ระดับกึ่งราชัน แม้เป็นผู้ล้มเหลวในการฝ่าทะลวงระดับราชัน แต่ขาข้างหนึ่งก็เท่ากับก้าวข้ามธรณีประตูระดับราชันแล้ว พลังต่อสู้ห่างไกลจากผู้ฝึกปราณทั้งห้าระดับใหญ่ลิบลับ
โดยเฉพาะระดับกึ่งราชันขั้นสูงสุด พลังต่อสู้ยิ่งกร้าวแกร็งอย่างที่สุด
แต่สำหรับบุคคลชั้นยอดอย่างหลินสวิน ระดับกึ่งราชันที่แข็งแกร่งเพียงใดก็ไม่ต่างอะไรกับไก่โคลนสุนัขกระเบื้อง
ตูม!
ภายใต้การกำราบลงมาของประทับปี้อั้นที่เจิดจ้าดั่งอาทิตย์ดวงโต ชายอ้วนเตี้ยซึ่งถือโซ่สีเงินยวงนั้นฝืนต้านสุดแรงเกิด แต่สุดท้ายก็ยังถูกสังหาร ร่างอ้วนเตี้ยถูกบดขยี้ เลือดเนื้อปลิวว่อนไปทั่ว
ไกลออกไปเสียงกรีดร้องของผู้หญิงถือกลองหนังสัตว์หยุดชะงักทันควัน ทั่วใบหน้าเปี่ยมแววตกใจกลัว
ชายชราชุดเทาที่โถมเข้ามาหยุดฝีเท้าทันใด ทั้งร่างแข็งทื่อ
ผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณแถวนั้นต่างเบิกตากว้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความตะลึงงันและไม่อยากเชื่อ
เพิ่งเปิดศึกก็พ่ายยับเหมือนภูเขาทรุด!
ผลลัพธ์นี้เป็นสิ่งที่พวกเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนสักนิด
“ฆ่าระดับกึ่งราชันเหมือนตัดหญ้า อวิ๋นชิ่งไป๋ในปีนั้นกลัวแต่ว่าคงด้อยกว่าสามส่วน!” เซียวชิงเหอร้องชื่นชม
“พอแล้ว!”
เมื่อเห็นหลินสวินโจมตีอีกครั้ง เสียงตะโกนหนักเข้มและเย็นชาสายหนึ่งพลันดังขึ้นทันควัน
บนร่างผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์คนหนึ่งซึ่งมีปราณเพียงระดับกระบวนแปรจุติ ถึงกับระเบิดอานุภาพน่าสะพรึงออกมาในยามนี้ สั่นสะเทือนเลือนลั่นทุกทิศทาง
นี่คือพลังแห่งระดับราชัน!
นัยน์ตาหลินสวินหดรัด ก็เห็นชายหนุ่มที่ดูอ่อนวัยคนนั้น พริบตาพลันกลายร่างเป็นชายชราหนวดเคราขาวขุ่น ดวงหน้าเด็ดเดี่ยว รูปร่างอาจองทรงพลังไร้เทียมทาน
รอบตัวเขาอวลแสงมรรค สว่างไสวดั่งแสงอรุณ เมื่อดวงตาคู่นั้นกะพริบเปิด ประดุจมีสายฟ้าพลุ่งพล่านอยู่ในนั้น น่าสยองไร้ใดเปรียบ
นี่คือบุคคลน่าสะพรึงซึ่งเหยียบย่างสู่ระดับราชันคนหนึ่ง ก่อนหน้าเอาแต่ปลอมตัวปกปิดฐานะแท้จริงอย่างไม่ต้องสงสัย
“ผู้อาวุโสซูคง!”
ในที่นั้นผู้บำเพ็ญมรรคแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณที่แต่เดิมตะลึงอึ้งค้าง ยามนี้กลับเปี่ยมด้วยแววฮึกเหิม
ซูคง นี่เป็นถึงสัตว์ประหลาดเฒ่าน่าสะพรึงที่เหยียบย่างอมตะเคราะห์ขั้นสองเชียว!
‘ท่าไม่ดี!’
เซียวชิงเหอหน้าเปลี่ยนสี จำตัวตนของซูคงได้ รีบร้อนสื่อจิตบอกหลินสวิน
ยามนี้ดวงตาของหลินสวินก็หดรัดลงเช่นกัน เขากำลังตั้งท่าจะเริ่มสังหารครั้งใหญ่ ไม่คิดเลยว่าจะมีสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันคนหนึ่งโผล่ออกมา สิ่งนี้ทำให้เขาออกจะตั้งตัวไม่ทันอยู่บ้าง
สถานการณ์พลิกผันเหนือคาดในยามนี้!
ระดับราชันที่เหยียบย่างมรรคาอมตะผู้หนึ่ง หาใช่ระดับราชันทั่วไปจะเทียบเทียมได้ ไม่ว่าเจ้าจะเย้ยฟ้าในระดับกระบวนแปรจุติเพียงใด เมื่อเผชิญหน้ากับบุคคลระดับนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับหุ่นฟางแสนเปราะบาง
“ไปเร็ว!” เซียวชิงเหอลุกลนยิ่ง
หลินสวินย่อมรู้อยู่แล้วว่าสถานการณ์ร้ายแรง จึงเรียกยานขนส่งอวกาศออกมาโดยไม่จำเป็นต้องร้องเตือนสักนิด
วู้ม!
ยานสมบัติสีเงินมีแสงแวววาวศักดิ์สิทธิ์ไหลเวียน หลินสวินคว้าเซียวชิงเหอแล้วตั้งท่าเผ่นหนี
แต่เวลานี้เองซูคงเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว
ตูม!
พริบตานั้นฟ้าดินสั่นสะเทือน ภูเขาละแวกนี้พังครืนอย่างไร้สุ้มเสียง ต้นไม้ใบหญ้าแหลกกระจุย ห้วงอากาศอลหม่านปั่นป่วน
“เคลื่อนไหวอุกอาจหน้าประตูภูเขาแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณของพวกเรา หากปล่อยพวกเจ้าหนีรอด ข้าซูคงจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!”
เงาร่างกร้าวแกร่งของซูคงดั่งเทพไท้ พาดผ่านห้วงอากาศ เขายื่นมือใหญ่ออกมาข้างหนึ่ง แผ่คลุมลงมาดุจดั่งครอบงำผืนฟ้า
ดูเหมือนเนิบนาบราบเรียบ แต่ทันทีที่ฝ่ามือนี้โผล่ออกมากลับคล้ายหัตถ์สวรรค์ ลวดลายแต่ละข้อนิ้วล้วนชัดแจ้ง ราวกับประทับร่องรอยมหามรรคไว้บนนั้น
และกลางฝ่ามือนั่นปรากฏลักษณ์ประหลาดน่าสะพรึง ทั้งตะวันดิ่งฮวบจันทราร่วงหล่น ห้วงอากาศผันเปลี่ยน เทพมารกู่ร้องเป็นต้น แต่ละลักษณ์ประหลาดต่างเป็นตัวแทนของเคราะห์สังหารอย่างหนึ่ง
ลักษณ์ประหลาดมากมายเช่นนี้รวมอยู่กลางฝ่ามือ แผ่ลงมาประหนึ่งครอบฟ้าคลุมดิน ภาพนี้น่าสะพรึงอย่างที่สุด
นี่ก็คือระดับราชันที่เหยียบย่างมรรคาอมตะ!
และถูกมองว่าเป็น ‘ผู้เป็นอมตะ’ พลังมหามรรคที่ครอบครองอยู่เหนือกว่าขอบเขตที่ผู้ฝึกปราณทั่วไปจะทำความเข้าใจได้ตั้งนานแล้ว สามารถชักนำฟ้าดิน เปลี่ยนมหามรรคทั้งปวงมาใช้ได้เอง!
เผชิญหน้ากับบุคคลระดับนี้ ไม่ต่างอะไรจากคนธรรมดาเผชิญหน้าเทพเซียน
ความเร็วของยานขนส่งอวกาศรวดเร็วยิ่ง แต่ความเร็วในการเคลื่อนไหวของซูคงเร็วยิ่งกว่า ไม่ให้โอกาสหลินสวินและเซียวชิงเหอหลบหนีสักนิด
เมื่อฝ่ามือนี้แผ่ครอบลงมา ทั้งสองเพิ่งจะเหยียบขึ้นยานสมบัติอย่างทุลักทุเล คิดหนีก็สายเกินไปเสียแล้ว
ในช่วงอันตรายไร้ใดเปรียบนี้ หลินสวินเยือกเย็นอย่างน่าประหลาด เตรียมใช้งานขวดมหามรรคไร้ขอบเขต!
แต่เหนือความคาดหมาย ยามนี้เซียวชิงเหอถึงกับยืนจังก้าขวางเบื้องหน้าเขา ชูมือเรียกยันต์สีม่วงออกมา
บนยันต์นั้นประทับลวดลายปริศนาอริยมรรคที่บิดเบี้ยวเหมือนไส้เดือน เรืองแสงหลากสีสันเจิดจ้ากลางอากาศ สว่างไสวจนราวกับอาทิตย์สีม่วงดวงใหญ่ส่องสะท้อนสรรพสิ่ง!
ปึง!
อานุภาพแผ่ครอบของมือใหญ่ถูกยันต์สีม่วงสกัดไว้ ส่งเสียงระเบิดกระแทกสะเทือนโสต
ผู้ฝึกปราณที่อยู่ใกล้ๆ ต่างร่างสั่นเทิ้ม ประหนึ่งโดนสายฟ้าฟาด แทบกระอักเลือดออกมาอย่างทุรนทุราย การปะทะของพลังระดับนี้น่าหวาดกลัวและยิ่งใหญ่เกินไป ทำให้พวกเขาก็พลอยได้รับผลกระทบไปด้วย
“ยันต์ที่เขียนโดยอริยะหรือ เฮอะ! น่าเสียดายปราณเจ้าต่ำเกินไป ไม่เพียงพอจะใช้พลังของสมบัติชิ้นนี้แม้แต่น้อย! ทำลายมันให้ข้า!”
ซูคงตกตะลึงก่อนเป็นสิ่งแรก จากนั้นจึงหัวเราะเสียงเย็น มือใหญ่ปานครอบฟ้านั้นร้องคำราม บดขยี้ห้วงอากาศร่วงหล่นลงมาเรื่อยๆ
โครม!
พลังศักดิ์สิทธิ์ของยันต์สีม่วงถึงกับส่อเค้าว่าจะต้านไม่อยู่
ในเวลาเดียวกันสีหน้าเซียวชิงเหอก็เริ่มซีดเผือด ร่างซวนเซวูบหนึ่ง กระอักเลือดออกมาอย่างกลั้นไม่ไหวอีกต่อไป
“มัวอึ้งทำอะไรอยู่ ไปเร็ว!”
เขาคำรามเดือดดาล พยายามกระตุ้นยันต์สีม่วงสุดกำลัง
หลินสวินสูดหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่ง ฝืนระงับไอสังหารในใจตนเอาไว้ บังคับยานขนส่งอวกาศแล่นปราดไกลออกไปอย่างรวดเร็ว
ซูคงตั้งท่าจะไล่ล่าโจมตี กลับต้องตกใจเมื่อพบว่าความเร็วของยานขนส่งอวกาศนั้นรวดเร็วเหนือกว่าที่เขาจินตนาการไว้อย่างสิ้นเชิง เพียงพริบตาก็ถึงกับมองไม่เห็นร่องรอยแล้ว
“คิดไม่ถึงว่าในมือเจ้าเด็กนี่ถึงขั้นยังมียานสมบัติอริยมรรคอยู่ลำหนึ่ง…” นัยน์ตาซูคงวาบแสงศักดิ์สิทธิ์ชวนสยอง
ผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณคนอื่นๆ ต่างพากันอึ้งงัน คิดไม่ถึงเลยสักนิดว่าแม้แต่คนระดับราชันอย่างซูคงออกโรงโจมตี ก็ยังไม่สามารถเหนี่ยวรั้งอีกฝ่ายไว้ได้
ชั่วขณะหนึ่งพวกเขาต่างไม่ยินยอมยิ่ง
ในการต่อสู้เมื่อครู่ ทำเอาระดับกึ่งราชันคนหนึ่งของฝั่งพวกเขาถูกสังหาร ราชันกึ่งระดับอีกสองคนเจ็บหนักปางตาย
ความเสียหายนี้ดูเหมือนไม่ใหญ่หลวง แต่หากแพร่งพรายออกไป ไม่ว่าอย่างไรก็เห็นชัดว่าไม่ค่อยสร้างสรรค์สักเท่าไร และจะทำลายชื่อเสียงของพวกเขาแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณด้วย
“กลับไปแจ้งสำนัก ระดมกำลังทั้งหมดจับกุมเทพมารหลิน!”
ซูคงสูดหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่ง ทำการตัดสินใจ จากนั้นเงาร่างเขาพริบไหว พุ่งปราดออกไปยังทิศทางที่พวกหลินสวินหลบหนี
……
ตุ้บ!
ยานขนส่งอวกาศเพิ่งเหาะเหินออกมาไม่ทันไร เซียวชิงเหอก็ซวนเซทรุดนั่งลงกับพื้นดังตุ้บ เขากระอักเลือดคำโต ส่งเสียงอู้อี้อย่างเจ็บปวด
ส่วนยันต์สีม่วงนั้นเรียกเก็บกลับมาไม่ได้ตั้งแต่แรกแล้ว
“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” หลินสวินเอ่ยถาม
“วางใจเถิด ยังตายไม่ได้”
เซียวชิงเหอปาดคราบเลือดบริเวณมุมปาก แสยะยิ้มกล่าวว่า “แต่ที่น่าเสียดายคือเปลืองยันต์แผ่นนั้นไปกับหมาเฒ่าอมตะตัวหนึ่งเสียได้ โคตรไม่คุ้มเลย”
หลินสวินนิ่งเงียบพักหนึ่งค่อยกล่าวว่า “แค้นนี้ข้าจะช่วยเจ้าคิดบัญชีคืนมาสิบเท่า!”
ก่อนหน้านี้เซียวชิงเหอขวางการโจมตีของซูคงอย่างไม่คิดชีวิตเพื่อช่วยตน สิ่งนี้ทำให้หลินสวินรู้สึกซาบซึ้งอย่างที่สุดเช่นกัน ในใจไหวสะเทือนไม่สิ้น
หากบอกว่าก่อนหน้านี้เขาปฏิบัติต่อเซียวชิงเหอในฐานะสหายธรรมดา เช่นนั้นตอนนี้ก็ต่างกันอย่างสิ้นเชิงแล้ว
ความทุกข์ยากสร้างสัมพันธ์แท้จริง
คำกล่าวนี้แม้จะแสนธรรมดา แต่กลับเป็นเหตุผลสูงสุดที่ไม่อาจสั่นคลอนให้แตกหักได้ตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน
และเพราะเป็นเช่นนี้ พอได้เห็นเซียวชิงเหอได้รับบาดเจ็บสาหัส ก็พาให้ในใจหลินสวินมีความเดือดดาลอย่างควบคุมไม่อยู่
ครั้งนี้ตนก็แค่มาแวะเยี่ยมจ้าวจิ่งเซวียนเท่านั้น เพื่อหลีกเลี่ยงความวุ่นวาย ถึงขั้นไม่เคยเผยร่องรอยชัดเจนใดๆ อย่างแท้จริง
แต่เห็นชัดว่าแดนศักดิ์สิทธิ์สมบัติวิญญาณไม่คิดเช่นนั้น ไม่เพียงยกโขยงต่อกรเซียวชิงเหอ ใช้สิ่งนี้มาบีบให้ตนเผยตัว หนำซ้ำยังส่งราชันที่เหยียบย่างอมตะเคราะห์ขั้นสองออกมา หมายจะสังหารตนอีกด้วย!
เรื่องนี้พาให้ใครก็ไม่อาจอดกลั้นไหว!
“ให้เจ้าช่วยข้าแก้แค้นหรือ”
เซียวชิงเหอร้องเสียงหลง กัดฟันกรอดกล่าวว่า “ไม่ได้ ข้าต้องไปคิดบัญชีกับเจ้าเดรัจฉานเฒ่าด้วยตัวเองให้ได้ ระยำเอ๊ย ข้าฝึกปราณจนป่านนี้ยังไม่เคยสะบักสะบอมเหมือนวันนี้มาก่อนเลย!”
จากนั้นเขาพลันเปลี่ยนหัวข้อสนทนา ยิ้มขื่นกล่าวว่า “เพียงแต่ตอนนี้ข้ายังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าเดรัจฉาจเฒ่านี่ ก็เหมือนกับคำทุกคนบนโลกกล่าวกัน ไม่เคยเป็นราชัน ท้ายที่สุดก็ยังไม่เติบใหญ่ ในสายตาของบุคคลยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง ต่อให้เจ้าโดดเด่นเป็นสง่าเพียงใดก็ไม่ต่างอะไรจากมดเลยด้วยซ้ำ”
“เมื่อก่อนข้าไร้เดียงสาเกินไป คิดว่าอาศัยฐานะผู้สืบทอดตำหนักศักดิ์สิทธิ์สุริยันจันทรานี้ อย่างน้อยก่อนหน้าที่ยังไม่กลายเป็นราชันก็ไม่มีใครกล้าเล่นงานข้า แต่ตอนนี้เพิ่งค้นพบว่าสิ่งที่เรียกว่าฐานะก็แค่ขี้หมา ว่ากันถึงที่สุดแล้ว ความแข็งแกร่งแห่งตนจำเป็นต้องกร้าวแกร่งพอจึงจะไหว!”
เอ่ยถึงตอนสุดท้าย หว่างคิ้วเขาฉายแววเหี้ยมโหดแวบหนึ่ง เห็นชัดว่าประสบการณ์ครั้งนี้ทำให้เขาสะท้านสะเทือนยกใหญ่เช่นกัน
“หืม? เจ้าเดรัจฉานเฒ่านั่นไล่ตามมาแล้ว!”
หลินสวินหรี่ตาลงโดยพลัน ตระหนักได้ว่าข้างหลังมีกลิ่นอายน่าสะพรึงถึงขีดสุดสายหนึ่งกำลังใกล้เข้ามา
วู้ม!
หลินสวินเร่งยานขนส่งอวกาศสุดกำลังโดยไม่ลังเล ทั้งลำยานเหมือนดั่งสะเก็ดสายฟ้าทะลุผ่านห้วงอากาศสายหนึ่ง
เพียงแต่ที่หลินสวินคิดไม่ถึงคือ การไล่ล่าสังหารเช่นนี้ดำเนินต่อเนื่องนานถึงสามวันเต็มๆ!
แต่ละครั้งที่เขาและเซียวชิงเหอเพิ่งเข้าสู่เขตเมืองแห่งหนึ่ง ยามที่ตั้งใจจะหยุดพัก ไม่ถึงหนึ่งเค่อซูคงก็ไล่สังหารมาทันแล้ว
หลินสวินเคยใช้ไอซวนหนีระงับกลิ่นอายไว้ แต่ไม่ได้ผลเลยสักนิด!
ระหว่างทางนี้ ไม่พูดถึงเรื่องผลาญผลึกวิญญาณชั้นสูงของหลินสวินจำนวนมหาศาล แถมยังทำให้เขาค่อยๆ รู้สึกกินแรงไม่น้อยยามที่บังคับยานขนส่งอวกาศอีกด้วย
ไม่ใช่อะไรอื่น เป็นเพราะพลังกายและปราณของเขาถูกผลาญไปด้วยระหว่างที่หลบหนี แต่ซูคงเหมือนหนอนกาฝากเกาะกระดูก ทำให้เขาไม่มีโอกาสฟื้นสภาพปรับตัวแม้แต่น้อย
กลับเป็นเซียวชิงเหอที่ผ่านการพักรักษาตัวมาหลายวัน อาการบาดเจ็บได้ฟื้นตัวจวนจะหายแล้ว
“เจ้าเดรัจฉานเฒ่านั่นเกาะแจเป็นวิญญาณตามติด เหตุใดเจ้าถึงวางแผนจะเข้าเมืองอยู่อีก”
วันนี้เซียวชิงเหอเห็นหลินสวินเก็บยานขนส่งอวกาศยามมาถึงหน้าเมืองแห่งหนึ่ง จึงอดเอ่ยถามอย่างงงงันไม่ได้
“ข้าสงสัยว่ามีคนลอบรายงานข่าวสารให้ซูคงอยู่ในเงามืด”
นัยน์ตาดำสนิทของหลินสวินเย็นเยียบ “หลายวันนี้พวกเราเข้าเมืองทั้งหมดสิบสามเเห่ง แต่ละครั้งไม่ว่าพวกเราซ่อนตัวมิดชิดอย่างไร อย่างมากไม่เกินหนึ่งเค่อก็ถูกสัตว์ประหลาดเฒ่านั่นหาพบอย่างแม่นยำ โดยพื้นฐานนี่ก็มีปัญหาแล้ว”
จากปราณในปัจจุบันของเขา ขับเคลื่อนไอซวนหนีปิดเร้นกลิ่นอาย แม้จะเป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันยังยากจะสังเกตเห็น
แต่ครั้งนี้กลับพลาดพลั้งซ้ำซ้อน สิ่งนี้พาให้หลินสวินไม่อาจไม่สงสัยว่าในนี้มีอีกคนกำลังช่วยซูคงอยู่หรือไม่
หรือไม่ก็ซูคงเชี่ยวชาญวิชาลับสะกดรอยบางอย่างที่แข็งแกร่งเพียงพอจะมองข้ามไอซวนหนี
ในใจเซียวชิงเหอเย็นวาบ กล่าวว่า “ดังนั้นเจ้าวางแผนอย่างไร”
“ลองดูอีกที ดูว่าการไล่ล่าสังหารครั้งนี้มีคนกำลังช่วยเดรัจฉานเฒ่านั่นหรือไม่กันแน่!” นัยน์ตาหลินสวินเผยไอสังหารแวบผ่านวูบหนึ่ง
……………………
Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1034 ผู้อาวุโสซูคง
Posted by ? Views, Released on September 20, 2021
, Battling Records of the Chosen One
Type: Web Novel Author: Xiao Jinyu, 萧瑾瑜
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…
In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history.
In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing.
Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned.
Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?
Recommended Series
Comment
Facebook Comment