Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 985 บรรดาผู้กล้าในใต้หล้า

สุดท้ายหลินสวินก็รับปากอย่างยินดี
ก่อนหน้านี้ใต้ทะเลสาบหาดดาราขจร เขาเคยขุดเจอโอสถราชันที่อัศจรรย์อย่างหาที่เปรียบไม่ได้ออกมาสามต้น นี่เป็นผลเก็บเกี่ยวครั้งใหญ่ที่ไม่อาจประเมินค่าเลยทีเดียว
ในเมื่องานประเมินหินเกี่ยวข้องกับศิลาอุกกาบาต หลินสวินเองก็อยากไปเสี่ยงโชคสักหน่อย
เกาเทียนอีพอใจมาก ไม่นานก็รวบรวมแกนวิญญาณขั้นสูงหนึ่งแสนห้าหมื่นชิ้นมาให้หลินสวิน ในขณะเดียวกันก็ให้ป้ายคำสั่งมาด้วยแผ่นหนึ่ง
ด้วยป้ายคำสั่งนี้ หลินสวินสามารถเลือกศิลาอุกกาบาตที่มูลค่าเทียบเท่าแกนวิญญาณขั้นสูงสี่หมื่นชิ้นในงานประเมินหินมาผ่า
ทีแรกเกาเทียนอีจะให้คนติดตามหลินสวินไป แต่ถูกหลินสวินปฏิเสธ
……
เที่ยงวันนั้นหลินสวินออกจากหอประสานฟ้า
งานประเมินหินตั้งอยู่บนชานเมือง ติดกับฝั่งแม่น้ำพรมแดน เป็นสวนที่กินพื้นที่ขนาดใหญ่มาก
หลายวันมานี้เพราะแม่น้ำพรมแดนแปรเปลี่ยน ทำให้เมืองเพลิงมรกตเองก็คึกคักอย่างมาก มีผู้ฝึกปราณจากพื้นที่ต่างๆ มาเยือนทุกวัน
หลินสวินรับรู้ได้ถึงสิ่งนี้เป็นพิเศษเมื่อเดินอยู่บนถนนที่ครึกครื้นในเวลานี้
“ได้ยินข่าวหรือยัง ฉู่เป่ยไห่บุตรเทพรุ่นปัจจุบันของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์จะมาถึงที่นี่ตอนเที่ยง เพื่อร่วมงานประเมินหิน”
“จริงหรือนี่ บุคคลแห่งยุคผู้นี้ออกด่านแล้วหรือ”
“ได้ยินว่าเพราะงานประเมินหินครั้งนี้ปรากฏหินอัศจรรย์ชิ้นหนึ่ง ดึงดูดความสนใจของฉู่เป่ยไห่”
บนถนนถกชื่อ ‘ฉู่เป่ยไห่’ อยู่ทุกที่ ไม่อยากดึงดูดความสนใจของหลินสวินยังยาก
เมืองเพลิงมรกตเป็นเพียงแค่เมืองอันห่างไกลแห่งหนึ่งในแคว้นกู่ชาง แต่แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์นี้เป็นถึงสำนักโบราณอันดับหนึ่งของแคว้นกู่ชาง!
นอกจากนี้ทั่วทั้งแดนชัยบูรพา แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์เองก็มีชื่อเสียงอย่างมาก อิทธิพลยิ่งใหญ่เป็นที่สุด รากฐานของสำนักนี้สามารถย้อนไปถึงสมัยบรรพกาลได้
ในฐานะบุตรเทพรุ่นปัจจุบันของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ แน่นอนว่าฉู่เป่ยไห่คนนี้จะต้องเป็นบุคคลชั้นยอดที่ชื่อเสียงสะเทือนแคว้นกู่ชาง
ไม่จำเป็นต้องสืบหลินสวินก็ได้รู้ข้อมูลเกี่ยวกับฉู่เป่ยไห่จากคำวิจารณ์เหล่านั้นบ้างแล้ว
คนผู้นี้ไม่ธรรมดา พรสวรรค์โดดเด่น แข็งแกร่งอย่างมาก
เขาฝึกปราณตั้งแต่อายุสามปี ฝากตัวเป็นศิษย์ผู้อาวุโสคนหนึ่งในแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ที่ปลีกวิเวกไม่เผยตัว ตอนอายุสิบห้าปีก็ได้บรรลุสู่ระดับกระบวนแปรจุติแล้ว จากนั้นกลายเป็นผู้กล้าโดดเด่นที่เจิดจ้าที่สุดในบรรดาคนรุ่นเยาว์ของแคว้นกู่ชาง
พลังต่อสู้ของเขาน่ากลัวอย่างที่สุด ‘คัมภีร์แกนสวรรค์ดาราอุดร’ ที่ฝึกเร้นลับยากจะคาดเดา พลังโจมตีตะลึงโลก เป็นคัมภีร์สมบัติมหามรรคที่แท้จริง
ลือกันว่าอัจฉริยะอย่างฉู่เป่ยไห่ เมื่อสงครามมหายุคมาเยือนจะต้องมีที่ยืนบนกระดานทองคำผู้กล้าอย่างแน่นอน
การวิจารณ์นี้น่าตกใจมาก!
“ความยิ่งใหญ่ของแดนชัยบูรพาครอบคลุมหนึ่งหมื่นเก้าพันแคว้น เป็นแหล่งกำเนิดของดินแดนรกร้างโบราณ มีสำนักโบราณไม่รู้เท่าไหร่ตั้งอยู่ ผู้กล้ายิ่งมากจนนับไม่ถ้วน ฉู่เป่ยไห่คนนี้อาจจะเรียกได้ว่าเป็นบุคคลแห่งยุค แต่อิทธิพลนั้นเกรงว่าจะจำกัดแค่ในไม่กี่แคว้น”
จู่ๆ ข้างหูหลินสวินก็ได้ยินเสียงวิจารณ์ของชายชราคนหนึ่ง “หากจะบอกว่าเขาสามารถเบียดตัวเข้าไปอยู่ในกระดานทองคำผู้กล้าตอนที่สงครามมหายุคมาเยือน ก็พูดได้เพียงว่ามีหวังเท่านั้น”
ชายชราคนนี้ดูก็รู้ว่าไม่ธรรมดา ท่าทางดูสบายๆ แต่มีความน่าเกรงขามที่มองไม่เห็น หากไม่สัมผัสอย่างละเอียดก็ไม่สามารถรับรู้ได้
“ผู้เฒ่า คำพูดนี้ของท่านเกินจริงไปหรือเปล่า เช่นนั้นท่านคิดว่าในบรรดาคนรุ่นเยาว์แดนชัยบูรพา ใครที่สามารถเรียกได้ว่าชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วหล้าโดยไม่จำกัดเพียงแค่ไม่กี่แคว้น” มีคนไม่พอใจถามพึมพออกมา
ชายชราพูดเรียบๆ “ในบรรดาคนรุ่นเยาว์มีบุคคลที่ชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วหล้ามากมายถมไป อย่างเช่นหวังเสวียนอวี๋ผู้สืบทอดสำนักเอกอุ หมีเหิงเจินผู้สืบทอดตำหนักศักดิ์สิทธิ์สุริยันจันทรา เย่หมัวเฮอผู้สืบทอดลัทธิเทพต้นกำเนิด…”
ตอนเอ่ยชื่อหวังเสวียนอวี๋ รอบๆ พลันมีเสียงสูดหายใจด้วยความตกใจดังขึ้น ผู้ฝึกปราณหลายคนต่างหน้าเปลี่ยนสี
พอได้ยินคำว่าหมีเหิงเจิน สีหน้าของผู้ฝึกปราณเปลี่ยนแปลงไปไม่มั่นคง แฝงความตกใจที่ยากจะปกปิด
และตอนที่ได้ยินชื่อเย่หมัวเฮอ บรรยากาศในที่นั้นก็เงียบไปไม่น้อย
หลินสวินเพิ่งมาถึงแดนชัยบูรพา ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโลกอันกว้างใหญ่ที่ถูกมองว่าเป็นแหล่งกำเนิดแห่งเหล่าอริยะเลย สองตาล้วนมืดมน
เพราะฉะนั้นตอนที่ได้ยินสามชื่อนี้จึงไม่มีความรู้สึกอะไรเลย
แต่พอสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของสีหน้าของผู้ฝึกปราณที่อยู่รอบๆ เขาพลันตระหนักได้ว่า ทั้งสามชื่อนี้คงเป็นชื่อบุคคลแห่งยุคชั้นยอดสามคนที่ชื่อเสียงเพียงพอจะสะเทือนแดนชัยบูรพา!
“พวกเจ้ารู้สึกว่าทั้งสามคนนี้เทียบกับฉู่เป่ยไห่แล้วเป็นอย่างไร” สีหน้าของชายชราเรียบเฉย
ทุกคนพูดไม่ออก ต่างเงียบสนิท
สำนักเอกอุตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกอันไกลพ้นของแดนชัยบูรพา แต่ชื่อของผู้สืบทอดแห่งสำนักอย่างหวังเสวียนอวี๋กลับสามารถแพร่มาถึงแคว้นกู่ชางที่อยู่ทางริมทิศตะวันตกนี้ได้ จากเรื่องนี้ก็สามารถรู้ถึงความไม่ธรรมดาของคนผู้นี้
ส่วนหมีเหิงเจินผู้สืบทอดตำหนักศักดิ์สิทธิ์สุริยันจันทรา เย่หมัวเฮอผู้สืบทอดลัทธิเทพต้นกำเนิด เมื่อเทียบกับหวังเสวียนอวี๋แล้วก็ห่างไม่มาก
แต่เมื่อเทียบกันทั้งสาม ชื่อเสียงของฉู่เป่ยไห่กลับอยู่ห่างไกลยิ่งนัก
“นี่เพียงแค่ชื่อเสียงเท่านั้น หากจะสู้กันจริงๆ ไม่เห็นว่าฉู่เป่ยไห่จะสู้พวกเขาไม่ได้” มีคนอดเถียงไม่ได้
“เจ้าพูดถูก ชื่อเสียงเป็นเพียงแค่ศักยภาพส่วนหนึ่ง ไม่ใช่ศักยภาพทั้งหมด เมื่อสงครามมหายุคมาเยือน การต่อสู้มหามรรคเริ่มขึ้น ใครแข็งแกร่งใครอ่อนแอย่อมสามารถแยกแยะสูงต่ำออกมาได้”
ชายชราสีหน้าเรียบเฉยมาโดยตลอด คำพูดก็ผ่อนคลายอย่างมาก เพียงแต่ตอนที่พูดถึงตรงนี้ จู่ๆ เขาก็ส่ายหน้า ถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง
“เสียดาย มหาสงครามเป็นการต่อสู้แห่งความเป็นความตาย ในโลกแม้ผู้กล้าจะมาก แต่ส่วนใหญ่จะกลายเป็นหินปูทางของคนอื่นเท่านั้น!”
หลังจากนั้น จู่ๆ เงาร่างของเขาก็หายแวบไป ราวกับระเหยไปกลางอากาศ
หินปูทาง!
ในใจหลินสวินสะท้าน ขุนพลที่มีชื่อเสียงเลื่องลือได้นั้น จะต้องมีทหารที่เสียสละชีวิตเป็นจำนวนมาก แล้วนับประสาอะไรกับการต่อสู้ระหว่างผู้กล้าทั่วหล้า
ภาพเหตุการณ์นั้นจะต้องน่าเศร้าและสลดใจกว่าอย่างแน่นอน!
ชายชราคนนั้นเป็นใคร
ตอนที่หลินสวินตามหาอีกฝ่ายก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว เรียกได้ว่ามาไปมาไร้ร่องรอย แม้ผีสางเทวดายังไม่รู้สึกตัว!
และเมื่อหลินสวินคิดใคร่ครวญดูอย่างละเอียดก็พบอย่างน่าตกใจว่า ในหัวกลับไม่สามารถจำรูปลักษณ์ของชายชราคนนั้นได้เลย!
หรือจะเป็นอริยะคนหนึ่ง
ในใจหลินสวินยิ่งไม่สามารถสงบได้ เมืองเพลิงมรกตเล็กๆ แห่งนี้ จะปรากฏบุคคลที่แทบจะเรียกได้ว่าเทียมฟ้าเช่นนี้ได้อย่างไร
ไม่!
การมาของชายชราคนนี้ บางทีอาจจะเป็นเพียงผ่านทางมา ไม่แน่ว่าจุดมุ่งหมายของเขาอาจจะเป็นแม่น้ำพรมแดนที่กำลังเกิดการเปลี่ยนแปลง!
หลินสวินตัดสิน
บนถนนคนเดินขวักไขว่ ไม่นานก็กลับมาคึกคักเหมือนเดิม
เพราะงานประเมินหินจะเริ่มตอนเย็น หลินสวินจึงหาหอสุราแห่งหนึ่งสั่งเหล้าและกับแกล้มมาดื่มเพียงลำพัง
เรื่องที่เขารู้เกี่ยวกับแดนชัยบูรพาน้อยมาก
รู้เพียงว่านี่เป็นสถานที่ในดินแดนรกร้างโบราณที่ได้รับขนานนามว่าเป็นแหล่งกำเนิดแห่งเหล่าอริยะ และเรียกอีกชื่อว่า ‘แดนอริยมรรคนิรันดร์’
ก่อนจะมาเยือนไป๋หลิงซีเคยบอกว่า ในหมู่ผู้กล้าแห่งยุคซึ่งเป็นบุคคลชั้นยอดสูงสุดในยุคปัจจุบัน มีเจ็ดส่วนที่มาจากแดนชัยบูรพา ที่เหลืออีกสามส่วนแบ่งออกเป็นของแดนฐิติประจิม กาฬทักษิณและดาราอุดร
จากเรื่องนี้สามารถจินตนาการได้ว่า แดนชัยบูรพาเจริญรุ่งเรืองและรุ่งโรจน์เพียงใด!
และเพราะสงครามมหายุคที่กำลังจะมาเยือน ผู้กล้าแห่งยุคชั้นยอดที่สุดในรุ่นเยาว์จากสี่แดนวิภูล้วนจะมารวมตัวกันที่แดนชัยบูรพา
เพราะหากกระดานทองคำผู้กล้าที่สะเทือนโลกตั้งแต่บรรพกาลจะปรากฏ ก็จะปรากฏขึ้นในแดนชัยบูรพา!
ถึงตอนนั้นเพื่อแย่งชิงอันดับกระดานทองคำผู้กล้า จะต้องเกิดการต่อสู้เพื่อแย่งชิงความเป็นใหญ่ในหมู่ผู้กล้านับหมื่นทั่วหล้าอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนและจะไม่มีอีกอย่างแน่นอน!
และเยวี่ยไฉ่เวยเองก็เคยพูดว่า นอกจากเหล่าผู้กล้าแห่งยุคที่มีชื่อเสียงมาตั้งนานแล้ว ในแดนเร้นอริยะก็มีบุคคลระดับปีศาจที่เรียกได้ว่าไร้เทียมทานซ่อนตัวอยู่
และเคยพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า ตอนที่สงครามมหายุคมาเยือน เส้นทางสู่มกุฎราชันจะต้องปกคลุมไปด้วยเลือดและกระดูกของผู้กล้า!
นี่ก็คือมหาสงคราม!
‘จี้ซิงเหยา อวี่หลิงคง ซุ่นไป๋เสวียน ลั่วเจีย เยวี่ยไฉ่เวย… เพียงแค่บุคคลระดับมกุฎที่ข้าเคยเจอก็มากถึงเพียงนี้แล้ว ไม่รู้เลยจริงๆ ว่าบนโลกนี้ยังมีบุคคลเช่นนี้อีกเท่าไหร่…’
‘นอกจากนี้เซ่าเฮ่านายน้อยแห่งเผ่าราชันเร้นดารา คุณชายที่เก็บตัวเงียบในเกาะอริยะปัญจธาตุแห่งแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์จะยอมอยู่เฉยตอนที่สงครามมหายุคมาเยือนได้อย่างไร’
‘แล้วพวกตัวประหลาดบรรพกาลที่จำศีลมาไม่รู้นานเท่าไหร่ เพื่อรอคอยการมาถึงของสงครามมหายุคอย่างพวกเขามีอีกเท่าไหร่’
หลินสวินดื่มเหล้าจอกหนึ่ง อดทอดถอนใจไม่ได้ บนโลกนี้ไม่เคยขาดแคลนผู้กล้า ยิ่งมุ่งไปข้างหน้าก็ยิ่งเข้าใจความหมายของคำว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้า!
แน่นอนว่าหลินสวินไม่มีทางลืมอวิ๋นชิ่งไป๋!
หากบอกว่าพวกจี้ซิงเหยาและอวี่หลิงคงเป็นผู้มีอิทธิพลในบรรดาคนรุ่นเยาว์แห่งยุค ถ้าอย่างนั้นอวิ๋นชิ่งไป๋คนนี้ก็นับได้ว่าเป็นตำนานที่ยืนตระหง่านอยู่ก่อนหน้ายุคปัจจุบันแล้ว
“ข่าวใหญ่! ข่าวที่เพิ่งเผยแพร่มา อสูรเฒ่าแรดดำถูกฆ่าแล้ว!”
ตอนนี้เองในหอสุรามีคนตะโกนอย่างตื่นเต้น ทำให้เกิดความฮือฮาขึ้น อสูรเฒ่าแรดดำเป็นถึงราชันผู้หนึ่ง จะถูกฆ่าได้อย่างไร
“ว่ากันว่าคนที่ฆ่าอสูรเฒ่าแรดดำเป็นคนหนุ่มที่ชื่อหลินสวิน”
“หลินสวินหรือ ทำไมไม่เคยได้ยิน”
“คนผู้นี้ไม่ใช่ผู้ฝึกปราณแดนชัยบูรพาของเรา เขามาจากแดนฐิติประจิม นับได้ว่าเป็นบุคคลขอบเขตมกุฎในบรรดาคนรุ่นเยาว์ ทั้งยังมีฉายาว่า ‘เทพมารหลิน’!”
“เทพมารหลินงั้นหรือ ฮ่าๆ ฉายานี้ช่างอวดดีจริงๆ ก็ไม่รู้ว่าเทพมานหลินคนนี้มาถึงแดนชัยบูรพาแล้ว จะสามารถแผลงอานุภาพเทพมารได้ต่อหรือไม่”
ในหอสุราเสียงวิจารณ์ดังขึ้นอย่างไม่ขาดสาย สีหน้าของหลินสวินก็อดแปลกพิกลขึ้นมาไม่ได้
ตอนที่อยู่ในแดนฐิติประจิม ไม่ว่าใครวิจารณ์ตน หากไม่เคารพนับถือจนถึงที่สุดก็โกรธจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
แต่ในแดนชัยบูรพาแห่งนี้ ผู้วิจารณ์ต่างไม่เห็นด้วย และยังแฝงความดูถูกและเย้ยหยัน
“ไม่ถูกสิ คนหนุ่มอย่างเขาอาจจะเรียกได้ว่าน่ากลัวในบรรดาคนรุ่นเยาว์ แต่จะสู้อสูรเฒ่าแรดดำได้อย่างไร”
มีคนสงสัย
“ได้ยินว่าอสูรเฒ่าคนนี้ถูกหลินสวินใช้กระบวนผนึกมรรคราชันกักตัวสังหาร”
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ข้ายังนึกว่าเทพมารหลินคนนี้วิปริตขนาดนั้นจริงๆ เสียอีก”
“แต่สามารถใช้กระบวนค่ายกลใหญ่กักตัวสังหารราชันคนหนึ่ง หลินสวินคนนี้ก็นับว่ามีความสามารถ”
ทันใดนั้นบรรยากาศในหอสุรายิ่งผ่อนคลายลง
“ได้ยินว่าแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ออกคำสั่งลงมาแล้ว เคลื่อนพลังส่วนหนึ่งมาเพื่อทวงความเป็นธรรมให้อสูรเฒ่าแรดดำ ไปตามหาและสังหารหลินสวินนั่น”
ตอนที่ได้ยินถึงตรงนี้หลินสวินหัวใจกระตุกวูบ ราวกับคิดไม่ถึงว่าการตอบสนองของแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์จะไวขนาดนี้
“หึ แค่เด็กเมื่อวานซืนที่มาจากแดนฐิติประจิมเท่านั้น สังหารอสูรเฒ่าแรดดำได้ไม่ใช่เพราะพลังปราณของเขาแข็งแกร่งเพียงใด แต่เพราะอสูรเฒ่าแรดดำนั่นถูกซุ่มโจมตี ถูกกังขังอยู่ในค่ายกลใหญ่ หากไม่ใช่เพราะกระบวนค่ายกลใหญ่นี้ เขาก็ไม่ได้มีค่าอะไรเลย”
จู่ๆ ก็มีคนแค่นเสียงขึ้นจมูกอย่างเย็นเยียบ “หากเปลี่ยนเป็นข้าที่ลงมือ ย่อมสามารถสังหารเขาได้อย่างง่ายดายราวกับเชือดไก่!”
…………….

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

Type: Author: ,
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset