Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1944 ฆ่ากันเองหรือ

ตอนที่ 1944 ฆ่ากันเองหรือ

ฉัวะ!

ปราณกระบี่ทะลุเมฆา ไพศาลพร่างพราว มีสุริยันจันทราดาราปรากฏอยู่ภายในรางๆ คล้ายพุ่งตรงสวนธารดาราบนฟ้าขึ้นไป

หลินสวินที่อยู่บนฟ้าสูงนัยน์ตาดำหดรัด ปราณกระบี่แข็งแกร่งนัก!

กล่าวอย่างไม่เกินเลย ขนาดในศึกถกมรรคแคว้นเมฆา หลินสวินยังไม่เคยเห็นผู้แข็งแกร่งคนไหนสามารถสำแดงกระบี่ที่น่าตะลึงเช่นนี้

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคนที่ลงมือเป็นพวกร้ายกาจคนหนึ่ง!

ก็เห็นหลินสวินดีดนิ้วครั้งหนึ่ง ปราณกระบี่ไท่เสวียนที่จ้าตากำราบลงมา เข้าปะทะกับปราณกระบี่ของอีกฝ่าย

ตูม!

ห้วงอากาศแถบนี้ปั่นป่วน ปราณกระบี่เหมือนสะเก็ดกระเซ็นกระสายดุจสายฝน

 เอ๊ะ 

ในเสียงเจือความตกตะลึงเล็กน้อย เงาร่างสูงใหญ่เป็นที่สุดร่างหนึ่งปรากฏออกมา ผมยาวประบ่า แววตาดั่งกระบี่ กลิ่นอายทั้งตัวเหมือนเซียนกระบี่จากสวรรค์มาเยือนโลก ดุดันเป็นอย่างยิ่ง

มองจากไกลๆ พาให้คนรู้สึกแสบตา

 จินตู๋อีแห่งแคว้นเมฆาหรือ 

ดวงตาของชายคนนั้นจับจ้องหลินสวินที่อยู่กลางอากาศ คมปลาบน่าครั่นคร้าม

เยวี่ยหรูหั่ว!

หลินสวินก็จำตัวตนของอีกฝ่ายได้ทันที นิ่วหน้าอย่างอดไม่ได้

อีกฝ่ายเป็นพวกปีศาจที่เร้นกายจากโลกไม่ปรากฏตัว แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง ก่อนงานถกมรรคครั้งนี้จะเริ่มขึ้น ถึงกับไม่เห็นคนอย่างหมีอู๋หยา หลิงหงจวง หวงฝู่เซ่าหนงอยู่ในสายตา

คนผู้นี้เหมือนกับจือไป๋ ล้วนดูเหมือนชื่อเสียงไม่โด่งดัง แต่ความจริงแล้วเป็นพวกน่ากลัวลึกล้ำไม่อาจหยั่งถึง

เพียงแต่หลินสวินกลับคิดไม่ถึงว่าจะบังเอิญเจออีกฝ่ายในตอนนี้

 น่าสนใจ รับกระบี่ที่ข้าซุ่มอยู่นานแล้วไว้ได้ เจ้านี่ก็ถือว่าเป็นคู่ต่อสู้ไม่เลว 

เยวี่ยหรูหั่วยกยิ้มเย็นชา

 ถ้าเจ้ารับกระบี่ของข้าไว้ได้อีกครั้ง ข้าจะหลีกทางให้เจ้าจากไปทันที 

พูดถึงตรงนี้เยวี่ยหรูหั่วก็ยิ้มน้อยๆ ดวงตาพลันมีประกายฉายวาบ ยื่นมือออกไปคว้าในห้วงอากาศ

ฮูม!

ปราณกระบี่สีเขียวยาวสามฉื่อสายหนึ่งควบรวมออกมา เจิดจ้าดุจสุริยัน จรัสตระการตา ห้วงอากาศใกล้เคียงล้วนพังทลายแยกออกไปด้วย คล้ายรับอานุภาพของกระบี่นี้ไม่ไหว

 ที่ข้าฝึกก็คือกระบี่สามฉื่อ ถือกระบี่คม บนมหามรรคไร้อุปสรรค 

เยวี่ยหรูหั่วสะบัดแขนเสื้อใหญ่  ไป! 

ปราณกระบี่สีเขียวโฉบพุ่งขึ้นห้สวงอากาศเหมือนรุ้งยาวสายหนึ่ง หมายจะทะลวงสุริยันจันทรา

พริบตานี้หลินสวินยังอดเผยสีหน้าตื่นตะลึงไม่ได้ พลังมรรคกระบี่ร้ายกาจนัก อิ่มเอิบไพศาล ควบรวมเป็นหนึ่งเดียว ดูคล้ายกระบี่เล่มหนึ่ง แต่ความจริงแล้วมีพลังของเขตแดนมรรคอันมหัศจรรย์ถึงที่สุด

หลินสวินไม่ได้ดูเบา ชี้นิ้วมือซ้ายออกมาอย่างรวดเร็ว

สวบ!

แสงเย็นเยียบปรากฏที่ปลายนิ้วของเขา เจิดจรัสถึงที่สุด ทั้งยังเปล่งประกายดุดันเป็นอย่างยิ่ง ชั่วพริบตาฟ้าดินต่างหม่นหมอง คล้ายเหลือเพียงแสงสายนี้!

หนามเเสงคม!

อภินิหารพรสวรรค์ของกายมรรคทองขาว อานุภาพหนึ่งหนามสะท้านเทพผี แม้เป็นระดับกึ่งจักรพรรดิยังหลบได้ยาก

ปังๆๆ!

เสียงระเบิดระลอกหนึ่งดังขึ้น ปราณกระบี่สีเขียวของเยวี่ยหรูหั่วระเบิดออกทุกกระเบียด ประหนึ่งกระจกสีเขียวอันงดงามเปี่ยมสีสันระเบิดกระจุย ละอองแสงปลิวว่อน

ชั่วพริบตากระบี่สามฉื่อก็แหลกเป็นผุยผง!

 พอหรือยัง 

หลินสวินไม่ได้ลงมือต่อ เก็บพลังอภินิหารที่ปลายนิ้วกลับไป เอ่ยเสียเรียบ

เยวี่ยหรูหั่วอึ้งไป คล้ายประหลาดใจนัก คิดไม่ถึงว่าอันดับหนึ่งของศึกถกมรรแคว้นเมฆากลับรับพลังที่แท้จริงของตนไว้ได้

เขาคล้ายใคร่ครวญ  ดูท่าในหมู่ผู้แข็งแกร่งแคว้นต่างๆ จะไม่ได้เป็นพวกที่รับมือได้ง่ายเสมอไป จินตู๋อี เจ้าจากไปได้ 

หลินสวินมองเขาครั้งหนึ่งแล้วมุ่งตรงจากไป

เขาไม่ได้คิดจะฆ่าอีกฝ่ายจริงๆ เพราะแม้แต่เขายังไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะอีกฝ่ายได้ในเวลาสั้นๆ

 แต่ข้าขอเตือนเจ้า ยามเจอกันครั้งหน้าข้าจะไม่ใช้กระบี่เดียวอีกแล้ว ถ้าเจ้ายังรับได้ ในแดนลับโลกาสวรรค์นี้ข้าจะไม่ลงมือกับเจ้าอีก 

เยวี่ยหรูหั่วพูดเสียงกังวาน

 เช่นนั้นก็รอคราวหน้าค่อยว่ากัน 

หลินสวินไม่แม้แต่จะหันมา

พอเห็นเงาร่างหลินสวินหายลับไปไกล เยวี่ยหรูหั่วจึงไม่มองต่ออีก ในใจครุ่นคิดว่าพลังต่อสู้ของคนผู้นี้ อย่างน้อยก็ต้องอยู่บนสิบอันดับแรกของกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์ได้… แค่ไม่รู้ว่าในแดนลับโลกาสวรรค์นี้ พวกร้ายกาจที่ซุ่มซ่อนไม่เปิดเผยตัวเช่นนี้จะมีเท่าไร…

ขณะที่ครุ่นคิดเงาร่างของเขาก็พริบวาบหายไปจากจุดเดิม

……

 เยวี่ยหรูหั่วคนนี้เป็นทายาท ‘เผ่านักรบจันทร์สวรรค์’ ในสิบเผ่านักรบใหญ่ เมื่อหกร้อยปีก่อนก็มีความสามารถทะยานมาอยู่ในสามอันดับแรกของกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์แล้ว 

ที่โลกภายนอก ไท่ซูหงเจ้าสำนักเรือนมรรคโลกาสวรรค์เอ่ยปาก  เดิมทีเรือนมรรคโลกาสวรรค์ของข้าคิดจะจัดอันดับให้เขา แต่กลับถูกสัตว์ประหลาดเฒ่าผู้หนึ่งเตือนว่าเจ้าหนุ่มนี่ยอมชิงที่หนึ่ง ไม่เป็นที่สอง ถ้าเขาไม่มีคุณสมบัติขึ้นอันดับหนึ่ง ก็จะไม่จัดชื่อเขาเข้ากระดานราชันอริยะปวงสวรรค์ 

กระดานราชันอริยะปวงสวรรค์เป็นสิ่งที่เรือนมรรคโลกาสวรรค์จัดทำ เมื่อไท่ซูหงเอ่ยปาก ก็พลันทำให้ระดับจักรพรรดิที่อยู่ในนั้นต่างเผยสีหน้าประหลาด

เยวี่ยหรูหั่ว!

เจ้าหมอนี่สุดยอดจริงๆ นะ…

 จินตู๋อีรับมรรคกระบี่ของเจ้าหนุ่มนี่ไว้ได้ ก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน 

ซย่าสิงเลี่ยเอ่ยเสียงเรียบ

ทุกคนชะงักไป ต่างยิ้มขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ แต่กลับไม่มีใครคัดค้าน เพราะภาพเมื่อครู่ที่หลินสวินรับกระบี่นั้นของเยวี่ยหรูหั่วเอาไว้ พวกเขาก็เห็นเหมือนกัน

 นี่ยังเพิ่งเริ่ม พวกร้ายกาจที่แท้จริงพบเจอกันก็ยังไม่ได้สู้สุดตัว รอดูเถิด ยิ่งนานไปการคัดเลือกครั้งนี้ก็ยิ่งมีสีสัน 

มีมหาจักรพรรดิพูดเสียงเบา

 ถูกต้อง เมื่อคลื่นใหญ่ชะล้างทรายทองก็จะปรากฏ รอถึงท้ายที่สุดจึงจะดูออกว่าในระดับมกุฎราชันอริยะทั่วหล้านี้ พวกที่โดดเด่นที่สุดจะเป็นใคร 

 ข้ารอดูความสามารถของหมีอู๋หยานัก 

 จือไป๋ก็ไม่เลว 

 ฮ่าๆ ข้าสนใจพวกประหลาดๆ บางคนเสียมากกว่า อย่างจินตู๋อี อย่างเจ้าคนที่มาจากตระกูลเสวียนคนนั้น หรืออย่างปีศาจน้อยที่มาจากโลกอื่นในฟ้าดารา… 

 ใช่ ต้องใช้การคัดเลือกที่น่าประหลาดใจไม่คาดฝันถึงจะน่าสนใจ 

……

ขณะที่โลกภายนอกกำลังวิพากษ์วิจารณ์ ในแดนลับโลกาสวรรค์กลับเปี่ยมด้วยบรรยากาศดุเดือด บีบคั้นและเคร่งเครียด

ในแต่ละพื้นที่ การห้ำหั่นดุเดือดเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าแทบจะตลอดเวลา ส่วนมากเป็นการล้อมโจมตี นานๆ ทีก็จะมีการต่อสู้หนึ่งต่อหนึ่งเพราะเลี่ยงได้ยาก

ไม่ว่าใครต่างก็สำแดงวิชาก้นกรุ ทุ่มพลังทั้งหมดเข้าสู้

เสียงร้องลั่นอย่างไม่ยินยอม เสียงคำรามกราดเกรี้ยว รวมถึงเสียงตะโกนอย่างสิ้นหวังตอนถูกคัดออก… เกิดขึ้นตามที่ต่างๆ ในแดนลับโลกาสวรรค์

คนที่เข้าร่วมงานชุมนุมถกมรรคครั้งนี้ได้เป็นยอดบุคคลชั้นหนึ่งทั่วหล้าทั้งสิ้น เป็นเหล่าผู้โดดเด่นในระดับมกุฎราชันอริยะ

แต่ละคนต่างมีพรสวรรค์และไม้ตายของตัวเอง เมื่อต่อสู้ดิ้นรน การต่อสู้ที่เกิดขึ้นก็ดูโหดร้ายหาใดเทียบ

กระทั่งบุคคลแห่งยุคบางส่วนที่เดิมได้รับการจับตามองยังแพ้ในการล้อมโจมตี ถูกคัดออกอย่างน่าสลด

ทั้งยังมีพวกที่ดูเหมือนไม่สะดุดตา ชื่อเสียงไม่โด่งดังบางส่วน กลับปะทุพลังน่าตื่นตะลึง พลิกโผได้รับชัยชนะ…

แต่ผู้ที่พลิกโผมีเพียงน้อยนิดอยู่ดี

นามคนดั่งเงาต้นไม้ ตัวคนเป็นเช่นไรก็มีชื่อเสียงเป็นเช่นนั้น

ผู้โด่งดังย่อมเก่งกาจสมคำร่ำลือ ปีศาจแห่งยุคสิบอันดับแรกที่ติดอันดับกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์อย่างหวงฝู่เซ่าหนง หลิงหงจวง จู่เฟยอวี่ เยียนอวี่โหรว ถูเชียนเจวี๋ย ล้วนแสดงความสามารถสะดุดตาเป็นที่สุด

ต่อให้ตัวคนเดียวถูกล้อมโจมตี ยังหลุดรอดมาได้อย่างปลอดภัย!

ท่ามกลางการห้ำหั่นกรำศึกของผู้มีความสามารถโดดเด่นนี้ ความสามารถที่หลินสวินเผยออกมาไม่ถึงกับน่าตื่นตะลึง แต่ก็ไม่ถึงกับไม่มีใครถามถึง

เขาเดินหน้าอย่างระมัดระวังมาตลอด กำลังหาร้องรอยของจินเทียนเสวียนเยวี่ย

ตลอดทางได้เห็นการเข่นฆ่านองเลือดไม่รู้เท่าไร แต่เขาไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยว

ไม่ใช่ไม่อยากไปชิงยันต์ชีวิต แต่เพราะรู้ดีว่ายันต์ชีวิตไว้ชิงทีหลังก็ได้ แต่ถ้าจินเทียนเสวียนเยวี่ยถูกคัดออก นั่นต้องเป็นเรื่องน่าเสียดายที่ไม่อาจเรียกคืนมาได้เรื่องหนึ่ง

ยิ่งไปกว่านั้นยามการถกมรรคคราวนี้เพิ่งเริ่มขึ้น คนที่เข้าร่วมต่อสู้มีมากมาย พบเห็นได้ตลอด แต่ยิ่งนานไป หลังจากผ่านการคัดออกหลายครั้งคนก็ยิ่งน้อย คนที่อยู่ถึงท้ายๆ ศักยภาพก็ต้องยิ่งน่ากลัว

แต่เช่นเดียวกัน เกรงว่าในมือของคนที่รอดถึงท้ายที่สุดแต่ละคนต่างกำยันต์ชีวิตจำนวนมากอยู่!

สำหรับหลินสวินแล้วก็เป็นโอกาสเช่นกัน ถึงตอนนั้นคู่ต่อสู้คนหนึ่งถูกคัดออกไป ก็จะชิงยันต์ชีวิตมาได้มาก!

ตูม!

สองวันต่อมา หลินสวินที่กำลังเดินทางสังเกตว่ามีเสียงสะท้านฟ้าสะเทือนดินลอยมาระลอกหนึ่ง

มีการห้ำหั่นกัน!

หนำซ้ำยังไม่ใช่เล็กๆ ด้วย!

เขาได้เห็นเรื่องทำนองนี้มามากแล้วในช่วงสองวันนี้จึงไม่ได้ประหลาดใจ เดิมคิดจะอ้อมหลบเลี่ยงไปไกลๆ แต่ไม่ทันไรเขาก็หยุดเดิน มุ่นคิ้วขึ้น แววเย็นเยียบฉายวาบในดวงตาดำดุจหุบเหวทั้งสอง

เขาเข้าประชิดอย่างเงียบเชียบ

ข้างหน้าเป็นทุ่งรกร้างว่างเปล่าแห่งหนึ่ง การต่อสู้กำลังปะทุอยู่ในนั้น มีคนห้าคนกำลังล้อมโจมตีสองคน

ในห้าคนนั้นผู้ที่เป็นผู้นำสวมชุดดำแขนกว้าง ไอหมอกสีเทาหม่นพวยพุ่งไปทั้งตัว กลิ่นอายจองหองอหังการ เป็นอู่หวง!

สี่คนที่อยู่ข้างกายเขาล้วนเป็นคนแปลกหน้าที่หลินสวินไม่เคยพบมาก่อน ชายสองหญิงสอง กลิ่นอายล้วนแปลกประหลาดและคลุมเครือ ดุร้ายเป็นที่สุด

หลินสวินที่เคยได้เห็นวิชาต่อสู้ของสำนักโบราณจรัสเทพ มองปราดเดียวก็ตัดสินได้ว่าคนที่อยู่ข้างกายอู่หวงทั้งสี่คนต้องมาจากสำนักโบราณจรัสเทพเช่นกัน!

นี่ทำให้ในใจเขาอดกังขาไม่ได้ โลกภายนอกมีระดับจักรพรรดิมากมายขนาดนั้น ดูไม่ออกหรือว่าพวกอู่หวงมาจากโลกมืด

แต่ถ้าดูออก เหตุใดถึงให้คนของโลกมืดเข้าร่วมงานชุมนุมถกมรรคครั้งนี้ได้

เรื่องนี้จะต้องมีความลึกลับที่ไม่มีใครล่วงรู้แน่!

และเมื่อได้เห็นพวกอู่หวงสู้อย่างดุเดือดกับคู่ต่อสู้สองคน ความรู้สึกสะท้านก็ผุดขึ้นในใจหลินสวินอย่างอดไม่ได้

สองคนนี้คือเถิงอี๋เฉินกับกุยซานสิง ล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งที่อยู่ในสิบอันดับแรกของศึกถกมรรแคว้นเมฆา เข้าร่วมงานชุมนุมถกมรรคด้วยกันกับหลินสวิน

แต่ตามที่ลู่ตู๋ปู้ว่าไว้ อู่หวง เถิงอี๋เฉินกับกุยซานสิงรวมตัวเป็นพันธมิตรกันนานแล้ว ตัดสินใจเคลื่อนไหวด้วยกัน

แต่ตอนนี้ทั้งสองกลับถูกอู่หวงล้อมโจมตี!

หลินสวินไม่ต้องคิดสักนิดก็รู้ว่าพวกเถิงอี๋เฉินถูกอู่หวงหลอกแล้ว!

หากเปลี่ยนเป็นผู้ฝึกปราณคนอื่น หลินสวินก็คร้านจะใส่ใจ แต่เถิงอี๋เฉินกับกุยซานสิงล้วนได้รับฝากความหวังมาจากแคว้นเมฆาเหมือนกับเขา ถูกพวกอู่หวงตลบหลังเช่นนี้ นั่นก็ทำให้คนเดือดดาลเกินไปแล้ว

ตูม!

ในสนามรบ เถิงอี๋เฉินกับกุยซานสิงถูกปิดล้อม กดข่มจนเงยหน้าไม่ขึ้น ดูกินแรงหาใดเทียบ บาดแผลเต็มตัวไปหมด

อู่หวงมือไพล่หลัง ยืนอยู่นอกสนามรบอย่างหยิ่งผยอง สั่งการโจมตี

ด้านอีกสี่คนออกโจมตีอย่างบ้าคลั่ง การต่อสู้แต่ละครั้งแข็งกร้าวหาใดเทียบ ทั้งยังล้อมโจมตีร่วมกัน กดดันจนพวกเถิงอี๋เฉินส่อแววสุ่มเสี่ยงไม่หยุด อาจจะแพ้เมื่อไรก็ได้

 ทั้งสองอย่าดื้อดึงต่อต้านเลย นี่ก็คือการคัดเลือกถกมรรค ข้าไม่ฆ่าพวกเจ้า พวกเจ้าก็ต้องถูกคนอื่นฆ่า ในเมื่อเป็นเช่นนี้ สู้ส่งยันต์ชีวิตของพวกเจ้าให้ข้าเสียดีกว่า 

นอกสนามรบอู่หวงสีหน้าเย็นชาเรียบเฉย

แม้เขาเข้าร่วมงานชุมนุมถกมรรคครั้งนี้ด้วยฐานะอันดับสามของศึกถกมรรแคว้นเมฆา แต่เขาไม่เคยมองตัวเองเป็นผู้แข็งแกร่งจากแคว้นเมฆา!

——

 

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset