Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 977 ถกวิธีกินอสูรเฒ่าระดับราชัน

อสูรเฒ่าแรดดำเต็มไปด้วยความอัปยศอดสูและความเกลียดชังในใจ เขาไม่คิดว่ากระบวนผนึกที่เบาบางกระบวนหนึ่งจะหยุดเขาได้
อย่างไรเสียเขาก็เป็นถึงระดับราชัน!
“ไอ้เด็กเหลือขอ เจ้าหนีไม่รอดหรอก ในสายตาระดับราชันพวกเจ้าก็เป็นแค่มดปลวก ถ้าเจ้าฉลาดก็ควรไสหัวมาให้ข้าอย่างว่าง่ายเป็นดีที่สุด”
อสูรเฒ่าแรดดำก้าวเข้ามาในค่ายกลกระบวนผนึกใหญ่ สีหน้าเขาเย็นเยียบ ดวงตาสาดประกาย มองสำรวจกระบวนผนึกใหญ่นี้
ก็แค่เท่านี้!
เขาหัวเราะเยาะในใจ ไม่ได้รู้สึกถึงกลิ่นอายใดๆ ที่พอจะคุกคามตนได้ สิ่งนี้ยิ่งพาให้เขามั่นใจหายห่วงมากขึ้น
สิ่งเดียวที่พาให้เขาขมวดคิ้วก็คือ หลังจากเข้าสู่กระบวนผนึกนี้สี่ทิศล้วนเวิ้งว้าง ถึงขั้นไม่สามารถจับกลิ่นอายของหลินสวินได้อีก
ตูม!
เขาย่างเท้าออกไปหนึ่งก้าว ฟ้าสะเทือนดินสะท้าน ห้วงอากาศแตกเป็นเสี่ยง พลังของราชันอันไร้รูปปลดปล่อยออกไป หอบม้วนแปดทิศทาง
เขาไม่เข้าใจกระบวนผนึก แต่กลับรู้ดีว่าเมื่อเผชิญหน้ากับพลังที่แท้จริง ทุกอย่างจะไม่สามารถขวางกั้นฝีก้าวของตนได้!
ส่วนการทำลายกระบวนผนึกนั้นง่ายเกินไป แค่ทุ่มแรงไปคราเดียวก็เพียงพอแล้ว!
ในยามนี้เงาร่างของอสูรเฒ่าแรดดำดูเหมือนจะสูงใหญ่ไร้ขีดจำกัด พลังระดับราชันกระจายแผ่กว้าง เสียงมรรคสนั่นสั่นไหว แสงมรรคกระจายออกไปดั่งกระแสน้ำ
ทันใดนั้นกระบวนผนึกใหญ่นี้ก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ฟ้าดินเปลี่ยนสี ส่งเสียงคำรามก้องกระหึ่มเป็นระลอกคล้ายจะพังทลาย
“เจ้าเด็กเหลือขอ ก่อนที่กระบวนผนึกนี้จะถูกทำลาย หากเจ้ายังไม่ยอมเป็นฝ่ายโผล่หัวมาไถ่โทษ ข้ารับรองว่าจะให้เจ้าได้ลิ้มรสชาติการตายทั้งเป็น!”
อสูรเฒ่าแรดดำตะโกน เสียงสะท้านประหนึ่งท่วงทำนองแห่งมรรค
สิ่งที่พาให้เขาประหลาดใจคือ ทั่วทั้งสี่ทิศนอกจากเสียงกึกก้องปั่นป่วนของกระบวนผนึกใหญ่แล้ว เขาก็ไม่สามารถสัมผัสถึงกลิ่นอายของหลินสวินแม้แต่เสี้ยวเดียว
“ตายก็ไม่ยอมก้มหัวหรือ”
อสูรเฒ่าแรดดำพึมพำกับตัวเอง กดฝ่ามือลงในห้วงอากาศ เสียงกึกก้องดังขึ้นคราหนึ่ง พยับเมฆสีเขียวเข้มที่วิวัฒน์จากลายมรรคก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า กดอัดห้วงอากาศ
พื้นที่ทั้งหมดเหมือนกลายเป็นบ้านฟางที่อยู่ในพายุรุนแรง อาจถูกทำลายให้สิ้นซากได้ทุกเมื่อ
แต่สิ่งที่ทำให้อสูรเฒ่าแรดดำขมวดคิ้วคือกระบวนผนึกใหญ่นี้ดูคล้ายโงนเงนสั่นคลอน แต่ท้ายที่สุดมันก็ไม่ถูกทำลายอย่างสมบูรณ์
‘ข้าใช้พละกำลังไปสี่ส่วนแล้ว เหตุใดแม้แต่กระบวนผนึกวิญญาณกระบวนเดียวยังทำลายไม่ได้ หรือว่า…’ อสูรเฒ่าแรดดำนึกถึงตรงนี้ดวงตาก็หดรัดทันที ‘นี่คือกระบวนผนึกมรรคราชันหรือ’
ตู้ม!
และยามนี้เอง ท่ามกลางบรรยากาศสี่ทิศที่เวิ้งว้าง รอยสลักวิญญาณหนาแน่นราวกับกระแสน้ำก็หลั่งไหลเข้ามากลางฟ้าดินดุจกระแสน้ำ
ความผันผวนของกระบวนผนึกที่พร่างพราวและลุกโชนก็แผ่ขยายออกไป ครอบฟ้าคลุมดินพาให้กระบวนผนึกใหญ่นี้เปลี่ยนรูปลักษณ์ไปอย่างสิ้นเชิง
“นี่…” ใบหน้าของอสูรเฒ่าแรดดำเปลี่ยนไปเล็กน้อย รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายอันตรายที่คุกคามตนแผ่ครอบลงมา
ติดกับแล้ว!
โดยไม่ลังเลใดๆ ร่างของเขาพริบไหวพุ่งวกกลับไปยังทางเดิม พลังระดับราชันถูกโคจรอย่างเต็มที่ พาให้ทั้งตัวอบอวลแสงดำน้ำหมึก อานุภาพคับฟ้า
แต่ยังไม่ทันพุ่งออกไป รอยสลักวิญญาณทั่วฟ้าที่ควบรวมก็วิวัฒน์กลายเป็นเสือขาวยาวหลายร้อยจั้ง คำรามและพุ่งแหวกห้วงอากาศ
เสือขาวตัวนี้น่ากลัวเกินไป นัยน์ตาสีทองอร่าม ร่างกายใหญ่โต แผ่ไอสังหารที่ทำลายล้างฟ้าดินออกมา เพียงตะปบอุ้งเท้าคราหนึ่งก็ฉีกทึ้งห้วงอากาศ
เสียงปึงดังขึ้นคราหนึ่ง ระหว่างที่ไม่ทันตั้งตัวอสูรเฒ่าแรดดำก็ถูกตะปบกระเด็นออกไป เงาร่างซวนเซ เห็นชัดว่าสะบักสะบอมยิ่ง
“แม่งเอ๊ย! ดันเป็นกระบวนผนึกมรรคราชัน!”
สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม โกรธจนเกือบจะแหกปากตะโกนด่า ไม่คาดคิดมาก่อนว่าด้านข้างของทะเลสาบนี้จะถึงกับซุ่มซ่อนค่ายกลสังหารขนาดใหญ่เช่นนี้
สวบ!
ร่างของเขาพริบไหว ไม่กล้าเข้าปะทะ พุ่งโฉบไปอีกด้านหนึ่ง ในขณะเดียวกันก็เรียกยอดศาสตรามรรคราชันของตนออกมา…
ไม้ตะบองยักษ์กระดูกขาว
สมบัติชิ้นนี้มีประวัติยาวนาน สร้างจากกระดูกอสูรเก้าตาสัตว์เทพในสมัยบรรพกาล มีอานุภาพแหวกภูเขาฉีกทึ้งสมุทร
ฮูม!
วิหคชาดที่มีปีกสีแดงเพลิงบินโฉบออกมา ส่งเสียงร้องใส ร่างกายที่โค้งงออย่างสมบูรณ์สาดแสงเพลิงอันไม่มีที่สิ้นสุดออกมา ถล่มโลกให้กลายเป็นดินแดนแห่งไฟ
ตู้ม!
อสูรเฒ่าแรดดำกระชับตะบองยักษ์แล้วซัดกระแทกออกไปโดยไม่ลังเล
ทะเลเพลิงแตกสลาย แต่วิหคชาดไม่ได้รับผลกระทบ เคลื่อนตัดกลางอากาศพุ่งสังหารเข้ามา ปีกของมันเหมือนดาบไฟคู่หนึ่งฟันฉับลงมา กร้าวแกร่งเผด็จการ มีอานุภาพเผาไหม้จักรวาล
แม้อสูรเฒ่าแรดดำจะต่อต้านสุดแรงเกิด แต่กลับถูกเผาจนเนื้อหนังถลอกปอกเปิกไหม้เกรียมทั่วร่าง ส่งเสียงร้องอนาถเหมือนหมูถูกเชือดก็ไม่ปาน
“แม่งเอ๊ย! นี่มันค่ายกลแบบไหนกัน เหตุใดถึงน่ากลัวเพียงนี้”
อสูรเฒ่าแรดดำคำรามเดือดดาล แต่สุดท้ายก็ไม่อาจไม่ย่อตัวป้องหัว พุ่งหนีไปทางอื่น
ก่อนหน้านี้เขายิ่งใหญ่คับฟ้า มีชื่อเสียงทั่วโลกหล้า เย่อหยิ่งลำพองตนวางท่าเป็นนายเหนือหัว
แต่ตอนนี้กลับแหกปากร้องครั้งแล้วครั้งเล่า ผมเผ้าเคราหนวดทั้งหมดถูกเผาเกลี้ยง หนีอุตลุดหมดสภาพเหมือนผีตัวดำ หากถูกผู้ฝึกปราณด้านนอกเห็นเข้าคงไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเป็นอันขาด
ภายนอกกระบวนผนึก หลินสวินบังคับจานกระบวนควบคุมค่ายกลใหญ่ด้วยสีหน้าผ่อนคลาย
แต่พวกโค่วซิงต่างพากันปากอ้าตาค้างตั้งนานแล้ว หัวใจสั่นสะท้าน นี่คือราชันที่แท้จริงเชียวนะ!
แต่ตอนนี้กลับติดแหง็กอยู่ในกระบวนผนึก ตกที่นั่งลำบากและเสี่ยงอันตราย สิ่งนี้พาให้ผู้คนไม่อาจเชื่อ น่าตระหนกตกใจเกินไปแล้ว
“เสียแกนวิญญาณขั้นสูบงหนึ่งหมื่นสามพันก้อนไปแล้ว ราคานี้สามารถซื้อยอดศาสตรามรรคราชันครึ่งชิ้นได้เลย” ด้านข้างแม่นางเยวี่ยทำการคิดคำนวณ
ประโยคเดียวพาให้หลินสวินที่แต่เดิมรู้สึกผ่อนคลายพลันตัวแข็งทื่อ ปวดใจไปหมด
อสูรเฒ่าแรดดำสมควรตายนี่ โผล่มาตอนไหนไม่โผล่ ดันโผล่มาเอาตอนนี้ พาให้ทรัพย์สมบัติทั้งหมดของเขาสูญเปล่าไปอย่างสิ้นเชิง!
“รออีกเดี๋ยวพวกเรามาชิมเนื้อแรดดำนี่ด้วยกันเป็นอย่างไร นี่เป็นถึงเนื้อของสิ่งมีชีวิตระดับราชัน ได้แต่แหงนมองไม่อาจร้องขอเชียวนะ” หลินสวินกัดฟันกระตุ้นพลังของกระบวนค่ายกลใหญ่ หมายจะสยบสังหารเจ้าเดรัจฉานนี่
“นี่… ไม่ดีกระมัง?” พวกโค่วซิงต่างตะลึงพรึงเพริด กินเนื้อระดับราชัน? คุณชายหลินสวินเขาก็ช่างกล้าคิดจริงๆ!
“พี่หลินสวิน เอาตามท่านว่า!” ดวงตาของเสี่ยวเหอทอประกาย ดูตั้งตาคอย เยี่ยม นี่ก็เป็นของว่างอีกหนึ่งอย่าง
“อสูรเฒ่าแรดดำแก่ขนาดนี้แล้ว ก็ไม่รู้ว่าเนื้อยังหอมหวานอยู่หรือไม่ แต่ถ้าเป็นตุ๋นกระดูกดื่มน้ำแกงล่ะก็ต้องเป็นของบำรุงชั้นเลิศแน่ๆ” แม่นางเยวี่ยคิดอย่างจริงจัง
“น้ำแกงตุ๋นกระดูก เนื้อก็เอามาย่างกิน ห้ามทิ้งไปเปล่าๆ แม้แต่ชิ้นเดียว” หลินสวินก็ตอบอย่างจริงจัง
พวกโค่วซิงอ้าปากกว้าง แทบไม่เชื่อหูตัวเอง สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชันถูกนำมาถกเถียงเป็นของกินตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
ห่างออกไปผู้แข็งแกร่งส่วนหนึ่งที่ไม่ได้หลบหนีไปก็เกือบล้มหัวทิ่ม มีอาการมึนงงตกตะลึง ไม่อาจจินตนาการได้เลยสักนิด ว่าคนพวกนี้ถึงกับถกเกียงกันเรื่องวิธีกินสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับราชัน!
นี่มันป่าเถื่อนเกินไปแล้ว หากแพร่ออกไปคงทำให้สะเทือนไปทั้งโลกหล้าแน่นอน
ส่วนอสูรเฒ่าแรดดำซึ่งอยู่ในกระบวนค่ายกลใหญ่ในเวลานี้ก็ใกล้จะพังทลายแล้ว หนีคลุ้มคลั่งเหมือนแมลงวันบินจ้าละหวั่น แต่ไม่ว่าเขาจะหนีไปไหนก็ถูกซัดโจมตีอย่างไร้ปรานี
เสือขาวกลิ่นอายดุร้ายทะยานฟ้า วิหคชาดเปลวเพลิงแผดเผา มังกรเขียวยึดครองฟากฟ้า เต่าดำที่เหมือนภูผาเคลื่อนไหว…
เงามายาสัตว์เทพทั้งสี่ยึดครองสี่ทิศ ไม่ว่าแรดดำโจมตีอย่างไรก็ยากจะสั่นคลอนพวกมันได้ ตรงข้ามกลับถูกไล่ฆ่าหางจุกตูด
“ไอ้เด็กเหลือขอ! เจ้าชาติชั่วกล้าวางกับดักข้า!!” อสูรเฒ่าแรดดำโกรธจนแหกปากตะโกนด่า ดวงตาแทบถลน ขนาดหางตายังมีเลือดไหลออกมา
เรื่องนี้มีลับลมคมนัยเกินไปแล้ว
ค่ายกลกระบวนผนึกมรรคราชันวางอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เนิ่นๆ ใครจะว่างมากจนทำเช่นนี้ จะต้องเป็นกับดักที่จงใจขุดรออย่างแน่นอน ก็รอให้เขาติดกับอย่างไรเล่า!
ตู้ม!
ขณะคำราม ร่างกายขนาดใหญ่ของเต่าดำก็กดทับลงมา กระแทกอสูรเฒ่าแรดดำลอยคว้างออกไปตรงๆ ทำให้เขากระอักเลือดออกปากจมูก กระดูกกระเดี้ยวตามร่างกายดังกรอบแกรบ ปวดระบมจนตาเหลือก
“น่าโมโหนัก!”
อสูรเฒ่าแรดดำกระอักเลือด จวนจะคลั่งแล้ว
นับตั้งแต่ก้าวเข้าสู่ระดับราชันเมื่อสิบกว่าปีก่อน เขาก็คิดว่าเว้นแต่จะมีอริยะปรากฏตัว หาไม่แล้วตนก็แกร่งพอจะเคลื่อนขวางโลกหล้าได้โดยไม่ต้องกลัวสิ่งใด!
แต่ใครจะคิดว่ายามนี้กลับจะถูกยัดไว้ในหลุมที่ขุดโดยคนรุ่นเยาว์ระดับกระบวนแปรจุติคนหนึ่ง แถมยังมีอันตรายถึงชีวิต!
จะไม่ให้เขาโกรธได้อย่างไร
การเป็นราชันไม่ใช่เรื่องง่าย!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ฝึกปราณอิสระอย่างเขา บากบั่นดั้นด้นฝ่าฟันความยากลำบากเป็นพันหมื่นครั้ง กว่าจะเหยียบย่างในระดับนี้ได้ ยังไม่ทันได้โลดแล่นเสพสุขเลยด้วยซ้ำ หากจบเห่ทั้งอย่างนี้ใครเล่าจะเต็มใจ
ไม่อาจไม่พูด ระดับราชันนั้นไม่ได้ฆ่าง่ายๆ อย่างแท้จริง เจอการโจมตีเช่นนี้ก็ยังไม่ถูกฆ่าตายอยู่ดี
หากเปลี่ยนไปเป็นผู้ฝึกปราณคนอื่นเกรงว่าคงถูกกำจัดในชั่วพริบตา
“สหายน้อย ก่อนหน้านี้ข้าหยอกเล่นกับเจ้า เจ้าโปรดยั้งมือด้วย ปล่อยข้าไปสักหน ข้าสัญญาว่าจะชดเชยให้เจ้าอย่างเพียงพอ ต่อให้กลายเป็นสัตว์พาหนะ บุกล้ำลุยไฟให้เจ้าก็ได้ทั้งนั้น!”
สุดท้ายอสูรเฒ่าแรดดำก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป ส่งเสียงอ้อนวอน ท่าทางวางตนต่ำต้อยยิ่ง ไม่มีท่าทีหยิ่งผยองน่าเกรงขามแม้แต่น้อย
แต่เขาก็จนหนทาง สถานการณ์อยู่นอกเหนือการควบคุม และเขาไม่อยากตายจริงๆ!
“รับใช้เป็นสัตว์พาหนะ…” สีหน้าพวกโค่วซิงเริ่มอึ้งค้างมากขึ้นเรื่อยๆ ดวงตาแข็งทื่อ นี่คือระดับราชันเชียวนะ ถึงกับถูกบีบจนยอมทิ้งแม้แต่ศักดิ์ศรีและความสูงส่งแล้ว?
“ไม่ได้ ข้าอยากกินเนื้อเท่านั้น” หลินสวินปฏิเสธอย่างเด็ดขาด เขารู้ว่านี่เป็นข้ออ้าง ราชันคนหนึ่ง เป็นไปไม่ได้ที่จะเต็มใจเป็นสัตว์พาหนะของเขา แม้คู่ต่อสู้จะก้มหัวให้ในตอนนี้ แต่เมื่อรอดพ้นแล้วต้องตระบัดสัตย์อย่างแน่นอน
“กินเนื้อ? ไม่กลัวเด็กเหลืออย่างเจ้าอิ่มจนท้องแตกหรือ”
อสูรเฒ่าแรดดำเห็นท่าจะสิ้นหวังก็คลั่งอย่างสิ้นเชิง คำรามว่า “เจ้ารู้กระมัง หากข้าตาย แดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์จะไม่มีวันปล่อยเจ้าเด็ดขาด!”
ไม่เอ่ยถึงแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ยังพอทำเนา แต่พอเอ่ยถึงสำนักโบราณนี้ หลินสวินก็ยิ่งมุ่งมั่นจะฆ่าเดรัจฉานตัวนี้มากขึ้นเรื่อยๆ
“เร็วหน่อยเถอะ เสียแกนวิญญาณขั้นสูงไปเกือบสามหมื่นก้อนแล้ว ซื้อยอดศาสตรามรรคราชันชิ้นหนึ่งยังเหลือเฟือ” แม่นางเยวี่ยเอ่ยเตือน
มุมริมฝีปากของหลินสวินกระตุก ไม่ลังเลที่จะใช้พลังยิ่งใหญ่ที่สุดของกระบวนค่ายกลนี้
ครืน!
ทันใดนั้นสายฟ้าโหมกระหน่ำ ทรายหินปลิวว่อน เพลิงศักดิ์สิทธิ์ประดุจหินหนืดปกคลุมทั่วฟ้าดิน กลืนกินฟ้าดินในนั้นจนจมมิด
อสูรเฒ่าแรดดำพยายามขัดขืนดิ้นพล่าน เร่งเร้าพลังแห่งราชันถึงขีดสุด ท่าทางสู้สุดแรงเกิด
แต่ในที่สุดเขาก็ไม่อาจหลุดพ้นชะตากรรมของการถูกฆ่า โดนเงามายามังกรเขียวตะปบกรงเล็บแหวกอกท้องตายคาที่ทันที
ซ่า!
เลือดราชันสีแดงสดที่เปี่ยมไปด้วยพลังชีวิตไหลรินราวกับน้ำพุ น่าสยดสยองจนผู้คนใจสั่น
นอกกระบวนค่ายกลใหญ่ พวกโค่วซิงต่างอึ้งค้างสติกระเจิง
ไกลออกไป ผู้แข็งแกร่งบางคนตับไตบีบอัด ต่างขนพองสยองเกล้า
แม้ว่าพวกเขาจะมองไม่เห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในกระบวนผนึกค่ายกลใหญ่ แต่พวกเขาต่างเดาออกว่าอสูรเฒ่าแรดดำประสบเคราะห์ไปแล้ว!
“สิ้นเปลืองแกนวิญญาณขั้นสูงไปทั้งหมดสามหมื่นสี่พันชิ้น แต่สามารถฆ่าราชันกำมะลอที่ยังไม่ได้สร้างฐานมรรคได้ก็นับว่าไม่เลว…” แม่นางเยวี่ยพูดพร้อมกับไล่นับนิ้วมือขาวเรียว
“ที่แท้ก็เป็นแค่ราชันกำมะลอ ถ้าอย่างนั้นก็ขาดทุนมหาศาลแล้ว…” หลินสวินอึ้งงัน หัวใจแทบกระอักเลือด แกนวิญญาณขั้นสูงจำนวนมหาศาลนี้เสียไปอย่างไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย!
……………..

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

Type: Author: ,
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset