ตอนที่ 1985 สหายเก่าของศิษย์พี่จวินหวน
เจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดส่องแสง ลอยอยู่กลางอากาศ มีอานุภาพหนึ่งเดียวนิรันดร์กาล กำราบชั่วกัลป์อยู่กลายๆ
แม้ไม่ทันไรสมบัตินี้ก็ถูกหลินสวินเก็บกลับไป แต่สายตาที่พวกหวงฝู่เซ่าหนงมองหลินสวินล้วนเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงแล้ว
หลินสวิน!
พวกร้ายกาจที่เคยก่อเรื่องใหญ่โตในแหล่งสถานคุณหลุน ทำให้ทั้งทางเดินโบราณฟ้าดาราสั่นสะท้าน ที่แท้ดันเป็นเศษเดนของคีรีดวงกมลเสียได้!
ชั่วพริบตาเดียว หวงฝู่เซ่าหนงก็นึกถึงคำพูดที่ผู้อาวุโสในสำนักกำชับไว้ก่อนเข้ามาในเขตต้องห้ามเซียนโบราณ
‘การเคลื่อนไหวคราวนี้ ข้อแรกทำเพื่อชิงศุภโชคที่เกี่ยวข้องกับมหาสมบัติแรกกำเนิดนั้น ข้อสองคือการต่อกรกับเจ้าจินตู๋อีคนนี้ คราวนี้ผู้สืบทอดเรือนมรรคยุทธจักรกับดึกดำบรรพ์จะร่วมลงมือกับพวกเจ้าด้วย!’
ตอนนั้นหวงฝู่เซ่าหนงยังคิดว่านี่เป็นการเคลื่อนไหวที่สามเรือนมรรคใหญ่ร่วมกันพุ่งเป้าไปที่ผู้สืบทอดเรือนมรรคคืนกำเนิด
แต่ตอนนี้ดูท่าเรื่องราวจะไม่ได้เรียบง่ายเพียงเท่านี้
พูดอีกอย่างก็คือ ไม่ว่าจะเป็นเรือนมรรคจักรวาล หรือสองเรือนมรรคใหญ่อย่างยุทธจักรกับดึกดำบรรพ์ เกรงว่าจะมองที่มาแท้จริงของจินตู๋อีออกนานแล้ว!
คิดถึงตรงนี้หวงฝู่เซ่าหนงก็ตวาดอย่างเหี้ยมโหดว่า ไม่ว่าอย่างไร คราวนี้ก็ต้องฆ่าเจ้าหมอนี่ให้ได้!
ฆ่า!
ฆ่า!
ฆ่า!
ผู้สืบทอดเรือนมรรคจักรวาลคนอื่นก็รับรู้ได้ถึงความร้ายแรงของปัญหา แต่ละคนไอสังหารทะยานสูง กระตุ้นพลังของตัวเองจนถึงขีดสุด
ตูม!
การต่อสู้ดุเดือดยิ่งขึ้นแล้ว
โดยเฉพาะหวงฝู่เซ่าหนง พลานุภาพยิ่งน่ากลัว ในขณะที่กระตุ้นกระบี่บินเตาหลอมสีม่วงเจ็ดสิบสองเล่มนั้น ก็สำแดงเขตแดนมรรคของตนเข้าประชันกับหลินสวินจังๆ
ผู้สืบทอดเรือนมรรคจักรวาลคนอื่นก็ใช้ไพ่ตาย สำแดงวิชาลับต้องห้ามต่างๆ ล้อมโจมตีไปที่หลินสวินจากทุกทิศ
ทันใดนั้นฟ้าดินแห่งนี้ก็ส่งเสียงครั่นครืน ถูกกลบด้วยแสงมรรคโชติช่วง ปรากฏการณ์ประหลาดอย่างพายุสายฟ้าซัดสาด เทพมารร้องคำราม อริยบุคคลหลั่งโลหิต สุริยันพินาศจันทราจมดิ่งพากันปรากฏขึ้น…
ภาพเช่นนั้นสามารถทำให้โลกตะลึงได้!
ถึงอย่างไรไม่ว่าหลินสวินหรือพวกหวงฝู่เซ่าหนง ต่างยืนอยู่บนจุดสูงสุดของระดับราชันอริยะ มรรคและวิชาที่ครอบครองล้วนเหนือกว่ามาตรฐานของคนในรุ่นเดียวกันไปนานแล้ว
การประลองเช่นนี้มองไปบนทางโบราณฟ้าดาราอันกว้างใหญ่ เกรงว่าจะเห็นได้แต่ในเขตต้องห้ามเซียนโบราณแห่งนี้เท่านั้น
เพียงแต่ที่ทำให้หวงฝู่เซ่าหนงรู้สึกยากจะเชื่อก็คือ ต่อให้เขากับคนอื่นร่วมกันล้อมโจมตี กลับไม่อาจกำราบหลินสวินคนเดียวได้ในเวลาสั้นๆ!
ควรรู้ว่าเขาเป็นถึงอันดับสองของกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์ เป็นปีศาจชั้นยอดที่เป็นรองเพียงหมีอู๋หยา มีชื่อเสียงสะท้านฟ้าดารา เปล่งประกายทั่วหล้ามานานแล้ว ถูกสัตว์ประหลาดเฒ่าไม่รู้เท่าไรมองเป็นความหวัง คิดว่าวันหน้าเขาจะสามารถเหยียบย่างเข้าไปในธรณีประตูแห่งระดับจักรพรรดิได้อย่างง่ายดาย มรรคาไร้จำกัด
แต่ตอนนี้ ภาพที่หลินสวินใช้พลังของตนคนเดียวก็ต้านพวกเขาทุกคนได้ กลับกระทบกระเทือนจิตใจหวงฝู่เซ่าหนง!
เขาถึงกับคิดว่าหากสู้หนึ่งต่อหนึ่ง ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร
ไม่เพียงหวงฝู่เซ่าหนง ผู้สืบทอดเรือนมรรคจักรวาลอย่างพวกจวนอวี๋เหิง แต่ละคนต่างยากจะยอมรับ สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นไม่สู้ดี
เศษเดนของคีรีดวงกมลคนเดียวก็แข็งแกร่งปานนี้ เช่นนั้นคีรีดวงกมลในยุครุ่งเรืองจะน่ากลัวปานไหนกัน
รวม!
ทันใดนั้นหวงฝู่เซ่าหนงตะคอกลั่น สีหน้าเคร่งขรึม ร่างกายมีประกายเทพสีเขียวพร่างพราวไร้สิ้นสุดปรากฏขึ้นราวเพลิงโหม
และเบื้องหน้าเขาก็คือประกาศิตสายหนึ่ง!
บนประกาศิตมีเพียงอักษร ‘สังหาร’ เขียนอยู่ตัวเดียว ทุกเส้นทุกขีดประทับด้วยเจตจำนงน่ากลัวของระดับจักรพรรดิ กลิ่นอายที่แผ่ออกมาทำให้บริเวณนี้ระเบิดดังลั่นไปหมด รับการกดทับจากพลังเช่นนี้ไม่ไหว
พอประกาศิตทะยานฟ้าขึ้นมา ดวงตาของหวงฝู่เซ่าหนงก็เปลี่ยนเป็นเปล่งประกายและหนักแน่นขึ้นตามไปด้วย
ประกาศิตสายนี้เฒ่าดึกดำบรรพ์ผู้หนึ่งใช้พลังเจตจำนงของตนสลักขึ้นเอง เพื่อสิ่งนี้ถึงกับจ่ายค่าตอบแทนจำนวนหนึ่งไป ความแข็งแกร่งของอานุภาพนั้น ผู้ที่อยู่ต่ำกว่าระดับจักรพรรดิไม่อาจต้านทานได้!
เดิมทีประกาศิตสายนี้ถูกหวงฝู่เซ่าหนงพกเป็นไพ่ตาย คิดว่าจะใช้ยามแย่งชิงมหาสมบัติแรกกำเนิด
แต่ตอนนี้เขาไม่อาจสนใจเรื่องพวกนี้แล้ว
ตูมครืน!
กลางฟ้าดิน อานุภาพกดข่มระดับจักรพรรดิที่ไพศาลประหนึ่งพายุกวาดเมฆสลาย ไม่ว่าจะเป็นพลังของหลินสวินหรือพลังของคนอื่นๆ ก็ถูกกดข่มโดยสิ้นเชิงในชั่วพริบตา
แม้แต่สมบัติจักรพรรดิเหล่านั้นยังสั่นไหวดังหึ่งๆ ถูกยับยั้งอย่างน่ากลัว ไม่อาจเคลื่อนไหวได้!
นัยน์ตาหลินสวินพลันหดรัด ร่างกายตึงเครียด ขนลุกเกรียวไปหมด ความรู้สึกถึงอันตรายที่ไม่เคยมีมาก่อนผุดขึ้นในใจ
ตาย!
หวงฝู่เซ่าหนงโพล่งออกมาเบาๆ เพียงคำเดียว เหี้ยมเกรียมและเย็นเยียบ ดูเชื่อมั่นและอวดดีหาใดเทียบ ประหนึ่งนายเหนือหัวผู้มีสิทธิ์ขาดเหนือชีวิต
วู้ม!
ก็เห็นว่าอักษรสังหารที่อยู่บนประกาศิตมรรคจักรพรรดินั้นลอยวนออกมา พริบตาพลังฟ้าดินก็เหมือนถูกดึงไปรวมที่อักษรสังหารนั้นจนหมด ทำให้มันเปล่งประกายตระการตายิ่งขึ้น กลิ่นอายน่ากลัวที่สูงส่งหาใดเทียบปรากฏ
พวกจวนอวี๋เหิงยังสะท้านในใจอย่างอดไม่ได้ หยุดสิ่งที่ทำอยู่ นี่เป็นพลังเจตจำนงของระดับจักรพรรดิ ไม่อาจดูหมิ่ม และไม่อาจให้พวกเขาแทรกแซงได้อีก!
หลินสวินพลิกฝ่ามือเงียบๆ ก็มีขวดหยกมันแพะขวดหนึ่งเพิ่มขึ้นมา และภายในร่าง เจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดก็กำลังเตรียมจะเคลื่อนไหว
การโจมตีนี้อันตรายเกินไปจริงๆ ทำให้เขายังรู้สึกถูกคุกคาม
แต่ยังไม่ทันรอให้หลินสวินลงมือ ทันใดนั้นมือใหญ่มือหนึ่งก็เคลื่อนออกมากลางอากาศ บดบังเวิ้งฟ้า และจับอักษรสังหารนั้นไว้
ตูม!
เสียงกัมปนาทสะเทือนเลือนลั่นดังขึ้น ฟ้าดินสั่นไหว
มือใหญ่นั้นถักทอจากสายฟ้านับไม่ถ้วน แสบตาหาใดเทียบ มือข้างเดียวบดบังเวิ้งฟ้าแห่งนี้ หนึ่งหัตถ์บังฟ้าอย่างแท้จริง!
หวงฝู่เซ่าหนงสีหน้าแข็งทื่อ งุนงงไปหมด
พวกจวนอวี๋เหิงก็ต่างอึ้งไป
พวกเขาคิดจนหัวแทบแตกก็คิดไม่ถึงว่าประกาศิตมรรคจักรพรรดิยังไม่ทันสำแดงอานุภาพ เหตุใดถึงถูกมือใหญ่มือหนึ่งจับเอาไว้!
ทันใดนั้นพวกเขาก็พากันหนาวสะท้านไปทั้งตัว มองเห็นว่ามือใหญ่ข้างนี้มาจากส่วนลึกของบึงแห่งนั้น!
และยอดเขาประหลาดที่อยู่ในส่วนลึกของบึงนั้นก่อนหน้านี้ ก็เหมือนตื่นขึ้นจากการหลับใหล มีละอองแสงอสนีไร้สิ้นสุดผุดออกมานานแล้ว
มองไปในตอนนี้ก็เห็นว่าในบริเวณที่มีพายุสายฟ้านั้น สายฟ้าส่องสว่างเหมือนดั่งสายโซ่ระเบียบมหามรรคแน่นขนัด กำลังเริงระบำกลางฟ้าดิน
ท่ามกลางความคลุมเครือ มีเงาร่างสูงใหญ่ร่างหนึ่งปรากฏขึ้นภายในนั้น ราวกับเทพอสนีที่เดินออกมาจากความพังพินาศ!
ในขณะเดียวกัน หลินสวินก็สูดหายใจสะท้าน หน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย
ก่อนหน้านี้ห้ำหั่นดุเดือดกับพวกหวงฝู่เซ่าหนง แม้แต่เขายังเกือบลืมไปแล้วว่าในส่วนลึกของบึงนั้นยังมีอันตรายน่ากลัวอยู่อย่างหนึ่ง
หลินสวินยังไม่ทันคิดให้กระจ่าง มือใหญ่สายฟ้าที่ดุจดั่งบังฟ้าข้างนั้นก็กดท้องฟ้าลงมาดังครั่นครืนแล้ว!
หนี!
หวงฝู่เซ่าหนงแทบวิญญาณหลุดลอยแล้ว พาทุกคนหนีไปไกลเหมือนบ้าคลั่งโดยไม่ลังเลสักนิด
มิหนำซ้ำยังสำแดงยันต์ลับท่องหนีออกมา สิ่งนี้ก็เป็นหนึ่งในวิชารักษาชีวิตของหวงฝู่เซ่าหนงเช่นกัน ล้ำค่าหาใดเทียบ
แต่ตอนนี้เขาจะมาสนใจเรื่องพวกนี้ไม่ได้แล้ว
ชั่วพริบตากลุ่มของพวกเขาก็หายลับไปอย่างพิสดาร
หลินสวินก็หนีเช่นกัน เร็วกว่าพวกหวงฝู่เซ่าหนงเสียด้วยซ้ำ แต่ก็ในชั่วพริบตาที่เขากำลังหลบหนี ร่างกายก็เหมือนถูกผนึกไว้ ขยับไม่ได้อีก
และข้างหูเขากลับมีเสียงแหบแห้งต่ำลึกเสียงหนึ่งดังขึ้น ‘ยิงข้าหนึ่งศร ยังคิดจะหนีอีกหรือ’
ครู่ต่อมาหลินสวินก็ตาพร่ามัว ถูกพาตัวไปแล้ว
เมื่อสายตากลับมามองเห็นได้ชัดเจน ก็พบว่าตนมาถึงส่วนลึกของบึงแล้ว ตรงหน้ามีพายุอสนีมืดฟ้ามัวดิน โผนทะยานคำรามก้องดั่งกระแสธารเชี่ยว ทั้งยังเหมือนมังกรยักษ์หลายตัวแหวกว่าย สายฟ้าไหววูบส่องสว่างแสบตานั้นมาๆ หายๆ กลิ่นอายที่แผ่ออกมาทำให้หลินสวินยังรู้สึกหายใจไม่ออก
เขาสังหรณ์อย่างแรงกล้าว่าขอเพียงถูกสายฟ้านั้นโจมตีโดน ชีวิตน้อยๆ ของตนนี้จะต้องทิ้งไว้ที่นี่แน่!
แต่ที่ประหลาดก็คือ แม้ว่าจะอยู่ในที่ที่มีพายุอสนี แต่สายฟ้าเหล่านั้นคล้ายมีตา เพียงแค่กระจัดกระจายอยู่ข้างกายเขา ไม่ได้ทำร้ายเขาแม้แต่นิดเดียว
ก็ในตอนนี้เองหลินสวินมองเห็นกรงขังกรงหนึ่ง สานขึ้นจากพลังระเบียบอสนีหลากสีสันเป็นสายๆ
ระเบียบอสนีแต่ละชนิด…ทั้งสีเขียว สีน้ำเงิน สีดำ สีขาว สีทอง ล้วนงดงามตระการตาปานนั้น กรงขังที่เปลี่ยนรูปจากสายฟ้า มอบความรู้สึกแพรวพราวดั่งภาพมายา คล้ายไม่อาจมีอยู่บนโลกได้!
และภายในกรงขังก็มีเงาร่างหนึ่งถูกจองจำอยู่ แม้จะนั่งขัดสมาธิลมหายใจรวยริน กลิ่นอายเสื่อมโทรมและอ่อนแอ แต่กลับให้ความรู้สึกยิ่งใหญ่ดุจเทพ สูงส่งเหลือประมาณ!
ผมยาวสีดอกเลาทั้งหัวของเขาปล่อยลงมา ยุ่งเหยิงเหมือนต้นหญ้า ตามร่างกายมีแต่รอยแผลที่ถูกสายฟ้าฟาดทิ้งไว้
แม้ไม่อาจมองเห็นใบหน้าของเขา แต่แววตาของเขากลับคมกริบดั่งกระบี่ พลังมหามรรคน่ากลัวไร้สิ้นสุดไหวเคลื่อน
ชั่วพริบตาที่ถูกเขาจับจ้อง หลินสวินแข็งทื่อไปทั้งตัว เหมือนมดเล็กจ้อยถูกทวยเทพบนสวรรค์จ้องมอง!
ในใจเขาตกตะลึง ยอดเขาที่ตั้งอยู่ในส่วนลึกของบึงและดูพิสดารหาใดเทียบลูกหนึ่ง กลับแปลงเป็นพลังระเบียบพายุอสนีไร้สิ้นสุด กำราบคนที่เป็นดั่งทวยเทพคนหนึ่งไว้ที่นี่!
นี่น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!
เขาเป็นใครกัน
เหตุใดถึงถูกกำราบอยู่ที่นี่
ผู้สืบทอดคีรีดวงกมล อ่อนแอขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน
เสียงแหบแห้งต่ำลึกเสียงหนึ่งดังขึ้น เผยความผิดหวังอย่างปิดไว้ไม่อยู่ออกมา และยังมีความโกรธเคืองอย่างบอกไม่ถูกด้วย เพียงแค่ถูกพวกกุ๊ยเรือนมรรคจักรวาลล้อมโจมตี ดันเกือบประสบเคราะห์เสียได้ ขายหน้าคีรีดวงกมลหมดแล้ว!
หลินสวินอึ้งไป เอ่ยว่า ผู้อาวุโส… รู้ฐานะผู้น้อยด้วยหรือ
ไร้สาระ ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าเป็นผู้สืบทอดคีรีดวงกมล อาศัยแค่ศรที่เจ้ายิงออกมาดอกเดียวคงถูกข้าสังหารตายไปนานแล้ว!
ในกรงขังอันสวยงามที่แปลงมาจากระเบียบอสนี เงาร่างที่บาดแผลเต็มตัวนั้นเงยหน้าขึ้นมา ผมยาวสีดอกเลาโบกพัดเหมือนหญ้าน้ำ
แต่เสียงของเขากลับเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนและเบาลงไม่น้อย เจ้าไม่ต้องกังวลไป จะว่าไปข้ากับคีรีดวงกมลของเจ้าก็มีความสัมพันธ์กันไม่น้อย ย่อมไม่อาจและไม่สนใจและไปทำร้ายเจ้าหนูอย่างเจ้า
มีความสัมพันธ์กับคีรีดวงกมล!
จิตใจที่รัดเกร็งของหลินสวินผ่อนคลายลงไม่น้อย คิดดูก็ใช่ แค่พลังระเบียบอสนีสายเล็กๆ สายเดียวที่นี่ก็สังหารตนได้แล้ว
แต่ทุกอย่างนี้ไม่ได้เกิดขึ้น อย่างน้อยเรื่องนี้ก็พิสูจน์ว่าเงาร่างที่ถูกขังอยู่ในกรงขังนั้นไม่ได้เป็นภัยกับตน ณ ตอนนี้
ขอเรียนถามว่าผู้อาวุโสมีนามว่าอะไร
หลินสวินอดถามไม่ได้
เงาร่างในกรงขังกลับอึ้งไป เอ่ยว่า เจ้ามาเขตต้องห้ามเซียนโบราณคราวนี้ หรือจวินหวนจะไม่เคยพูดถึงข้าให้เจ้าฟัง
จวินหวน!
ตอนนี้หลินสวินรู้แล้วว่าเจ้าคนที่ชอบสวมชุดปักกุหลาบสีชมพูเต็มไปหมด งดงามจนไร้เหตุผลคนนั้น ความจริงแล้วก็คือศิษย์พี่หญิงของตน
ยามมาเขตต้องห้ามเซียนโบราณคราวนี้ ภาพประทับ ‘เขาปู้โจว’ ในสมองเขาก็มาจากจวินหวน
เพียงแต่ไม่ว่าจวินหวนหรือหลี่เสวียนเวย ก็ไม่เคยบอกหลินสวินว่าในเขตต้องห้ามเซียนโบราณแห่งนี้ยังมี ‘ศัตรู’ ที่ถูกพลังระเบียบมรรคอสนีกำราบอยู่คนหนึ่งด้วย!
——