อักษรธรรมสีดำตัวแล้วตัวเล่าแผ่คลุมทั่วร่างหลินสวินราวกับสัญลักษณ์
กลางอักษรธรรมปลดปล่อยพลังข้ามเคราะห์ออกมา ซึมซู่ผิวหนังทั่วกายหลินสวิน ไหลทะลักสู่ภายในร่างกาย บังเกิดอานุภาพชะล้างน่าสะพรึง พาให้ทั้งตัวเขามีภาพลวงประหนึ่งกำลังแผดเผาตัวเองประการหนึ่ง
นี่ก็คือพลังแห่งการโปรดสัตว์ซึ่งกำเนิดจากวิชาข้ามเคราะห์พ้นทุกข์!
ในที่สุดหลินสวินก็ตระหนึกถึงความน่ากลัวของพลังนี้ แต่กลับไม่ได้ตื่นตกใจ เพราะในขณะนี้พลังมหามรรคดับดารากลืนกินกำลังขับเคลื่อน
ครืนๆ
ชั่วพริบตา อักษรธรรมสีดำที่ทั้งแปลกประหลาดและน่ากลัวเหล่านั้นถูกกวาดจนเกลี้ยงราวกับลมหอบเสี้ยวเมฆก็ไม่ปาน ถูกขจัดทิ้งอย่ามสิ้นเชิง ไม่สามารถแทรกซึมร่างหลินสวินได้อีกต่อไป!
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าในด้านเนื้อแท้แห่งพลังมหามรรคนั้น เห็นชัดว่าพลังข้ามเคราะห์ไม่สามารถเทียบชั้นกับมรรคดับดารากลืนกินได้
ในใจหลินสวินเกิดความรู้แจ้งเสี้ยวหนึ่ง
ก่อนหน้านี้ที่เขาถูกกำราบเป็นเพราะไม่เข้าใจในพลังสำนักพุทธทั้งนั้น ถึงได้ถูกซัดแบบตั้งตัวไม่ทัน
แต่ยามนี้ เขาไม่กลัวแล้ว!
…
รากโพธิ์ ในสายตาของผู้บำเพ็ญธรรมนั้นเป็นสิ่งวิเศษชั้นหนึ่งในหมู่ชั้นหนึ่งของใต้หล้า อัศจรรย์สุดจะพรรณนา ซุกซ่อนนัยเร้นลับแก่นแท้แห่งมหามรรคทั่วหล้า มีคุณประโยชน์อันน่าเหลือเชื่อ
สมัยบรรพกาลเคยมีโพธิ์ต้นหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่บนโลก แต่ละกิ่งก้านล้วนวิวัฒน์เป็นจักรวาลฟ้าดินแถบหนึ่ง เสมือนสามพันดินแดน น่าอัศจรรย์อย่างที่สุด!
ตามที่มู่เจิ้งรู้มา ในช่วงบรรพกาลมีผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งในอารามกษิติครรภ์บรรลุแก่นอัศจรรย์สูงสุดของ ‘มรรคยอดธุดงค์มหายาน’ โดยอาศัยเพียงใบโพธิ์ใบเดียวก็รู้แจ้งสิ้นเชิง ณ ที่แห่งนั้น รู้ตื่นรู้เบิกบาน ย่างสู่ระดับอริยะเพียงหนึ่งก้าวด้วยเหตุนี้!
หากรากโพธิ์แห้งเหี่ยวรากหนึ่งที่อยู่ตรงหน้านี้เกี่ยวข้องกับต้นโพธิ์ เช่นนั้นมูลค่าก็น่าตกใจเกินไปแล้ว
ในฐานะผู้บำเพ็ญธรรม มู่เจิ้งรับรู้ถึงกลิ่นอายอันเป็นเอกลักษณ์ของไม้เหี่ยวชิ้นนี้ตั้งแต่พริบตาแรก ทำให้เขาไม่สามารถควบคุมอารมณ์ภายในใจได้ เกิดเป็นความปรารถนาที่รุนแรงสุดจะเปรียบ
ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจหลินสวิน ไม่สนใจเจดีย์สมบัติไรอักษร หากแต่มุ่งเป้าไปที่ของสิ่งนี้ตั้งแต่ต้น
สวบ!
เขาลงมือโดยไม่ลังเลแต่อย่างใด และมุ่งมั่นจะคว้าของสิ่งนี้ให้จงได้
“ภิกษุ เจ้าช่างใจเร็วเหลือเกิน!” แต่ยามนี้เองเสียงเย็นเยียบสายหนึ่งก็ดังขึ้น สิ่งที่มาพร้อมเสียงยังมีคมดาบสีขาวเจิดจ้าดั่งหิมะเล่มหนึ่ง
เร็ว!
เร็วเกินไปแล้ว!
มู่เจิ้งมัวแต่คิดหาวิธีว่าจะคว้าไม้แห้งชิ้นนั้นมาได้อย่างไร จึงถูกซัดอย่างตั้งตัวไม่ทันในบัดดล
ฟึ่บ!
ประกายเย็นเยียบพริบไหว ปราณดาบไร้เทียมทานกวาดวาด มีหยาดเลือดพุ่งสาดออกมาทันที แขนขวาที่มู่เจิ้งยื่นออกไปถูกตัดร่วงทั้งอย่างนั้น
ไม่อาจไม่พูด มู่เจิ้งแข็งแกร่งน่ากลัวอย่างที่สุด ถอยหลบในช่วงเวลาคับขันนี้ แม้เสียแขนข้างหนึ่งไปแต่ก็รักษาชีวิตไว้ได้อย่างหวุดหวิด
หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เกรงว่าคงถูกฆ่าตายคาที่ตั้งนานแล้ว
“เจ้า…” มู่เจิ้งเจ็บปวด ใบหน้าบิดเบี้ยว
แต่ที่ทำให้เขาไม่อยากเชื่อยิ่งกว่านั้นคือ หลังจากหลินสวินประสบอานุภาพแห่ง ‘โปรดสัตว์ทั่วหล้า’ แล้ว ถึงกับปลอดภัยไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ!
ข้อนี้พาให้เขาเกือบไม่เชื่อสายตาตัวเอง
นั่นเป็นถึงไพ่ตายกร้าวแกร่งที่สุดของเขา ตนเชื่อว่าทั่วดินแดนรกร้างโบราณ ต่อให้เป็นปีศาจไร้เทียมทานในแดนเร้นอริยะพวกนั้นก็เกรงว่าจะต้องพ่ายการโจมตีนี้ และต้องตกที่นั่งลำบากแน่
แต่ยามนี้…
กระบวนท่านี้กลับพลาดพลั้ง!
“ภิกษุ รีบร้อนไปจะไม่ได้กินเต้าหู้ร้อนนะ” สีหน้าหลินสวินเย็นเยียบ ยืนอยู่ตรงหน้าแท่นดอกบัวหยกขาว รูปร่างสูงโปร่งผงาดง้ำอยู่ตรงนั้นราวกับหมู่เขาสะดุดตา
“เจ้าทำได้อย่างไร” มู่เจิ้งหน้าเปลี่ยนสี เขาวางเฉยและสงบนิ่งเรื่อยมา แต่ยามนี้กลับไม่สามารถรักษาความเยือกเย็นได้อีกต่อไป
เขาเก็บอาลยบาตรกลับมาเป็นโล่กำบังอยู่เบื้องหน้า
เพราะความแข็งแกร่งของหลินสวินเหนือความคาดหมายของเขาโดยสิ้นเชิง
“เด็กน้อย เจ้าคิดว่าข้าจะบอกเจ้าหรือ”
หลินสวินระบายยิ้ม ขณะเดียวกันก็เรียกเก็บเจดีย์ไร้อักษร ไม่ได้ลงมือสังหารทันที
มู่เจิ้งกลับสู่ความเยือกเย็นอย่างรวดเร็ว ห้ามเลือดบริเวณแขนข้างที่ขาด จับจ้องหลินสวินด้วยสายตาดั่งสายฟ้า “ตามบันทึกโบราณอารามกษิติครรภ์ของข้า บุคคลเช่นเจ้าถือว่าเป็นคนนอกรีต และจะต้องถูกกวาดล้างอย่างแน่นอน”
นอกรีต!
หลินสวินหรี่ตาลง หัวเราะเสียงเย็นกล่าวว่า “ข้าเองก็เคยได้ยินว่าอารามกษิติครรภ์ของพวกเจ้าประกาศตนเป็น ‘ผู้บำเพ็ญข้ามทุกข์’ มีหน้าที่กวาดล้างคนนอกรีตทั่วหล้า ไม่ว่าใครที่ถูกพวกเจ้าหมายหัว ก็จะเริ่มโดนไล่ฆ่าแบบไม่ตายไม่เลิกรา”
“แต่ข้ากลับคิดไม่ถึงว่าพวกเจ้าจะถึงขั้นให้นิยามคนนอกรีตเช่นนี้ ฮ่าๆ นี่ก็คือแนวปฏิบัติของพวกเจ้าอารามกษิติครรภ์หรือ ออกจะไร้ยางอายเกินไปหน่อยกระมัง”
คำพูดไม่ปกปิดความดูเบาและถากถางแต่อย่างใด
มู่เจิ้งหน้าไม่เปลี่ยนสี ปากกล่าวถกธรรม “นับแต่บรรพกาลเป็นต้นมาอารามกษิติครรภ์ของข้าตัวอยู่นรก ใจมุ่งแสงสว่าง ย่อมไม่พ้องกับเหตุผลของผู้คนส่วนใหญ่บนโลก ไร้ยางอายหรือไม่ ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงความจริงที่เจ้าเป็นคนนอกรีตได้”
หลินสวินเลิกคิ้ว สาดน้ำป้ายสีก็ไม่ได้สาดด้วยวิธีนี้ นี่มันยัดเยียดข้อหาให้ผู้บริสุทธิ์แล้วชัดๆ!
“เจ้ากล้า!” ฉับพลันมู่เจิ้งคล้ายตระหนึกถึงอะไรบางอย่าง พลันบันดาลโทสะ ตวาดลั่นออกมา
“มีอะไรบ้างที่ข้าไม่กล้า เจ้ากำลังถ่วงเวลา ข้าก็จะถ่วงเวลาเป็นเพื่อนเจ้า ผิดอะไรหรือ” หลินสวินกล่าวยิ้มๆ
ขณะพูดเงาร่างเขาพริบไหวพุ่งขึ้นบนแท่นดอกบัวหยกขาวนั้น สะบัดแขนเสื้อ หมายจะเก็บไม้แห้งชิ้นนั้น
หนำซ้ำความเร็วยังรวดเร็วสุดขีด สำเร็จในหนึ่งลมหายใจ เห็นได้ชัดว่าเตรียมการไว้ล่วงหน้า
ขณะที่มู่เจิ้งสัมผัสถึงความไม่เข้าที เงาร่างของหลินสวินก็ยืนอยู่บนแท่นบัวหยกขาวนั้นตั้งนานแล้ว
“รนหาที่ตาย!”
มู่เจิ้งโกรธสุดขีด ทั่วร่างท่วมท้นด้วยแสงธรรมสีดำ พุ่งปราดเข้าไปด้วยอานุภาพน่าตกใจ เสมือนภิกษุที่เกรี้ยวโกรธโลก
ตูม!
แต่ไม่รอให้เข้าใกล้ แท่นดอกบัวหยกขาวนั้นบังเกิดระลอกคลื่นราวกับอริยเทพก็ไม่ปาน ซัดเขาปลิวออกไปทั้งตัว
เนื่องจากหนักหน่วงเกินไป หลังถูกซัดปลิวเบื้องหน้ามู่เจิ้งก็ปรากฏดาวสีทอง กระอักเลือดออกมาอย่างกลั้นไม่ไหวอีกต่อไป
แต่ทุกอย่างนี้ล้วนไม่สามารถแทนที่ความเดือดดาลและตื่นตระหนกภายในใจมู่เจิ้งได้
“เป็นไปได้อย่างไร… ข้าเป็นถึงผู้สืบทอดอารามกษิติครรภ์ เหตุใดสมบัติที่บรรพจารย์ตู้จี้เหลือทิ้งไว้ถึงย้อนกลับมาเล่นงานข้า!?”
แท่นดอกบัวหยกขาวเปล่งแสง พิสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์หาใดเปรียบ มหัศจรรย์ยากหยั่งถึง
บนแท่นดอกบัว หลินสวินหยิบไม้แห้งเหี่ยวนั้นได้อย่างราบรื่น นี่พาให้ในใจมู่เจิ้งยิ่งคับข้องขึ้นทุกที สีหน้าคล้ำเขียวถึงขีดสุด
ห่างแค่ก้าวเดียว กลับก่อเกิดผลลัพธ์เช่นนี้เสียได้ นี่โจมตีจิตใจกันเกินไปแล้ว!
แต่ไม่นานสีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปอีกแบบ พบถึงความแปลกประหลาด เด็กหนุ่มคนนั้น… ดูเหมือนจะเจ็บปวดยิ่งกว่าตนอีกหรือ
ก็เห็นหลินสวินที่เพิ่งคว้าไม้แห้งเหี่ยวบนแท่นดอกบัวหยกขาวเมื่อครู่ ยามนี้กลับสั่นเทิ้มทั่วร่าง ริมฝีปากสั่นกึกกัก ท่าทางเหมือนเจอสายฟ้าฟาดก็ไม่ปาน
หนำซ้ำบนร่างเขาก็ถูกประกายแสงสีทองเล็กบางราวกับขนวัวสายแล้วสายเล่าแผ่ลุกลาม เหมือนผิวของเขาฉีกขาดเป็นชุ่นๆ หนังปริเนื้อปลิ้น ทั้งแปลกประหลาดและน่ากลัว
“กลิ่นอายนั้น…”
มู่เจิ้งนึกขึ้นได้โดยพลัน ว่าในภาพมายาที่เห็นเมื่อครู่นั้นมีเงาร่างสีทองที่เป็นเหมือนเจ้าเหนือหัวทั่วฟ้าดิน มือถือหอกใหญ่ทะลวงผ่านแท่นดอกบัว นางพญาหงส์ดำเลือดทมิฬและบรรพจารย์ตู้จี้
และเวลานี้กลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากลำแสงสีทองเล็กบางสายแล้วสายเล่านั้น เหมือนกันกับกลิ่นอายบนกายเงาร่างสีทองผู้นั้นไม่มีผิด เห็นได้ชัดว่ามาจากแหล่งเดียวกัน!
ทันใดนั้นสีหน้ามู่เจิ้งผิดแปลกไป มีทั้งความยินดี สะท้านใจ และมีความเยาะเย้ยที่อธิบายไม่ถูก
ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้ว!
ไม้เหี่ยวแห้งชิ้นนั้นแม้จะเป็นรากโพธิ์ แต่ก็เคยประสบการโจมตีอันน่ากลัวของเงาร่างสีสองผู้นั้นมาก่อน ถึงได้มีสภาพเหี่ยวแห้งและทรุดโทรม
ยิ่งกว่านั้นของสิ่งนี้แม้ไม่เคยถูกทำลายย่อบยับ แต่ในนั้นกลับบรรจุพลังโจมตีซึ่งเป็นของเงาร่างสีทองนั่นเอาไว้!
พูดง่ายๆ ก็คือ แม้หลินสวินดูเหมือนจะชิงคว้าวาสนาไปได้ก่อน แต่ความเป็นจริงนี่ก็คือเคราะห์สังหารอย่างหนึ่ง!
“ไม่ใช่ไม่แก้แค้น แต่ยังไม่ถึงเวลา หลักการกฎแห่งกรรมนั้นอัศจรรย์สุดพรรณนาจริงๆ!”
มู่เจิ้งหัวเราะขึ้นมา ความคับข้อง เคียดแค้น และแตกตื่นภายในใจสลายหายไป ตรงข้ามกลับรู้สึกโชคดียิ่งที่ตนไม่ได้ชิงของสิ่งนี้มาก่อนในตอนแรก
เขาเฝ้าสังเกตการณ์นอกแท่นดอกบัวหยกขาว เริ่มฟื้นฟูแขนที่ขาดอย่างเงียบๆ เฝ้ารออย่างสงบ
ขอเพียงหลินสวินประสบเคราะห์ เขาก็จะพุ่งปราดไปฉกฉวยรากไม้ในมืออีกฝ่ายทันที
สามารถคาดเดาได้ว่า ถึงตอนนั้นพลังสีทองลึกลับในรากไม้นั่นคงถูกหลินสวินดูดซับไปแล้ว สิ่งที่เหลือไว้ให้ตนก็คือรากโพธิ์ที่แท้จริง!
ของสิ่งนี้อาจเสียหายสาหัส แต่ของเพียงนำกลับสำนักจะต้องมีวิธีฟื้นคืนชีพมันขึ้นมาอย่างแน่นอน!
ยิ่งคิดในใจมู่เจิ้งก็ยิ่งผ่อนคลาย ถึงขั้นรู้สึกซาบซึ้งที่สวรรค์มีเมตตาต่อเขา
……
ยามนี้หลินสวินลำบากมากจริงๆ
พลังสีทองที่แสนเผด็จการสายแล้วสายเล่าพุ่งกระแทกอยู่ภายในร่างกายเขา เปี่ยมด้วยกลิ่นอายทำลายล้างที่น่าสะพรึงไร้ขอบเขต พาให้เขาทนรับไม่ไหว ร่างกายทั้งในนอกถูกทำลายด้วยความเร็วน่าตกใจ
“ระยำเอ๊ย เป็นเจ้าหมอนั่น!”
หลินสวินก็เริ่มร้อนรนขึ้นมาบ้างแล้ว เดิมทีคิดว่าในที่สุดก็ได้เปรียบแล้ว ไหนเลยจะคาดคิด สิ่งที่ชิงมากลับเป็นเคราะห์สังหารเสียได้
หนำซ้ำเขายังตระหนักถึงแหล่งกำเนิดของพลังสีทองและ และสัมผัสได้ถึงความร้ายแรงของปัญหามากขึ้นเรื่อยๆ
ยุคบรรพกาล เจ้าหมอนั่นถือหอกใหญ่สังหารอริยะสองคน แค่คิดก็รู้ว่าพลังของเขาน่าสะพรึงเพียงใด
พลังสีทองนี้ทิ้งร่องรอยไว้ในรากไม้เหี่ยวแห้ง ต่อให้น้อยยิ่งกว่าน้อย หลงเหลือเพียงเศษเสี้ยวเล็กจ้อย แต่กลับไม่ใช่สิ่งที่หลินสวินในยามนี้จะทนรับไหว!
‘จำมันไว้!’
‘ห้ามลืมเด็ดขาด…’
ขณะที่หลินสวินเจ็บปวดสุดแสน ในความพร่าเลือนคล้ายมีเสียงที่ต่างกันสองเสียงดังขึ้น
เสียงหนึ่งน่าเกรงขามและเคร่งครัด อึกทึกกึกก้อง ประหนึ่งเสียงถกธรรมมหามรรคก้องสะท้อน
อีกเสียงหนึ่งกลับเจือกลิ่นอายร้อนรน ดั่งเสียงแห่งหยกทอง แฝงความดึงดูดอันเป็นเอกลักษณ์ ประหนึ่งเสียงร้องขับขานของหงส์เซียน
ชั่วขณะนั้นในสมองหลินสวินก็ปรากฏเงาร่างอริยสงฆ์ตู้จี้และนางพญาหงส์ทมิฬขึ้น เงาร่างทั้งคู่ถูกโจมตีทะลุทะลวง
ก่อนตาย ฝ่ายแรกเคียดแค้น ทอดสายตาเคียดแค้นมองออกไปไกลๆ ฝ่ายหลังหลุบตา ร้อนรนและไม่เต็มใจ
ในใจหลินสวินสั่นสะเทือน พวกเขากำลังเตือนตนให้จำพลังสีทองสายนี้เอาไว้หรือ
ตูม!
พร้อมกันนั้นหลินสวินรู้สึกเพียงว่ารากไม้แห้งเหี่ยวในมือมีระลอกคลื่นพลังชีวิตปริศนาทะลักขึ้นมา พุ่งเข้ามาภายในกายของตน
หนำซ้ำพื้นผิวของไม้ที่แห้งเหี่ยวผุพังถึงกับปรากฏแสงวาวมรกตพิสุทธิ์ที่ราวกับภาพมายา ประหนึ่งจะฟื้นคืนชีพจากความแห้งเหี่ยว
นี่มันอะไรกัน
ไม่รอให้หลินสวินทำความเข้าใจ ในสมองก็มีเสียงกึกก้อง ฟ้าสะเทือนดินสะท้านระลอกหนึ่ง
ระหว่างที่มึนงง เขามาถึงหน้าต้นไม้โบราณที่เก่าแก่แข็งแรงต้นหนึ่ง ต้นไม้นี้แตกกิ่งก้านเสียดฟ้า ใบไม้ราวสร้างจากหินหยกมรกต สาดพรมประกายเขียวหมื่นพัน ย้อมระบายฟ้าดินแถบหนึ่งให้เป็นกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์
ภิกษุที่บุคลิกแปลกตาแต่เรียบง่ายรูปหนึ่งนั่งหลังตรงใต้ต้นไม้ กำลังตั้งจิตเข้าฌาน เงาร่างเขาอาบไล้อยู่กลางแสงธรรมพิสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ ประดุจพระโพธิสัตว์ในตำนาน
ด้านข้างเขา เงาร่างสูงเพรียวสายหนึ่งยืนปักหลัก กำลังก้มหน้าพูดบางอย่างกับภิกษุ เรือนผมสีดำพลิ้วขึ้นเผยให้เห็นใบหน้าด้านข้างที่งามเด่น
บนตัวนางมีประกายอริยะพร่างพราวเช่นเดียวกัน วิวัฒน์เป็นหงส์ทมิฬที่เปี่ยมชีวิตชีวาตัวหนึ่ง จัดแต่งขนปีกอยู่บนต้นไม้โบราณต้นนั้น แสนร่าเริงสดใส
หลินสวินอึ้งค้าง ภาพที่เห็นทั้งหมดเบื้องหน้าสงบสุขและศักดิ์สิทธิ์ เปรียบดั่งแดนพิสุทธิ์แห่งเซียนในตำนาน!
……………….
Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 959 สุขหนอทุกข์หนอ
Posted by ? Views, Released on September 20, 2021
, Battling Records of the Chosen One
Type: Web Novel Author: Xiao Jinyu, 萧瑾瑜
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…
In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history.
In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing.
Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned.
Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?
Recommended Series
Comment
Facebook Comment