Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1053 ไม่อาจอภัย

มกุฎ ถูกมองว่าเป็นมรรคาที่แข็งแกร่งที่สุด!
ตอนแรกยามหลินสวินสัมผัสมกุฎมรรคา มรรคานี้ถูกประดับไว้ด้วยคำอธิบายอันห่างไกลเอื้อมไม่ถึง ทั้งทำให้คนมุ่งหวังมากมาย
ตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบันยากพบเห็น สมัยบรรพกาลมรรคานี้เลือนรางดั่งตำนาน ไม่รู้ทำให้ผู้กล้าอัจฉริยะเท่าไรต่างมุ่งหวัง
กระทั่งมีคนสงสัยว่ามรรคานี้มีอยู่จริงหรือไม่
แต่หลังจากหลินสวินฝึกปราณลึกซึ้ง ผ่านเรื่องราวมากมาย เขาจึงค่อยๆ พบว่าตามกาลเวลาที่เปลี่ยนผันไร้สิ้นสุดนี้ นิยามที่ผู้ฝึกปราณบนโลกมีต่อมกุฎมรรคาได้เปลี่ยนไปนานแล้ว
ในความเข้าใจของเขา มกุฎมรรคาคือหนทางที่แข็งแกร่งที่สุดตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน บรรลุถึงขอบเขตนี้ประหนึ่งราชันแห่งระดับ สามารถเคลื่อนกวาดศัตรูทั้งมวล
แต่ในสายตาผู้ฝึกปราณคนอื่น ผู้สืบทอดแกนหลักของสำนักโบราณอย่างข่งหลิง ซูซิงเฟิง เสวี่ยเชียนเหินก็คือบุคคลแห่งยุคขอบเขตมกุฎแล้ว
ภายในนั้นต้องมีส่วนที่เข้าใจผิดอยู่แน่!
ในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ พวกที่เรียกว่าบุคคลแห่งยุคขอบเขตมกุฎถูกหลินสวินสังหารราวสิบกว่าคน แต่จากที่หลินสวินวิเคราะห์พลังของคนเหล่านี้ มากสุดก็ได้แค่ถือว่าสัมผัสธรณีประตูเส้นทางแห่งมกุฎ ยังไม่เคยก้าวเข้าไปในนั้น!
กระทั่งคนส่วนหนึ่งแม้แต่ธรณีประตูล้วนไม่เคยสัมผัส ก็อวดตัวเป็นผู้กล้าขอบเขตมกุฎ ทำให้หลินสวินรู้สึกไร้สาระและขบขันนัก
เป็นความเข้าใจของตนที่ยิบย่อยเกินไป หรือเป็นนิยามที่คนบนโลกมีต่อมกุฎได้เปลี่ยนแปลงไปจนผ่อนปรนลงกันแน่
หลินสวินไม่อาจรู้ได้
แต่เขารู้ดีว่าเทียบกับบุคคลแห่งยุคเหล่านี้ คนอย่างมารกระบี่เยี่ยเฉิน ดาบคลั่งเซี่ยวชางเทียน สอดคล้องกับนิยามแห่งมกุฎกว่าโดยไม่ต้องสงสัย
‘ต่อให้ถอยลงมาก้าวหนึ่ง แบ่งมกุฎมรรคาเป็นสามระดับ พวกที่เพิ่งถูกข้าพิฆาตอย่างมากก็แค่ระดับล่างสุดแรกก้าวสำรวจเท่านั้น’
‘สำหรับบุคคลอย่างเยี่ยเฉิน เซี่ยวชางเทียน อยู่เหนือระดับแรกก้าวสำรวจ ส่วนแข็งแกร่งมากแค่ไหนกลับยากประเมิน’
‘แต่เหล่ายักษ์ใหญ่บุคคลแห่งยุครุ่นก่อนอย่างอวิ๋นชิ่งไป๋ เยี่ยนจั่นชิว หวังเสวียนอวี๋ หมีเหิงเจิน เย่หมัวเฮอ น่าจะมีความเชี่ยวชาญน่าทึ่งเหลือประมาณในมกุฎมรรคา แม้ไม่ถึงขั้นเรียกว่าแข็งแกร่งที่สุดแต่ก็คงไม่ต่างกันมากเท่าไหร่…’
หลินสวินใคร่ครวญ
มหายุคจวนมาเยือน ก็บ่งชี้ว่าใต้หล้านี้ต้องปรากฏปีศาจไร้เทียมทานอีกนับไม่ถ้วน ผงาดง้ำราวหมู่ดาว ประชันขันแข่งท่ามกลางมหายุค
ก่อนหน้านั้นหากสามารถเข้าใจบุคคลแห่งยุครุ่นเดียวกันอย่างลึกซึ้งและแม่นยำได้สักหน่อย คงมีแต่ประโยชน์ไม่เป็นโทษ
‘ไม่ว่าอย่างไรข้าก็จะก้าวเดินบนเส้นทางของข้า จนถึงมรรคาสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เพื่อมรรคาแห่งตน!’
นานพอควรข้อสงสัยในใจหลินสวินหายไปจนหมด จิตมรรคกระจ่างว่างเปล่า แน่วแน่ยิ่งกว่าเดิม
เขานั่งสมาธิบนแท่นมรรค พิจารณาปริศนาแห่งมกุฎ แต่เหนือยอดเขาอื่นศึกใหญ่ยังคงออกแสดง
เช่นเดียวกัน ณ เชิงเขา เหล่าผู้ชมที่มาจากต่างสำนักก็ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
อานุภาพยิ่งใหญ่ของหลินสวินได้เป็นที่ประจักษ์ สามารถคว้าหนึ่งในสามสิบหกอันดับกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์ได้แล้ว คราวนี้ก็มาดูว่ายอดเขาอื่นที่เหลือจะตกเป็นของใครกันแน่
การเข่นฆ่าโรมรันบนยอดเขาแต่ละลูกล้วนเรียกได้ว่าดุเดือด คนรุ่นเดียวกันช่วงชิงความเป็นใหญ่ ผู้แข็งแกร่งแข่งประลอง การต่อสู้ใดๆ หากเกิดยังโลกภายนอกล้วนพอที่จะสร้างความครึกโครมครั้งใหญ่
แต่บนภูเขาเทพไร้มรณะนี้กลับเห็นบ่อยจนชินตา
เหล่าผู้แข็งแกร่งเผ่าวาทวาโยนั้นต่างรับมือแทบไม่ทัน การต่อสู้น่าชื่นชมมากเหลือเกิน บุคคลแห่งยุคซึ่งเจิดจรัสในที่นั้นก็มากมายนับไม่ถ้วน ทั้งมีจุดเด่นชัดเจนเป็นของตน ช่างทำให้ผู้คนสับสนตาลายยากจะเลือก
หลินสวินก็เหลือบสายตาไปยังยอดเขาอื่นเช่นกัน พลังจิตรับรู้มหาศาลแผ่ขยายชมการต่อสู้
ดาบคลั่งเซี่ยวชางเทียนวาดดาบดุจอสนี มีอานุภาพสะท้านฟ้าสะเทือนดิน พลานุภาพทำลายล้าง ตั้งแต่ขึ้นสู่แท่นมรรคแทบไม่มีคนสามารถยืนหยัดใต้เงื้อมมือเขาเกินสิบกระบวน
มารกระบี่เยี่ยเฉินโดดเด่นเช่นกัน กระบี่โบราณจื่อเวยแผ่เจตกระบี่ไพศาล มีความสูงส่งสง่าผ่าเผย อำนาจมารทำลายล้างสูงสุด ทรงพลังไร้เทียมทาน ไร้ผู้สามารถหันปลายดาบเข้าประชัน
ตรงกันข้าม จินมู่อวิ๋นเองก็เป็นผู้ฝึกกระบี่ชั้นยอดคนหนึ่ง แต่เจตกระบี่ของเขากลับคลั่งระห่ำดั่งฟ้าคำราม แข็งแกร่งดุดันมืดฟ้ามัวดิน ไอสังหารทะลุทะลวง
กลวิธีต่อสู้ของหลี่ชิงผิงกลับเห็นได้ว่าเจ้าเล่ห์อำมหิต ปรวนแปรเกินคาดเดา เขาอาศัยขลุ่ยหยกมรกตต่อกรศัตรู เสียงขลุ่ยครวญดั่งเสียงแห่งเทพผี มีอานุภาพซึมจิตชิงวิญญาณ
อวี่หลิงคง จี้ซิงเหยา โก่วเหยียนเจิน…
บุคคลแห่งยุคที่ชื่อเสียงสะเทือนโลกฟากหนึ่งนานแล้วเหล่านี้ หากเป็นไปดังคาดต้องสามารถดันตนขึ้นสู่อันดับกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์แน่
ที่ทำให้หลินสวินสนใจเป็นพิเศษคือโก่วเหยียนเจิน การต่อสู้ของเขาสามารถใช้คำว่าเหี้ยมโหดวิปริตมาอธิบาย
ศัตรูที่ท้าทายเขาเป็นต้องถูกเขาใช้สองมือฉีกทึ้งร่างอย่างแข็งกร้าวจนแขนขาขาดกระจาย ฝนโลหิตสาดพรมราวน้ำตก
ทำให้คู่แข่งประสบความทรมานและทุกข์ทนยากจินตนาการก่อนถูกคัดออก
วิธีการเหี้ยมโหดเช่นนี้กระตุ้นความคับแค้นและเสียงคำรามมากมายจากเหล่าผู้อาวุโสสำนักโบราณ แทบอยากขึ้นไปสังหารไอ้ลูกหมาทมิฬนี่ด้วยมือตัวเอง
แต่วิธีเช่นนี้ของโก่วเหยียนเจินเหี้ยมโหดก็ส่วนเหี้ยมโหด แต่กลับมีแรงสั่นสะเทือนเหลือประมาณ ยามผู้แข็งแกร่งเห็นภาพนองเลือดนี้กับตา ส่วนใหญ่ล้วนตระหนกจนไม่กล้าขึ้นไปท้าสู้ เกรงแต่จะถูกโก่วเหยียนเจินใช้มือฉีกกระชาก
ยามสายตาหลินสวินมองไป ก็เห็นโก่วเหยียนเจินกำลังบีบตัวหญิงสาวร่างอรชรคนหนึ่งไว้พอดี สองมือพลันแยกออกจากกันดังฟึ่บ แขนและร่างหญิงสาวถูกฉีกกระชากราวไหมทอ ฝนโลหิตแดงสดสาดพรมแท่นมรรคดั่งน้ำตก
โก่วเหยียนเจินเผยรอยยิ้มตื่นเต้นกระหายเลือด แลบลิ้นแดงก่ำลิ้มรสเลือดที่กระเด็นลอยกลางอากาศ จากนั้นจึงสูดหายใจลึก ส่งเสียงครางพึงพอใจ สีหน้าเปลี่ยนเป็นเคลิบเคลิ้มหาใดเปรียบ
ฟุ่บ!
เกือบจะเวลาเดียวกัน เขาสังเกตเห็นสายตาที่หลินสวินมองมา เขาพลันแสยะยิ้มเผยฟันขาวดุจหิมะที่แหลมคม ริมฝีปากกล่าววาจาโดยไร้เสียง
‘เทพมารหลิน ข้าจะฉีกกระชากเจ้าด้วยมือเปล่าเช่นกัน ลองชิมเลือดเจ้าว่ามีกลิ่นอายวิเศษราวเทพมารหรือไม่’
ลำคอเขาไหวเคลื่อนเหมือนจ้องเหยื่ออันล่อใจ ยิ้มอย่างกำเริบเสิบสาน
หลินสวินมองอีกฝ่ายเงียบๆ สีหน้าราบเรียบ ก่อนจะถอนสายตากลับมา
หากเจอโก่วเหยียนเจินในการประลอง ‘ชิงโชควาสนา’ เขาไม่ถือสาที่จะทรมานเจ้าหมาดำตัวนี้ทีละน้อยจนตาย!
จากนั้นหลินสวินก็มองเห็นเซียวชิงเหอ
เซียวชิงเหอสามารถต่อสู้บนแท่นมรรคต่อเนื่องถึงตอนนี้ ทำให้หลินสวินรู้สึกเกินคาดหมาย
ในความเข้าใจของเขา เซียวชิงเหอแม้แข็งแกร่ง แต่ยังห่างจากมรรคาที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างแท้จริงไม่น้อย
แต่เซียวชิงเหอกลับสามารถ ‘ครองภูผา’ ได้ถึงปัจจุบัน นี่พิสูจน์แล้วว่าพลังแฝงของคนผู้นี้ล้ำลึกยิ่ง เหนือกว่าศักยภาพจริงที่เขาแสดงออกมา
แต่ไม่ช้าหลินสวินก็มุ่นคิ้ว
สถานการณ์ของเซียวชิงเหอไม่เข้าทีอยู่บ้าง!
คู่ต่อสู้ของเขาคือชายหนุ่มชุดขนนกที่กลิ่นอายอ่อนโยนคนหนึ่ง สีผิวขาวกระจ่าง ใบหน้างามเหมือนหญิงสาว เจือเสน่ห์เฉพาะตัวที่อัศจรรย์พิกล
หากหลินสวินจำไม่ผิด ชายหนุ่มชุดขนนกนี้นามชิงเหวินเจวี้ยนมาจากเผ่าหงส์เขียว ถูกมองว่าเป็นบุตรเทพของเผ่านี้
ชิงเหลียนเอ๋อร์ที่ตายด้วยมือตนตอนนั้นก็เป็นญาติผู้น้องของชิงเหวินเจวี้ยนนี่
ขณะนี้เงาร่างชิงเหวินเจวี้ยนราวไร้รูปเลือนราง ทำให้ผู้คนคาดเดาไม่ออก ไม่เพียงแต่เร็วเท่านั้นยังอัศจรรย์เหลือประมาณ
ไม่ว่าเซียวชิงเหอบุกโจมตีอย่างไรก็สัมผัสชายเสื้อเขาไม่ได้แม้เพียงเสี้ยว!
ไม่จำเป็นต้องสงสัย วิชาเคลื่อนไหวนี้ของชิงเหวินเจวี้ยนได้เปรียบกว่าอย่างเห็นได้ชัด
เดิมภายใต้สถานการณ์ปกติเซียวชิงเหอก็ไม่มีหวังจะชนะแล้ว แต่ชิงเหวินเจวี้ยนกลับไม่รีบร้อนโจมตีอีกฝ่ายให้พ่ายแพ้ ตรงกันข้ามกลับเหมือนแมวเล่นกับหนู ล้อหลอกเซียวชิงเหอไปมา
บุคลิกชิงเหวินเจวี้ยนบอบบางเหมือนหญิงสาว มีเสน่ห์อัศจรรย์หาใดเปรียบ ในมือขาวกระจ่างเรียวบางถือเข็มทองแหลมละเอียด
เขาราวกำลังปักบุปผา เห็นเซียวชิงเหอเป็นผ้าไหม ทุกครั้งที่ลงมือจะแทงเข็มทะลวงร่างเซียวชิงเหอจนเกิดรูเข็มเล็กบางทีละรอย
เห็นชัดว่าเซียวชิงเหอแบกรับความเจ็บปวดถึงขีดสุด สีหน้าคล้ำเขียวขุ่นเคืองหาใดเปรียบ แต่เขากลับไม่อาจจับจังหวะชิงเหวินเจวี้ยนได้อย่างสิ้นเชิง กระทั่งบาดแผลที่ได้รับนานเข้าก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ
สามารถมองเห็นได้ชัดเจนว่าผิวหนังทั่วร่างเขาถูกแทงทะลุจนเกิดรูโหว่ชุ่มเลือดเล็กแน่น โลหิตหลากสายซึมออกมา ร่างเป็นรูปร่าง ‘กุหลาบป่า’ ดอกหนึ่ง
ชิงเหวินเจวี้ยนกำลังปักบุปผาอยู่จริงๆ !
การกระทำเขาถึงขั้นแฝงความสุนทรีคล่องแคล่ว เชี่ยวชาญชำนาญการ ประหนึ่งจิตรกรใหญ่ที่บรรลุขั้นสูงกำลังจรดพู่กันพรมหมึก
เพียงแต่การเห็นคู่แข่งเป็นผืนผ้า วิธีการที่อาศัยโลหิตแดงสดแทนหมึกเขียน ใช้เข็มทองแทนปลายพู่กันเช่นนี้ กลับทำให้ผู้คนไม่อาจรู้สึกสุนทรีย์แม้เพียงเสี้ยว กลับเห็นได้ว่าน่าหวาดกลัวหาใดเปรียบ!
ไม่ว่าใครเห็นภาพนี้คงล้วนขนพองสยองเกล้า รู้สึกหวาดผวา
เซียวชิงเหอเจ็บปวดนัก ผิวหนังทั่วร่างล้วนสั่นสะท้าน ดวงตาปูดโปนแทบถลน เขาราวสู้สุดชีวิต ใช้พลังทั้งหมดซัดสังหารชิงเหวินเจวี้ยน
แต่ทุกอย่างล้วนเห็นได้ว่าเปล่าประโยชน์
สีหน้าชิงเหวินเจวี้ยนนิ่งสงบ เข็มทองในมือซัดเหิน เพิกเฉยต่อความคั่งแค้นของเซียวชิงเหอ
นี่คือความอัปยศ!
ชั่วดีอย่างไรเซียวชิงเหอก็เป็นหนึ่งในสิบหกสุริยันผู้กล้าตำหนักศักดิ์สิทธิ์สุริยันจันทรา ฐานะ ตำแหน่ง พลังต่อสู้ล้วนเรียกได้ว่าเป็นเลิศในหมู่คนรุ่นเยาว์ปัจจุบัน
แต่บัดนี้กลับถูกคนเห็นเป็นผืนผ้าปัก นี่คือการเหยียบย่ำ หยามศักดิ์ศรีและจิตมรรคของเขาอย่างสาหัสโดยไม่ต้องสงสัย!
แม้แต่หลินสวินก็มองจนในดวงตาดำปรากฏแววเยียบเย็นวูบหนึ่งอย่างไม่อาจระงับ ในใจมีไอสังหารที่ยากควบคุม
ชิงเหวินเจวี้ยนนี่ แม้วิธีเหี้ยมโหดสู้โก่วเหยียนเจินไม่ได้ แต่หากกล่าวถึงความวิปริตแล้วมีแต่เหนือกว่า!
หืม?
เวลานี้หลินสวินหน้าพลันเปลี่ยนสี กำสองหมัดแน่นเงียบๆ ไอสังหารในดวงตาราวปรากฏขึ้นอย่างแท้จริง สาดประกายชวนประหวั่น
ก็เห็นเหนือยอดเขาที่ห่างไกล เงาร่างเซียวชิงเหอพลันแข็งทื่อ หยุดชะงักกลางอากาศราวถูกสกัดจุด
และตอนนี้ชิงเหวินเจวี้ยนก้าวไปข้างหน้า หนีบเข็มทองบางละเอียดแทงเข้าตำแหน่งหัวใจของเซียวชิงเหอ
จากนั้นเงาร่างเขาพลันพริบไหว ถอยกลับจุดเดิม
แต่ร่างกายเซียวชิงเหอกลับเหมือนถูกเส้นด้ายคมนับไม่ถ้วนเฉือนตัดไปมา ระเบิดออกฉับพลัน
ไอโลหิตแผ่พุ่ง ปรากฏขึ้นในห้วงอากาศ กลายเป็นลวดลายกุหลาบป่าสีเลือดที่เย้ายวนบาดตาดอกหนึ่ง
ผู้แข็งแกร่งทุกคนที่มองเห็นภาพนี้ต่างหนาวสะท้านไปทั้งตัว ในใจเกิดความหวาดผวา วิธีเช่นนี้ช่างวิปริตถึงขีดสุด!
ชิงเหวินเจวี้ยนกลับประหนึ่งไม่รับรู้อะไร ลูบคางจ้องมองกุหลาบป่าสีเลือดที่เบ่งบานกลางอากาศนั่น บนใบหน้าขาวกระจ่างเปี่ยมความชื่นชม
แม้รู้ว่าบนเขาเทพไร้มรณะนี้เซียวชิงเหอไม่มีทางสิ้นชีพ แต่หลินสวินก็ยังเกิดไฟโทสะไร้สิ้นสุด นัยน์ตาดำเยียบเย็นจนน่ากลัว
ฆ่าคนต้องรู้จักพอประมาณ ชิงเหวินเจวี้ยนนี่กลับใช้วิธีการวิปริตนองเลือดเช่นนี้มาหยามหน้าและทรมานเซียวชิงเหอ ไม่อาจอภัยเด็ดขาด!
……………………

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

Type: Author: ,
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset