Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1000 สง่างามไร้คู่ต่อกร

“หมัดที่สอง”
หลินสวินสีหน้าเรียบเฉยจนน่ากลัว ตั้งแต่ต้นจนจบไม่มีความผันผวนแม้เศษเสี้ยว
เขาก้าวไปเบื้องหน้า ซัดหมัดออกไปอีกครา
หมัดนี้เรียบง่าย ธรรมดา ไม่เจือกลิ่นอายผลาญเผาใดๆ
ดุจละมั่งเกี่ยวเขา อาชาสวรรค์เหินนภา ไร้ร่องรอยให้เสาะหา เปี่ยมท่วงทำนองแห่งการคืนสู่สามัญ
ในสายตาคนอื่น อานุภาพของหมัดนี้เทียบหมัดเมื่อครู่ไม่ได้ด้วยซ้ำ ธรรมดาและเรียบง่ายเกินไป
แต่ลี่จั้นหนานกลับหน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ เพราะหมัดนี้มีท่วงทำนองวิเศษของ ‘ผู้แกร่งเกล้าดุจโฉดเขลา’ เป็นแก่นอัศจรรย์ซึ่งเรียบง่ายที่สุดหลังชำระล้างสิ้นทุกสิ่ง!
ผิวทุกอณูของเขาล้วนรู้สึกเจ็บปวดจวนปริแยก ทั้งนอกและในกายจิตถูกพลังไม่อาจอธิบายปกคลุม
หลบไม่อาจหลีก หนีไม่อาจพ้น!
หากกล้าเผยความหวาดหวั่นและช่องโหว่เพียงเสี้ยวคงตายอย่างไม่ต้องสงสัย!
“ทลาย!”
ลี่จั้นหนานตะโกน ผมยาวทั้งศีรษะแผ่สยาย ประกายทองทั่วร่างดั่งสุริยันสาดแสงส่องสว่าง กระตุ้นพลังแห่งตนถึงขีดสุด
“เคล็ดวิชาหกวัฏจักร!”
ทันใดนั้นเบื้องหน้าเขาปรากฏรุ้งเทพหกสาย สื่อถึงพลังหกสายแห่ง ฟ้า ดิน บูรพา ประจิม ทักษิณ อุดร
ทันทีที่วิชานี้ปรากฏ แฝงนัยถึงใต้หล้าที่มีเพียงตัวข้าเป็นใหญ่ เผด็จการไร้ขอบเขต ขับเน้นให้ลี่จั้นหนานเป็นดั่งนายเหนือหัวหนึ่งเดียวผู้ครองหกประสาน
นี่ก็คือไพ่ตายของเขา!
เขาเคยอาศัยวิชานี้ปลิดชีพราชันกึ่งระดับไม่น้อยกว่าสิบคนด้วยมือเปล่ามาก่อน!
ตูม!
ทั้งสองเข้าปะทะ ฟ้าดินแถบนี้ราวถูกซัดกระหน่ำ บรรยากาศแปรปรวนพลิกตลบ หมอกควันม้วนแผ่
ผู้สืบทอดทั้งหมดของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์สังเกตเห็นความผิดปกติก่อนแล้ว จึงถอยหนีห่างไปตั้งแต่แรก
หลิงหงจินแม้ไม่ถอยร่น แต่ไม่อาจไม่โคจรพลังสลายคลื่นกระทบจากการปะทะน่าหวาดกลัวที่ปกคลุมนั้น
กลางลาน ร่างลี่จั้นหนานลอยกระเด็น เลือดออกเจ็ดทวาร ถูกซัดลอยละลิ่วออกนอกระยะหลายสิบจั้ง บนร่างผึ่งผายผิวแตกระแหงหลั่งเลือดทุกอณู
เขาผมเผ้าสยายยุ่ง ร่างอาบโลหิต ร่วงลงพื้นอย่างอนาถ ฝุ่นควันคลุ้งทั่วฟ้า
มองไปกลางลานอีกที หุบเขาแถบนั้นพินาศสิ้นนานแล้ว ภูเขาสูงลูกแล้วลูกเล่าไม่เหลือร่องรอย พื้นดินเต็มไปด้วยรอยแยกหลังการระเบิด
เงาร่างสูงสง่าของหลินสวินเด่นตระหง่านกลางอากาศ โลกีย์มิแปดเปื้อน หลุดพ้นว่างเปล่า ภายใต้ทัศนียภาพแหลกเหลวชวนสะพรึงเช่นนี้ ยิ่งขับเน้นให้เขาดูลึกลับไม่ธรรมดากว่าเดิม
ทุกคนพากันหน้าเปลี่ยนสี ล้วนเกือบลืมหายใจ
ลี่จั้นหนาน ศิษย์แกนหลักแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ แม้แต่ในหมู่คนรุ่นเยาว์แดนชัยบูรพาก็จัดอยู่ในระดับยอดบุคคล
ในใจศิษย์แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์นับไม่ถ้วน ศิษย์แกนหลักประดุจสุริยันบนนภา สามารถสาดส่องใต้หล้า โดดเด่นไม่อาจเอาชนะ!
แต่บัดนี้ลี่จั้นหนานถูกซัดถอยติดต่อกันสองครา ซ้ำได้รับบาดเจ็บสาหัส…
ผลลัพธ์นี้เป็นสิ่งที่ใครๆ ต่างไม่คาดคิด เนื่องด้วยชวนตระหนกและกะทันหันเกินไป ทำให้เหล่าผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ต่างอึ้งงันอยู่ตรงนั้น
ในใจหลิงหงจินก็สะท้านไม่หยุดเช่นกัน นางก้าวสู่ขอบเขตมกุฎเหมือนลี่จั้นหนาน คิดว่าเมื่อสงครามมหายุคมาเยือน ในสี่แดนวิภูของดินแดนรกร้างโบราณนี้ ผู้ที่สามารถขันแข่งกับพวกเขาคงมีแค่หนึ่งหยิบมือ
เดิมนางคิดว่าหลินสวินเองก็เป็นหนึ่งในส่วนหยิบมือนั้น ด้วยเหตุนี้ในใจจึงไม่ดูแคลนอันใด
แต่ความแข็งแกร่งในพลังต่อสู้ที่หลินสวินแสดงออกมา กลับทำลายความเข้าใจที่นางเชื่อมั่น!
นี่ไหนเลยจะเป็นผู้กล้าซึ่งก้าวสู่มกุฎ เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเป็นปีศาจพลิกฟ้าตนหนึ่ง!
“หมัดที่สาม”
หลินสวินออกจู่โจมอีกครา ยังนิ่งสงบและราบเรียบเช่นเดิม ให้ความรู้สึกเหนือโลกีย์ โฉบทะยานผ่านนภา
หมัดนี้เหนือความคาดหมายทุกคน ทันทีที่โจมตีออกมา ฟ้าดิน เอกภพ ภูผาธารา สรรพสิ่ง… ล้วนแต่หยุดนิ่ง ถูกจองจำอยู่ตรงนั้น ไม่ได้ยินเสียงใดอีก
แปลกประหลาดและเงียบสงัดเกินไป มีเพียงหมัดเดียวของหลินสวินที่ปล่อยออกมาอย่างเงียบเชียบไร้สุ้มเสียง
กัมปนาทไร้สรรพเสียง หมื่นลักษณ์ไร้รูป!
เหล่าผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์กลับผ่อนคลายนัก เพราะพวกเขาต่างไม่รู้สึกถึงพลังคุกคามเพียงเสี้ยว สัมผัสไม่ถึงคลื่นพลังใดๆ
แต่หลิงหงจินกลับหน้าเปลี่ยนสี ร้องเสียงหลง “ระวัง!”
ขณะเดียวกันลี่จั้นหนานเองก็ขวัญหนีดีฝ่อ สัมผัสภัยคุกคามถึงชีวิตเป็นครั้งแรก สัญชาตญาณที่บ่มเพาะมาหลายปีบอกเขาว่า หมัดนี้เขาต้านไม่อยู่อย่างสิ้นเชิง!
ฟุ่บ!
เขาหลบหนีโดยไม่ลังเล
ความเร็วว่องไวจนน่าเหลือเชื่อ ไม่มีความล่าช้าใดๆ
ทว่าแม้เขาจะเร็ว พลังหมัดนั่นกลับเร็วกว่า แค่พริบตาก็บุกสังหารมาถึง
ปึง!
สามารถเห็นอย่างชัดเจน แผ่นหลังลี่จั้นหนานถูกทะลวงเกิดรูโหว่ชุ่มเลือดขนาดเท่าปากชาม โลหิตซ่านกระเซ็น
ขณะเดียวกันร่างเขาราวถูกฟ้าผ่า ทั่วร่างพลันแข็งทื่อ หยุดชะงักกลางอากาศดั่งถูกตรึงอยู่ตรงนั้น แปลกประหลาดอย่างที่สุด
“นี่มันวิชาหมัดอะไร” ลี่จั้นหนานหันกลับ น้ำเสียงคลุมเครือ ในปากมีโลหิตหลั่งชโลม แต่เขากลับเหมือนไม่รู้ตัว ได้แต่ถลึงตามองหลินสวินที่อยู่ห่างไกล
ในแววตาเปี่ยมความตระหนก งงงัน และยากจะเชื่อ
ตูม!
จากนั้นยังไม่รอได้คำตอบ ร่างผึ่งผายของเขาก็ระเบิดดังสนั่น พริบตานั้นถึงกับทำให้ผู้คนรู้สึกสวรรค์สะเทือนดินสะท้าน
ฝนโลหิตสาดกระจาย แดงสดบาดตาในยามค่ำคืน
ศิษย์แกนหลักของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ผู้หนึ่ง บุคคลผู้กล้าซึ่งก้าวสู่ขอบเขตมกุฎคนหนึ่ง ไม่ทันรอมหายุคมาเยือนก็สิ้นชีพลงที่นี่เวลานี้!
ตั้งแต่ต้นจนจบหลินสวินทำตามคำพูด ใช้แค่เพียงสามหมัด!
ทุกคนต่างตะลึงค้าง ถูกภาพนี้สยบ จิตใจจวนสูญเสียการควบคุม
ก่อนหน้านี้พวกเขาต่างรู้สึกไร้สาระ คิดว่าการที่หลินสวินหมายใช้สามหมัดเอาชนะลี่จั้นหนานเป็นเรื่องเพ้อเจ้อหลงระเริงไม่รู้ความ
แต่ไหนเลยจะคาดคิดว่าหลังสามหมัด ลี่จั้นหนานไม่เพียงถูกเอาชนะ ยังถูกกำราบสังหารโดยตรง!
“เจ้า…” หลิงหงจินอึ้งงัน ทั้งตระหนกและขุ่นเคือง ทว่าเมื่อเห็นหลินสวินที่อยู่ห่างไกลยังคงมีทีท่าราบเรียบ นางกลับไม่รู้จะพูดอะไร
ตกตะลึงหรือ
ก็มี
เดือดดาลหรือ
ก็มี
ยากจะเชื่อหรือ
ก็มีเช่นกัน
แต่กลับไม่อาจใช้ถ้อยคำชัดเจนมาบรรยายสภาวะจิตที่สับสนในเวลานี้
ลี่จั้นหนานเหมือนกับนาง พลังต่อสู้พอๆ กัน ที่ผ่านมาในแคว้นกู่ชาง ผู้ที่สามารถต่อกรกับเขาถึงขั้นนับนิ้วได้ อีกทั้งคนส่วนน้อยนี้ล้วนมาจากแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์
ส่วนคนที่สามารถสังหารเขา แทบไม่มี!
บุคคลในขอบเขตมกุฎประหนึ่งเทพมังกรเหนือสวรรค์ บางทีอาจถูกคนรุ่นเดียวกันเอาชนะ แต่คิดสังหารยากสุดแสน
แต่ยามนี้ลี่จั้นหนานกลับถูกปลิดชีพในสามหมัด!
สุดท้ายความรู้สึกทุกอย่างในใจ กลายเป็นความหวาดกลัวและหนาวสะท้านเกินบรรยายแผ่คลุมทั่วร่างหลิงหงจิน
แม้ตัวนางห้อมล้อมด้วยเปลวเพลิงเจิดจรัส แต่ยามเผชิญหน้าหลินสวินที่อยู่ห่างไป กลับไม่รู้สึกถึงความอบอุ่นแม้เพียงเสี้ยว
หนาวเย็นนัก!
เย็นยะเยือกดั่งตกสู่ถ้ำน้ำแข็ง!
ฟันนางสั่นกระทบอย่างห้ามไม่อยู่ ผิวขาวกระจ่างหมดจดขนลุกชัน ใบหน้างดงามพริ้มเพราเปลี่ยนเป็นซีดเผือดหาใดเปรียบ
นี่มันศัตรูที่น่าสะพรึงอย่างไรกันแน่
เขาเป็นเทพมารจริงๆ ใช่ไหม
ถ้าไม่อย่างนั้นเหตุใดถึงแข็งแกร่งเช่นนี้
“ตาเจ้าแล้ว” หลินสวินมองมา ดวงตาสีดำเยียบเย็นไม่มีคลื่นความรู้สึกใด
หลายวันที่ผ่านมาเขาถูกไล่ล่าไม่หยุด สะสมเพลิงโทสะสุมอกอยู่นานแล้ว บัดนี้ในที่สุดก็ระเบิดออก
สังหารลี่จั้นหนานเป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น
ต่อจากนี้เขาจะเปิดฉากจู่โจมกลับ ให้แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ได้เข้าใจ ว่าเขาหลินสวินแม้ตัวคนเดียวไร้ที่พึ่งพิง แต่ไม่ใช่พวกที่จะรังแกอย่างไรก็ได้!
“หนี!”
หลิงหงจินหันหลังหนีโดยไม่ลังเล
คู่ต่อสู้เช่นนี้อย่าว่าแต่นาง ต่อให้เป็นบุคคลระดับผู้นำของศิษย์แกนหลักอย่างฉู่เป่ยไห่มาเอง ก็แทบไม่เห็นทางว่าจะสามารถกำราบได้
ที่น่ากลัวที่สุดคือ ขุมพลังที่ล่าสังหารหลินสวินครั้งนี้ แทบหาผู้ที่สามารถถ่วงดุลกับอีกฝ่ายไม่เจอสักคน!
นี่ทำให้หลิงหงจินรู้ว่าไม่เข้าที สิ่งแรกที่คิดได้ก็คือหนี จากนั้นค่อยนำข่าวเกี่ยวกับหลินสวินแจ้งแก่สำนัก ให้ทางสำนักเคลื่อนพลที่แข็งแกร่งกว่ามาจับตายเด็กนี่
แต่หลิงหงจินรู้สึกเพียงเบื้องหน้าพลันพร่ามัว หนทางข้างหน้าถูกเงาร่างหลินสวินขวางกั้น
“เจ้าคิดสังหารสิ้นจริงรึ เจ้าต้องรู้ว่าศิษย์แกนหลักคือตัวตนต้องห้ามของทุกสำนักโบราณ ไม่อาจสูญเสีย หากตายสักคน จะต้องกำจัดเจ้าทิ้งโดยไม่คำนึงถึงสิ่งตอบแทนใดแน่!”
หลิงหงจินหน้าซีดเผือด กล่าวเหี้ยมเกรียม
“ต่อให้ข้าไม่ฆ่าพวกเจ้า ไม่ช้าก็เร็วพวกเจ้าก็จะสังหารข้าอยู่ดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าคิดว่าสิ่งเหล่านี้จะข่มขู่ข้าได้หรือ”
ขณะกล่าวหลินสวินก็ลงมือ ไม่มีความลังเลใดๆ
ศิษย์แกนหลักอะไรกัน ในเมื่อคิดคร่าชีวิตตนก็ต้องรับผลที่สาสม!
ไม่เกินความคาดหมาย ผ่านไปครู่หนึ่งหลิงหงจินก็ถูกหลินสวินพิฆาตอย่างแข็งกร้าว อ่อนแรงลมจับอยู่กับพื้น
จากนั้นหลินสวินเหลือบมองเหล่าผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ที่อึ้งงันไปนานแล้ว
“เผ่นโว้ย!”
“เจ้าหมอนี่คือมารร้าย น่ากลัวเกินไปแล้ว!”
คนพวกนั้นกระวีกระวาดหนีตาย แต่ละคนราวบ้าคลั่ง จิตต่อสู้ล้วนพังทลายนานแล้ว กระทั่งความกล้าเผชิญหน้ากับหลินสวินยังไม่มี
แม้แต่ลี่จั้นหนานยังสิ้นชีพ หลิงหงจินล้วนถูกกำราบ ยังจะให้พวกเขานำอะไรมาสู้กับเทพมารหลิน
หลินสวินตัดสินใจโต้กลับ แน่นอนว่าไม่มีทางให้คนหนีรอดกลับไปแจ้งข่าวเรื่องตน
เขาสำแดงก้าวย่างชือน้ำแข็งในบัดดล ควบคุมดาบหักออกโรงไล่ล่า
พรูด!
พรูด!
พรูด!
ท่ามกลางรัตติกาล บุปผาโลหิตสายแล้วสายเล่าซ่านกระเซ็นราวกับประทัด แต่กลับดูงดงามทว่าชวนประหวั่นอย่างเห็นได้ชัด
หลินสวินหาใช่เพชฌฆาตฆ่าคนตาไม่กะพริบ ครั้งนี้ก็เป็นเพราะถูกตามล่าจนเดือดดาล เขาถามตัวเองแล้วว่าไม่มีความแค้นยิ่งใหญ่อะไรกับอีกฝ่าย แต่กลับถูกล่าสังหารดั่งวิญญาณตามติดเช่นนี้ เปลี่ยนเป็นคนอื่นใครเล่าจะไม่โกรธ
สุดท้ายมีเพียงผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์สองสามคนหนีไปได้
แต่หลินสวินไม่คิดไล่ตามเพราะเสี่ยวอิ๋นได้ออกโจมตีแล้ว ไม่เหนือความคาดหมาย สองสามคนนี้ตายอนาถยิ่งกว่า
‘พลังของระดับกระบวนแปรจุติขั้นปลายแข็งแกร่งดังคาด… แม้ปราณจะเลื่อนไปแค่หนึ่งขั้น แต่กลับทำให้พลังต่อสู้ของข้าพุ่งทะยานเท่าทวี จากนี้ต่อให้เจอขอบเขตมกุฎระดับเดียวกันก็ไม่ต้องหวั่นเกรงผู้ใดแล้ว!’
หลินสวินหวนนึกถึงฉากต่อสู้ต่างๆ เมื่อครู่ ในใจเกิดความมาดมั่นผงาดกร้าวขึ้น นี่คือท่วงท่าอันไร้คู่ต่อกรอย่างหนึ่ง เป็นปณิธานของผู้แข็งแกร่งที่เคี่ยวกรำสังหารมานาน
ไม่ผิด หลินสวินเลื่อนขั้นแล้ว
ช่วงสามวันที่นั่งสมาธิฝึกตนกลางหุบเขา ทำให้ปราณที่เขาสะกดข่มถึงขีดมาสุดนานแล้วก้าวสู่ระดับกระบวนแปรจุติขั้นปลายโดยราบรื่น
ปราณคือรากฐานของพลังต่อสู้ แม้ดูเหมือนเพียงก้าวสู่อีกขั้น แต่กลับทำให้พลังต่อสู้ของหลินสวินเกิดการเปลี่ยนแปลงราวถอดรยางค์เปลี่ยนกระดูก
นี่ก็คือกุญแจสำคัญที่ทำให้เขาสามารถสังหารลี่จั้นหนานอย่างกร้าวแกร่งเช่นเมื่อครู่!
………………….

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

Type: Author: ,
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset