บทที่ 47 การท้าทาย
ถังเส้าหยางมองไปที่หน้าจอค่าสถานะของเขาด้วยความยินดีเขามีวิญญาณที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นมาอีกดวงแล้ว
เขาต้องการลอง [ผสานวิญญาณ] กับซาเนียส แต่ร่างกายของเขาก็ไม่ทําตามความคิดของเขา ร่างกายของเขาไม่แข็งแกร่งพอที่จะใข้ [ผสานวิญญาณ] ได้ถึงสองครั้งในหนึ่งวัน
เมื่อเห็นแบบนี้แล้ว ยังเส้าหยางก็หันกลับมาเผชิญหน้ากับไพลด์เขาต้องรับผลที่ตามมาก่อนที่จะกลับไปที่ฐานของเขา
“ ฉันยังไม่มีงานเฉพาะสําหรับเผ่าวานรเมฆา…” เขาหยุดชั่วครู่แล้วพูดต่อ “ ตอนนี้จงแข็งแกร่งขึ้นเพื่อฉัน นั่นคืองานของพวกนาย!”
“ รับทราบฝ่าบาท!” ไพลด์วางมือลงบนหน้าอกข้างซ้ายและโค้งคํานับ
“ อืม.. เกี่ยวกับอาหาร พวกนายก็จะต้องอยู่ในดินแดนแห่งหมอกในตอนกลางวันและออกมาหาอาหารกินในตอนกลางคืน! ฉันไม่ต้องการให้คนอื่นรับรู้ถึงการดํารงอยู่ของเผ่าของพวกนาย”
“ ตอนนี้พวกนายกลับไปพัฒนาความแข็งแกร่งได้แล้ว!” ถึงเส้าหยางไล่เผ่าวนรเมฆาออกไป
เป็นอีกครั้งที่ลิงทั้งหมดคุกเข่าทําความเคารพก่อนจะถอยกลับไป
จางเหมิงเหยามองไปที่พวกลิงด้วยความเสียใจ
ลู่อันสังเกตเห็นและเดินเข้ามาใกล้ “ ไม่ต้องกังวลพี่สาว ฉันซ่อนเนื้อสดของพวกลิงสามตัวเอาไว้แล้ว เรายังสามารถเพลิดเพลินกับเนื้อของพวกมันได้อย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์และหนึ่งเดือนถ้าเรากินเนื้อนี้เท่าที่จําเป็น”
เขาทําให้แน่ใจว่าเขาพูดด้วยน้ําเสียงที่เบาที่สุด เนื่องจากในตอน นี้พวกวานรเมฆานั้นได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของพวกมันแล้ว และ หากพวกมันรู้ว่าเขากินเนื้อของพวกมัน มันก็อาจจะเกิดปัญหาขึ้น ได้ ดังนั้นเขาจึงต้องเก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับ
แต่น่าเสียดายที่ถังเส้าหยางได้ยินเขา “ อย่าลืมส่วนแบ่งของ ฉันด้วยล่ะ!”
* เอาล่ะ เรื่องของเราก็เสร็จกันแล้ว กลับไปที่ฐานกันเถอะ!”
เขาบรรลุเป้าหมายในระหว่างการเดินทางครั้งนี้แล้วมัน คือการเตรียมจางเหมิงเหยาให้พร้อม และตอนนี้เธอก็พร้อมแล้วและเขาได้ยังกําไรกลับมามากกว่าที่เขาคาดไว้ ข้าราชบริพาร,อาณาเขตและวิญญาณใหม่ ดังนั้นมันจึงถึงเวลาที่ จะต้องกลับไปแล้ว
เป็นเวลาสามวันแล้วที่ถังเส้าหยางได้ออกมาจากฐานโดยไม่มีใครดูแลที่นั่น เขาไม่ต้องกังวลว่ามันจะมีอะไรเกิดขึ้นกับฐานของเขา เพราะเขามีออริจิ้นอยู่ที่นั่นเพื่อคอยดูแลฐานของเขาถ้าเขาไม่อยู่ นอกจากนี้เขาก็ยังมีคนของเขาที่คอยรักษาฐานให้เป็นระเบียบ
“ ได้เวลาสร้างกองกําลังทหารของฐานทัพเราแล้ว! พร้อมกันยัง?” ถังเส้าหยางถามหญิงสาว
“ แต่นายแน่ใจเกี่ยวกับเรื่องนี้แน่นะ ถ้าประเทศยังไม่ล่มสลายเหมือนอย่างที่นายพูด มันก็จะเป็นการกบฏน” จางเหมิงเหยายงพูดไม่จบ แต่ถึงเส้าหยางก็ได้พูดขัดขึ้นมาแล้ว
* เธอพร้อมรึยัง?” เขาทวนคําถามเดิมด้วยน้ําเสียงหนักขึ้น
จางเหมิงเหยาหายใจเข้าลึกๆและพยักหน้า “ ฉันพร้อมแล้วนายจะได้ยินแผนของฉันทันทีที่เรากลับไป … “ เธอเอาหัวของเธอเข้าไปใกล้ถึงเส้าหยางและพูดต่อด้วยเสียงที่เบา ๆ ถึงห้องของคุณ”
“ ดี!” ถังเส้าหยางยิ้มกว้างและหันไปทางสู่อัน “ แล้วนายล่ะ?”
“ ฉันพร้อมที่จะช่วยเหลือบอสหญิงแล้ว!” สู่อันตอบกลับอย่างรวดเร็ว
“ เรียกฉันว่าแม่ทัพจางสิ!”
“ ก็ได้ ท่านแม่ทัพจาง!”
พวกเขาพูดติดตลกไปเรื่อยในขณะที่แบกเป้ใบใหญ่ไว้บนหลัง
สู่อันถือกระเป๋าเป้สองใบในมือและอีกใบไว้ด้านหลัง เช่นเดียวกันกับคนอื่นๆ แต่ละคนมีกระเป๋าเป้ที่บรรทุกสัมภาระเต็มที่ สามใบ
แน่นอนว่ากระเป๋าเป้นั้นเต็มไปด้วยเนื้อ มันเป็นโบนัสการเก็บเกี่ยวหลังจากตลอดสามวันที่ต่อสู้กับลิงมาอย่างต่อเนื่อง
ถังเส้าหยางรู้สึกประหลาดใจเมื่อเขาเข้ามาถึงฐานของเขา ในเวลาเพียงสามวัน ฐานก็เต็มไปด้วยผู้คนมากขึ้น เขามีความสุขที่ได้เห็นฝูงชน นี่มันหมายความว่าเขามีกําลังคนมากขึ้น
แน่นอนว่ากลุ่มของเขาเองก็ดึงดูดความสนใจเช่นกัน เมื่อพวกเขาเข้าใกล้ฐานหลายสายตาจับจ้องไปที่พวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จางเหมิงเหยา
จางเหมิงเหยารู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย แต่เธอก็คุ้นชินกับการได้รับความสนใจเช่นนี้แล้ว ท้ายที่สุดเธอก็นับเป็นสาวงามในบรรดาผู้รอดชีวิต
“ มันมีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยมากมาย…” สู่อันพึมพํา
บางคนก็ถูกขวานศึกของถังเส้าหยางดึงดูด มันใหญ่โตและดูจะโดนใจใครหลายๆคน
ในขณะที่เขากําลังจะไปถึงทางเข้า กลุ่มคนสี่คนก็ขวางทางพวกเขาไว้
ทั้งสี่คนมีอุปกรณ์ครบครัน และอุปกรณ์ของพวกเขาก็มีคุณภาพสูงกว่าอุปกรณ์ของคนอื่นๆ
“ นายคือถังเส้าหยางใช่ไหม?” ชายคนหนึ่งที่อายุราวๆสามสิบและไม่มีผมบนหัวเดินออกมาแล้วถามด้วยรอยยิ้ม
“ นั่นชื่อฉัน! เอาล่ะ เลิกขวางทางได้แล้ว!” แค่การมองเพียงครั้งเดียว ถังเส้าหยางก็สามารถบอกได้แล้วว่าคนพวกนี้ต้องการที่จะหา เรื่องเขา
อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่มีใครเลยที่ดูแข็งแกร่งพอจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขา
“ ที่ที่….. นายนี่กล้าหาญอย่างที่คนอื่นเขาพูดมากันจริงๆ!” ชายวัยยี่สิบกลางๆเดินไปข้างๆคนหัวล้าน
ผู้ชายคนนั้นมีรอยยิ้มที่ดูปกติบนใบหน้าของเขา และแม้ว่ามันจะกําลังพูดกับถังเส้าหยาง แต่ดวงตาของมันก็กําลังกวาดไปที่เรือนร่างของจางเหมิงเหยา
มือของลู่อันกําดาบพร้อมรบ จางเหมิงเหยาเองก็เช่นกันเมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนประเภทนี้ พวกเขาก็มีแต่ค้องสู้เท่านั้น
ถังเส้าหยางหาว “ พูดมาสักที! พวกแกต้องการอะไร ฉันง่วงแล้ว!”
“ ฉันชอบคนที่ตรงไปตรงมาอย่างนายนะ ถัง!” ชายร่างใหญ่ที่หน้าตาธรรมดาเดินออกมา
มันถือหอกเงินอยู่ในมือและมองขวานศึกอย่างชื่นชม
“ นายรู้ไหมว่าเราคือใคร?” ชายคนนั้นถามด้วยรอยยิ้มราวกับมันเป็นพี่ใหญ่
ถังเส้าหยางมองไปที่อู่อันและถามว่า “ นายรู้จักมันไหม?”
ลู่อันขมวดคิ้ว เขารู้จักผู้ชายคนนี้ แต่เขาก็เห็นบอสของเขาขยิบตาให้ ดังนั้นเขาจึงแกล้งตามน้ําไป “ ฉันไม่รู้”
“ แล้วเธอล่ะ?”
“ ฉันไม่เห็นจะจําอะไรเกี่ยวกับพวกมันได้เลย!” จางเหมิงเหยาตอบด้วยน้ําเสียงเรียบๆ
“ ดูเหมือนแกจะยังมีชื่อเสียงไม่พอนะ!” ถึงเส้าหยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม จากนั้นเขาก็เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยและเริ่มโบกมือของเขา
“ เฮ้ นายนะ!” เขาโบกมือไปที่ชายคนหนึ่งแล้วถามว่า “ นายรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?”
ชายคนนั้นคือเว่ยซี ผู้ชายที่เขาช่วยชีวิตมาจากเงื้อมมือของลู่เหวิน และถัดจากเขาก็คือว่านจึงยี่ภรรยาของเขา พวกเขาเข้าร่วมกับฝูงชนเพื่อรับชมอย่างสนุกสนานและโดยไม่ได้ คาดคิดถังเส้าหยางก็ได้โบกมือมาทางพวกเขา
“ ฉัน!?” เว่ยซีชี้ไปที่ตัวเอง
* ใช่ นายนั่นแหละ ตอบฉันมาสิ นายรู้ไหมว่าฉันคือใคร?” ถังเส้าหยางพยักหน้า
“ อย่าไปตอบเขา ปล่อยให้เขาแก้ปัญหาด้วยตัวเอง อย่าไปยุ่งเกี่ยวกับเขาเลย!” ว่านจึงยี่เตือนสามีของเธออย่างหนักแน่น
เธอเคยเห็นถึงเส้าหยางฆ่าคนมาแล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่ต้องการให้ครอบครัวของเธอเข้าไปพัวพันกับผู้ชายคนนี้
อย่างไรก็ตาม เว่ยซีก็คิดต่างจากภรรยาของเขา เขาเพิกเฉยต่อคําพูดของภรรยาของเขาและตอบไปด้วยรอยยิ้มที่ประจบประแจงว่า “ แน่นอน! คุณคือถังเส้าหยาง บิ๊กบอสของฐานทัพแห่งนี้”
“ แล้วผู้หญิงข้างๆนายล่ะ รู้ไหมว่าฉันคือใคร?” ถังเส้าหยางไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น
“ ได้โปรด- แค่ครั้งนี้ครั้งเดียว ได้โปรดเชื่อฉันและพูดตามคําตอบของฉัน”
ว่านจึงไม่ต้องการที่จะตอบในตอนแรก แต่เมื่อโดนสามีของเธอโน้มน้าว เธอก็ตอบว่า “ แน่นอน คุณคือบอสของที่นี่!”
“ โฮะโฮะ… ดูเหมือนว่าฉันจะเป็นบอสของที่นี่และมีชื่อเสียงมากกว่าแกนะ แกยังต้องการอะไรอีกไหม?”
ริมฝีปากของเกาฉงหลินกระตุกเล็กน้อย ถังเส้าหยางกําลังแสดงให้เห็นว่ามันไม่มีอะไรที่สามารถเทียบกับเขาได้เลย
“ ให้ฉันแนะนําตัวเองก่อน ฉันชื่อเกาฉงหลินและฉันก็เป็นหัวหน้าปาร์ตี้ที่แข็งแกร่งที่สุดในฐานนี้ ปาร์ตี้ผู้พิชิต!”
“ ฉันได้ยินมาว่านายได้ตั้งกฏในฐานนี้ว่า ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดก็คือบอส และในฐานะของหัวหน้าปาร์ตี้ที่แข็งแกร่งที่สุดในฐานนี้ ฉันก็ ขอท้านายอย่างยุติธรรม!”