Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1024 คัมภีร์กระบี่มหาพิบัติ

ตอนแรกทุกคนยังคิดว่าหลินสวินเป็นคนนอกที่ไม่รู้ความรุนแรง ไม่เช่นนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะบุกเข้ามาในการต่อสู้ระหว่างขอบเขตมกุฎที่กำลังจะปะทุขึ้นนี้เหมือนคนโง่
ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นผู้สืบทอดสำนักกระบี่เทียมฟ้าหรือผู้ฝึกปราณที่ดูอยู่ห่างออกไป ล้วนกล่าวว่าเขาอย่างไม่เกรงใจเลยสักนิด
แต่ในเวลานี้พวกเขากลับอึ้งตาค้าง
ในฐานะลำดับที่เก้าของสิบสามกระบี่ แม้กระบี่นี้ของฮว่าอวิ๋นเจินจะธรรมดาเพียงใด แต่ก็ใช่ว่าผู้ฝึกปราณทั่วไปจะต้านทานได้!
ตอนที่เขาลงมือ ในหัวทุกคนต่างปรากฏฉากนองเลือดตามจิตใต้สำนึก ภาพที่ว่าคนหนุ่มคนนั้นถูกสังหาร แม้ตายก็ไม่รู้ว่าตายอย่างไร
แต่ความจริงกลับแตกต่างอย่างสิ้นเชิง!
กระบี่นี้ของฮว่าอวิ๋นเจินยังไม่ทันเข้าใกล้ด้วยซ้ำ ก็ถูกคนหนุ่มคนนั้นสะบัดมือตบจนแหลกละเอียดอย่างสบายๆ!
การกระทำลวกๆ ขนาดนั้น ง่ายดายเหมือนไล่แมลงที่รบกวนเวลานอนอย่างไรอย่างนั้น
แต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งสะเทือนใจคน!
มีเพียงเซียวชิงเหอที่ราวกับคิดไว้แล้วว่าต้องเป็นเช่นนี้ แต่พอเห็นหลินสวินสลายเจตกระบี่ที่พุ่งสังหารเข้ามาอย่างง่ายดายเช่นนี้ก็ยังรู้สึกเหนือความคาดหมายเล็กน้อย
“นิ่งอยู่ทำไม รีบไป!” หลินสวินถลึงตาใส่เขาวูบหนึ่งแล้วเดินนำออกห่างไป
เซียวชิงเหอยังไม่หายอึ้งนัก
ความจริงเขากลับอยากให้หลินสวินกับฮว่าอวิ๋นเจินดวลกันสักครั้ง จะได้ดูว่าพลังต่อสู้ของคนที่ถูกเขามองว่าเป็นตัวประหลาดวิปริตเพียงใด
แต่เห็นได้ชัดว่าหลินสวินไม่มีกะจิตกะใจสนใจฮว่าอวิ๋นเจินตั้งแต่แรก เขารีบร้อนจะจากไป
“หึ!”
ด้านหลังสีหน้าของฮว่าอวิ๋นเจินอึมครึม พุ่งเข้ามาอีกครั้ง
กระบี่ก่อนหน้านี้ถูกทำลายจนแหลกละเอียด ทำให้เขาประหลาดใจและตะลึงเช่นกัน เจ้าหนุ่มคนนี้ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่ตนคิดแน่
เดิมทีเขายังคิดจะทนไปก่อน เพื่อสืบที่มาของอีกฝ่ายสักหน่อยค่อยตัดสินใจว่าจะลงมือหรือไม่
แต่หลินสวินไม่ให้โอกาสเขาเลย คิดจะไปก็ไป มองเขาเป็นอากาศธาตุตั้งแต่ต้นจนจบ!
นี่ทำให้ฮว่าอวิ๋นเจินไม่สามารถทนได้
วู้ม!
กระบี่ครวญราวกับกระแสน้ำ
กระบี่เฉือนวิญญาณเคลื่อนผ่านอากาศ วาดเจตกระบี่สว่างไสวที่เพียงพอจะทำให้ท้องฟ้ามืดสลัว
แดงชาดราวกับเลือด งามเพริศพริ้งดุจเปลวเพลิง!
“เยี่ยม!”
กลุ่มผู้สืบทอดสำนักกระบี่เทียมฟ้าดวงตาทอประกาย จิตใจตะลึงกับอานุภาพของกระบี่นี้อย่างรุนแรง
วิชากระบี่เล่มนี้นามว่า ‘เถ้าโลหิตเพลิงลาม’ หนึ่งในมรดกวิถีกระบี่ที่มีพลังทำลายล้างที่สุดของสำนักกระบี่เทียมฟ้า
เล่าลือกันว่าเป็นมรดกที่อริยะวิถีกระบี่สร้างขึ้นอย่างยากลำบาก อานุภาพยิ่งใหญ่มหัศจรรย์ไร้เทียมทาน
หากสำแดงออกมา เจตกระบี่ประหนึ่งแสงโลหิตเพลิงลาม สามารถเปลี่ยนทุกสิ่งให้กลายเป็นเถ้าถ่าน!
ฮว่าอวิ๋นเจินเอาจริงแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย
ฟ้าดินกู่ก้อง อากาศยุบทลาย เจตกระบี่สายนี้กวาดออกมา อานุภาพราวกับสายฟ้าพุ่งทะยานเก้าสวรรค์ เคลื่อนไหวราวกับสุริยันอันแรงกล้าทำลายภูผาธารา
สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปอย่างมาก ต่างรู้สึกประหนึ่งว่าหายใจไม่ออก
อานุภาพของบุคคลขอบเขตมกุฎ ยามนี้ได้แสดงออกมาอย่างสิ้นเชิง
ในระยะไกล หลินสวินกับเซียวชิงเหอมุ่งหน้าอย่างเร่งรีบ
ตอนที่สังเกตเห็นกระบี่นี้ เซียวชิงเหอแผ่นหลังแข็งทื่อ กระวนกระวายอย่างมาก หันขวับไปอย่างควบคุมไม่อยู่ พลังขับเคลื่อนรอบตัวพลุ่งพล่าน
นี่เป็นสัญชาตญาณในการต่อสู้อย่างหนึ่ง หลังจากตระหนักได้ถึงอันตรายของกระบี่นี้ก็พลันตอบสนอง
หลินสวินยังคงเดินหน้าโดยไม่หันกลับมามอง ราวกับไม่รู้ตัวอย่างไรอย่างนั้น
เซียวชิงเหอหรี่ตาเล็กน้อย เจ้าคนวิปริตนี่หยิ่งผยองขนาดนี้เชียว หรือคิดจะให้ตนลงมือ ช่วยเขาสลายกระบี่นี้
เซียวชิงเหอหมดคำพูด เขารู้สึกว่าตนกำลังจะกลายเป็นผู้คุ้มกันอย่างเต็มรูปแบบแล้ว ก่อนหน้านี้ช่วยอีกฝ่ายเผชิญหน้ากับฮว่าอวิ๋นเจิน ตอนนี้ยังต้องเป็นห่วงและปกป้องความปลอดภัยของเจ้าหมอนี่อีก นี่มัน…
แต่ไม่ว่าในใจจะปฏิเสธอย่างไร เมื่อเผชิญหน้ากับกระบี่นี้ เซียวชิงเหอไม่กล้าประมาทแต่อย่างใด!
ล้วนเป็นบุคคลขอบเขตมกุฎเหมือนกัน เขารู้ถึงความน่าสะพรึงกลัวในการโจมตีนี้ของฮว่าอวิ๋นเจินเป็นอย่างดี จะต้องรับมืออย่างจริงจัง
ตูม!
เพียงแต่ไม่รอให้เซียวชิงเหอลงมือ ก็เห็นเจตกระบี่ที่ทะลวงอากาศเข้ามาสายนั้นแตกกระจายกลางคันอีกครั้ง
การเคลื่อนไหวรุนแรงมาก ราวกับเสียงฟ้าร้องสนั่นหู แสงเลือดพรั่งพรูกลางอากาศ ก่อตัวเป็นเมฆก้อนใหญ่น่ากลัว ท่วมท้นฟ้าดินในระยะพันจั้ง
บรรดาผู้ฝึกปราณในระยะไกลหลายคนต่างหัวใจกระตุก ส่งเสียงอึดอัด มีคนที่ทนไม่ไหวยิ่งสั่นไปทั้งตัว ตกใจจนทรุดนั่งลงกับพื้น
ผู้สืบทอดสำนักกระบี่เทียมฟ้าเหล่านั้นสีหน้าซีดเซียวขึ้นมา
กระบี่ที่ทรงพลังและแข็งแกร่งเพียงนี้ ถูกทำลายอีกครั้งได้อย่างไร
แตกต่างจากครั้งที่ผ่านมา ครั้งนี้อีกฝ่ายไม่ได้ลงมือด้วยซ้ำ!
ภาพนั้นดูแปลกประหลาดและเหลือเชื่อเกินไป ราวกับมีมือใหญ่ที่มองไม่เห็นขวางกั้นอยู่ ทำลายล้างเถ้าโลหิตเพลิงลามนั่นอย่างง่ายดาย!
ฮว่าอวิ๋นเจินนัยน์ตาหดรัดทันควัน สีหน้าเคร่งขรึมอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
พลังเจตจำนงมรรคแข็งแกร่งมาก!
ในฐานะคนในเหตุการณ์ เขายิ่งรู้ดีว่าการโจมตีนี้ของเขาถูกพลังมหามรรคอันคลุมเครือไร้รูปโจมตีจนยับเยิน
ยอดฝีมือขอบเขตมกุฎ!
ทันใดนั้นสายตาที่เขามองแผ่นหลังของหลินสวินแฝงความระแวงและหวาดหวั่น
เพียงแต่คนผู้นี้เป็นใครกันแน่ เหตุใดจึงแข็งแกร่งถึงเพียงนี้
“ทำไม่ไม่ขยับแล้ว ขืนยังไม่ไปเดี๋ยวจะไม่ทันเอานะ”
เสียงของหลินสวินดังขึ้นข้างหูเซียวชิงเหอ ทำให้มุมปากของเขาอดกระตุกอย่างแรงไม่ได้ เจ้าหมอนี่… แม่งวิปริตจริงๆ!
เขาถอนหายใจคราหนึ่ง ส่ายหน้าแล้วมุ่งหน้าต่อ
ก่อนหน้านี้เขาได้เตรียมพร้อมต่อสู้แล้ว แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะมากเกินไป เจ้าวิปริตนั่นไม่ต้องให้เขาเสียแรงคุ้มกัน!
“สหาย จากไปเช่นนี้ไม่เห็นสำนักกระบี่เทียมฟ้าของข้าในสายตาเกินไปหรือเปล่า”
ฮว่าอวิ๋นเจินตะคอก
ตอนที่เสียงดังขึ้น เขายังอยู่ที่เดิม
แต่เมื่อสิ้นเสียง เขาก็มาปรากฏตัวในระยะหลายพันจั้ง กระบี่เฉือนวิญญาณในมือส่งเสียงกู่ก้องฟันออกไป
ฮูม
ราวกับแม่น้ำเลือดเก้าสวรรค์ตกลงมา พลานุภาพไร้ขีดจำกัด ปกคลุมพื้นดิน เจตกระบี่มหามรรคที่รุนแรงนั่นถึงขั้นก่อเกิดปรากฏการณ์ประหลาดต่างๆ
มีภาพกระดูกขาวผุดขึ้นผุดลง ศพกองเป็นภูเขา มีเสียงร่ำไห้ของเทพผี เสียงโอดครวญแห่งราชัน!
ชั่วขณะนั้นในใจเซียวชิงเหอสะท้าน พลันตะโกน “เจ้าหมอนี่บ้าไปแล้ว ดันใช้คัมภีร์กระบี่มหาพิบัติที่เป็นหนึ่งในสามมหาคัมภีร์ยอดกระบี่แห่งสำนักกระบี่เทียมฟ้า!”
คัมภีร์กระบี่มหาพิบัติ หนึ่งในสามมหาคัมภีร์ยอดกระบี่ที่บรรพจารย์กระบี่เทียมฟ้าสร้างขึ้น และเป็นหนึ่งในสามวิชาชั้นยอดพิทักษ์สำนักของสำนักกระบี่เทียมฟ้า
กระบี่เล่มนี้ประกอบด้วย ‘สามพิบัติ’ อันได้แก่พิบัติแห่งสวรรค์ พิบัติแห่งพิภพและพิบัติแห่งมนุษย์ รวมทั้งพลังแห่ง ‘หกเคราะห์’ อันได้แก่ เคราะห์แห่งจิตใจ เคราะห์แห่งวิญญาณเทพ เคราะห์จิตวิญญาณ เคราะห์แห่งจิตหยิน เคราะห์แห่งวิญญาณหยางและเคราะห์แห่งวิญญาณ
สามพิบัติหกเคราะห์ คลุมเครือและลึกลับ ผสมผสานในความหมายอันลึกซึ้งแห่งวิถีกระบี่ หากสำแดงออกมา เทพผียากคาดเดา อานุภาพทำลายฟ้าดิน!
ดังเช่นตอนนี้ สิ่งที่ฮว่าอวิ๋นเจินสำแดงออกมาก็คือนัยเร้นลับแก่นพิสุทธิ์วิถีกระบี่ของ ‘ม้วนพิบัติสวรรค์’ หนึ่งกระบี่วาดออกมา ราวกับพิบัติสวรรค์มาเยือนโลก เผยปรากฏการณ์สิ้นโลกที่พาให้คนหมดหวัง
ผู้ฝึกปราณในที่นั้นต่างรู้สึกประหนึ่งจะล่มสลาย จิตใจสั่นไหว ขนลุกชัน ล้วนตะลึงกับพลังของการโจมตีนี้
แม้เหล่าผู้สืบทอดสำนักกระบี่เทียมฟ้าเองก็ไม่ต่างกัน!
“ตื่นตูนอะไร มีมาดของผู้สืบทอดตำหนักศักดิ์สิทธิ์สุริยันจันทราบ้างได้ไหม”
แต่ในเวลาเดียวกัน ข้างหูของเซียวชิงเหอกลับมีเสียงของหลินสวินดังขึ้นอย่างหัวเสีย ทำให้เขาแทบคลั่ง
นี่เป็นถึงคัมภีร์กระบี่มหาพิบัติเชียวนะ!
ทอดสายตามองไปทั่วทั้งแดนชัยบูรพา ก็เพียงพอที่จะอยู่ในขอบเขตของตำรากระบี่ไร้เทียมทานแล้ว!
เผชิญกับการเข่นฆ่าระดับนี้ ใครจะไม่แตกตื่น
เอ่อ…
ทันใดนั้น จู่ๆ เซียวชิงเหอก็ได้สติ ไม่ใช่สิ ฟังจากน้ำเสียงของเจ้าวิปริตนี่ ราวกับไม่มีความกังวลเลยสักนิด…
ในเวลาเดียวกันเขาเห็นหลินสวินลงมือแล้ว ยังคงไม่หันกลับไป เพียงแค่โบกมือขวาแล้วสะบัดไปข้างหลังคราหนึ่ง
การเคลื่อนไหวง่ายๆ ตามอำเภอใจ ไม่มีกลิ่นอายใดๆ
ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น ราวกับกระแสน้ำวนที่แปรมาจากสายลมกวาดออกมา เดิมทีไม่สะดุดตา แต่ต่อมาแปรเปลี่ยนเป็นหลุมดำหลุมหนึ่งแล้วขยายตัวอย่างเอาแต่ใจ
ครืนโครม!
พื้นที่ที่กระแสน้ำวนม้วนผ่าน เจตกระบี่ที่ราวกับพิบัติสวรรค์มาเยือนนั่นถูกกดทับและกลืนกินท่ามกลางเสียงปะทะดังอึกทึก
มองจากไกลๆ แม้พิบัติสวรรค์จะปกคลุมฟ้าดิน แต่กลับถูกพลังหลุมดำนั่นกลืนกินปานพายุหอบปุยเมฆ ในพริบตาเดียวก็หายไปหมดสิ้น
แม้แต่ระลอกคลื่นและร่องรอยก็ไม่หลงเหลือ!
เฮือก!
เซียวชิงเหอเกือบจะกัดลิ้น สูดหายใจเข้าด้วยความตกใจไม่หยุด นี่มันวิชาลับมหามรรคอะไรกัน
“เป็นไปได้อย่างไร!” ในเวลาเดียวกัน ฮว่าอวิ๋นเจินเองก็สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
นี่เป็นถึงพลังของคัมภีร์กระบี่มหาพิบัติเชียวนะ เป็นหนึ่งในมรดกไร้เทียมทานของสำนักกระบี่เทียมฟ้า หากสำแดงออกมา แม้แต่ราชันกึ่งระดับก็ต้องถูกสังหาร
แต่ตอนนี้กลับถูกอีกฝ่ายทำลายอย่างง่ายดายอีกครั้ง!
นี่ทำให้ฮว่าอวิ๋นเจินรู้สึกหนังหัวชาวาบ ไม่สามารถสงบได้แล้ว
แต่เขาไม่มีเวลาคิดมากแล้ว เพราะพลังหลุมดำที่กลืนกินฟ้าดินนั่นแปรเป็นประทับฝ่ามือกดดันเข้ามา
เป็นครั้งแรกที่ฮว่าอวิ๋นเจินสัมผัสได้ว่า อย่างไรเรียกว่าเคราะห์กำลังจะมาเยือน
การโจมตีนี้น่าหวาดหวั่นเกินไป เผยพลังที่ไม่อาจขวางกั้นและทำลายล้างทุกอย่างออกมา ทำให้เขารับรู้ได้ถึงกลิ่นอายแห่งความตายที่มาเยือนอย่างแท้จริง
เขาสั่นไปทั้งตัว ขวัญหนีดีฝ่อ อดส่งเสียงกรีดร้องไม่ได้ หลบหนีด้วยความตื่นตระหนก ดูสะบักสะบอมและเกินจะรับไหวอย่างที่สุด ไม่เหลือท่าทางเย็นชาและน่ากลัวเหมือนก่อนหน้านี้อีก
เพียงแต่ที่น่าอายคือ ชั่วขณะที่เขาเพิ่งจะหลบนั่น ประทับฝ่ามือหลุมดำนั่นพลันหายแวบไปอย่างไร้ร่องรอย ราวกับระเหยกลางอากาศอย่างไรอย่างนั้น
ทันใดนั้นฮว่าอวิ๋นเจินหน้าแดงก่ำ ในใจเต็มไปด้วยความอับอาย เห็นได้ชัดว่าตนกำลังถูกหยอกเย้าและตักเตือน!
“หากเปลี่ยนเป็นอวิ๋นชิ่งไป๋สำแดงคัมภีร์กระบี่นี้ บางทีอาจสามารถทำให้ข้าหวาดหวั่นได้บ้าง ส่วนเจ้า… ยังไม่มีคุณสมบัติต่อสู้กับข้า ทางที่ดีที่สุดควรหยุดแค่พอเหมาะ ไม่เช่นนั้นครั้งต่อไปจะเป็นคราวตายของเจ้า”
เสียงเรียบเฉยดังขึ้นข้างหู
เจ้าคนที่อยู่ห่างไปนั่นยังคงไม่หันกลับมา แต่ฮว่าอวิ๋นเจินรู้ว่า คำพูดที่แฝงการตักเตือนนี้มาจากอีกฝ่าย!
เขากำสองหมัดแน่น โกรธจนหน้าเขียว ในใจเกิดความรู้สึกพ่ายแพ้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
มีหลายครั้งที่เขาอยากพุ่งเข้าไปสู้ แต่สุดท้ายเขาก็ทนเอาไว้ เขาไม่กล้าเอาชีวิตของตนไปเป็นเดิมพัน!
ในลานเงียบสงัดจนสามารถได้ยินเสียงใบไม้ร่วง
ผู้สืบทอดสำนักกระบี่เทียมฟ้าต่างอึ้งค้างอยู่กับที่ราวกับรูปปั้น ร่างกายแข็งทื่อ
พวกที่มาดูความครึกครื้นซึ่งอยู่ห่างออกไปล้วนมีความรู้สึกรอดจากความตาย เหงื่อท่วมตัว มือเท้าเย็นเยียบ
การปะทะเมื่อครู่นี้น่าตกใจเกินไปแล้ว!
เพียงแต่เมื่อเทียบกับกระบี่ที่ราวกับพิบัติสวรรค์มาเยือนนั่น พลังหลุมดำปานทำลายล้างจักรวาลน่าตกใจและน่ากลัวกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย
เจ้าหนุ่มคนนั้นเป็นใครกันแน่
ฮว่าอวิ๋นเจินเป็นถึงหนึ่งในสิบสามกระบี่ มีพลังต่อสู้ขอบเขตมกุฎที่สะดุดตา เป็นไปได้อย่างไรที่ไม่อาจทำให้อีกฝ่ายหันกลับมามองเลยแม้แต่แวบเดียว
นี่เป็นการมองข้ามโดยสิ้นเชิงอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่การต่อสู้ครั้งนี้ เรียกได้ว่าฮว่าอวิ๋นเจินพ่ายแพ้อย่างราบคาบ!
ฟึ่บ!
ท่ามกลางความเงียบงัน นกยูงห้าสีที่มีปีกงดงามสว่างไสวทะลวงอากาศเข้ามา โรยตัวลง ณ ที่แห่งนี้
……….

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

Type: Author: ,
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset