ตอนที่ 1960 หนึ่งร้อยแปดคนสุดท้าย
ผลงานการต่อสู้ที่หลินสวินใช้พลังของตนเพียงคนเดียว โจมตีเหล่าผู้แข็งแกร่งอย่างถูเชียนเจวี๋ย จู่เฟยอวี่จนพ่ายแพ้ ก็แพร่สะบัดในแดนลับโลกาสวรรค์อย่างรวดเร็วเช่นกัน
ชั่วขณะเดียวเสียงฮือฮาดังขึ้นจากทุกสารทิศ เสียงวิพากษ์วิจารณ์ด้วยความตะลึงดังไม่ขาดสาย ทำให้หลินสวินกลายเป็นหนึ่งในบุคคลชั้นยอดที่ถูกจับตามองที่สุดในแดนลับโลกาสวรรค์
ยามได้ยินข่าวนี้ ข่งเจาผู้สืบทอดเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ที่กำลังตามหาเบาะแสของหลินสวินอยู่เช่นกัน สีหน้าเปลี่ยนแปลงไม่สามารถสงบได้
ตอนแรกเขาเคยถูกหลินสวินกดข่มหน้าประตูภูเขาเรือนมรรคโลกาสวรรค์ แม้จะบาดเจ็บเล็กน้อย กลับถูกเขามองเป็นความอับอายครั้งใหญ่
จากนั้นตอนที่ได้ยินข่าวว่าพวกซินหรูเจี่ยถูกหลินสวินคัดออก ข่งเจาก็เดือดดาลสุดขีดแล้ว เริ่มพาเหล่าผู้สืบทอดเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ค้นหาหลินสวินอย่างไม่ลังเล
แต่ตอนนี้ข่งเจาลังเลแล้ว
ภายใต้น้ำมือหลินสวิน ถูเชียนเจวี๋ยถูกคัดออก เยียนอวี่โหรวหนีตาย จู่เฟยอวี่หลบหนีลนลาน! ขบวนคนยี่สิบกว่าคน สุดท้ายเหลือเพียงแค่ไม่กี่คนที่โชคดีไม่ได้โดนคัดออกไป
เรื่องนี้น่าตกใจเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย
“ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป หยุดการค้นหาจินตู๋อี”
สุดท้ายข่งเจาสูดหายใจลึก ตัดสินใจออกมา
สติปัญญาบอกเขาว่า หากดึงดันไปหาเรื่องหลินสวิน จะมีคุณสมบัติเข้าเขตต้องห้ามเซียนโบราณหรือไม่ก็เป็นเรื่องยากแล้ว!
“จินตู่อี รอเข้าเขตต้องห้ามเซียนโบราณก่อน ข้ารับรองว่าจะทำให้เจ้าอยู่ก็ไม่ได้ ตายก็ไม่สามารถ!”
ข่งเจาลอบกัดฟัน
……
“พวกศิษย์น้องถูเชียนเจวี๋ยถึงกับถูกคัดออกแล้ว…”
หวงฝู่เซ่าหนงเอามือไพล่หลัง ในดวงตาปรากฏประกายเย็นเยียบ
เดิมทีเขาได้รับปากไว้แล้ว ว่าขอเพียงแค่พวกถูเชียนเจวี๋ยพบเบาะแสของหลินสวินและส่งข่าวมา เขาก็จะรีบไปช่วยในทันที
แต่สุดท้ายสิ่งที่ได้ กลับเป็นข่าวว่าพวกถูเชียนเจวี๋ยถูกคัดออก!
“จินตู๋อี… จินตู๋อี… ข้าจำไว้แล้ว ศิษย์น้องถูเจ้าวางใจ ความแค้นนี้ศิษย์พี่จะแก้แค้นให้เจ้าเอง”
หวงฝู่เซ่าหนงสูดหายใจลึกคราหนึ่ง สะกดไอสังหารในใจ “หากเพียงแค่ถูกคัดออก เขาก็สบายเกินไป หวังว่าเขาจะสามารถเข้าสู่เขตต้องห้ามเซียนโบราณได้ ถึงตอนนี้ข้าจะตัดหัวเขามาทำจอกเหล้าให้เจ้าศิษย์น้องถู!”
……
สถานการณ์ในแดนลับโลกาสวรรค์เปลี่ยนไป หลินสวินพาพวกจินเทียนเสวียนเยวี่ย ลู่ตู๋ปู้ซ่อนตัวอีกครั้ง
ไม้เด่นเกินไพร ลมพัดหักโค่น
หลินสวินในตอนนี้แม้ได้รับความสนใจ แต่ก็ผลักเขาเข้าสู่ปลายยอดกระแสคลื่นเช่นเดียวกัน
ยิ่งกว่านั้นตอนนี้เขามีพวกจินเทียนเสวียนเยวี่ยคอยติดตาม แม้เขาไม่กลัวทุกอย่างนี้ แต่ก็ต้องคำนึงว่าพวกจินเทียนเสวียนเยวี่ยจะโดนลูกหลงไปด้วยหรือไม่
การเลือกซ่อนตัวเป็นทางที่ฉลาดที่สุดในตอนนี้
ในถ้ำแห่งหนึ่ง หลินสวินนับผลเก็บเกี่ยวหลังจากกรำศึกในช่วงหลายวันมานี้ รวมแล้วได้รับยันต์ชีวิตสามร้อยเจ็ดสิบห้าชิ้น!
นี่เป็นตัวเลขที่น่าตกใจ
ควรรู้ว่าผู้แข็งแกร่งที่เข้าร่วมการงานชุมนุมถกมรรคครั้งนี้ รวมทั้งหมดหนึ่งพันแปดร้อยกว่าคน และจำนวนยันต์ชีวิตในมือหลินสวิน ก็หมายความถึงมีผู้แข็งแกร่งสามร้อยเจ็ดสิบห้าคนถูกคัดออก และกลายมาเป็นผลงานการต่อสู้ของหลินสวิน!
ที่มากขนาดนี้ เพราะผู้แข็งแกร่งที่หลินสวินโจมตีล้วนพกยันต์ชีวิตจำนวนมาก
เพียงแค่ถูเชียนเจวี๋ยคนเดียว ก็ถูกหลินสวินชิงยันต์ชีวิตมาแปดสิบเจ็ดชิ้นแล้ว!
‘มียันต์ชีวิตเหล่านี้ คะแนนถกมรรคครั้งนี้ของข้าคงไม่รั้งท้ายนัก’
หลินสวินใคร่ครวญ
เขาไม่คิดจะเข่นฆ่าและแย่งชิงต่อแล้ว เหตุผลแรกเพราะเมื่อเวลาล่วงเลยไป การปะทะในแดนลับโลกาสวรรค์จะยิ่งดุเดือด
เหตุผลที่สองคือ เขาไม่อยากเปิดเผยวิชาของตนมากเกินไป
ควรรู้ว่าโลกภายนอกมีผู้ยิ่งใหญ่ระดับจักรพรรดิไม่น้อยคอยจับจ้องทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในแดนลับโลกาสวรรค์อยู่ แม้สวมชุดนักพรตสมประสงค์และปรากฏตัวด้วยกายมรรคทองขาว แต่หลินสวินก็ไม่อาจไม่รอบคอบสักหน่อย
พวกลู่ตู๋ปู้ไม่มีความเห็นกับการตัดสินใจของหลินสวิน
ตอนนี้มีหลินสวินดูแล แม้ถูกพบตอนหลบซ่อน พวกเขาก็มีพลังให้ต่อต้านได้ ไม่จำเป็นต้องกังวลเหมือนก่อนหน้านี้
แต่สองวันก่อนซ่อนตัว หลินสวินได้ออกไปเพียงลำพังรอบหนึ่ง
สองวันหลังจากนั้น
หลินสวินพลิ้วกาลลงสู่สนามรบที่คาวเลือดคละคลุ้งแห่งหนึ่ง ฝ่ามือหนึ่งตบออกไป พื้นดินแตกออกเป็นร่องขนาดใหญ่
ในส่วนลึกของร่องมีเงาร่างหนึ่งนอนอยู่ มือทั้งคู่วางอยู่บนช่วงท้อง ไร้ซึ่งคลื่นกลิ่นอาย
แต่ตอนนี้เงาร่างนี้กลับลืมตาขึ้นกะทันหัน ทะยานขึ้นพร้อมเผยสีหน้าระแวดระวัง
ทว่ายามเห็นผู้มาเยือน ร่างนั้นพลันโพล่นออกมา “พี่จิน เป็นเจ้าได้อย่างไร”
“เหลิ่งซิวเจีย เหตุใดเจ้าจึงบาดเจ็บหนักขนาดนี้”
หลินสวินขมวดคิ้ว
เงาร่างนี้ก็คือเหลิ่งซิวเจียนั่นเอง หลินสวินใช้วิชาลับที่ลู่ตู๋ปู้ถ่ายทอดให้ ถึงได้หากลิ่นอายของเหลิ่งซิวเจียเจอ
เพียงแต่ตอนนี้กลิ่นอายของเหลิ่งซิวเจียอ่อนแรง สีหน้าซีดเซียว ท่าทางเหมือนพลังดั้งเดิมเสียหายหนัก
เหลิ่งซิวเจียยิ้มขื่นว่า “พี่จินคงยังไม่รู้”
จากนั้นเขาเล่าเรื่องทั้งหมดให้หลินสวินฟัง
ที่แท้หลังเขาแยกกับพวกลู่ตู๋ปู้และออกมาเพียงลำพัง ทีแรกจะไปช่วยหลินสวิน แต่ระหว่างทางโดนลอบทำร้าย ทำให้บาดเจ็บหนัก
และเพราะอาศัยวิชาลับปราณกระบี่ที่อัศจรรย์วิชาหนึ่ง ถึงทำให้เขาซ่อนอยู่ในร่องลึกใต้ดิน หลบพิบัติเคราะห์ไปได้
“พี่จิน เจ้ารู้หรือไม่ว่าใครเป็นคนลอบโจมตีข้า”
จู่ๆ เหลิ่งซิวเจียก็พูดขึ้น ไม่รอหลินสวินเอ่ยปากเขาก็พูดออกมาเอง “เป็นผู้สืบทอดแดนกษิติครรภ์ หนึ่งในสามยักษ์ใหญ่แห่งโลกมืด”
หลินสวินนัยน์ตาหดรัด “เจ้าแน่ใจหรือ”
เหลิ่งซิวเจียพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “พี่จิน สิ่งที่ข้าฝึกคือมรดกสำนักพุทธ ก็นับว่าเป็นผู้บำเพ็ญธรรมคนหนึ่ง มรรควิถีทั้งชีวิตล้วนหลอมเข้าไปในเพลิงธรรมเริงระบำซึ่งเป็นเขตแดนมรรคของข้า มีหรือจะจำกลิ่นอายผู้สืบทอดแดนกษิติครรภ์ไม่ได้”
พูดถึงตรงนี้เขาขมวดคิ้วกล่าว “นี่เป็นถึงงานชุมนุมถกมรรคที่หกเรือนมรรคใหญ่ร่วมมือกันจัดขึ้น ตอนนี้กลับมีคนของโลกมืดปะปนเข้ามา เหล่าผู้ยิ่งใหญ่ระดับจักรพรรดิที่อยู่ในโลกภายนอกดูไม่ออกหรือ”
ความสงสัยนี้ในใจหลินสวินก็มีเช่นกัน อย่างเช่นพวกอู่หวงที่ถูกเขาโจมตีจนถูกคัดออก ก็เป็นผู้สืบทอดสำนักโบราณจรัสเทพที่มาจากโลกมืดเช่นกัน!
แม้แต่เขากับเหลิ่งซิวเจียยังมองฐานะของอีกฝ่ายออก แล้วผู้ยิ่งใหญ่ระดับจักรพรรดิที่โลกภายนอกจะดูไม่ออกได้อย่างไร
“เรื่องนี้จะต้องมีความลับที่พวกเราไม่รู้แน่”
หลินสวินคิดๆ แล้วกล่าวออกไป
เหลิ่งซิวเจียขานรับว่าอืม
ทั้งสองไม่ได้เสียเวลา ออกจากร่องนั้น มุ่งหน้าไปยังสถานที่ที่พวกจินเทียนเสวียนเยวี่ย ลู่ตู๋ปู้ซ่อนตัวอยู่ด้วยกัน
ระหว่างทางหลินสวินก็ได้รู้ว่า ผู้สืบทอดแดนกษิติครรภ์ที่ลอบโจมตีเหลิ่งซิวเจียมีทั้งหมดสี่คน ผู้นำคือภิกษุที่มีฉายาว่า ‘อู้เสวียน’ ศักยภาพน่ากลัวอย่างที่สุด
นี่ทำให้หลินสวินนึกถึงอู้หมิง ผู้สืบทอดแดนกษิติครรภ์ที่เจอยามอยู่บนยานลมกรด
หลังจากพาเหลิ่งซิวเจียกลับที่ซ่อน หลินสวินก็เก็บตัวโดยสมบูรณ์ ไม่ออกไปข้างนอกอีก ฝึกตนอย่างจดจ่อ
เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า
ไม่ทันไรงานชุมนุมถกมรรคก็เริ่มมาได้หนึ่งเดือนแล้ว
ช่วงที่ผ่านมาการต่อสู้ในแดนลับโลกาสวรรค์โหดร้ายและดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้แข็งแกร่งจากแต่ละแคว้น หรือผู้มีชื่อเสียงที่มาจากหกเรือนมรรคใหญ่ สิบเผ่านักรบใหญ่ หรือปีศาจที่มาจากฟ้าดาราอื่นๆ ล้วนมีคนถูกคัดออกมากมาย
และคนที่สามารถอยู่รอดจนถึงตอนนี้ แต่ละคนล้วนแข็งแกร่งและวิปริตทั้งสิ้น
พวกที่สะดุดตาหลายคน อย่างเช่นหวงฝู่เซ่าหนง หลิงหงจวง เยวี่ยหรูหั่ว จือไป๋ เวินอวี๋ จิ่งเทียนหนาน ยิ่งเผยฝีมือและความองอาจที่ทำให้เกิดความฮือฮา
เหล่าระดับจักรพรรดิซึ่งอยู่โลกภายนอกต่างสะท้อนใจและชื่นชมเป็นระยะๆ คิดว่าคนรุ่นเยาว์ยุคนี้ยอดเยี่ยมกว่าพวกเขาในตอนนั้นมาก
กลับเป็นหลินสวินที่ซ่อนตัว ช่วงนี้ราวกับหายตัวไป ไม่มีข่าวคราวออกมาอีก
แน่นอนว่าคนที่ยิ่งกว่าเขาคือหมีอู๋หยา คนผู้นี้ซ่อนตัวตั้งแต่เริ่มการถกมรรค ไม่เคยร่วมการชิงชัยและเข่นฆ่า
เวลาล่วงเลยไป…
จำนวนผู้แข็งแกร่งที่อยู่รอดในการต่อสู้และเข่นฆ่าครั้งแล้วครั้งเล่าน้อยลงกว่าเดิมแล้ว
ถึงตอนนี้กลับทำให้แดนลับโลกาสวรรค์ดูว่างโล่งขึ้น ไม่เหมือนตอนแรกที่ระหว่างทางจะเจอการโจมตีของผู้แข็งแกร่งมากมาย
และต่อสู้จนถึงตอนนี้ ผู้แข็งแกร่งที่สามารถอยู่รอดได้ล้วนเป็นพวกร้ายกาจอย่างไม่มีข้อยกเว้น แต่ละคนฝีมือน่าทึ่ง
แม้เจอคู่ต่อสู้ หากสังเกตเห็นความผิดปกติก็จะปลีกตัวถอยอย่างไม่ลังเล ไม่คิดสังหารศัตรู คิดเพียงรักษาชีวิตไว้ก่อน
ผู้แข็งแกร่งหลายคนยิ่งซ่อนตัวเหมือนหลินสวิน รอแค่ให้การถกมรรคครั้งนี้สิ้นสุดลง
สำหรับเรื่องทั้งหมดนี้ พวกหลินสวินล้วนไม่รับรู้
ช่วงนี้หลินสวินจดจ่อกับเขตแดนมรรค เขามีลางสังหรณ์อย่างแรงกล้าอย่างหนึ่ง ว่าจุดเปลี่ยนที่ตนขาดไปกำลังจะมาเยือนแล้ว!
แกร๊ง!
วันนี้จู่ๆ ก็มีเสียงระฆังกังวานดังขึ้นในแดนลับโลกาสวรรค์ จากนั้นเสียงของไท่ซูหงเจ้าสำนักเรือนมรรคโลกาสวรรค์ก็ดังขึ้นมา…
“การถกมรรคจบลงแล้ว ในแดนลับโลกาสวรรค์ตอนนี้เหลือเพียงพวกเจ้าหนึ่งร้อยแปดคน พวกเจ้ากลายเป็นผู้ชนะในการถกมรรคครั้งนี้”
ยามสิ้นเสียง หลินสวินรู้สึกเพียงว่าถูกพลังไร้รูปม้วนตัวออกจากฟ้าดินแห่งนี้กะทันหัน
ในเวลาเดียวกันผู้แข็งแกร่งที่กระจายอยู่ในพื้นที่อื่นๆ ในแดนลับโลกาสวรรค์ ต่างถูกเคลื่อนย้ายออกจากแดนลับโลกาสวรรค์เช่นกัน
ยอดเขาหลักโลกาสวรรค์ บนที่ราบใหญ่กลางเขา เงาร่างของหนึ่งร้อยแปดคนรวมหลินสวินทยอยปรากฏขึ้น
ชั่วขณะนี้พวกเขาต่างกวาดมองกันและกัน กำลังแยกแยะฐานะของผู้ฝึกปราณที่ชนะเหมือนพวกเขา
หลินสวินเห็นเด็กหนุ่มชุดป่านเสวียนจิ่วอิ้น ถังซูแห่งเผ่านักรบดาบคลั่ง ฮว่าซิงหลีแห่งเรือนมรรคเหล่ามาร จวนอวี๋เหิงแห่งเรือนมรรคจักรวาล… ล้วนยืนหยัดจนถึงท้ายสุด
ขณะเดียวกันหลินสวินก็สังเกตเห็นว่ามีสายตามากมายมองตนอยู่ ล้วนแฝงความรู้สึกละเอียดอ่อน ราวกับกำลังทำความรู้จักเขาใหม่อีกครั้ง
ในนั้นก็มีความเกลียดชังและอาฆาตแค้นเช่นกัน
พวกข่งเจา หวงฝู่เซ่าหนงต่างไม่ปกปิดไอสังหารของตนเลยสักนิด
หืม?
ทันใดนั้นตอนที่สัมผัสได้ถึงสายตานั้น ในใจหลินพลันเกิดกลิ่นอายอันตรายเสี้ยวหนึ่ง เขาหันมองไป
ก็เห็นว่าทางฝั่งเรือนมรรคยุทธจักร ชายในชุดขาวที่ผมขาวราวหิมะคนหนึ่งยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นเงียบๆ
ดวงตาคู่นั้นของเขาใสราวกับน้ำ นิ่งดุจผืนทะเลสาบ เหมือนสามารถสะท้อนหมื่นลักษณ์ มีสุริยันจันทราดาราโคจรอยู่ภายใน ลึกล้ำและเงียบสงบ
ตอนที่สัมผัสได้ถึงสายตาของหลินสวิน ชายคนนั้นเผยรอยยิ้มบางๆ
ชั่วขณะนี้ในหัวหลินสวินปรากฏชื่อหนึ่งขึ้นเงียบๆ…
หมีอู๋หยา!
………………………………