Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 976 อสูรเฒ่าแรดดำ

เหล่าบริวารที่ติดตามอยู่ด้านหลังสิงอี่เทียนพวกนั้นตัวสั่นงันงกตั้งนานแล้ว เห็นสถานการณ์ไม่เข้าทีต่างพากันหนีอุตลุดไม่คิดชีวิต
หลินสวินไม่เกรงใจ สำแดงก้าวย่างชือน้ำแข็งไล่ล่า เสียงกรีดร้องเริ่มดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง สักพักให้หลังบริวารเหล่านี้ก็ถูกสังหารจนหมด
แต่หลินสวินยังคงรู้สึกหดหู่อยู่บ้าง สิงอี่เทียนยังไม่ตาย การฆ่าบริวารเหล่านี้ไม่ใช่ความรู้สึกสำเร็จอะไร
แต่ถึงอย่างนั้นทุกคนที่อยู่ห่างออกไปก็ยังคงตกตะลึง สิงอี่เทียนเป็นถึงพวกร้ายกาจในหมู่คนรุ่นเยาว์แห่งแดนชัยบูรพา ชื่อเสียงเลื่องลือ แต่เขาถูกเด็กหนุ่มคนนี้สยบอย่างสิ้นท่า!
“ทำไม พวกเจ้ายังรอชิงสมบัติกันอยู่หรือ”
ดวงตาสีดำของหลินสวินเย็นชา กวาดมองไปยังทุกคนที่อยู่ห่างไปโดยไม่ปิดบังไอสังหาร
ก่อนหน้านี้เขาขุดโอสถราชันที่ก้นทะเลสาบอย่างสุขใจ แต่ขณะที่กำลังดีอกดีใจกลับถูกสิงอี่เทียนและคนเหล่านี้ทำลายบรรยากาศ สิ่งนี้ทำให้เขาไม่ชอบใจยิ่ง
ฟึ่บๆ!
ผู้ฝึกปราณทุกคนหน้าเปลี่ยนสี ส่วนใหญ่ล้วนหนีไปกันหมด
หลังจากเห็นการโรมรันอันดุเดือด ในตอนนี้พวกเขาต่างตระหนักถึงความน่ากลัวของหลินสวิน ใครจะกล้าลุกขึ้นมาปลุกปั่นในเวลานี้อีก
แม้แต่ราชันกึ่งระดับบางคนก็แสดงท่าทีกริ่งเกรง แม้พวกเขาจะรู้สึกว่าการถูกผู้ด้อยอาวุโสคุกคามเช่นนี้ออกจะขายหน้าอยู่บ้าง แต่สุดท้ายก็ยังอดกลั้นเอาไว้อยู่ดี
ช่วยไม่ได้ พวกเขารู้ดีว่าเด็กหนุ่มเช่นนี้ได้เหยียบย่างบนมกุฎมรรคาแล้ว มีความสามารถในการต่อสู้ข้ามระดับกับพวกเขา!
ในเวลานี้ทะเลสาบสีเงินทั้งหมดถูกระเบิดออก ก้นทะเลสาบแตกแห้ง ศิลาอุกกาบาตขนาดใหญ่ก้อนนั้นก็ถูกทำลายในการต่อสู้ด้วย
หลินสวินได้แต่นึกเสียดายกับเรื่องนี้ แต่ยังโชคดีที่เขาขุดโอสถราชันอัศจรรย์สามต้นอย่าง ‘ต้นหยินหยาง’ ‘หญ้าเปลวเพลิง’ และ ‘โป่งรากสนทองคำ’ ได้ตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว
นอกจากนี้เสี่ยวอิ๋นยังได้รับแกนดาราที่สามารถช่วยให้มันพัฒนาได้ การเคลื่อนไหวครั้งนี้ก็ถือว่าได้รับผลตอบแทนมหาศาล
เพียงแต่ตอนที่หลินสวินกำลังจะออกจากสถานที่แห่งนี้ กลิ่นอายน่ากลัวสายหนึ่งก็ปรากฏออกมาจากไกลๆ และพุ่งเข้ามาทางด้านนี้
“เจ้าหนุ่ม วาสนาที่ก้นทะเลสาบถูกเจ้าชิงไปแล้วหรือ” นี่คือชายชราที่มีเคราสีเขียวเข้ม ใบหน้าเหี่ยวแห้ง แม้ว่าเขาจะมีลักษณะเป็นมนุษย์ แต่ก็ไม่ใช่เผ่ามนุษย์
บนหน้าผากของเขามีเขาเดี่ยวสีขาวกระจ่างยาวครึ่งฉื่องอกออกมา อีกทั้งม่านตาของเขาเป็นสีเหลืองอำพัน เปล่งประกายแวววาวราวกับปีศาจ
“อสูรเฒ่าแรดดำ!” ผู้แข็งแกร่งบางคนที่ยังไม่ได้จากไปเห็นเช่นนี้ก็ร้องเสียงหลงออกมา จำตัวตนของชายชราที่เหี่ยวแห้งได้ในทันใด
อีกด้านหนึ่งของแม่น้ำพรมแดนคือ ‘แคว้นกู่ชาง’ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแดนชัยบูรพา มีพื้นที่กว้างใหญ่และขุมอำนาจบำเพ็ญเพียรมากมาย
สถานที่ที่มีชื่อเสียงที่สุดในนั้นก็คือสำนักโบราณแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์
และอสูรเฒ่าแรดดำผู้นี้ก็มาจากแคว้นกู่ชางเช่นเดียวกัน ฝึกปราณทะลวงระดับราชันได้ตั้งแต่เมื่อสิบกว่าปีก่อน เรียกได้ว่าเป็น ‘ราชันคนใหม่’
สัตว์ประหลาดเฒ่าตนนี้ไม่ธรรมดา นิสัยใจคอเหี้ยมโหดและดุร้าย สังหารผู้ฝึกปราณไม่น้อยในอดีตและผูกแค้นศัตรูมากมาย
หลังจากบรรลุถึงระดับราชันเขาก็เก็บงำความหลงระเริงไม่น้อย และเป็นฝ่ายเข้าหาแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ หมายจะเข้าสู่สำนักโบราณนี้ เลือกสถานที่ปักหลักให้กับตัวเอง
ระดับราชันคนหนึ่งเป็นฝ่ายยอมจำนนก่อน นี่ย่อมเป็นเรื่องใหญ่ฮือฮาอย่างยิ่งเป็นธรรมดา ก่อให้เกิดคลื่นลมในแคว้นกู่ชาง ว่ากันว่าแดนศักดิ์สิทธิ์แกนสวรรค์ได้แสดงเจตจำนง คิดจะรับอสูรเฒ่าแรดดำเข้าสำนักในไม่ช้า
ดังนั้นเมื่อเห็นอสูรเฒ่าแรดดำปรากฏตัวที่นี่ ผู้แข็งแกร่งในที่นั้นต่างก็ตกตะลึงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เผยความกลัวหาใดเปรียบ
นี่คือระดับราชันที่แท้จริง!
ฟ้าดินแปรเปลี่ยน บรรยากาศกดดัน ถูกปกคลุมไปด้วยแรงกดดันจากราชันที่น่ากลัว
ทันทีที่อสูรเฒ่าแรดดำปรากฏตัว ดวงตาประหลาดคู่นั้นก็จับจ้องไปที่ร่างหลินสวินอย่างไม่อาจคาดเดาได้ พาให้ผู้คนหายใจลำบาก
เจ้าหนูนี่ใกล้ซวยแล้ว!
ผู้แข็งแกร่งเหล่านั้นบ่นพึมพำกับตัวเอง รู้สึกมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่นอยู่บ้าง เมื่อระดับราชันปรากฏตัว ผลลัพธ์ก็ถูกกำหนดไว้แล้ว!
“เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร…” พวกโค่วซิงต่างพากันสะท้านทั่วร่าง ไหนเลยจะคิดว่าในช่วงสุดท้ายจะมีราชันที่แท้จริงโผล่มาอีกคน!
ระดับราชันอยู่นอกเหนือจากขอบเขตทั้งห้า นั่นคือสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวซึ่งหยัดยืนอยู่จุดสูงสุดของโลก!
แม้อสูรเฒ่าแรดดำตนนี้จะเป็น ‘ราชันองค์ใหม่’ รากฐานในระดับราชันก็ยังคงตื้นเขินอยู่มาก แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นราชันที่แท้จริงซึ่งกึ่งราชันไม่อาจเทียบเทียมได้อักโข
“มอบสมบัติมา จะให้เจ้าจากไป หาไม่ก็ต้องตาย!” น้ำเสียงอสูรเฒ่าแรดดำราบเรียบ มองหลินสวินเหมือนมดตัวหนึ่ง
ในระดับของเขา แน่นอนว่าย่อมไร้ซึ่งความกลัวเกรงเด็กหนุ่มระดับกระบวนแปรจุติคนหนึ่ง
“หึ คุยโวนัก เจ้าแน่ใจนะว่าอยากเป็นศัตรูกับข้า”
เหนือความคาดหมายของทุกคน ในตอนนี้หลินสวินกลับไม่กลัว อีกทั้งสีหน้าเขายังสงบนิ่งแตกต่างจากคนทั่วไป
สิ่งนี้พาให้ผู้คนไม่อาจไม่ทอดถอนใจ ผู้แข็งแกร่งที่สามารถเหยียบย่างบนมกุฎมรรคา ไม่ใช่คนที่จะถูกสั่นคลอนได้ง่ายๆ ดังคาด ลำพังแค่ความเด็ดเดี่ยวนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่ใครๆ ก็มีได้
“โอ้!” อสูรเฒ่าแรดดำประหลาดใจ ยิ้มอย่างเหยียดหยาม “ไอ้หนุ่ม เจ้ารู้หรือไม่ว่าอะไรที่เรียกว่าระดับราชัน ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร ไม่ว่าเจ้าจะมีภูมิหลังยิ่งใหญ่แค่ไหน หากคิดฝ่าฝืนข้าก็ต้องตายสถานเดียว!”
ตูม!
ขณะพูดกลิ่นอายทั่วร่างของเขาก็ทะยานขึ้นฟ้า ซัดพยับเมฆให้แตกซ่าน ห้วงอากาศละแวกนั้นต่างโหยหวน ยุบตัวลงระเบิดแตกทีละส่วน อานุภาพของระดับราชันนั้นน่ากลัวอย่างยิ่ง
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หลินสวินก็ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันที่ไม่อาจจินตนาการได้เช่นกัน บีบให้เขาไม่อาจไม่โคจรปราณทั้งหมดไปต้านทาน
“หืม? ถึงกับต้านอยู่เชียว” อสูรเฒ่าแรดดำอึ้งไปอีกครั้ง ที่ผ่านมาเขาเพียงแค่ปลดปล่อยแรงกดดันบางส่วนก็สามารถทำให้คู่ต่อสู้ที่อยู่ต่ำกว่าระดับราชันคุกเข่าลงได้แล้ว
แต่ยามนี้ฝ่ายตรงข้ามเป็นเพียงเด็กหนุ่มระดับกระบวนแปรจุติ กลับไม่ถูกสั่นคลอน นี่เป็นเรื่องผิดปกติยิ่ง
“เฮอะ มิน่าถึงบ้าดีเดือดเพียงนี้ ที่แท้ก็เป็นเด็กหนุ่มผู้กล้าคนหนึ่งนี่เอง แต่ในความคิดข้า ผู้กล้าอะไรก็ได้แต่วางอำนาจอวดศักดาอยู่ในระดับกระบวนแปรจุติเท่านั้น สุดท้ายก็ไม่ได้ผงาดง้ำอย่างแท้จริง ก็เหมือนเศษเนื้อบนเขียง ข้าล้วนชี้ต้นตายชี้ปลายเป็นได้!”
อสูรเฒ่าแรดดำแค่นเสียงเย็น สะท้อนก้องเก้าสวรรค์สิบแผ่นดินราวกับฟ้าคำราม สั่นสะเทือนจนผู้ฝึกปราณที่อยู่ห่างออกกไปเหล่านั้นสองหูอื้ออึง เลือดลมพลิกตลบ เกือบเซฟุบลงกับพื้น
กลิ่นอายของเขาแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ราวกับราชันที่เหยียดหยันโลก บีบคั้นขุนเขาธารา!
แรงกดดันที่มีต่อหลินสวินก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน แต่ในใจเขากลับไม่หวาดกลัว หากแต่กำลังสัมผัสอย่างรอบคอบ
ในอดีตเขาเคยถูกผู้แข็งแกร่งระดับราชันหมายหัว ถึงขั้นที่เคยถูกบุคคลระดับราชันสองคนของเผ่าสุนัขสวรรค์มายาทมิฬไล่ล่าสังหารตลอดทาง
ในเวลานั้นเขาไม่มีพลังที่จะปัดป้องเลยสักนิด แม้แต่ความสามารถในการต้านทานก็ยังไม่มี ดังนั้นจึงทำได้เพียงแค่บังคับยานขนส่งอวกาศหนีไปอย่างทุลักทุเล
แต่ยามนี้ต่างออกไปแล้ว อย่างน้อยเขาก็มีรากฐานพลังที่ทำให้ไม่ถูกสยบต่อหน้าระดับราชัน!
พลังขับเคลื่อนทั่วร่างเขาไม่เคยถูกรัดรึง จิตวิญญาณและร่างกายยังคงมีความสามารถในการต่อต้าน และไม่เคยสูญเสียพลังในการเคลื่อนไหว!
นี่เป็นความก้าวหน้าอย่างหนึ่ง แถมยังยิ่งใหญ่มากเสียด้วย!
“ระดับราชันอย่างเจ้าก็ไม่พ้นทำได้แค่นี้!” ยามนี้หลินสวินยิ้มด้วยท่าทางมั่นใจ
เขารู้เช่นกันว่าอีกฝ่ายเพิ่งกลายเป็นราชันมาแค่สิบกว่าปี รากฐานพลังและความเชี่ยวชาญในระดับราชันของเขายังห่างชั้นจากราชันรุ่นเก่ามากโข
แต่ไม่ว่าอย่างไรนี่ก็คือราชันคนหนึ่ง!
ตอนนี้ตนสามารถจัดการและเผชิญหน้ากับแรงกดดันที่บีบคั้นได้ จุดนี้ทำให้หลินสวินตื่นเต้นและพอใจมาก
เฮือก!
มีเสียงสูดหายใจหนาวเยือกดังขึ้นในที่นั้น ใครๆ ต่างคาดไม่ถึงว่าหลินสวินจะแข็งกร้าวเช่นนี้ภายใต้สถานการณ์ที่เลวร้ายในตอนนี้
แต่สีหน้าอสูรเฒ่าแรดดำนั้นเย็นชามาก หว่างคิ้วเต็มไปด้วยไอสังหาร
“ในโลกนี้มีข่าวลืออยู่เสมอว่ามหายุคกำลังจะมาถึง เงาร่างของผู้กล้ารุ่นเยาว์จะผงาดขึ้นมา นำพากระแสแห่งมหายุคซึ่งเป็นอนาคตของดินแดนรกร้างโบราณ แต่ในความคิดของข้ามันดูเหลวไหลยิ่ง หากเป็นเช่นนั้นราชันอย่างพวกเรานับเป็นอะไรเล่า”
ขณะอสูรเฒ่าแรดดำพูดก็ก้าวไปข้างหน้า ก้าวเดียวทะยานฟ้า ฟ้าดินสะเทือนเลือนลั่น ผู้แข็งแกร่งบางคนรู้สึกว่าหัวใจของพวกเขาประหนึ่งถูกฟ้าผ่า แทบจะกระอักเลือด
“บอกเจ้าอย่างไม่กลัวเลยว่า ต่อให้มหายุคใกล้มาเยือน แต่หากอริยะไม่ออกมา ผู้ที่สามารถเป็นนายเหนือหัวแห่งใต้หล้านี้ได้ก็มีเพียงพวกข้าระดับราชันเท่านั้น!”
“ตอนนี้ข้าจะใช้ข้อเท็จจริงพิสูจน์ว่า ต่อหน้าข้า เจ้าก็เป็นแค่มดที่แข็งแกร่งขึ้นมาหน่อยก็เท่านั้น สามารถบี้ให้ตายได้ตามใจ!”
เมื่อพูดถึงตรงนี้อสูรเฒ่าแรดดำก็ยื่นมือออกไป ประทับฝ่ามือใหญ่ก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ ซัดกวาดไปทางหลินสวินอย่างหนักหน่วง
พลังประทับฝ่ามือนั่นน่ากลัวเกินไป เสียงธรรมกู่ก้อง แสงธรรมระเบิดออก บนข้อนิ้วแต่ละข้ออบอวลลายมหามรรค มีกลิ่นอายแห่งกฎเกณฑ์ว่ายวนอยู่ในนั้น!
มองจากระยะไกลก็พาให้ผู้แข็งแกร่งพวกนั้นรู้สึกสิ้นหวังเหมือนจุดจบกำลังจะมาถึง!
นี่ก็คือระดับราชัน!
ไม่ว่าในสายตาใคร หลินสวินไม่มีความหวังที่จะหลบหนี และถูกกำหนดให้ถูกบี้ตายเหมือนแมลงตัวหนึ่ง
แต่เหตุการณ์หลังจากนั้นกลับทำให้ทุกคนตกตะลึงกรามค้าง
ตูม!
ก็เห็นกลางฝ่ามือหลินสวินมีขวดมันแพะสูงไม่กี่ชุ่นขวดหนึ่งโฉบออกไป พ่นเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์เต็มฟ้าออกมา
เพลิงเขียวไม้อิก เพลิงขาวทองหลอม เพลิงดำวารีพิสุทธ์ เพลิงเหลืองแดนพิภพ เพลิงแดงสมบัติสุริยัน… เปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้าชนิดหลากสีสันและแวววาว ม้วนตัวออกมาเหมือนกระแสน้ำไหลร่วงจากเก้าสวรรค์
อสูรเฒ่าแรดดำจมอยู่ภายในนั้นอย่างสมบูรณ์โดยไม่ได้ตั้งตัว คิ้วเคราและเสื้อผ้าของเขาถูกไหม้จนหมด ส่งเสียงร้องโหยหวน
ก่อนหน้านี้เขาประหนึ่งราชันผู้สูงส่ง มองว่าหลินสวินเป็นมดปลวก บีบง่ายๆ คราหนึ่งก็ตายแล้ว นี่เป็นการดูถูกเหยียดหยามอย่างยิ่ง
ใครเลยจะคิดว่าชั่วพริบตากลับเกิดการพลิกผัน!
หลินสวินไม่ได้ถูกบีบจนตาย แต่อสูรเฒ่าแรดดำกลับถูกเพลิงผลาญและแหกปากร้องดิ้นพล่าน ความสง่าแห่งราชันสลายหายไป ดูน่าขันและเป็นตัวตลกยิ่ง
ถึงขั้นมีกลิ่นหอมของเนื้อสัตว์ลอยออกมา…
เมื่อมองไปที่อสูรเฒ่าแรดดำอีกครั้ง ผิวหนังของเขาถูกเผาจนเป็นสีดำน่าตกใจ พลังของเพลิงศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้านั้นเผด็จการและน่ากลัวอย่างแท้จริง!
“ไอ้เด็กเหลือขอ เจ้ามันรนหาที่ตาย!” อสูรเฒ่าแรดดำส่งเสียงคำรามกราดเกรี้ยว สะเทือนไปทั่วทิศ
ก็เห็นทะเลเพลิงนั้นพลันแตกระเบิด ส่วนเงาร่างของเขาก็รีบพุ่งออกไป แม้ว่าผมเผ้าเคราหนวดจะถูกเผาจนหมด พาให้เขาดูหมดสภาพหาใดเปรียบ แต่การบาดเจ็บเล็กน้อยนี้ไม่สามารถสร้างบาดแผลแท้จริงต่อเขาได้
เพียงแต่…
น่าอับอายเกินไปแล้ว!
ราชันผู้หนึ่งกลับถูกเผาจนไม่เหลือสภาพ เหมือนก้อนถ่านที่ไหม้เกรียม หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปก็น่าขายหน้าเกินไปแล้ว
“ตาย!” หลังจากที่เขาโถมออกไป ก็พุ่งเข้าสังหารหลินสวินในทันที
แต่ตอนที่หลินสวินเรียกขวดมหามรรคไร้ขอบเขตออกมา ก็ได้โคจรก้าวย่างชือน้ำแข็งแล้ว โฉบเข้าไปในกระบวนผนึกราชันที่อยู่นอกทะเลสาบ
เมื่ออสูรเฒ่าแรดดำไล่ตามมาก็ไม่พบร่องรอยของหลินสวินแล้ว
“ค่ายกลหรือ”
ยามนี้กระบวนผนึกจตุลักษณ์ราชันยังไม่ได้เปิดใช้งาน กลิ่นอายจวนจะไม่เหลือหลอ เพียงมีหน้าที่ในการปิดคลุมฟ้าดินเท่านั้น
สิ่งนี้ทำให้อสูรเฒ่าแรดดำลังเลอยู่ชั่วขณะหนึ่งก่อนจะพุ่งกระโจนเข้าไป
——

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

Type: Author: ,
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset