Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1937 ความน่ากลัวของข่งเจา

ตอนที่ 1937 ความน่ากลัวของข่งเจา

เด็กหนุ่มชุดป่านท่าทางเกียจคร้าน ซุกซนขี้เล่น

เป็นเสวียนจิ่วอิ้นนั่นเอง!

เด็กหนุ่ม ‘เสี่ยวจิ่ว’ ที่เคยโดยสารยานลมกรดเหินข้ามฟ้าดารามาพร้อมกับหลินสวินและจินเทียนเสวียนเยวี่ยคนนั้น

 เป็นเจ้า? 

จินเทียนเสวียนเยวี่ยอึ้งไป แต่ไม่ถึงขั้นตกใจ

เพราะในข้อมูลที่สืบรู้มาก่อนหน้านี้ทำให้นางรู้ว่า เด็กหนุ่มใบหน้ายิ้มแย้มคนนี้ ยามนี้เป็นอันดับหนึ่งในศึกถกมรรคแคว้นทองแดงแล้ว!

เขามาเข้าร่วมงานชุมนุมถกมรรค เดิมก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

 ฮ่า แม่นางเสวียนเยวี่ยยังจำข้าได้ 

เด็กหนุ่มชุดป่านหัวเราะร่วน เห็นได้ชัดว่ากระตือรือร้นยิ่ง  คนนั้นน่ะ ข้าจำได้ว่าเจ้าร่วมเดินทางพร้อมกับพี่อวี่เสวียนไม่ใช่หรือ แล้วเขาเล่า 

กล่าวพลาง สายตาของเขาก็เริ่มมองสำรวจบนร่างพวกหลินสวิน ลู่ตู๋ปู้ อู่หวง

 คุณชายอวี่เสวียนไม่อยู่ 

จินเทียนเสวียนเยวี่ยกล่าว

เด็กหนุ่มชุดป่านร้องอ้อคราหนึ่ง จู่ๆ ก็ยิ้มสนิทมนมสื่อจิตว่า ‘ตอนที่อยู่บนยานลมกรดก่อนหน้านี้ ข้าก็ดูออกแล้วว่าเจ้าอวี่เสวียนนี่เคยปลอมตัวเปลี่ยนโฉมหน้า ตอนนี้ก็น่าจะเปลี่ยนอีกสถานะมาปรากฏตัวอีกแล้วกระมัง หากข้าเดาไม่ผิด จินตู๋อีที่อยู่ทางนั้นใช่เจ้าหมอนั่นหรือไม่’

นัยน์ตาสุกใสของจินเทียนเสวียนเยวี่ยหดรัด

แต่ไม่รอให้นางเอ่ยปาก เด็กหนุ่มชุดป่านก็โบกมือกล่าวว่า ‘ไม่ต้องอธิบาย ในใจข้ารู้ดีก็พอแล้ว จริงสิ เจ้าช่วยข้าไปบอกเขาที ในงานชุมนุมถกมรรคครั้งนี้พวกเราล้วนเป็นพวกเดียวกัน เว้นแต่จะเป็นไปตามกฎจึงต้องต่อสู้แลกเปลี่ยนกัน หาไม่ ระหว่างพวกเราจะฆ่าแกงกันเองไม่ได้เชียว’

กล่าวพลางเขาก็ยิ้มหันไปพยักหน้าให้กับหลินสวินที่อยู่ไม่ไกลนัก แล้วหมุนตัวเดินออกไป

จินเทียนเสวียนเยวี่ยขมวดคิ้วงามมุ่น เจ้าหมอนี่กำลังหยั่งเชิง หรือมองฐานะของคุณชายออกแล้วจริงๆ กันแน่

‘คุณชาย เมื่อครู่…’

จากนั้นนางก็สื่อจิตเล่าคำพูดเด็กหนุ่มชุดป่านเมื่อครู่ให้หลินสวินฟังทั้งหมด

หลินสวินใคร่ครวญแล้วกล่าวว่า ‘เจ้าเด็กนี่น่าจะไม่ได้มีเจตนาร้าย ไม่ต้องกังวล’

จินเทียนเสวียนเยวี่ยพยักหน้า แล้วสื่อจิตอีกครั้งอย่างอดไม่ได้ ‘คุณชาย พวกเราจะเป็นพันธมิตรกับเจ้าหมอนั่นจริงๆ หรือ’

หลินสวินกล่าวง่ายๆ ‘เคลื่อนไหวตามสถานการณ์ก็พอ’

พร้อมๆ กับเวลาเคลื่อนคล้อย บรรดาผู้แข็งแกร่งที่มาถึงหน้าภูเขาเทพแสงเขียวก็ยิ่งมีมากขึ้นเรื่อยๆ แทบจะเป็นสิบอันดับแรกของแคว้นอื่นๆ ในโลกใหญ่หงเหมิงทั้งสิ้น

 ไหนว่าในงานชุมนุมถกมรรคครั้งนี้ พวกปีศาจแห่งยุคบางส่วนจากฟ้าดาราโลกอื่นๆ ก็จะมาร่วมด้วย เหตุใดจนป่านนี้ยังไม่เห็นเลยเล่า 

มีคนงึมงำ

 พวกปีศาจแห่งยุคพวกนี้ล้วนมีผู้อาวุโสข้างกายพามา มาถึงตั้งแต่แรกแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำการคัดเลือกถกมรรคอะไรก็สามารถเข้าร่วมในงานชุมนุมถกมรรคได้แล้ว ไม่ใช่คนประเภทเดียวกับพวกเรา 

มีคนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเจือแววเหน็บแนม

พวกเขาที่อยู่ในที่นี้ก็ถือว่าเป็นผู้กล้ากลุ่มหนึ่งที่โดดเด่นสะดุดตาที่สุดในแต่ละแคว้น ไม่เพียงพื้นเพไม่ธรรมดา ยังเป็นพวกชั้นยอดในหมู่คนรุ่นเดียวกัน สะดุดตายิ่งยวด

ทว่าก่อนหน้านี้กลับยังต้องผ่านการคัดเลือกครั้งแล้วครั้งเล่า กว่าจะคว้าคุณสมบัติเข้าร่วมงานชุมนุมถกมรรคครั้งนี้มาได้

เมื่อเทียบกันเช่นนี้แล้ว เหล่าปีศาจแห่งยุคที่มาจากโลกอื่นในฟ้าดารา ไม่ต้องคัดเลือกก็มีคุณสมบัติระดับนี้ได้ ย่อมทำให้ในใจผู้คนรู้สึกไม่เสมอภาคยิ่ง

 ใช่แค่พวกเขาที่ไหน ผู้สืบทอดของหกเรือนมรรคใหญ่ สิบเผ่านักรบใหญ่ ก็สามารถเข้าร่วมงานชุมนุมถกมรรคได้ตรงๆ เหมือนกันไม่ใช่หรือ 

 หากในใจไม่ยินยอม ในงานชุมนุมถกมรรคก็สามารถกำราบพวกเขาทีละคน เช่นนี้จึงจะสามารถพิสูจน์ตัวเองได้ ไม่ใช่จะมาพูดจาส่อเสียดส่งๆ อะไรอยู่ 

ขณะที่ในที่นี่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมาย จู่ๆ น้ำเสียงเยียบเย็นประดุจน้ำแข็งสายหนึ่งก็ดังขึ้น…

 ใครไม่ยอม ลุกออกมา! 

ประโยคเดียวทำเอาทั่วลานล้วนหันมองไปยังจุดเดียวกัน

ก็เห็นหน้าประตูภูเขาเก่าแก่แห่งนั้น ไม่รู้ปรากฏเงาร่างสายหนึ่งขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ เอามือไพล่หลังกวาดสายตามองผู้คน

นี่คือชายหนุ่มที่รูปร่างสูงโปร่งยิ่งคนหนึ่ง สวมอาภรณ์สีสันงดงาม บนศีรษะสวมเกี้ยวประดับเมฆ ช่วงเอวผูกเข็มขัดหยกทองอร่าม บนใบหน้าหล่อเหลาเจือแววเยียบเย็นเหยียดหยันที่ไม่ปกปิดแต่อย่างใด

เขายืนอยู่ตรงนั้นคนเดียว รอบกายมีแสงระเรื่อห้อมล้อม ทอประกายพร่างพราว มีมาดสง่างามสะท้านโลก มีแววเหยียดหยันที่ยากจะกล้ำกราย!

 ข่งเจา 

 ถึงกับเป็นเขา! 

 หรือว่า… เขาคิดจะลงมือก่อนงานชุมนุมถกมรรคจริงๆ 

ในลานมีเสียงฮือฮาดังขึ้นระลอกหนึ่ง บุคคลโดดเด่นจากแคว้นต่างๆ ไม่น้อยล้วนมีสีหน้าเคร่งขรึม กริ่งเกรง และตกใจ

ข่งเจา!

อันดับห้ากระดานราชันอริยะปวงสวรรค์ ผู้สืบทอดแกนหลักเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ ดาวดวงหนึ่งที่เด่นสะดุดตาที่สุดในหมู่คนรุ่นเยาว์ของเผ่าจักรพรรดิตระกูลข่ง

ก่อนหน้านี้นานมาแล้ว เขาก็คือยอดอัจฉริยะแห่งยุคคนหนึ่งที่ชื่อเสียงสะท้านฟ้าดารา ถูกคนรุ่นเดียวกันไม่รู้เท่าไหร่ชะเง้อแหงนมอง

และเมื่อเห็นเขาปรากฏตัว ก็ทำให้ผู้คนนึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาทันที

หลายวันก่อนหน้านี้เคยมีข่าวแพร่ออกมา บอกว่าข่งเจาคุยโว หมายจะทำให้อันดับหนึ่งแต่ละแคว้นก้มหัวกันทุกคนก่อนหน้างานชุมนุมถกมรรค!

เห็นได้ชัดว่าการปรากฏตัวของข่งเจาในเวลานี้ เสมือนกำลังพิสูจน์ข่าวนี้

ชั่วขณะนั้นเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่เดิมทีมีอยู่ทุกที่ในลาน ถึงกับเปลี่ยนเป็นเงียบกริบไร้สุ้มเสียงขึ้นมา

คนใหญ่คนโตเหล่านั้นที่นำทางผู้แข็งแกร่งแต่ละแคว้นมุ่งหน้ามา แต่ละคนต่างหน้าเปลี่ยนสี คิดไม่ถึงว่ายังไม่ทันเข้าประตูภูเขาเรือนมรรคโลกาสวรรค์ ข่งเจานี่ก็กลับปรากฏตัวขึ้นมาก่อนแล้ว

หลินสวินเหลือบมองคนผู้นี้ปราดหนึ่ง สีหน้าเรียบเฉย ในใจกลับนึกถึงอีกเรื่องหนึ่งขึ้นมา

ตอนที่อยู่บนยานลมกรด ตนฆ่าผู้แข็งแกร่งเผ่าจักรพรรดิตระกูลข่งไปไม่น้อยจริงๆ ต่อให้หลังมาถึงโลกใหญ่หงเหมิง พวกข่งอวี้ ข่งอิน ชวีเหราก็ถูกตนฆ่าเช่นกัน

แต่ว่าตอนนั้นตนใช้ฐานะของ ‘อวี่เสวียน’ ปรากฏตัว ต่อให้ข่งเจาสงสัยขึ้นมาอีก ก็เป็นไปไม่ได้เด็ดขาดที่จะสงสัยมาถึงจินตู๋อี

แน่นอน เป็นไปไม่ได้เช่นกันที่หลินสวินจะเกรงกลัวคนผู้นี้

ควรรู้ว่ายามนี้จักรพรรดิอสูรมารตู๋เทียน บรรพชนต้นตระกูลของเผ่าจักรพรรดิตระกูลข่งที่ถูกมองเป็นหนึ่งใน ‘เจ็ดจักรพรรดิอสูรมารดึกดำบรรพ์’ ยามนี้ยังถูกกำราบอยู่ในเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดของเขา ลองคำนวณเวลาดูแล้ว ผ่านไปอีกไม่ถึงหนึ่งปีเกรงว่าจะถูกหลอมจนหมด สังหารไปจนสิ้นจากโลก!

เมื่อเห็นว่าไม่มีใครเอ่ยพูด ข่งเจาที่ยืนอยู่หน้าประตูภูเขา สีหน้าเห็นได้ชัดว่าเยียบเย็นและเหยียดหยันมากขึ้นเรื่อยๆ กล่าวว่า

 เมื่อครู่มีคนไม่ยินยอมไม่ใช่หรือ เหตุใดตอนนี้กลับไม่มีใครกล้าออกมาสู้ 

ประโยคเดียวดูถูกผู้กล้าทั่วลาน!

อันดับหนึ่งแต่ละแคว้นบางส่วนต่างเผยแววเย็นเยียบออกมา แต่ไม่รอให้พวกเขาเคลื่อนไหวใดๆ ก็ถูกคนใหญ่คนโตข้างกายห้ามปรามและเอ่ยเตือน ก่อนงานชุมนุมถกมรรคจะเริ่มต้น ให้พวกเขาอย่าได้กระทำการโดยใช้อารมณ์ เพื่อเลี่ยงไม่ให้ก่อความวุ่นวายที่ไม่จำเป็น

ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นเรือนมรรคโลกาสวรรค์ ข่งเจากล้ากร่างที่นี่ แต่คนที่มาจากแคว้นอื่นอย่างพวกเขาเหล่านี้ไม่กล้าทำเช่นนี้หรอก

 แค่พวกคนที่กล้าแต่วิพากษ์วิจารณ์คนอื่นลับหลัง แต่กลับไม่มีความกล้าลุกออกมาเผชิญหน้า แม้จะเข้าร่วมงานชุมนุมถกมรรคก็ไม่ต่างอะไรกับกับการมาตายเปล่า 

ข่งเจาส่ายหน้า ฉายแววผิดหวังออกมา

วันนี้เขายืนอยู่ที่นี่ ก็เพื่อจะให้ทุกแคว้นก้มหัว เดิมทีคิดว่าภายใต้การยั่วยุปลุกปั่นของตน จะมีคนบันดาลโทสะลุกออกมา

ไหนเลยจะคาดคิด ถึงกับไม่มีใครกล้าตอบรับ นี่ไม่ต่างอะไรกับการก้มหัวกันหมด แต่ข่งเจากลับรู้สึกค่อนข้างน่าเบื่อ

 สหายยุทธ์ งานชุมนุมถกมรรคยังไม่ทันเริ่ม มาพูดเรื่องพวกนี้ตอนนี้ก็ออกจะพูดเร็วเกินไปหน่อย 

ในที่สุดก็มีคนอดเอ่ยปากไม่ได้  อย่างน้อยข้ารู้ว่าบรรดาสหายยุทธ์ในที่นี้หาได้เกรงกลัว หากแต่ไม่อยากก่อเรื่องวุ่นวายก่อนงานชุมนุมถกมรรคจะเริ่ม 

นั่นเป็นชายหนุ่มท่วงท่าองอาจหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่ง นัยน์ตาดุจสายฟ้า คำพูดคำจายังถือว่าสุภาพเกรงใจ ชวนให้คนไม่น้อยต่างพยักหน้า

 ก่อเรื่องวุ่นวาย? ฮ่าๆ พวกเจ้าก็แค่เกรงกลัวเท่านั้น 

ข่งเจาหัวเราะขึ้นมา วางท่าโอหัง  เอาเช่นนี้แล้วกัน ในหมู่พวกเจ้า หากใครคิดว่ามีความสามารถพอจะโจมตีข้าข่งเจาให้ปราชัยได้ ก็ให้ก้าวมาอวดฝีมือได้เลย ข้ารับรองว่าไม่ว่าจะเป็นเรือนมรรคดึกดำบรรพ์หรือตระกูลข่งของข้า ล้วนจะไม่หาเรื่องพวกเจ้า! 

คำพูดหนักแน่น อหังการเต็มเปี่ยม

นี่ทำให้ผู้แข็งแกร่งไม่น้อยใจเต้น สิ่งที่พวกเขาเกรงกลัวก็มีแค่ฐานะของข่งเจาเท่านั้นจริงๆ

 ผู้น้อยเฮ่อเฟยหนิงแห่งแคว้นเยี่ยน อยากอาศัยโอกาสนี้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับสหายยุทธ์สักหน่อย 

ชายหนุ่มชุดคลุมหยกคนหนึ่งก้าวออกมา ท่วงท่าเด่นสง่า บุคลิกไม่ธรรมดา

คนมากมายคึกคักตื่นเต้น

เฮ่อเฟยหนิง อันดับสามศึกถกมรรคแคว้นเยี่ยน ปราณมกุฎราชันอริยะขั้นสมบูรณ์ ถูกยกย่องว่าเป็น ‘ราชันอริยะหลอมกายอันดับหนึ่งแห่งแคว้นเยี่ยน’!

 ในที่สุดก็มีคนก้าวออกมาโจมตีความจองหองของข่งเจานั่นแล้ว… 

ผู้แข็งแกร่งแต่ละแคว้นไม่มีใครไม่ตั้งตาคอย ชั่วขณะนี้เฮ่อเฟยหนิงได้กลายเป็นบุคคลที่ได้รับการจับจ้องมากที่สุดในลานโดยฉับพลัน

หลินสวินเองก็เผยสีหน้าสนใจออกมาเช่นกัน

คนหนึ่งเป็นอันดับห้ากระดานราชันอริยะปวงสวรรค์ อีกคนเป็นอันดับสามศึกถกมรรคแคว้นเยี่ยน การต่อสู้เช่นนี้ยามปกติทั่วไปไม่มีให้เห็น

 สามกระบวนท่า 

ข่งเจามองสำรวจเฮ่อเฟยหนิงปราดหนึ่งแล้วยื่นสามนิ้วออกมา  หากสามกระบวนท่าไม่อาจกำราบเจ้าได้ ข้าข่งเจาจะจากไปทันที ถอนตัวออกจากงานชุมนุมถกมรรคครั้งนี้ 

เฮือก!

เสียงสูดหายใจระลอกหนึ่งดังขึ้น ข่งเจานี่… ออกจะมั่นใจในตัวเองเกินไปแล้ว!

และสำหรับเฮ่อเฟยหนิงแล้ว คำพูดนี้ของข่งเจาก็เหมือนความอัปยศครั้งใหญ่อย่างหนึ่งชัดๆ ทำให้สีหน้าเขามืดทะมึน

สามกระบวนท่าก็คิดจะเอาชนะตน?

อวดดี!

และในเวลานี้เอง ข่งเจาบุกโจมตีอุกอาจ เงาร่างหายลับจากจุดเดิมทันควัน ในสายตาของผู้คนเห็นเพียงรุ้งวิเศษห้าสีที่พร่างพราวสายหนึ่งแล่นผ่านห้วงอากาศแวบหนึ่งเท่านั้น

ครู่ต่อมาตัวเขามาหยุดตรงหน้าเฮ่อเฟยหนิงแล้ว ฝ่ามือหนึ่งกดออกไป  กระบวนท่าแรก! 

ตูม!

พร้อมๆ กับหนึ่งฝ่ามือของเขาที่กดออกไป แสงมรรคห้าสีควบรวมเป็นประทับเทพบาดตาอันหนึ่ง แผดเสียงสนั่นประหนึ่งสะท้านฟ้าออกมา

เฮ่อเฟยหนิงนัยน์ตาหดรัด เข้าต้านเต็มกำลัง

ทว่าครู่ต่อมาทั้งตัวเขาก็ลอยคว้างออกไป หล่นตุ้บตรงห้วงอากาศห่างออกไปหลายสิบจั้ง ริมฝีปากกระอักเลือด ห้วงอากาศบริเวณใกล้เคียงล้วนถูกเขาชนกระแทกจนพังถล่ม ผืนดินกว้างแตกเป็นเสี่ยง

คนมากมายหน้าเปลี่ยนสี

บุคคลโดดเด่นเหมือนอย่างพวกเขา แต่ละคนล้วนผ่านศึกมานับร้อย ดวงตาเฉียบคม ปราดเดียวก็ดูออกว่าเฮ่อเฟยหนิงหาใช่ถูกโจมตีแบบไม่ทันตั้งตัว หากแต่ถูกซัดซึ่งๆ หน้าภายใต้สถานการณ์ที่มีการเตรียมพร้อมไว้แล้ว!

ดูถึงตรงนี้ในใจหลินสวินก็คาดเดาได้อย่างหนึ่ง ‘หากเป็นการโรมรันฆ่าฟันฆ่ากันจริงๆ เฮ่อเฟยหนิงนี่เกรงว่าคงต้านไม่ไหวแม้แต่กระบวนท่าเดียวด้วยซ้ำ…’

คล้ายกับพิสูจน์ข้อสันนิษฐานของหลินสวิน

กระบวนท่าที่สอง เฮ่อเฟยหนิงใช้พลังต้านทานเต็มกำลัง แต่ก็ยังคงถูกซัดสะเทือน ทั้งตัวล้วนถูกโจมตีจนกระแทกพื้น ผมเผ้ายุ่งเหยิง ร่างกายบิดเกร็ง

ไร้เรี่ยวแรงปัดป้องอย่างสิ้นเชิง!

กระบวนท่าที่สาม เท้าข้างหนึ่งของข่งเจาเหยียบบนศีรษะของเฮ่อเฟยหนิง

ถึงตอนนี้ทั่วลานเงียบกริบ

แม้แต่อันดับหนึ่งในศึกถกมรรคแต่ละแคว้นสีหน้ายังเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมหาใดเปรียบ ในใจไม่อาจสงบได้ ประหนึ่งแม่น้ำม้วนตลบมหาสมุทรพลิกคว่ำ

เฮ่อเฟยหนิง อันดับสามแห่งแคว้น แข็งแกร่งปานใด

ทว่าในการต่อสู้กับข่งเจากลับถูกบดขยี้อย่างสิ้นเชิง!

ไม่ต้องสงสัยสักนิด หากข่งเจาต้องการ เพียงแค่ออกแรงที่ปลายเท้าก็สามารถปลิดชีพเฮ่อเฟยหนิงทิ้งได้แล้ว

ยามนี้มองดูข่งเจาที่เหยียบหัวของเฮ่อเฟยหนิง เงาร่างองอาจผึ่งผายประหนึ่งทวยเทพ ทุกคนถึงได้ตระหนักอย่างลึกซึ้งว่าอันดับห้าของกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์นั้นสำคัญปานใด!

 นี่น่ะหรืออันดับสามของแคว้น ช่างอ่อนแอซะจริงเชียว… คราวหน้าคนแบบนี้ก็อย่าเลือกมาอีก เลี่ยงไม่ให้อับอายขายขี้หน้า 

น้ำเสียงเฉยเมยและเหยียดหยันของข่งเจาดังก้องขึ้นในบรรยากาศที่เงียบสงัดแห่งนี้ เหมือนมีดคมกริบเล่มหนึ่งกรีดลึกลงไปในจิตใจของทุกคน

…………….

 

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset