บทที่ 9 ผู้รอดชีวิต
[ คุณกำลังออกจากอาณาเขต (คฤหาสน์)! ]
เสียงหุ่นยนต์ดังก้องอยู่ในใจของถังเส้าหยางทันทีที่เขาก้าวออกมาจากคฤหาสน์ เขาหยุดเดินและมองย้อนกลับไปที่คฤหาสน์หลังใหญ่และหรูหรา
“ คฤหาสน์นี้เป็นของฉันแล้ว…” เขาพึมพำเสียงต่ำ
“ มินิเกมคือเกมต่อสู้เพื่ออาณาเขตอย่างงั้นหรอ?” ถังเส้าหยางสรุปหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เขาไม่แน่ใจเกี่ยวกับจุดประสงค์ของมินิเกม แต่เขาก็แน่ใจว่าเขาจะได้รับอาณาเขตนี้หลังจากที่เขาฆ่าผู้ดูแลอาณาเขตเสร็จ
“ แล้วอาณาเขตนี้ล่ะ มันมีประโยชน์อะไรไหม?” ถังเส้าหยางถามเสียงหุ่นยนต์ อย่างไรก็ตาม เขาก็ต้องผิดหวังตามปกติ เสียงหุ่นยนต์ไม่ตอบสนองต่อคำถามของเขา
ถังเส้าหยางเข้าใจว่าอาณาเขตหมายถึงอะไร แต่อาณาเขตมันมีไว้เพื่ออะไรกัน? บทบาทของอาณาเขตในเกมนี้มันคืออะไร? นี่คือสิ่งที่เขาอยากรู้
เขาทำได้เพียงถอนหายใจเพราะมันไม่มีเงื่อนงำเกี่ยวกับเรื่องนั้นเพียงเล็กน้อยหรือพูดตามตรงมันก็ไม่มีเลย เขาตรวจสอบสถานะของหน้าจอ แต่ก็ยังไม่พบอะไร
ถังเส้าหยางส่ายหัวและเดินทางต่อไป แม้ว่าเสียงหุ่นยนต์จะบอกเขาว่าคฤหาสน์นั้นเป็นของเขาแล้ว แต่เขาก็ไม่รีรอที่จะออกจากคฤหาสน์ เขาต้องการได้อาณาเขตที่ดีกว่าคฤหาสน์หลังนี้
เขาพาดเดสทรอยเยอร์ไว้บนไหล่ของเขาและสะพายเป้บนหลังสองใบบนหลังของเขา จากนั้นถังเส้าหยางก็เดินไปตามทางหลวง
…
สามวันนับตั้งแต่ถังเส้าหยางออกจากคฤหาสน์และการต่อสู้อันน่าตื่นเต้นกับคลาวเลอร์ ตอนนี้เขามีกระเป๋าเป้สะพายหลังเพียงใบเดียวแล้ว มันบ่งบอกว่าเขามีเสบียงเหลืออยู่อย่างจำกัด
อย่างไรก็ตาม ถังเส้าหยางก็ไม่ได้กังวลเพราะเขาใกล้จะไปถึงจุดหมายแล้ว เขาแค่ต้องเดินอีกเพียงวันเดียวเท่านั้นแล้วเขาก็จะไปถึงจุดหมาย สถานที่ที่จะสร้างพระราชวังหลักของจักรวรรดิถัง
เขาไม่ได้กังวลเกี่ยวกับเสบียง แต่เขากังวลเกี่ยวกับอย่างอื่นมากกว่า ผู้รอดชีวิต ถังเส้าหยางไม่พบผู้รอดชีวิตเลยแม้แต่คนเดียวหลังจากเดินทางมาตลอดสามวัน ซอมบี้เป็นสิ่ง(ไม่)มีชีวิตชนิดเดียวที่เขาพบ
เขาฆ่าซอมบี้ไปเป็นจำนวนมากระหว่างเดินทาง และนั่นก็ทำให้เลเวลของเขาเพิ่มขึ้นมาอีกสามเลเวล มันเป็นการทุบตีอยู่ฝ่ายเดียวเท่านั้น
และมันก็ยังดีที่มันยังไม่มีซอมบี้ที่วิวัฒนาการเหมือนอย่างคลาวเลอร์ มันเป็นการเดินทางที่เสี่ยงน้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับประสบการณ์ในมินิเกม อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังคงกังวลเกี่ยวกับผู้รอดชีวิต
มันไม่ใช่ว่าเขาเป็นนักบุญที่ต้องการจะช่วยพวกเขา แต่ถ้ามันไม่มีผู้รอดชีวิตเลย งั้นการเดินทางของเขาด้วยตีนเปล่าก็คงจะสูญเปล่า เขาจะสร้างจักรวรรดิได้อย่างไรถ้าไม่มีผู้คน?
อารมณ์ของถังเส้าหยางค่อนข้างดำดิ่งในขณะที่เขาเดินผ่านย่านที่อยู่อาศัย เหตุผลที่เขาสามารถฆ่าซอมบี้ได้อย่างง่ายดายก็คือเดสทรอยเยอร์ ด้วยการเหวี่ยงเพียงครั้งเดียว ซอมบี้อย่างน้อยสามถึงหกตัวก็จะตายในทันที
เขาเหวี่ยงเดสทรอยเยอร์ออกไปในขณะที่เขาเดิน ถังเส้าหยางมองไปทางขวาและซ้าย เขาพยายามค้นหาว่ามีผู้รอดชีวิตหรือไม่ อย่างไรก็ตาม เขาก็ต้องผิดหวังเพราะเขาไม่สามารถหามนุษย์ที่มีชีวิตได้เลย
ว้าว! ว้าว! ว้าว!
“ อึก มันต้องเป็นเพราะพวกแกแน่ๆ!” ถังเส้าหยางระบายความหงุดหงิดกับซอมบี้
“ ในที่สุด ฉันก็มีโอกาสสร้างจักรวรรดิและได้กลายเป็นจักรพรรดิ แต่ไอ้พวกสมองซอมบี้อย่างพวกแกก็ทำมันทั้งหมดพัง…”
ถังเส้าหยางฆ่าซอมบี้อย่างบ้าคลั่ง จนในที่สุดเสียงหุ่นยนต์ก็ดังขึ้น
[ คุณเลเวลอัพแล้ว! ]
[ คุณได้รับคะแนนค่าคุณสมบัติ 2 คะแนน ]
เขาจัดสรรคะแนนค่าคุณสมบัติไปที่พลังชีวิตและความแข็งแกร่งตามปกติ จากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วอีกครั้ง ถังเส้าหยางเลือกเส้นทางนี้เพราะเขาคิดว่ามันจะมีซอมบี้อยู่เป็นจำนวนมากที่เขาสามารถฆ่าได้ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขาได้ฆ่าซอมบี้ทั้งหมดแถวนี้แล้ว มันน้อยเกินไปสำหรับเขตใหญ่ๆแบบนี้
ถังเส้าหยางเข้าไปในบ้านหลังหนึ่ง แต่เขาก็พบว่ามันว่างเปล่า เขาเข้าไปในบ้านอีกหลังและก็ว่างเปล่า มันไม่เพียงแต่เขาจะไม่สามารถหาผู้รอดชีวิตได้เท่านั้น แต่ตอนนี้เขายังหาซอมบี้ไม่เจออีกด้วย
หลังจากนั้นเขาก็มองไปรอบๆเขตและหลังจากค้นหาไปสิบห้านาที ถังเส้าหยางก็พบแล้วว่าซอมบี้นั้นไปรวมกันอยู่ที่ไหน ฝูงซอมบี้รวมตัวกันนอกเขตและดูเหมือนว่าพวกมันจะกำลังเดินไปในทิศทางเดียวกัน
ดูเหมือนว่ามันมีบางอย่างที่ดึงดูดซอมบี้ เขาไม่ได้โจมตีซอมบี้ในทันที แต่เขามองไปรอบๆ เขาไม่พบบางสิ่งที่พิเศษหรือแปลกประหลาด
เขาไม่ต้องการให้เสบียงของเขาถูกปกคลุมไปด้วยของเหลวสีเขียว ดังนั้นเขาจึงวางกระเป๋าเป้ไว้ที่นี่ชั่วคราว ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็ยังสามารถเคลื่อนไหวได้คล่องกว่าอีกด้วย
เขาวางกระเป๋าเป้สะพายหลังลงและออกไปรบอีกครั้ง ถังเส้าหยางค่อยๆเดินเข้าไปหาฝูงซอมบี้ในขณะที่พาดเดสทรอยเยอร์เอาไว้บนบ่า
ระยะห่างระหว่างซอมบี้กับเขานั้นห่างประมาณหนึ่งร้อยเมตร เขาเดินเข้าไปด้วยความเร็วที่คงที่และเมื่อระยะห่างระหว่างเขากับซอมบี้สั้นลงเหลือยี่สิบเมตร เขาก็หยุดฝีเท้าลงและปล่อยให้เดสทรอยเยอร์ลากไปกับพื้น
ปัง
มันทำให้เกิดเสียงดังขึ้นและดึงดูดความสนใจของฝูงซอมบี้ ฝูงซอมบี้มองย้อนกลับไปและเห็นถังเส้าหยาง ทันใดนั้นฝูงซอมบี้ก็รุมเข้าหาถังเส้าหยาง
ด้วยรอยยิ้มกว้าง ถังเส้าหยางก็ยกเดสทรอยเยอร์ขึ้นด้วยมือทั้งสองของเขาและพุ่งเข้าหาซอมบี้
บึ้ม!
เขาเหวี่ยงเดสทรอยเยอร์ไปทางหัวของซอมบี้ จากประสบการณ์ตลอดสองวันที่ผ่านมา แม้ว่าพวกซอมบี้จะถูกตัดผ่านฝึ่ง ตั่มนก็ยังไม่ตายหากมันยังไม่ได้ถูกโจมตีที่หัว
ถังเส้าหยางรู้ว่าเขาต้องการฆ่าซอมบี้เพื่อให้ได้แข็งแกร่งขึ้น ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการเสียซอมบี้ไปแม้แต่ตัวเดียว ด้วยเหตุนี้เอง ในช่วงสองวันที่ผ่านมา เขาจึงโจมตีพวกซอมบี้จนถึงตาย และนั่นก็ทำให้เขาสร้างนิสัยที่จะโจมตีซอมบี้ที่หัวของพวกมัน
แผละ!
ซอมบี้แนวหน้าทั้งหกตัวหัวหายไป ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของถังเส้าหยางและเดสทรอยเยอร์ มันก็ค่อนข้างง่ายที่จะฆ่าซอมบี้เหล่านี้ ตอนนี้เขาไม่กลัวที่จะต้องถูกรายล้อมไปด้วยซอมบี้อีกต่อไป เดสทรอยเยอร์จะช่วยให้เขากำจัดซอมบี้ได้อย่างง่ายดาย
วัง! วัง! วัง!
ถังเส้าหยางเหวี่ยงเดสทรอยเยอร์ออกไปข้างหน้าทุกครั้งที่เขาก้าวขาออกไป และในทุกก้าวที่เขาก้าวออกไป มันก็จะไม่มีซอมบี้ตัวไหนที่สามารถต้านทานเขาได้
ศพที่เน่าเปื่อยของซอมบี้กระจัดกระจายไปทั่วเมื่อถังเส้าหยางก้าวไปข้างหน้า และในไม่ช้าเขาก็ได้ยินสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุด
“ อย่าปล่อยให้ซอมบี้เข้าไปในอาคาร! อดทนไว้! อดทนไว้!”
“ ปีกซ้าย! อย่าปล่อยให้การป้องกันของคุณหลวม! ยืนหยัดเอาไว้ให้ได้!”
เขาได้ยินเสียงของสิ่งที่เขาอยากได้ยินและอยากพบมากที่สุด เสียงของผู้รอดชีวิต
“ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า… จักรพรรดิของพวกเจ้ากำลังจะไปช่วยพวกเจ้าเดี๋ยวนี้แหละ อดทนไว้นะ!” เมื่อถังเส้าหยางได้ยินเสียงของผู้รอดชีวิต พลังใจของเขาก็ถูกเติมเต็ม เขาเริ่มกวัดแกว่งเดสทรอยเยอร์ไปมาอย่างบ้าคลั่งและพุ่งออกไปอย่างบ้าระห่ำอีกครั้ง
วัง! วัง! เวง! เวง!
คนเหล่านี้มีอาวุธหลายประเภทอยู่ในมือ บางคนถือขวานฉุกเฉิน ไม้เบสบอล และเขาก็เห็นผู้หญิงสองสามคนกำลังถือกระทะ
มันไม่ใช่แค่ถังเส้าหยางเท่านั้นเห็นกลุ่มผู้รอดชีวิต แต่กลุ่มผู้รอดชีวิตก็ยังเห็นถังเส้าหยางด้วยเช่นกัน คนสวมเสื้อกันฝนสีน้ำเงินเข้ม หมวกกันน็อคสีดำ และหอกแปลกๆที่มีใบขวาน รูปลักษณ์ของถังเส้าหยางนั้นโครตสะดุดตา
พวกเขาตกใจกับคนแปลกหน้าที่เข้ามา อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็เห็นชายในเสื้อกันฝนสีน้ำเงินเข้มกำลังช่วยพวกเขากำจัดซอมบี้อยู่
ในการเหวี่ยงหอกแปลกๆนั่นเพียงครั้งเดียว หัวของซอมบี้อย่างน้อยสิบตัวก็แยกออกจากกตัว
ชายคนหนึ่งที่ดูเหมือนหัวหน้ากลุ่มออกคำสั่งทันทีว่า “ ปิดปีก! ปิดปีก!”
เขาสามารถบอกได้ว่าชายในเสื้อกันฝนสีน้ำเงินเข้มกำลังช่วยพวกเขาโดยนำซอมบี้ไปข้างหน้าพวกเขา ด้วยความช่วยเหลือจากชายผู้สวมเสื้อกันฝนสีน้ำเงิน ความกดดันจึงลดลงไปมาก และเขาก็ตระหนักได้ว่าตอนนี้พวกเขาไม่ใช่ตัวเอกของงานเลี้ยงอาบเลือดนี้อีกต่อไป
ถังเส้าหยางเหวี่ยงเดสทรอยเยอร์ไปที่หัวของซอมบี้อย่างบ้าคลั่ง เขาทำให้แน่ใจว่ามันจะไม่มีซอมบี้ตัวไหนผ่านเขาไปได้ เขาจะปกป้องผู้คนที่จะกลายมาเป็นประชาชนของเขาในอนาคต
การสังหารดำเนินต่อไปโดยมีถังเส้าหยางเป็นจุดศูนย์กลาง ซอมบี้กลุ่มใหญ่ละทิ้งความสนใจจากกลุ่มผู้รอดชีวิตและเริ่มรุดหน้าไปหาถังเส้าหยางแทน
สิ่งนี้ทำให้กลุ่มผู้รอดชีวิตรู้สึกโล่งใจเพราะพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับซอมบี้จำนวนน้อยลงไปมาก พวกเขาตกใจกับชายที่สวมเสื้อกันฝนสีน้ำเงินเข้ม มันอาจกล่าวได้ว่าชายในเสื้อกันฝนสีน้ำเงินเข้มนี้ได้กวาดล้างซอมบี้เพียงลำพัง
ท่ามกลางร่างซากศพของซอมบี้ที่เน่าเปื่อย มันก็มีชายคนหนึ่งเอาหอกสีแดงเข้มพาดอยู่บนไหล่ของเขา กลุ่มผู้รอดชีวิตไม่สามารถเห็นใบหน้าของเขาได้เนื่องจากหมวกกันน็อคที่ปิดบังใบหน้าของชายคนนั้น