Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1040 แผนภาพวัฏจักรดารา

ในคราแรก เซียวชิงเหอและอาหลู่ไม่ได้นึกเอะใจถึงความไม่ชอบมาพากลอะไร
แต่ต่อมาพร้อมๆ กับที่เข้าสู่ส่วนลึกของทะเลหมากดารา พวกเขาต่างพบว่าแสงดาวเจิดจรัสเป็นสายๆ ที่ร่วงหล่นจากเวิ้งนภานั้น ถึงกับพากันไหลกรูไปทางหลินสวิน ส่องสะท้อนเงาร่างจนรอบตัวเขาเป็นสีเงินยวงดั่งภาพฝันมายา
คราวนี้ทั้งคู่จึงตระหนักว่าเหตุการณ์ไม่เข้าทีอยู่บ้าง
แสงดาวดั่งภาพลวงตา เรืองพิสุทธิ์พรั่งพรู พาให้หลินสวินทวีกลิ่นอายว่าเปล่าเหนือโลกีย์มากขึ้น
แต่ร่างกายเขากลับเป็นดั่งหลุมดำที่ลึกไม่เห็นก้นบึ้ง ไม่ว่าแสงดาวไหลหลั่งไปมากเท่าไร ล้วนถูกกลืนกินจนหมดสิ้น
จนกระทั่งต่อมาเมื่อหลินสวินสูดหายใจเข้าออก ดวงดาวบนเวิ้งนภานั้นดูคล้ายจะสั่นระริกตามไปด้วย แสงดาราที่ร่วงหล่นลงมาดุจกระแสน้ำเชี่ยวไหลทะลัก พาให้ห้วงอากาศแถบนี้เกิดความโกลาหลอลหม่าน ส่องแสงสีเงินยวงทั้งแถบ เจิดจ้าบาดตาไร้ใดเปรียบ
ภาพฉากเช่นนี้สามารถใช้คำว่า ‘สะเทือนฟ้าสะท้านดิน’ มาบรรยายได้โดยสิ้นเชิง!
แต่สิ่งที่แย่ก็คือ เมื่อเป็นเช่นนี้ บนหนทางที่พวกเขาจะมุ่งหน้าไปล้วนถูกแสงดาวปกคลุม แม้จะมีแผนภาพลับนำทางก็ไม่สามารถระบุเส้นทางได้เลย
ภายใต้ความจนปัญญา เซียวชิงเหอจึงไม่อาจไม่ส่งเสียง ขัดจังหวะโชควาสนาอัศจรรย์ครั้งนี้ของหลินสวิน
หลินสวินได้สติขึ้นมา พอกวาดสายตาไปเห็นแสงดาวไหลหลั่งรอบด้าน หนาแน่นดุจหมอก ก็เข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
ในใจเขาไหวหวั่นขึ้นมา นึกถึงแผนภาพวัฏจักรดาราในห้วงนิมิต ก่อนโบกแขนเสื้อหนึ่งคราตามจิตใต้สำนึก
ฮูม!
แสงดาวเจิดจรัสเต็มฟ้าย้อนกลับไปตามทิศทางที่ไหลหลั่งมา หวนกลับสู่สี่ด้านแปดทิศ ไม่นานก็อันตรธานหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ทอดสายตาจากไกลๆ ก็เหมือนกับเซียนผู้หนึ่ง เพียงโบกสะบัดแขนเสื้อ แสงดาวก็ทะยานสู่เวิ้งนภา ภาพอันแสนอลังการและงดงามนั้นทำเอาเซียวชิงเหอมองจนตาเบิกโตแล้ว
แบบนี้ก็ได้หรือ
การตอบสนองของอาหลู่นั้นเรียบง่ายมาก โพล่งด้วยความอัศจรรย์ใจ “โคตรสวยเลยจริงๆ สักวันหนึ่งข้าต้องปีนขึ้นเก้าสวรรค์ คว้าดวงดาวมาเล่นเหมือนก้อนหินให้ได้”
“ยังจะคว้าดวงดาวมาเล่นอีก โม้ โม้สุดๆ” เซียวชิงเหอหัวเราะเยาะ
“กบในบ่อแหงนมองฟ้า น่าสงสาร” อาหลู่กลอกตาหนึ่งครา ทำท่าคร้านจะสนใจ
เซียวชิงเหอหงุดหงิดขัดเคืองขึ้นมาทันที สิ่งที่เขาทนไม่ได้มากที่สุดก็คือการกลอกตาของอาหลู่
เจ้าคนบึกบึนหยาบกร้านเหมือนพวกป่าเถื่อน แต่กลับชอบกลอกตา ช่างพาให้ผู้คนไม่อาจอดกลั้นได้จริงๆ!
“ข้าขอเตือนเจ้า อย่าคิดว่าเคยช่วยชีวิตพวกเราหนึ่งครั้งแล้วจะสามารถทำอะไรตามใจชอบได้เชียว!” เซียวชิงเหอกล่าวอย่างฉุนเฉียว
“มีแต่พวกอ่อนแอถึงจะส่งเสียงข่มขู่ ผู้แข็งแกร่งลงมือทำตรงๆ”
สองแขนหยาบหนาปานหินผาของอาหลู่กอดอยู่ตรงหน้าอก รูปร่างเขาสูงใหญ่อย่างที่สุด สูงกว่าเซียวชิงเหอหนึ่งช่วงหัวเต็มๆ ย่อมเจือความเหยียดหยันเอาไว้เป็นธรรมดา
“เจ้า…” เซียวชิงเหออยากลงไม้ลงมือขึ้นมาจริงๆ แล้ว ปากของเจ้าอาหลู่นี่เป็นอาวุธสังหารชิ้นโตที่ชวนคับแค้นชัดๆ ทำให้คนโกรธแทบตายแต่ทำอะไรไม่ได้
“พอแล้ว พวกเรารีบไปกันเถอะ” หลินสวินรีบร้อนไกล่เกลี่ย
“เฮอะ หากไม่ใช่เพราะหลินสวินไกล่เกลี่ย ครั้งนี้ข้าต้องสู้กับเจ้าสักครั้งโดยไม่สนใจอะไรแล้ว” เซียวชิงเหอแค่นเสียงเย็น
“เอาแต่พูดไม่ลงมือทำใช้ไม่ได้ ชายทั้งแท่งมีเพียงคำเดียวคือ ทำ!” ดวงตาอาหลู่เปล่งประกาย จ้องเซียวชิงเหอคล้ายจะท้าทาย
หลินสวินปวดหัวตุบๆ เขาเพิ่งพบว่าเซียวชิงเหอและอาหลู่คนนี้เหมือนคู่กัดที่ผูกชะตากันมาชัดๆ ไม่ลดราวาศอกแม้แต่น้อย
ภายใต้ความจนปัญญา เขาได้แต่เดินไปเบื้องหน้าก่อน
คราวนี้เองเซียวชิงเหอถึงสะดุ้งตกใจ รีบร้อนพุ่งพรวดขึ้นหน้าร้องว่า “ที่นี่เป็นถึงทะเลหมากดารา อย่าได้วิ่งเพ่นพ่านเชียว!”
ในที่สุดการทะเลาะเบาะแว้งขนาดย่อมครั้งนี้ก็ผ่านไป ทั้งสามมุ่งหน้าเดินทางต่อ
เพียงแต่สีหน้าหลินสวินกลับผิดแปลกน้อยๆ
พร้อมๆ กับที่เดินไปเบื้องหน้า ความเร้นลับทุกอย่างของพื้นที่ใกล้เคียงต่างผุดขึ้นมาในห้วงนิมิต ทำให้เขาสามารถคาดเดาทิศทางทุกเส้นได้ในพริบตา
ที่ใดมีอันตราย ที่ใดเป็นด่านวงกต ไม่มีส่วนไหนที่ไม่ถูกหลินสวินสอดส่องแจ่มแจ้ง
‘ที่แท้ทะเลหมากดารานี่ก็วิวัฒน์มาจาก ‘ค่ายกลใหญ่วัฏจักรดารา’ จริงๆ ด้วย!’
ในใจหลินสวินสั่นไหว รู้สึกเบิกบานโปร่งโล่งคล้ายเมฆเคลื่อนเห็นตะวัน
เขาถึงขั้นสามารถระบุได้ว่า พื้นที่ที่มุ่งหน้าเดินทางอยู่ตอนนี้ตั้งอยู่ในตำแหน่งประตูสวรรค์กลุ่มดาวเขาสัตว์ทางทิศตะวันออกของค่ายกลใหญ่
ที่แห่งนี้เป็นอาณาเขตหนึ่งในแผนภาพสามร้อยหกสิบค่ายกลมหาวัฏจักรดารา ด้านในซ่อนค่ายกลย่อยสามร้อยหกสิบแห่ง ใจกลางของค่ายกลแต่ละแห่งสอดคล้องกับหมู่เกาะบนผิวทะเลนั่นพอดี
ภายใต้การโคจรพลังค่ายกลใหญ่ หมู่เกาะแต่ละแห่งต่างปกคลุมด้วยอานุภาพที่ต่างกัน มีทั้งผนึกต้องห้ามด่านวงกต ผนึกต้องห้ามมายา ผนึกต้องห้ามพิฆาตเป็นต้น
หากผลีผลามบุกทะลวง ต้องไปแตะกับผนึกต้องห้ามอย่างแน่นอน!
ควรรู้ว่านี่เป็นถึงกระบวนอริยะที่ปกคลุมฟ้าดินแห่งหนึ่ง ดึงผมเส้นเดียวสะท้านทั้งร่าง ถึงตอนนั้นไม่ว่ามีฝีมือยอดเยี่ยมเทียมฟ้าแค่ไหน ก็ย่อมพบกับอันตรายที่คาดเดาไม่ได้!
หลินสวินสันนิษฐานเปรียบเทียบโดยละเอียด พบว่าเส้นทางที่เซียวชิงเหอนำทางมานั้น เป็นหนึ่งในเส้นทาง ‘เป็น’ ที่มีจำนวนไม่มากในพื้นที่แถบนี้
เมื่อนึกถึงจุดนี้ มุมปากหลินสวินก็อดผุดระบายยิ้มขึ้นมาไม่ได้
ทะเลหมากดารานี้ สำหรับผู้ฝึกปราณบนโลกอาจจะเป็นสถานที่อันตรายที่ไม่อาจก้าวล่วง
แต่สำหรับตนที่ครอบครองมรดก ‘ค่ายกลใหญ่วัฏจักรดารา’ แล้ว การเข้าสู่ทะเลผืนนี้ก็เหมือนเหยียบย่างบนพื้นราบ!
หนำซ้ำขอเพียงตนยินดี ก็สามารถหยิบยืมพลังของค่ายกลนี้มาใช้ประโยชน์ได้
ในห้วงนิมิต แผนภาพวัฏจักรดาราผุดลอยอย่างเงียบเชียบ หลินสวินรู้ว่าครั้งนี้ตนพบกับ ‘ศุภโชคใหญ่’ โดยบังเอิญแล้ว!
ลำพังแค่มรดกค่ายกลใหญ่นี้ก็เพียงพอให้ตนใช้สอยไร้ขีดจำกัดแล้ว!
ขณะมุ่งหน้าตลอดทาง หลินสวินเปรียบเทียบและหยั่งรู้ไปพลาง โดยใช้สิ่งนี้ควานคลำปริศนามรดกในแผนภาพวัฏจักรดารา
ยิ่งทำความเข้าใจก็ยิ่งพาให้เขาร้องอุทาน ความแข็งแกร่งของอานุภาพค่ายกลนี้เหนือกว่าจินตนาการของเขาอย่างสิ้นเชิง
หากขับเคลื่อนเต็มประสิทธิภาพ จะสามารถดึงดูดพลังดวงดาวหนึ่งหมื่นสี่พันแปดร้อยดวงทั่ววัฏจักรมาได้ เพียงพอจะทำลายล้างฟ้าดินทั้งแถบ ทุกสิ่งมอดไหม้สิ้นซาก!
สิ่งที่น่าเสียดายคือค่ายกลนี้เป็นกระบวนอริยะ จำเป็นต้องใช้วิชาอริยมรรคมากางข่ายผนึกต้องห้าม แม้จะสามารถส่องทะลวงปริศนาในนั้น แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่หลินสวินในตอนนี้จะสามารถควบคุมได้
‘ปีนั้นคงไม่ใช่อริยะที่ห้อตะบึงในความว่างเปล่าอย่างบ้าคลั่งคนนั้น ใช้วิธีสูงสุดวางค่ายกลใหญ่วัฏจักรดาราอยู่ที่นี่ จากนั้นก็กลายเป็น ‘ทะเลหมากดารา’ แถบนี้กระมัง’
หลินสวินทอดถอนใจในใจ
‘ต่อไปหากบังเอิญพบเคราะห์สังหารที่สลายไม่ได้ ก็สามารถแฝงตัวเข้าสู้ที่แห่งนี้ เมื่อเป็นเช่นนี้ ต่อให้อริยะมาเองก็เกรงว่าคงจะทำอะไรข้าไม่ได้…’
แน่นอน การเป็นฝ่ายถูกโจมตีไม่ใช่แนวทางของหลินสวิน ทะเลหมากดาราก็คือกระบวนอริยะขนาดใหญ่ที่ไม่อาจจินตนาการแห่งหนึ่ง หากสามารถขับเคลื่อนพลังหนึ่งในหมื่นส่วนของมันได้ การจัดการกับสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันเกรงว่าเป็นเรื่องง่ายดาย!
ระหว่างทางหลินสวินก็พูดคุยกับอาหลู่เป็นครั้งคราว
ไม่นานเขาก็เข้าใจแล้วว่าที่มาของอาหลู่ไม่ธรรมดาอย่างที่สุด!
เขาออกมาจากโลกลึกลับที่หลงเหลือสืบมาจากยุคบรรพกาลแห่งหนึ่ง ทุ่มเทกายใจอย่างหนักกว่าจะมาถึงแดนชัยบูรพาได้ในที่สุด
ก่อนที่จะมาถึงแดนชัยบูรพา อาหลู่ใช้ชีวิตอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งในส่วนลึกของหุบเขาใหญ่ภายในโลกลึกลับแห่งนั้น คอยติดตามชายชราที่ถูกเขาเรียกว่า ‘เจ้าเฒ่าสารเลว’ เพื่อฝึกปราณตั้งแต่เด็ก
เมื่อเอ่ยถึง‘เฒ่าสารเลว’ คนนั้น อาหลู่ก็รู้สึกว่าไอคับแค้นเต็มท้อง หันไประบายความขมขื่นกับหลินสวิน บอกว่าตั้งแต่เขาอายุสามขวบก็ถูกบังคับให้ประลองพลังกับลูกลิงของเผ่าวานรมารหกแขน ห้อทะยานประชันความเร็วกับทายาทนกแหดารา แข่งขันว่าใครคอหนากว่ากันกับทายาทเผ่าเสียงคำราม ประลองกับเผ่าคชสารมังกรว่าร่างกายใครทนทานกว่ากัน…
จนกระทั่งอายุสิบสามปี หลังจากที่ประลองโดยใช้การแข่งขันต่างๆ นานากับทายาทสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ครบหมดแล้ว เดิมทีอาหลู่คิดว่าในที่สุดก็ปลดแอกเสียที ไหนเลยจะคิดว่า ‘เฒ่าสารเลว’ คนนั้นยังเอ่ยข้อเรียกร้องที่วิปริตมากกว่าเดิมหนึ่งข้อ
ย้ายภูเขา!
ทุกวันล้วนต้องย้ายภูเขาสูงพันจั้งลูกหนึ่งวิ่งตะบึงตั้งแต่เช้าตรู่จนถึงพระอาทิตย์ตก และตั้งแต่พระอาทิตย์ตกถึงเช้าตรู่
ตอนที่อาหลู่สามารถหิ้วภูเขาใหญ่เหมือนเล่นก้อนหินได้แล้วนั้น ‘เฒ่าสารเลว’ ก็เอ่ยข้อเรียกร้องที่เกินขอบเขตยิ่งขึ้นไปอีก
คว่ำทะเล!
ตอนที่อาหลู่สามารถพลิกเมฆคว่ำทะเลเหมือนเจียวหลง สร้างคลื่นลมสูงหมื่นนจั้งกลางทะเลได้แล้วนั้น ก็มีข้อเรียกร้องที่สูงขึ้นไปอีกโดยไม่มีข้อยกเว้น…
จนกระทั่งก่อนที่เขาจะมาถึงแดนชัยบูรพา ยังดวลศึกเข่นฆ่ากับทายาทสิ่งมีชีวิตน่าหวาดกลัวกลุ่มหนึ่งอยู่ ทุกครั้งล้วนต้องเข่นฆ่าจนหมดแรงกว่าจะได้พัก
“เฒ่าสารเลวรับปากแล้วว่า รอให้ข้าเหยียบย่างขอบเขตมกุฎระดับราชันในแดนชัยบูรพานี้แล้ว ก็จะไม่เสนอข้อเรียกร้องอีก ถึงตอนนั้นข้าจึงจะถือว่าปลดแอกอย่างแท้จริง”
ตอนที่อาหลู่เอ่ยประโยคนี้ออกมา บนใบหน้าหยาบกร้านและเถื่อนคลั่งนั้นแต้มด้วยความวาดหวังและปรารถนาเต็มเปี่ยม แสดงให้เห็นว่าสิ่งที่เขาผ่านมาก่อนหน้านี้คือชีวิตที่มืดมนเพียงใด
หลินสวินฟังจบก็สะอึกไปชั่วขณะ สภาพจิตใจไม่อาจสงบลง
เขามั่นใจแล้วว่า อาหลู่ที่อยู่ต่อหน้าเดินบนมรรคาที่ลำบากตรากตรำที่สุดนับแต่อดีตจนถึงปัจจุบันนั่นคือ… ‘กายหยาบบรรลุอริยะ’!
และ ‘เฒ่าสารเลว’ ที่อาหลู่พูดถึงต้องเป็นยอดฝีมือที่น่าทึ่งคนหนึ่งอย่างแน่นอน
ยิ่งกว่านั้น จากคำพูดของอาหลู่ก็ทำให้หลินสวินตระหนักได้ว่า อาหลู่ดูเหมือนใช้ชีวิตอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ กลางหุบเขาลึก แต่ความจริงหมู่บ้านเล็กๆ แห่งนั้นต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
มีทั้งทายาทวานรมารหกแขน ทายาทนกแหดารา ทายาทเผ่าเสียงคำราม ทายาทคชสารมังกร…
นี่ไหนเลยจะเป็นหมู่บ้านแห่งหนึ่งกัน เป็นสถานที่นอกพิภพที่สิ่งมีชีวิตต่างเผ่าในสมัยบรรพกาลอาศัยอยู่ชัดๆ!
พอลองคิดดูแล้ว ‘กระบองกระดูกมังกร’ ในมืออาหลู่เป็นถึงสมบัติอริยะที่สามารถซัดสัตว์ประหลาดเฒ่าอย่างซูคงปลิวลอยได้อย่างง่ายดาย แค่นี้ก็สามารถมองออกว่า ‘โลกลึกลับ’ ที่เขาเติบโตมาตั้งแต่เด็กแห่งนั้นเหนือธรรมดาเพียงใด
และหลังจากเซียวชิงเหอได้ฟังทุกอย่างนี้ก็พลันจนวาจาไปทันที ในใจลอบผรุสวาทว่าวิปริต
เดิมทีคิดว่าเทพมารหลินก็วิปริตพอแล้ว ไหนเลยจะคิดว่าอาหลู่คนนี้ถึงกับไม่ด้อยกว่ากันแม้แต่น้อย!
……
“ถึงแล้ว”
หลังจากเดินทางข้ามทะเลหมากดารามาเนิ่นนาน หลังจากที่มาถึงหมู่เกาะแห่งหนึ่ง พร้อมๆ กับที่เกลียวคลื่นแปลกประหลาดระลอกหนึ่งพัดเข้ามา พวกหลินสวินก็ถูกย้ายมาสู่โลกที่เวิ้งว้างไร้ใดเปรียบแห่งหนึ่ง
เวิ้งนภาสีฟ้าครามดั่งชะล้าง บนผืนดินกว้างอวลกลิ่นหอมต้นไม้ใบหญ้า กลางอากาศพรั่งพรูพลังวิญญาณที่แสนบริสุทธิ์เป็นมงคล
ที่แห่งนี้แปลกประหลาดยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นเถาวัลย์ต้นไม้ใบหญ้าเขียวชอุ่มชุ่มฉ่ำ หรือจะเป็นดอกไม้สีสันสดใสบานสะพรั่ง ต่างเจือพลังวิญญาณพิสุทธิ์ไร้ที่ติ
ทันทีที่มาถึงพวกหลินสวินราวกับเข้าสู่แดนพิสุทธิ์เทพในตำนาน ปากจมูกเปี่ยมด้วยไอวิญญาณบริสุทธิ์มงคล พลังจิตก็พลอยไหวสั่น หัวใจสดชื่นเบิกบานตามไปด้วย
ที่นี่ก็คือ ‘เขตหวงห้ามไร้มรณะ’ ซึ่งถูกแดนชัยบูรพามองว่าเป็นหนึ่งในห้าเขตหวงห้ามใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย!
มองปราดเดียวก็เห็นว่าบริเวณที่ไกลลิบๆ มีภูเขาเทพลูกหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ ทั่วตัวเขาดำสนิทดุจหมึก บนนั้นมียอดเขาสามสิบหกยอด ราวกับดอกบัวเบ่งบาน ค้ำยันเวิ้งนภาแถบนั้น
“นั่นก็คือภูเขาเทพไร้มรณะ ถือกำเนิดมาพร้อมกับโชควาสนาฟ้าดิน ครอบครองคุณสมบัติไม่เสื่อมสลาย อยู่รอดเรื่อยมานับแต่อดีตจนปัจจุบัน ประหนึ่งไม่ดับสูญชั่วนิจนิรันดร์”
“ลือกันว่าที่ตรงนั้นก็เป็นหนึ่งในแหล่งกำเนิดมหามรรคที่เก่าแก่ที่สุดในดินแดนรกร้างโบราณเช่นกัน บนนั้นเคยมีเทพไท้สมัยดึกดำบรรพ์ที่เกิดในแดนแรกกำเนิดอาศัยอยู่…”
สีหน้าเซียวชิงเหอฉายแววร้อนเร่า “ตำนานปรัมปราที่เกี่ยวกับมันมีมากเกินไป จากอดีตเรื่อยมาจนปัจจุบัน ยังไม่เคยมีใครสามารถส่องทะลวงปริศนาทั้งหมดภายในนั้นได้”
“แต่สำหรับพวกเราแล้วเรื่องพวกนี้ล้วนไม่สำคัญ ที่สำคัญคือ การแข่งขันกระดานยอดมกุฎรุ่นเยาว์กำลังจะเปิดฉากบนภูเขาเทพไร้มรณะลูกนั้น!”
………………

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

Type: Author: ,
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset