถึงหยุด?”
ชายในชุดวอร์มตั้งใจจะวิ่งต่อไป แต่เพื่อนของเขาก็ชี้นิ้วไปทางด้านหลัง “ ฮะ… ฮะ… ไม่จำเป็นต้องวิ่งแล้ว ซอมบี้ถูกฆ่าโดยชายคนนั้นแล้ว!”
จากนั้น เขาก็สังเกตเห็นว่ากลุ่มของเขาดูเหมือนจะตกใจกับบางสิ่ง ชายในชุดวอร์มหันกลับมามองและเห็นชายคนหนึ่งถือขวานศึกขนาดใหญ่อยู่ในมือขวา เขายืนอยู่ท่ามกลางซากศพของซอมบี้ประหลาดทั้งสาม
ในบรรดากลุ่มแปดคน มันก็มีคู่แต่งงานหนุ่มสาว ทั้งคู่มีรูปลักษณ์ที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยและเมื่อดูจากรูปลักษณ์ภายนอกแล้ว มันก็ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมีช่วงเวลาที่ดีแม้จะหลังจากเกิดภัยพิบัติ
“ คุณ คุณมาจากกองทัพหรอ? คุณมาที่นี่เพื่อช่วยและพาพวกเราไปยังที่พักพิงที่ปลอดภัยใช่ไหม?” ชายคนนั้นถามด้วยน้ำเสียงที่มีความหวัง ในขณะที่ผู้หญิงก็กำลังจ้องมองมาที่เขาอย่างมีความหวังเช่นกัน ทั้งสองต่างหวังว่าถังเส้าหยางจะเป็นทหารที่ทหารส่งมาเพื่อช่วยผู้รอดชีวิต
ถังเส้าหยางไม่ได้ตอบคำถามในทันที เขามองดูตัวเอง เขาสวมกางเกงขายาวสีดำและเสื้อลำลอง เขาตอบคำถามว่า “ ฉันดูเหมือนทหารหรอ?”
คำตอบนี้ได้ทำให้คู่รักหนุ่มสาวสิ้นหวัง แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้รับคำตอบ แต่พวกเขาก็พอจะรู้อยู่แล้วว่าถังเส้าหยางนั้นไม่ใช่ทหาร ทั้งคู่ถอนหายใจและก้มศีรษะ “ ขอบคุณที่ช่วยพวกเรา~ ฉันชื่อเว่ยซี่และนี่ก็คือภรรยาของฉันว่านจิงยี่~”
“ ขอบคุณที่ช่วยพวกเรา เราอาจจะเสียชีวิตไปแล้วหากไม่ได้คุณช่วยเอาไว้~ ขอบคุณ” เหวินจินยี่ก้มศีรษะลงเล็กน้อย
ทั้งคู่สุภาพกับเขามาก ถังเส้าหยางพอใจกับสิ่งนี้ ในเวลานี้ อีกหกคนก็รวมตัวกัน ผู้หญิงที่วิ่งในแถวสุดท้ายก่อนหน้านี้ที่เขาได้ช่วยชีวิตไว้ด้วยการขว้างขวานศึกก็รีบเข้าไปกอดเขา “ ขอบคุณ! ขอบคุณ! ขอบคุณ! ขอบคุณ! ขอบคุณ…”
ผู้หญิงคนนั้นก็พูดขอบคุณไปเรื่อยๆ ถังเส้าหยางรู้สึกไม่พอใจที่ถูกคนแปลกหน้ากอด หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ผลักผู้หญิงคนนั้นออกไปและพูดว่า “ ไม่มีปัญหา ฉันแค่ทำในสิ่งที่ควรทำ!”
‘ ยังไงก็ตาม ฉันก้ต้องการให้พวกนายรวบรวมเหรียญ GC มาให้ฉันในภายหลังยังไงล่ะ!’ แน่นอน เขาเก็บคำเหล่านั้นไว้ในใจ
ผู้หญิงคนนั้นคือ หลี่อัน ดูเหมือนว่าเธอจะอายุประมาณยี่สิบต้นๆและมีรูปลักษณ์ที่ละเอียดอ่อน ยิ่งไปกว่านั้น เธอก็มีร่างกายที่ค่อนข้างดีเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ถังเส้าหยางก็ไม่ได้สนใจในความงามของเธอ เพราะเขากำลังคิดถึงเรื่องอื่นอยู่
ด้วยเหตุนี้เอง คนอื่นๆจึงแสดงความขอบคุณต่อถังเส้าหยาง ชายในชุดวอร์มคือตงผิง เขาแนะนำตัวเองว่าเขาเป็นเทรนเนอร์ยิม และแน่นอนว่าเขามีรูปร่างที่ดี กระนั้นหน้าตาของเขาก็ดูธรรมดา
อีกสี่คนเป็นผู้ชายล้วน เหมาจูหง มีรูปร่างผอมบาง ,เหมาเจ๋อตง ตัวเตี้ย แต่มีใบหน้าคล้ายกับเหมาจูหง ทั้งคู่เป็นพี่น้องกัน และอีกสองคนที่เหลือก็คือกู่เหวินที่ดูเป็นคนเก็บตัวและซูเฉิงที่มีความสูงถึง 1.9 เมตร
หลังจากการแนะนำตัวสั้นๆตงผิงก็ถามด้วยความสงสัยในขณะที่เขามองไปที่ขวานศึกสีแดงที่ส่องประกาย “ พี่ชาย คุณไปได้อาวุธที่น่ากลัวนี่มาจากไหนกัน? ฉันเองก็อยากได้มันบ้างเหมือนกัน! ด้วยอาวุธแบบนี้ การฆ่าซอมบี้พวกนั้นก็จะทำได้ง่าย!”
ตงผิงทำตัวค่อนข้างสนิทสนมกับถังเส้าหยาง แม้ว่านี่จะเป็นการพบกันครั้งแรกของพวกเขา
อย่างไรก็ตาม ถังเส้าหยางก็เมินเขาและถามคนอื่นๆว่า “ พวกคุณมีที่พักไหม? ถ้าพวกคุณยังไม่มีที่พักที่ปลอดภัย พวกคุณก็สามารถตามฉันมาได้ ฉันมีที่พักพิงที่ค่อนข้างปลอดภัย อย่างน้อยคุณก็จะไม่ต้องกังวลว่าจะถูกซอมบี้โจมตีขณะนอนหลับ!”
เว่ยซียิ้มหกับเขาอย่างขมขื่นและตอบปฎิเสธข้อเสนอของเขาไป “ ฉันต้องขอโทษด้วยพี่ถัง แต่เราเองก็มีที่หลบภัยแล้วเช่นกัน ทำไมคุณไม่ตามรามาล่ะ เราสามารถช่วยเหลือกันได้นะ”
ในขณะพูด เว่ยซีก็มองไปที่คนอื่นๆ หลี่นาดุเหมือนจะต้องการที่จะพูดอะไรบางอย่าง แต่เธอก็ลังเล ในท้ายที่สุด เธอก็ได้แต่ก้มหน้าลงอย่างช่วยไม่ได้ สำหรับผู้ชายคนอื่นๆ ความกลัวก็สะท้อนให้เห็นในดวงตาของเหมาจูหงและเหมาเจ๋อตง ซึ่งมันก็แปลกสำหรับถังเส้าหยาง
ตงผิง,กู่เหวินและซูเฉิงไม่ได้ตอบสนองต่อข้อเสนอของเขา ทั้งสามคนค่อนข้างสงบ แต่ว่านจิงยี่ก็ปฎิเสธสามีของเธอย่างเด็ดขาด
“ อะไรนะ ทำไมล่ะ ทำไมคุณถึงอยากอยู่ในที่นั้นต่อล่ะ เราไม่เพียงแต่จะได้รับอาหารวันละมื้อ แต่ผู้ชายคนนั้นยังบังคับให้เราออกหาอาหารเองอีกด้วย! ไม่เพียงแค่นั้นนะ ตั้งแต่เมื่อวานเขาก็ยังจ้องมาที่ฉันด้วย แววตาที่บิดเบี้ยวของเขา! เว่ยซี! คุณอยากให้ภรรยาของคุณได้รับการดูแลแบบนั้นหรอ!”
ว่านจิงยี่โกรธจัดในทันใด ละครเรื่องนี้เปิดออกและในที่สุดถังเส้าหยางก็เข้าใจทุกอย่างเมื่อว่านจิงยี่แบ่งปันสิ่งที่เธอประสบมาในสัปดาห์ที่แล้ว
ขณะที่ว่าจิงยี่เล่าเรื่องทุกอย่างให้เขาฟัง ถังเส้าหยางก็จับตามองเว่ยซีที่คอยมองเขาและซูเฉิงไปมา ไม่สิ เว่ยซีกำลังมองดูขวานศึกของเขาและมันก็ดูเหมือนว่าเขากำลังคิดบางสิ่งอยู่
หลังจากที่ว่านจิงยี่บรรยายทุกอย่างแล้ว เขาก็เข้าใจสถานการณ์ของกลุ่มนี้อย่างชัดเจน
‘ ลู่เหวิน โอ้ ลู่เหวิน ฉันไม่นึกเลยว่าเราจะได้พบกันเร็วขนาดนี้…’ รอยยิ้มกว้างแผ่กระจายไปทั่วใบหน้าของถังเส้าหยาง นี่มันช่างรวดเร็วซะจริง