Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1972 การชิงชัยทั่วหล้า กระแสคลื่นลับพลุ่งพล่าน

ตอนที่ 1972 การชิงชัยทั่วหล้า กระแสคลื่นลับพลุ่งพล่าน

ฝนตกพรำๆ ลมพัดโชยไหว ต้นไม้ใบหญ้าเขียวชอุ่ม

อาภรณ์ภิกษุเฒ่าถูกหยาดฝนเปียกชุ่ม กลับไม่รู้สึกตัวสักนิด จดจ่อสมาธิอยู่กับหมากกระดานตรงหน้า

ผู้ที่ประชันหมากกับเขาเป็นบุรุษที่สวมเกี้ยวประดับดอกบัวบนศีรษะ อาภรณ์สีดำ หน้าตาราวเด็กหนุ่ม แต่แววตากลับเจือกลิ่นอายโชกโชนไร้สิ้นสุดคนหนึ่ง

 ในโลกมืด แดนกษิติครรภ์ของเจ้าและสำนักโบราณจรัสเทพของข้าล้วนเข้าร่วมการประชันหมากกระดานนี้ มีแค่หอวิหคทองแดงนั่นที่การเคลื่อนไหวสักนิดก็ไม่มี สหายยุทธ์ไม่รู้สึกว่าแปลกหรือ 

เด็กหนุ่มชุดดำเกี้ยวประดับดอกบัวคีบหมากสีขาวในมือ พลางกล่าวเนิบนาบ

 ไม่แปลก 

ภิกษุเฒ่าเอ่ย  ไม่มีการเคลื่อนไหวก็คือการเคลื่อนไหวที่ใหญ่ที่สุด กระดานนี้เกี่ยวโยงถึงมหาสมบัติแรกกำเนิดที่อัศจรรย์หาใดเปรียบชิ้นหนึ่ง ด้วยวิธีการของหอวิหคทองแดง คงไม่วางตัวอยู่วงนอกแน่ 

เด็กหนุ่มชุดดำสวมเกี้ยวประดับดอกบัวกล่าวยิ้มๆ  ข้าเองก็คิดเช่นนั้น 

นิ่งเงียบประชันหมากอยู่ครู่ใหญ่ จู่ๆ ภิกษุเฒ่าก็พูดขึ้น  ตอนนี้มั่นใจได้แล้วว่า เจ้าจินตู๋อีนี่ก็คือหมากตัวหนึ่งที่คีรีดวงกมลแทรกสอดเข้ามา สหายยุทธ์คิดว่า ถึงตอนนั้นพวกวิญญาณเร่ร่อนที่ล่องลอยทั่วหล้าทุกสารทิศเหล่านั้น… จะกล้าปรากฏตัวหรือไม่ 

เด็กหนุ่มชุดดำเกี้ยวประดับดอกบัวอึ้งไป กล่าวยิ้มๆ  สหายยุทธ์ เจ้าพูดผิดแล้ว จินตู๋อีนั่นเป็นผู้สืบทอดเรือนมรรคคืนกำเนิด สถานะของเขาได้รับการยอมรับจากชิงเย่แล้ว 

ภิกษุเฒ่าเหลือบตาขึ้น มองคนที่หน้าตาเหมือนเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า แต่อันที่จริงเป็นเฒ่าดึกดำบรรพ์ระดับบรรพจารย์ที่ปกครองสำนักโบราณจรัสเทพมาไม่รู้กี่กาลเวลา กล่าวว่า  เรื่องนี้ตบตาคนอื่นได้ แต่ตบตา ‘บรรพจารย์จักรพรรดิเสินซวี’ อย่างเจ้าไม่ได้แน่นอน 

บรรพจารย์จักรพรรดิเสินซวี!

ฉายานี้ หากถูกผู้ฝึกปราณในโลกมืดได้ยินเข้าย่อมต้องขวัญหนีดีฝ่อ เกิดความหวาดกลัวไม่รู้จบสิ้นอย่างแน่นอน

เด็กหนุ่มชุดดำเกี้ยวประดับดอกบัวยิ้มอย่างไม่เห็นด้วย  สหายยุทธ์ ไยต้องถือสากิ่งก้อยพวกนี้ด้วย ไม่ว่าเรือนมรรคคืนกำเนิดหรือคีรีดวงกมลล้วนไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือ ควรวางหมากกระดานนี้อย่างไร จึงจะทำให้ชนะในท้ายที่สุด 

ภิกษุเฒ่านิ่งเงียบครู่หนึ่ง กล่าวว่า  บนล่างทั่วหล้าล้วนต้องต่อสู้ หมากกระดานนี้… เดินไม่ง่ายนัก 

 เช่นนั้นก็ดูว่าท้ายที่สุดใครจะเอาชนะกระดานนี้ได้ 

เด็กหนุ่มชุดดำเกี้ยวประดับดอกบัวยิ้มอย่างเก็บงำล้ำลึก

ภิกษุเฒ่าฉายาธรรม ‘เนี่ยคง’ ควบคุมดูแลแดนกษิติครรภ์ตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ตราบจนบัดนี้ มรรควิถีลุ่มลึกสุดหยั่ง

โลกมืดขนานนามเขาว่า ‘บรรพจารย์จักรพรรดิเนี่ยคง’!

 ชิงเย่ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าก็ปิดด่านอยู่ในประตูภูเขาแล้วกัน 

เรือนมรรคโลกาสวรรค์ ส่วนลึกของเขตหวงห้าม เสียงราบเรียบสายหนึ่งเอ่ยขึ้น

บรรพจารย์จักรพรรดิชิงเย่มุ่นคิ้ว  ทำไม 

 เฮ้อ เจ้ายังไม่เข้าใจหรือ การไปเขตต้องห้ามเซียนโบราณครั้งนี้มีการเกี่ยวพันจากหลายฝ่าย กระแสคลื่นลับใต้หล้าทั้งบนล่างโหมกระหน่ำ หากไม่ผิดคาด สามเดือนให้หลังต้องมีคลื่นลมใหญ่เกิดขึ้นแน่ 

เสียงนั้นทอดถอนใจ  พวกเราก็มีศิลามรรคโลกาสวรรค์แล้ว ยังจะไปขวนขวายมหาสมบัติแรกกำเนิดอีกชิ้นทำไมกัน 

 ต่อให้เป็นเช่นนี้ เหตุใดต้องให้ข้าปิดด่านด้วยล่ะ 

หัวคิ้วบรรพจารย์จักรพรรดิชิงเย่ยิ่งขมวดมุ่นมากขึ้นเรื่อยๆ

หลังนิ่งเงียบอยู่นาน เสียงสายนั้นก็ดังขึ้นอีกครั้ง  ข้าบอกเจ้าได้เพียงว่า เจ้าจินตู๋อีนี่ได้กลายเป็นตาพายุไปนานแล้ว ยามเมื่อการเคลื่อนไหวในเขตต้องห้ามเซียนโบราณปิดม่านลง ไม่ว่าเจ้าหมอนี่จะสามารถชิงมหาสมบัติแรกกำเนิดนั่นได้หรือไม่ ล้วนไม่สำคัญแล้ว 

นัยน์ตาบรรพจารย์จักรพรรดิชิงเย่หรี่ลง เดาอะไรได้รางๆ กล่าวว่า  มีคนจะต่อกรกับเรือนมรรคคืนกำเนิดหรือ 

 ทั้งถูกและไม่ถูก มูลเหตุในนั้น สามเดือนให้หลังเดี๋ยวเจ้าก็เข้าใจเอง 

เสียงสายนั้นเจือแววเคร่งขรึมอย่างหาได้ยาก  จำเอาไว้ คลื่นลมในครั้งนี้ พวกเราเรือนมรรคโลกาสวรรค์ก็ต้องวางตัวเป็นกลางเอาไว้เช่นกัน ห้ามแทรกแซงเด็ดขาด หาไม่ ต้องมีหายนะร้ายแรงอย่างแน่นอน 

บรรพจารย์จักรพรรดิชิงเย่นิ่งเงียบไป

ในใจเขาพอจะมีสังหรณ์ไว้แล้ว การเคลื่อนไหวในเขตต้องห้ามเซียนโบราณ ภายนอกอาจมีเพื่อมหาสมบัติแรกกำเนิดชิ้นนั้น แต่ขณะเดียวกัน ก็มีเงาตะคุ่มใหญ่ยิ่งครั้งหนึ่งเข้ามาฉวยโอกาสด้วย!

เพียงแต่บรรพจารย์จักรพรรดิชิงเย่คิดไม่ตก เหตุใด…

ต้องเล่นงานเรือนมรรคคืนกำเนิด?

หรือว่า ‘ศึกระหว่างสำนัก’ ที่เคยปะทุขึ้นในสมัยดึกดำบรรพ์และสมัยบรรพกาล จะหวนกลับมาอีกครั้งในยุคสมัยนี้

ครั้งก่อนสำนักคีรีดวงกมลถูกทำลาย

ครั้งนี้ เรือนมรรคคืนกำเนิดก็จะประสบเคราะห์หรือ

คิดถึงตรงนี้ ในใจบรรพจารย์จักรพรรดิชิงเย่พลันไหวสั่นขึ้นมา

 ข้าเข้าใจแล้ว 

ริมฝีปากเขาเอ่ยเอื้อนสี่คำออกมาเบาๆ ก่อนหมุนตัวกลับสู่สถานที่ฝึกจิตของตน

 คลื่นลมใกล้เข้ามาแล้ว… 

บนหน้าผาชันของยอดเขาที่ตั้งโดดบริเวณริมฝั่งทะเลลูกหนึ่ง หญิงสวมกระโปรงประดับลายเมฆกุหลาบสีชมพูคนหนึ่งทอดมองทะเลที่อยู่ไกลโพ้นอย่างเงียบๆ

ผมยาวดำเงางามทั่วศีรษะของนางถูกปักด้วยปิ่นเล่มหนึ่ง เผยให้เห็นใบหน้าเลอโฉมที่งามกลึงเกลาจนฟ้าดินหม่นแสง

นางรูปร่างสูงเพรียว ผิวพรรณขาวเนียนละเอียดอ่อนราวหยกมันแพะ นัยน์ตาเรียวชี้ขึ้นดั่งหงส์ที่เจือแววเจ้าสำราญโดยธรรมชาติสุกใสดุจดวงดารา ยืนสบายๆ ท่วงท่าที่เปิดเผยโดยไม่ได้ตั้งใจเช่นนั้น งดงามจนชวนตะลึง

บนผิวทะเล พยับเมฆเป็นชั้นๆ รวมตัวกันไม่หยุดราวหยดหมึก มืดครึ้มดำทะมึน กดบีบหัวใจผู้คน

จ้องมองเงียบๆ อยู่นาน นางยืดเอวบิดขี้เกียจ คิ้วงามเลิกขึ้นเล็กน้อย ยิ้มบางๆ กล่าวว่า  ศิษย์พี่ผู่เจิน หลบๆ ซ่อนๆ มาหลายปีขนาดนี้ บนโลกนี้ดูเหมือนยังมีคนคิดว่าปีนั้นพวกเราพ่ายแพ้ภายใต้น้ำมือของพวกเขานะ… 

ริมหน้าผาชันปรากฏบุรุษที่หน้าตาธรรมดา ผิวคร้ามเข้ม ศีรษะสวมงอบเหมือนชาวนาคนหนึ่งขึ้นมาอย่างไร้เสียง

เขาเกาหัวแกรก เผยรอยยิ้มซื่อๆ ออกมา เอ่ยตอบไม่ตรงคำถาม  ศิษย์น้อง ข้าคิดว่าตอนที่เจ้าไม่ปลอมตัวเป็นผู้ชาย ดูแล้วรื่นตากว่ากันเยอะ 

สวบ!

ปราณกระบี่สายหนึ่งโฉบผ่านใบหูของชายชาวนาไปอย่างไร้สุ้มเสียง ทำเอาเขาตกใจจนคอหด ยิ้มขื่นกล่าว  ชั่วขณะมรรคว่างเปล่า มรรคกระบี่สุดแพรวพราว ศิษย์น้อง ขืนเจ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป ข้าคงถูกเจ้าทำให้ตกใจจนมรรควิถีสลายหายเกลี้ยงแล้วจริงๆ 

หญิงผู้นั้นย่อมเป็นจวินหวน นางค้อนผู่เจินอย่างไม่สบอารมณ์ปราดหนึ่ง กล่าวว่า  ไปเถอะ 

 ไปไหน 

ผู่เจินอึ้งไป

 ไปก่อกวนลมฝนคลุ้งฟ้านั่น 

เงาร่างอรชรของจวินหวนค่อยๆ เคลื่อนไกลออกไป

แคว้นเมฆา

สำนักยุทธ์เสวียนจี

พื้นที่หวงห้ามหลังภูเขา ป๋อหยาจื่อที่กำลังฝึกจิตจู่ๆ ก็ลืมตาขึ้น ก็เห็นว่ามีเงาร่างสูงโปร่งสายหนึ่งปรากฏอยู่บริเวณไม่ไกลไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่

เขาสวมชุดคลุมขาวแขนกว้าง ดูใจดีสบายๆ ปลายคิ้วและมุมปากเจือรอยยิ้มที่ชวนให้ผู้คนสงบใจ

 อาจารย์! 

ป๋อหยาจื่อดีดตัวผึง สีหน้าปิติยินดี

บุคคลเบื้องหน้าก็คือหลี่เสวียนเวย ผู้สืบทอดลำดับสิบสามของคีรีดวงกมลนั่นเอง!

 เจ้าไม่ได้อยากท่องทั่วหล้าด้วยกันกับข้ามาโดยตลอดหรอกหรือ เก็บของเสียสิ ข้าจะพาเจ้าออกไป 

หลี่เสวียนเวยเอ่ยพลางยิ้มอ่อนโยน

ป๋อหยาจื่อรู้สึกเพียงว่ามีกระแสร้อนรุ่มที่บอกไม่ถูกโหมทะลักจิตใจ พูดโพล่งขึ้น  ดี! 

แต่หลังจากนั้นเขาก็ตระหนักได้ถึงความไม่ชอบมาพากลบางอย่าง พูดขึ้นว่า  ท่านอาจารย์ เพราะมีเรื่องใหญ่อะไรเกิดขึ้นหรือไม่ 

หลี่เสวียนเวยครุ่นคิดแล้วกล่าว  ไม่ถือเป็นเรื่องใหญ่มากมายนัก 

ป๋อหยาจื่อสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง นัยน์ตาวาบแววมุ่งมั่น เอ่ยว่า  ท่านอาจารย์ ไม่ว่าเรื่องใหญ่แค่ไหน ครั้งนี้ข้าต้องเคียงบ่าเคียงไหล่สู้กับท่านแน่นอน 

หลี่เสวียนเวยบื้อใบ้ไป  อย่าทำท่าจะบุกน้ำลุยไฟ มองความตายเหมือนการกลับบ้านเดิม ยังไม่ถึงเวลานั้น 

ป๋อหยาจื่อกล่าวอักอ่วน  ท่านอาจารย์ ท่านรอประเดี๋ยว ข้าไปจัดแจงเรื่องในสำนักสักหน่อยแล้วจะไปพร้อมกับท่าน 

หลี่เสวียนเวยห้ามเขาทันที กล่าวอย่างมีนัยแฝง  ขอเพียงเจ้าไม่อยู่ สำนักยุทธ์เสวียนจีนี่ก็ไร้กังวลแล้ว 

ในหัวป๋อหยาจื่อเกิดเสียงดังวู้มคราหนึ่ง เหมือนเดาอะไรออก กล่าวด้วยสีหน้าอึมครึม  ท่านอาจารย์ เป็นพวกศัตรูในปีนั้นบุกมาถึงสำนักข้าอีกแล้วหรือ 

 ไม่ เป็นเพราะครั้งนี้พวกเราไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ อีกต่อไปแล้ว 

หลี่เสวียนเวยยิ้มพลางเอ่ยแก้

ในวันเดียวกับที่มุ่งหน้าสู่เขตต้องห้ามเซียนโบราณ

ทั่วหล้าบนล่างนี้กระแสลับพลุ่งพล่าน

เสมือนกับการประชันหมากไร้รูปกระดานหนึ่งที่ค่อยๆ เปิดม่านขึ้น!

เขตต้องห้ามเซียนโบราณ

ไอแรกกำเนิดที่ดุจผ้าไหมเป็นสายๆ โปรยลงสู่ภูผาธาราอันเวิ้งว้าง กลิ่นอายรกร้างที่ดั้งเดิมและเก่าแก่ อัดแน่นเต็มห้วงอากาศฟ้าดิน

พลังระเบียบมหามรรคอันลึกลับหล่อเลี้ยงโลกที่ดุจดั่งปริศนานี้อย่างเงียบๆ ทำให้ภูผาธาราและสรรพชีวิตในที่แห่งนี้ล้วนมีรูปลักษณ์ที่ต่างจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง

มีป่าที่สาดพ่นเปลวเพลิงร้อนระอุ หยั่งรากลึกอยู่กลางห้วงอากาศ แผ่ครอบฟ้าดิน ส่งเงาตะคุ่มกระดำกระด่างลงบนผืนดินกว้าง

มีปลาประหลาดที่งอกปีกเป็นฝูงๆ แหวกว่ายตระเวนกลางอากาศ ยามเมื่อปีกเรืองรองไหวกระพือ ก็หลั่งรินแสงที่ประหนึ่งฝันมายาลงมา

และบนผืนดินกว้างนั้น เทือกเขาแผ่ไพศาล รูปทรงแปลกลักษณะพิลึก เดี๋ยวก็มีแสงเคลื่อนไหวเป็นสายๆ ลอยระบำออกมา เดี๋ยวก็มีโกรกธารมหึมาปรากฏอยู่ส่วนลึกของหมอกเมฆ…

ที่แห่งนี้ แปลกตาหลากสีสัน!

ทันทีที่หลินสวินปรากฏตัวในฟ้าดินผืนนี้ ก็ถูกภาพที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนนี้ทำให้ตะลึงงัน

ภูผาธาราสรรพสิ่งในที่นี้ ไม่ว่าต้นไม้ใบหญ้าหรือภูเขาก้อนหิน ล้วนเคลือบแฝงร่องรอยมหามรรคดั้งเดิมและเก่าแก่

ก็แม้แต่กลิ่นอายแรกกำเนิดที่คละคลุ้งกลางอากาศยังต่างจากโลกภายนอก เผยพลังชีวิตล้นทะลักไม่รู้จบอย่างหนึ่ง

แค่สูดหายใจเรื่อยเปื่อยเฮือกหนึ่ง ก็รู้สึกว่าทั่วร่างราวถูกน้ำแร่ใสบริสุทธิ์ชำระล้าง ทั้งนอกในผ่องใส ความคิดเบิกบาน!

 เป็นโลกที่แปลกอัศจรรย์นัก! 

นัยน์ตาดำหลินสวินมีประกายวาบ สัมผัสคร่าวๆ พบว่ากฎเกณฑ์มหามรรคที่ปกคลุมโลกผืนนี้ถึงจะต่างจากโลกภายนอก แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบไม่ดีใดๆ ต่อปราณของตน

ตรงข้าม หากสามารถฝึกปราณและเคี่ยวกรำอยู่ที่นี่ จะทำให้มรรควิถีแห่งตนได้รับประโยชน์ที่คาดไม่ถึง!

ที่นี่ต้องเป็นโลกที่เขตต้องห้ามเซียนโบราณตั้งอยู่ ดินแดนมหันตภัยที่ทำให้พวกระดับจักรพรรดิยังหน้าถอดสีเมื่อเอ่ยถึงอย่างไม่ต้องสงสัย

กร๊อบ!

จิตรับรู้ของหลินสวินกวาดมองรอบบริเวณ หลังจากสัมผัสว่าพื้นที่ใกล้เคียงไม่มีความผิดปกติ เพิ่งสาวเท้าตั้งใจจะเดินออกไป ใต้เท้าก็มีเสียงคล้ายกระดูกแตกสายหนึ่งดังขึ้นมา

บนพื้นนั้นปกคลุมด้วยใบไม้เน่าเปื่อยหนาเตอะชั้นหนึ่ง หลังจากหลินสวินใช้ปลายเท้าปัดใบไม้เหี่ยวออก โครงกระดูกชำรุดเสียหายที่เปื่อยสลายมานานแล้วพลันปรากฏสู่สายตา

โครงกระดูกถูกฝังอยู่ที่นี่ไม่รู้กี่กาลเวลา เปลี่ยนเป็นกรอบเปราะหาใดเปรียบ

แต่ในใจหลินสวินกลับสั่นสะท้านรุนแรง สูดหายใจเย็นเฮือกหนึ่ง เพราะด้านข้างโครงกระดูก บนพื้นทิ้งตัวอักษรเลือดที่แห้งกรังดำคล้ำบรรทัดหนึ่ง…

‘แจ้งมรรคบรรลุจักพรรดิแล้วอย่างไร อยู่ที่นี่ก็สิ้นท่าปานหญ้าแห้ง!’

ตัวอักษรเขียนกระหวัด ทว่าแต่ละขีดแต่ละเส้นกลับใช้แรงยิ่งยวด ประทับลงบนพื้น เผยแววท้อแท้และไม่ยินยอมไร้สิ้นสุด

นี่คือหนังสือเลือดที่ระดับจักรพรรดิผู้หนึ่งทิ้งไว้ก่อนสิ้นใจ ชวนให้คนติดตาใจสะท้าน

สภาพอารมณ์ของหลินสวินพลิกม้วน ยามมองโลกแปลกตาแห่งนี้อีกครั้ง แววตาก็เจือความระแวดระวังที่คล้ายมีแต่ไม่มีเสี้ยวหนึ่ง

ระดับจักรพรรดิแข็งแกร่งปานใดกัน

แต่กลับมองตัวเองเป็นหญ้าแห้งที่ไม่เอาไหน เช่นนั้นภัยอันตรายที่ซุกซ่อนในเขตต้องห้ามเซียนโบราณแห่งนี้จะน่าสะพรึงปานใดกัน

แค่ลองคิดก็ตัวสั่นแล้ว!

 ก็ไม่รู้ว่าปีนั้นตอนที่ศิษย์พี่จวินหวนมุ่งหน้ามา ‘เขาปู้โจว’ ที่พบเห็นจะอยู่ที่ไหนกันแน่ แล้วนางประสบภัยอันตรายระดับใด สุดท้ายถึงได้คอตกกลับมา 

นัยน์ตาดำหลินสวินวาววาบ ในหัวผุดภาพประหลาดอย่างหนึ่งขึ้นมาเงียบๆ

——

 

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset