Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 994 แบ่งเป็นตายชั่วพริบตา

“ข้าลุยเอง!”
สิ้นเสียงหนานกงหั่ว ชายที่กร้าวแกร่งหาใดเปรียบคนหนึ่งพุ่งออกมา
ผิวเขาราวหล่อจากสำริด ร่างปราดเปรียวเปี่ยมพลังทำลายล้าง นัยน์ตาเฉียบคมชวนประหวั่นดั่งอินทรี
ตูม!
หลังเขาออกเคลื่อนไหว ห้วงอากาศถูกเงาร่างเขาฉีกกระชากหนักหน่วง ส่งเสียงครวญเสียดหู
ชั่วพริบตาราวเสือดาวดึกดำบรรพ์ตัวหนึ่งออกจู่โจม อานุภาพปราดเปรียวฮึกเหิมนั่น แค่มองก็รู้ว่าไม่ใช่คนที่ผู้สืบทอดสำนักทั่วไปสามารถเทียบเคียง
นี่ก็คือเซียวเจิง!
หนึ่งในศิษย์สืบทอดแท้จริงแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ ผู้กล้าระดับกระบวนแปรจุติที่เก่งกล้าสามารถด้านการศึก ภายในร่างเลือดนักรบไหลวน ทรงพลังเหลือประมาณ
‘เจ้าหมอนี่ได้เจอโศกนาฏกรรมแน่’ พวกหนานกงหั่วเห็นดังนั้นต่างเผยสีหน้าเวทนา
ในบรรดาศิษย์สืบทอดแท้จริงแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ เซียวเจิงอาจไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งที่สุด พรสวรรค์ก็ไม่ได้เลิศล้ำ แต่กลับเป็นคนคลั่งการต่อสู้ยิ่ง!
พวกที่ถูกเขาเห็นเป็นคู่ต่อสู้ บัดนี้ล้วนกลายเป็นซากกระดูกสูญหายจากโลกชั่วนิรันดร์!
“หลินสวิน ศิษย์พี่ฉู่เคยบอกว่าต้องระวังเจ้า คิดว่าเจ้าคือบุคคลที่รับมือยาก ข้ากลับเฝ้ารอยิ่งว่าเจ้าจะแข็งแกร่งเท่าไหร่กัน”
เสียงเซียวเจิงราวเป็นอีกคน ก้องกังวานดั่งทวนทองกระทบ แผ่ไอสังหารเสียดกระดูกทำเอาห้วงอากาศครวญเป็นระลอก
“แสดงฝีมือที่แกร่งที่สุดของเจ้าออกมา ไม่เช่นนั้นหัวเจ้าจะถูกข้าเด็ดลงมาทำเป็นจอกเหล้า!” มุมปากเขาเผยความหลงระเริงวูบหนึ่ง จ้องหลินสวินดุจเพ่งเล็งเหยื่อ
หลินสวินร้องอ้อคราหนึ่งด้วยสีหน้าสงบ กล่าวเนิบช้า “หากรับมือกับเจ้า ยังคงไม่มีคุณสมบัติพอให้ข้าใช้ฝีมือที่แข็งแกร่งสุด”
เซียวเจิงแววตาดุจอสนี ผมยาวพลิ้วไหว หัวเราะร่ากล่าว “บ้าดีนัก! หวังว่าตอนเจ้าตายจะระห่ำได้เช่นนี้!”
ตูม!
ขณะกล่าวเขาก้าวสู่ห้วงอากาศ เงาร่างดุจอสนีไวว่อง พุ่งสังหารไปทางหลินสวิน
ตัวคนยังมาไม่ถึง จิตสังหารเข้มข้นดุดันคาวโลหิตก็บีบกดดั่งคลื่นซัดโถมกระหน่ำ พาให้ผู้คนรู้สึกปิ่มจะหายใจไม่ออก
ไหนเลยจะเหมือนคนผู้หนึ่ง ชัดแจ้งว่าเหมือนเทพสังหารที่พุ่งออกจากภูเขาศพทะเลเลือด!
‘จิตสังหารของศิษย์น้องเซียวเจิงนับวันยิ่งอัดแน่นขึ้นเรื่อยๆ’ พวกหนานกงหั่วต่างกำลังอัศจรรย์ใจ
ตึง!
การจู่โจมของเซียวเจิงเรียบง่ายยิ่ง นิ้วมือดั่งคมดาบผ่าลงไป เห็นได้ว่าป่าเถื่อนนัก
แต่ขอแค่ตาดีหน่อยก็สามารถมองออกว่า การโจมตีของเซียวเจิงมีอานึภาพยิ่งใหญ่เผด็จการ พลังฝ่ามือครอบคลุมทั่วทิศ ทำให้ผู้คนรู้สึกหมดหนทางยากเลี่ยงหนี ไม่อาจหลบหลีก
แม้แต่หลินสวินยังแปลกใจอย่างอดไม่อยู่ ดูออกว่าเซียวเจิงนี่เป็นยอดบุคคลที่มีฝีมือจริงๆ แค่การโจมตีนี้ก็สามารถมองออกว่าเขามีความเชี่ยวชาญลึกซึ้งที่เรียกได้ว่าล้ำเลิศบนวิถียุทธ์
น่าเสียดาย สำหรับหลินสวินแล้วการโจมตีนี้กลับยังไม่พอสร้างภัยคุกคาม
เขาซัดฝ่ามือออกไปเช่นกัน เรียบง่ายสบายอารมณ์ดั่งวาดเขียนตามสะดวก ไม่ลึกลับซับซ้อน
ตูม!
ทั้งสองปะทะกัน ฟ้าสะเทือนดินสะท้าน
จากนั้นก็เห็นพลังฝ่ามือเซียวเจิงถูกกำจัดทีละน้อย ระเบิดออกเป็นละอองแสงเจิดจรัส
เขาตกใจยกใหญ่ สัมผัสได้อย่างแจ่มชัดว่าฝ่ามือนี้ของตนราวถูกหุบเหวปกคลุม จวนจะถูกกลืนกิน!
“ประทับรบมังกร!”
เซียวเจิงตะโกนลั่น ร่างปราดเปรียวกำยำสาดแสงศักดิ์สิทธิ์เจิดจ้า พลานุภาพดุดันยิ่งกว่าเดิม เขาโบกแขนทั้งสองข้าว ก้าวย่างอย่างมั่นคงหมายสลายการโจมตีหลินสวิน
แต่ผลกลับทำเขาใจสะท้าน พลังฝ่ามือของอีกฝ่ายยิ่งใหญ่ราวหุบเหว คล้ายสามารถกลืนกินสรรพสิ่ง ไม่อาจสั่นคลอนแม้แต่น้อย
กร๊อบ!
เวลาต่อมาเขารู้สึกได้เพียงว่าความเจ็บปวดสาหัสแล่นผ่าน เอ็นกระดูกนิ้วแตกละเอียด โลหิตซ่านเซ็น
แย่แน่!
เขามีประสบการณ์กรำศึกมากมาย รู้ว่าไม่เข้าทีก็ปลีกตัวถอยโดยไม่ลังเล
ไหนเลยจะคาดคิด เวลานี้หลินสวินแปรฝ่ามือเป็นกรงเล็บพุ่งเข้าตะปบทันใด ประดุจกรงขังปกฟ้าที่มาเยือนจากนภา
กร๊อบ!
เสียงเอ็นกระดูกแตกดังสนั่นอีกครั้ง
เซียวเจิงไม่ทันได้ร้องโอดโอยก็ถูกมือใหญ่นั่นบิดคอ
กระทั่งก่อนตาย เขายังถลึงตาโกรธท่าทางยากจะเชื่อ เด็กหนุ่มจากโลกชั้นล่างคนหนึ่ง ทำไมแข็งแกร่งขนาดนี้
ทุกอย่างพูดแล้วดูช้า อันที่จริงตั้งแต่เซียวเจิงออกจู่โจมกระทั่งถูกหลินสวินหักคอ การเคลื่อนไหวทั้งหมดปิดฉากในชั่วพริบตา
เร็วเกินไปแล้ว!
เร็วจนทุกคนตรงนั้นล้วนไม่ทันได้ตอบสนอง!
“นี่…”
ความเวทนาบนหน้าพวกหนานกงหั่วพลันค้างแข็งราวกับถูกสายฟ้าฟาด
ก่อนหน้านี้จากมุมมองทุกคน ครั้งนี้หากหลินสวินไม่ตายอย่างน้อยก็ต้องถูกถลกหนัง
แต่บัดนี้พวกเขาแทบร้องเสียงหลง เซียวเจิงเพิ่งออกโจมตี แค่ชั่วพริบตาก็ถูกหักคอ?
นี่น่าตกตะลึงไปแล้ว หากไม่รู้คงต่างคิดว่าหลินสวินกำลังเชือดไก่ฆ่าลิง
แต่พวกหนานกงหั่วล้วนรู้ดีว่าเซียวเจิงแข็งแกร่งยิ่ง! ในฐานะที่เป็นหนึ่งในศิษย์สืบทอดแท้จริงของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ อยู่ในระดับกระบวนแปรจุติยังกล้าไปท้าทายระดับกึ่งราชันด้วยซ้ำ!
ทว่าปัจจุบันกลับตายลงเช่นนี้…
ถูกบีบตายคามือหลินสวินอย่างปวกเปียกเยี่ยงสุนัขตัวหนึ่ง…
“แม้การโจมตีเดียวของข้ายังต้านไม่อยู่ ยังกล้าแหกปากว่าจะเอาหัวข้าไปเป็นจอกเหล้า ตายไปก็ไม่น่าเสียดายจริงๆ”
หลินสวินโยนศพเซียวเจิงทิ้งลวกๆ ดั่งทิ้งขยะ
เฮือก!
เสียงสูดหายใจดังขึ้น สีหน้าเหล่าผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง สายตาที่มองหลินสวินเจือความตระหนกขุ่นเคือง และแฝงความเคร่งขรึมจริงจังอย่างไม่เคยมีมาก่อน
พวกเขาเพิ่งตระหนักได้ว่า เจ้าหนุ่มตรงหน้าหาใช่ผู้ที่พวกเขาสามารถรังแกได้แต่แรก!
แม้แต่กู้อวิ๋นถิงยังตะลึงงัน คิดไม่ถึงโดยสิ้นเชิงว่าไม่เจอกันแค่ไม่กี่ปี เด็กหนุ่มที่ปีนั้นไม่ถูกตนเห็นในสายตาจะเติบโตถึงขั้นนี้
เขา…
หลายปีมานี้ผ่านอะไรมากันแน่
“เจ้าๆๆ… ถึงกับกล้าฆ่าคนรึ” หนานกงหั่วสีหน้าคล้ำเขียว ตะโกนร้องเสียงหลง
คำพูดโง่เขลาเช่นนี้ยังหลุดออกมาได้ เท่านี้ก็ดูออกว่าเขาเองถูกฉากนี้ทำเอาตระหนก จิตใจปั่นป่วนไม่หยุด
“ทำไมข้าจะไม่กล้าฆ่าคน เพราะพวกเจ้าคือผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์หรือ”
เงาร่างหลินสวินสูงสง่า ยืนสันโดษเหนือยอดเขา บุคลิกดั่งเมฆาเคลื่อน เรียบเฉยพ้นโลกีย์ หาได้มีพลังข่มขวัญมากนัก
แต่เมื่อคำพูดนี้ของเขาดังออกมา กลับทำเอาพวกหนานกงหั่วใจสั่น
เดิมที่สิ่งที่พวกเขาพึ่งพิงก็คือกำลังคน ทั้งมั่นใจว่าจะสามารถจับตายหลินสวินได้
แต่การตายของเซียวเจิงกลับทำให้พวกเขารู้ซึ้งว่าคู่ต่อสู้ครานี้น่าหวาดกลัวเพียงใด คงไม่ง่ายเหมือนที่พวกเขาคิดไว้แน่
ที่ทำพวกเขาใจสั่นที่สุดคืออีกฝ่ายไม่หวั่นกลัวแม้แต่น้อย แม้รู้ว่าพวกเขามาจากแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ก็ยังกล้าจู่โจมสังหารโดยไม่ลังเล ตั้งแต่ต้นจนจบล้วนท่าทีนิ่งสงบ นี่มันน่าสะพรึงเกินไปแล้ว
จอมมารที่ฆ่าคนตาไม่กะพริบเป็นเช่นนี้นี่เอง!
“กลับไปบอกฉู่เป่ยไห่ ข้าไม่อยากมีเรื่องกับแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ ครั้งนี้เป็นเพียงบทลงโทษเล็กน้อย แต่หากพวกเจ้ายังอยากเป็นศัตรูกับข้า เช่นนั้นก็ลองคิดดูว่าจะแบกรับเพลิงโทสะข้าไหวหรือไม่”
หลินสวินพูดจบก็หันหลังจากไป
ไปแล้ว?
หนานกงหั่วสีหน้าแปรปรวนไม่หยุด ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
ครั้งนี้เขามาแก้แค้นล้างอัปยศอย่าง แต่ไม่คิดว่าเพิ่งเริ่มดำเนินการก็ปราชัยเช่นนี้ นี่ทำให้เขาอัดอั้นจนแทบกระอักเลือด
ผู้สืบทอดแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์คนอื่นๆ ก็เช่นกัน
เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นว่าในอาณาเขตของตน ถึงกับมีคนกล้าสังหารคนของพวกเขาดั่งเชือดไก่ ท่าทางสบายอารมณ์เช่นนั้นกระเทือนจิตใจพวกเขาอย่างไม่เคยมีมาก่อน
มีเพียงกู้อวิ๋นถิงที่ทอดถอนใจ รู้ว่าหลินสวินกล่าววาจาพวกนี้ไปก็เปล่าประโยชน์ ภายในเขตแคว้นกู่ชาง ไม่ว่าเพื่อแก้แค้นแทนเซียวเจิงหรือด้วยมูลเหตุอื่น แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ไม่มีทางให้เขาจากไปทั้งเป็นแน่!
จริงดังคาด หลินสวินเพิ่งจากไป ขอบฟ้าที่ห่างไกลก็เผยเงาร่างกลุ่มหนึ่งตะบึงมา ผู้ที่นำอยู่นั่นกลับเป็นหนานกงสุ่ย
ส่วนเบื้องหลังเขาคือผู้แข็งแกร่งระดับกึ่งราชันที่พลังน่าตกตะลึงยิ่งกลุ่มหนึ่ง มีทั้งชายหญิง รูปร่างหน้าตาต่างกันไป แต่พลานุภาพล้วนแข็งแกร่งเหลือประมาณ
เมื่อรู้ถึงการตายของเซียวเจิง หนานกงสุ่ยก็อดหงุดหงิดไม่ได้ ตีอกกระทืบเท้ากล่าว “มาช้าไปก้าวหนึ่ง เป็นอย่างที่ศิษย์พี่ฉู่บอกไว้จริงๆ!”
พวกหนานกงหั่วตะลึงงัน อดถามไม่ได้ “ศิษย์พี่ฉู่คาดเดาเรื่องทั้งหมดอยู่ก่อนแล้ว?”
หนานกงสุ่ยกล่าว “ตอนข้ามาศิษย์พี่ฉู่ได้ข่าวส่วนหนึ่งเกี่ยวกับหลินสวิน ถึงรู้ว่าคนผู้นี้น่ากลัวกว่าที่คิด หลายวันก่อนเคยก่อเรื่องที่แดนฐิติประจิม…”
เขาเล่าข่าวลือส่วนหนึ่งเกี่ยวกับหลินสวินที่แดนฐิติประจิมออกมาจนหมด
เมื่อได้รู้ว่าชื่อเสียงหลินสวินแพร่สะพัดทั่วแดนฐิติประจิมนานแล้ว พวกเขาต่างสูดหายใจเย็นอย่างอดไม่อยู่ มือเท้าพลันเย็นเยียบ
เทพมารหลิน?
เจ้าหมอนี่ถึงกับเป็นคนร้ายกาจเช่นนี้!
“ดังนั้นศิษย์พี่ฉู่จึงสั่งให้ข้าและเหล่าอาจารย์ลุงอาจารย์อารีบมาช่วยเหลือ คิดไม่ถึงว่ายังมาช้าไปก้าวหนึ่ง” หนานกงสุ่ยถอนใจ
“เช่นนั้นศิษย์พี่ฉู่ยังกำชับเรื่องอื่นอีกหรือไม่” กู้อวิ๋นถิงอดถามไม่ได้
“มี” ที่เอ่ยปากครานี้คือชายชราเปี่ยมกำลังวังชาผมเหลืองผู้หนึ่ง เขากล่าวเสียงขรึม “ไม่ต้องคำนึงถึงค่าตอบแทนใด ต้องปลิดชีพเด็กนี่ให้ได้!”
“อีกทั้งพวกเราได้รายงานทางสำนักแล้วว่าจะเคลื่อนพลให้มากขึ้น วางตาข่ายดักทั่วแคว้นกู่ชาง ทำให้เด็กนี่ต่อให้ติดปีกก็หนีไม่รอด!”
ได้ยินแผนการนี้กู้อวิ๋นถิงพลันตกใจ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเพื่อสังหารหลินสวิน แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์คิดเอาจริงแล้ว!
ทว่าแม้หลินสวินจะแข็งแกร่ง แต่อย่างไรก็ตัวคนเดียว จำเป็นต้องทำเช่นนี้จริงหรือ
กู้อวิ๋นถิงไม่เข้าใจนัก
คนอื่นเองก็ตะลึงงัน แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์คือสำนักโบราณแห่งหนึ่ง หากถูกคนทั่วไปรู้ว่าเพื่อสังหารเทพมารหลินคนเดียว ถึงกับวางตาข่ายดักแน่นหนาโดยไม่คำนึงถึงอะไร คงได้ถูกผู้คนเยาะเย้ยแน่
“นั่นเพราะพวกเจ้าไม่รู้มูลค่าของเด็กนี่ บนตัวเขาซ่อนมหาศุภโชค อย่าว่าแต่พวกเรา หากถูกขุมอำนาจอื่นรู้เข้าก็คงจับเขาโดยไม่คำนึงถึงค่าตอบแทนใด”
ชายชราผมเหลืองสีหน้าเรียบเฉย “และเพราะเหตุนี้ เด็กนี่ถึงถูกขุมอำนาจมากมายในแดนฐิติประจิมตามล่า ภายใต้สถานการณ์บีบบังคับจึงต้องลี้ภัยมาแดนชัยบูรพา”
“ที่แท้เป็นเช่นนี้”
ทุกคนต่างพลันกระจ่าง
“เวลาไม่คอยท่า เริ่มดำเนินการเถอะ!”

ขณะเดียวกันหลินสวินหน้านิ่วคิ้วขมวด
สาเหตุที่เขาจากมาก่อนไม่ใช่เพราะใจดี เดิมทีคิดลงมือกำจัดพวกที่ตามล่าเขาในคราเดียว
ใครเล่าจะคาดคิด ว่ากลับสังเกตเห็นกลิ่นอายซึ่งทรงพลังยิ่งกว่าเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว เพื่อความรอบคอบจึงตัดสินใจเลือกจากมา
ก่อนหน้านี้ส่งพวกสวะอย่างหนานกงหั่วมาตามล่าตน บางทีอาจยังไม่รู้ศักยภาพและรากฐานของตนแน่ชัด
แต่ตอนนี้… เกรงว่าคงต่างออกไปแล้ว!
หลินสวินแน่ใจว่าเรื่องราวเกี่ยวกับตนที่แดนฐิติประจิม ขอแค่มีใจไปสืบเสาะต้องสามารถรู้เรื่องได้แน่
อาศัยฐานะและความสามารถของฉู่เป่ยไห่ คิดอยากได้ข่าวพวกนี้ก็แค่ขยับปากเท่านั้น
‘สถานการณ์คงยุ่งยากกว่าที่คิด…’ หลินสวินมีลางสังหรณ์อย่างหนึ่ง ว่าบนหนทางต่อจากนี้ต้องมีพายุม้วนซัดมาเยือนอย่างไม่อาจคาดเดา
หากเปลี่ยนเป็นเมื่อก่อนหลินสวินคงกังวลและวิตกเรื่องนี้ และใคร่ครวญหาวิธีรอดอย่างเต็มกำลัง
แต่บัดนี้เขาต่างจากอดีต ต่อให้เจอสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันก็มีความกล้าเข้าประลองกับอีกฝ่าย!
สิ่งเดียวที่ทำให้หลินสวินรู้สึกตึงมือคือ หากแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ระดมกำลังจัดการตนเต็มที่ คงชักนำให้เกิดความวุ่นวายและเคราะห์สังหารมากเกินจำเป็นแน่
……………

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

Type: Author: ,
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset