Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1991 วิชาเสียงอสนีหลอมมรรค

ตอนที่ 1991 วิชาเสียงอสนีหลอมมรรค
เขตต้องห้ามเซียนโบราณลึกลับและไม่อาจระบุ เต็มไปด้วยอันตราย

แต่สำหรับหลินสวิน บนหนทางต่อจากนี้ เปรียบเทียบกันแล้วกลับเงียบสงบขึ้นมาก

เขาเดินอยู่ตามลำพังกลางภูผาธารา ระหว่างทางก็เจอพื้นที่อันตรายและประหลาดน่ากลัวไม่น้อย

แต่เขาไม่กังวลเหมือนตอนแรกแล้ว

ประสบการณ์หลายวันมานี้ทำให้เขาคุ้นเคยและเข้าใจสภาพต่างๆ ของเขตต้องห้ามเซียนโบราณนานแล้ว จึงหลบเลี่ยงเคราะห์สังหารบางส่วนได้อย่างหวุดหวิดอยู่บ่อยครั้ง

พลบค่ำดวงตะวันย่ำสายัณห์ แผ่แสงม่วงมลังเมลือง ย้อมเมฆชั้นแล้วชั้นเล่าเป็นสีม่วง งดงามไร้ขอบเขต

อาทิตย์อัสดงและแสงสายัณห์สีม่วงนี้พบเห็นได้น้อยครั้งนัก ทำให้ใต้หล้าและสรรพสิ่งอาบไล้ด้วยกลิ่นอายบริสุทธิ์ที่ดูศักดิ์สิทธิ์อย่างหนึ่ง

หลินสวินเดินอยู่กลางป่าเขา ในใจรู้สึกสงบอย่างบอกไม่ถูก

‘หมอกม่วงมาจากบูรพาทิศ แสงมงคลสาดส่องทั่วหล้า สรรพสิ่งก่อเกิดอยู่ภายใน ถ้าฝึกปราณอยู่ที่นี่ ต้องหยั่งรู้ร่องรอยมหามรรคที่ไม่อาจสัมผัสในโลกภายนอกได้อย่างชัดเจนแน่…’

หลินสวินสองมือไพล่หลัง ก้าวเท้าแผ่วเบา อาบไล้ด้วยแสงอัสดงสีม่วง ดูดกลืนกลิ่นอายมหามรรคบริสุทธิ์ที่อบอวลในอากาศ ทำให้ทั้งตัวเขาถูกหมอกควันชั้นหนึ่งปกคลุม เลือนรางและพร่ามัว

เดินบำเพ็ญ นั่งบำเพ็ญ ปิดเปิดวาจา นิ่งขยับล้วนเรียบง่าย

เวลานี้สารกาย พลังชีวิตและจิตวิญญาณของเขาไหลเวียนอยู่ภายในร่าง สอดคล้องกับฟ้าดิน ตอบรับทุกสรรพสิ่ง เสมือนฟ้ากับคนเป็นหนึ่งเดียว ไม่แบ่งแยกออกจากกัน

ความรู้สึกนี้ช่างเบิกบานจริงๆ ตัวเบาราวกับขี่ลมบรรลุเซียน

‘หาความพอดีคือวิถีแห่งการฝึกปราณ ฟ้าดินแถบนี้มีอันตรายใหญ่หลวง แต่ก็มีความงามยิ่งใหญ่ที่ไม่เคยโอ้อวดเช่นกัน หากเร่งเดินทางย่อมพลาดโอกาสชมความงามแห่งมหามรรคที่อยู่ระหว่างทางนี้แน่’

กายใจของหลินสวินปิตินิ่งสงบ นี่คือความอิ่มเอมใจ เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความปลอดโปร่งของการขับเคลื่อนพลัง

หลายวันก่อนเขาเปิดศึกใหญ่ตัดสินเป็นตายกับพวกข่งเจา ไล่สู้กันมาตลอดทาง พอกวาดล้างศัตรูที่แข็งแกร่งทั้งหมดได้ พวกหวงฝู่เซ่าหนงก็พุ่งสังหารตามมาติดๆ การต่อสู้อย่างต่อเนื่องทำให้จิตใจของเขาตึงเครียดอยู่ตลอด ไม่เคยได้ผ่อนคลาย

ตอนนี้แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง จิตใจของเขาว่างเปล่า เบิกบานผ่อนคลายไปทั้งตัว ขึ้นเขาลงห้วยอย่างสบายๆ ทุกอย่างที่เห็น ได้รับและรู้สึก ย่อมต่างออกไปเป็นธรรมดา

ฟ้าดินมีความงดงามยิ่งใหญ่ แต่ไม่เคยใช้วาจาโอ้อวด สรรพสิ่งมีการหมุนเวียนสม่ำเสมอ แต่ไม่เคยอวดอ้าง

หลินสวินเดินอยู่ในโลกที่ไม่อาจระบุนี้เพียงลำพัง เข้าใจหลักการที่ว่า ‘มหามรรคไร้นามมีอยู่ทุกแห่งหน’ ยิ่งกว่าเดิม

ขณะที่เดินอยู่คนเดียว พลังขับเคลื่อนทั่วร่างหลินสวินก็คลุมเครือและยากจับต้องยิ่งกว่าเดิมแล้ว ในความรางเลือนราวกับกลายเป็นแสงสายหนึ่ง ซึมซาบเข้าไปในใต้หล้าฟ้าดินนี้ หลอมรวมกับหมื่นมายา กายใจเข้าสู่การหยั่งรู้อย่างลึกล้ำ

การหยั่งรู้และใจความที่เคยฝึกมาในอดีตล้วนไหลบ่าอยู่ในใจราวกระแสน้ำ กลายเป็นส่วนหนึ่งของมรรควิถีแห่งตน

งูเหลือมยักษ์สีดำตัวหนึ่งขดอยู่บนต้นไม้เก่าแก่ นัยน์ตาเขียวมรกต มีเกล็ดลายมังกรแต่กำเนิด บนร่างมหึมาประทับลายมหามรรคแน่นขนัดนับไม่ถ้วน แผ่กลิ่นอายอำมหิตยิ่งใหญ่ สามารถทำให้ผู้แข็งแกร่งระดับกึ่งจักรพรรดิสิ้นหวัง

เมื่อหลินสวินเดินออกมาจากส่วนลึกของป่าโบราณ ก็แค่เงยหน้าเหลือบมองงูเหลือมยักษ์สีดำตัวนี้เล็กน้อยแล้วมุ่งหน้าต่อไป

แต่งูเหลือมยักษ์สีดำนั้นกลับราวไม่สังเกตเห็นสักนิด นอนขดอย่างเกียจคร้าน ราวกับไม่รู้ตัวว่าเพิ่งมีคนเดินผ่านตนไปต่อหน้าต่อตา

เนิ่นนานมันจึงรับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่าง เงยหน้ามองไปยังจุดที่หลินสวินหายไป ในแววตาเจือความสงสัยเสี้ยวหนึ่ง

และตอนนี้หลินสวินก็จากป่าโบราณผืนนี้ไปนานแล้ว

กายใจของเขายังดื่มด่ำอยู่ในการหยั่งรู้ สัมผัสความอัศจรรย์ของศุภโชคตามธรรมชาติ หลงลืมตัวตน

เส้นทางอยู่ที่ไหน

ใต้ฝ่าเท้า

มหามรรคอยู่ที่ใด

ดำรงอยู่ทุกแห่งหน!

กายใจมีความรู้สึก สรรพสิ่งล้วนคือมรรค ก้าวเดินเคลื่อนไหวล้วนคือการฝึกปราณ!

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ เมื่อหลินสวินเดินเข้าไปในพื้นที่รกร้างว่างเปล่าผืนหนึ่งก็พลันหยุดเท้า

ทุ่งรกร้างแถบนี้แปลกประหลาดเหลือประมาณเช่นกัน หญ้าแต่ละต้นล้วนสูงหลายจั้ง ลำต้นและใบอวบอ้วนหลากสีสัน เมื่อเดินอยู่ในนั้นก็เหมือนเข้าไปในมหาสมุทรหลากสีผืนหนึ่ง

พริบตาที่หลินสวินหยุดเท้า ในต้นหญ้าสีน้ำเงินเข้มต้นหนึ่งมีแสงกระบี่สายหนึ่งพุ่งออกมา

เจตกระบี่เลือนราง ไร้รูปไร้ตัวตน ราวกับเงาแสงสายหนึ่งปรากฏ เร็วจนน่าเหลือเชื่อ ที่น่ากลัวที่สุดคือตั้งแต่ต้นจนจบล้วนไม่เกิดคลื่นพลังแม้เพียงเสี้ยว

แต่เมื่อแสงกระบี่นี้อยู่ห่างจากหน้าหลินสวินได้หนึ่งฉื่อ กลับถูกนิ้วมือทั้งสองจับไว้ได้

ปึง!

แสงกระบี่ระเบิดออกทั้งอย่างนั้น ละอองแสงโปรยปราย

ขณะเดียวกันร่างของหลินสวินหายไปกลางอากาศ

ในจุดเดิมที่เขายืนอยู่มีแสงดาบสายหนึ่ง เงาทวนวูบหนึ่ง หนามแหลมแท่งหนึ่งปรากฏโดยไร้สุ้มเสียง พุ่งตัดสลับกันกลางอากาศแล้วหายไป

จินตนาการได้เลยว่าหากเมื่อครู่การตอบสนองของหลินสวินช้าไปเพียงเสี้ยว ต่อให้ขวางกระบี่ที่พุ่งเข้ามานั้นได้ ก็ย่อมต้านกระบวนท่าสังหารที่จู่โจมมาจากข้างหลังนี้ไม่อยู่!

แต่ตั้งแต่ต้นจนจบหลินสวินกลับดูนิ่งสงบ ยามหลบการล้อมสังหารที่เจ้าเล่ห์อำมหิตนี้ เขาก็ลงมือโดยไม่ลังเลแล้ว

วู้ม!

ปราณกระบี่ไท่เสวียนที่แน่นขนัดพุ่งออกมา แผ่ขยายไปทั่วทิศ พุ่มหญ้ามหึมาใกล้เคียงที่สูงหลายจั้งนั่นถูกป่นกลายเป็นจุณในพริบตา

เงาร่างสี่สายที่แฝงตัวอยู่ในนั้นก็เผยร่องรอยออกมาในยามนี้

เป็นชายสามหญิงหนึ่ง ล้วนกลิ่นอายเร้นลับและแปลกประหลาด ต่างคนต่างถือกระบี่ ดาบ ทวน เหล็กหมาดปลายแหลมไว้ ราวกับมือสังหารแห่งยุคที่มาจากความมืด

ถ้าเป็นคนอื่นเกรงว่าคงดูฐานะของพวกเขาไม่ออก แต่สำหรับหลินสวินแล้วกลับคุ้นเคยกลิ่นอายบนตัวของทั้งสี่คนนี้

ไม่จำเป็นต้องคิดก็ตัดสินได้ว่าสี่คนนี้เหมือนอู่หวง ล้วนเป็นผู้สืบทอดที่มาจากสำนักโบราณจรัสเทพ!

ตูม…

ปราณกระบี่ไท่เสวียนยังแผ่ซ่าน ชายสามหญิงหนึ่งนี้ต้านทานและสลายพลังอย่างต่อเนื่อง ฝีมือแต่ละคนล้วนเก่งกาจเป็นอย่างยิ่ง

เทียบกับศิษย์แกนหลักของสองเรือนมรรคใหญ่อย่างเรือนมรรคจักรวาลกับเรือนมรรคดึกดำบรรพ์พวกนั้นแล้ว ล้วนไม่ด้อยไปกว่ากันเท่าไร ถึงขั้นมีแววว่าจะเหนือกว่า!

แต่น่าเสียดายที่ยังไม่อาจสร้างแรงคุกคามให้หลินสวินได้

หลินสวินไม่พูดมากและไม่ออมมือ เปิดฉากเข่นฆ่าทันที

ฟุ่บ!

ร่างของเขาหายไปกลางอากาศ ครู่ต่อมาก็ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าชายคนหนึ่ง ซัดฝ่ามือออกไปอย่างรวดเร็วรุนแรง วิชามรรคและพลังป้องกันที่ฝ่ายหลังสำแดงออกมาล้วนถูกซัดละเอียด

ปึง!

คนผู้นี้ถูกตบกระเด็น ร่างกายระเบิดออกกลางอากาศ ฝนโลหิตสาดพรม

“ไป!”

ชายถือกระบี่คำรามก้อง พาอีกสองคนหลบหนีกันไปคนละทาง

หลินสวินแทบจะสำแดง ‘หนึ่งกระบวนวัฏจักรฟ้า’ ‘ห่างไกลล้วนไปถึง’ ‘หนึ่งหมัดสะเทือนสวรรค์’ ออกมาในพริบตา

ฟุ่บ!

ร่างของชายถือกระบี่ที่อยู่ห่างออกไปสองพันสามร้อยจั้งถูกผ่าเป็นสองซีก ร้องทุรนทุรายอย่างไม่ยินยอม

ในทิศทางอื่น หัวใจของคนหนึ่งถูกพลังดรรชนีพร่ามัวดั่งปราณแรกกำเนิดทะลวงผ่าน อีกคนถูกพลังหมัดที่เหมือนหุบเหวกลืนกินระเบิดกระจาย

เวลาแค่ชั่วขณะ ผู้สืบทอดของสำนักโบราณจรัสเทพสี่คนถูกฆ่าตายคาที่!

เหตุการณ์นองเลือดนั้นสามารถสะเทือนใต้หล้า

ตั้งแต่ต้นจนจบหลินสวินดูราบเรียบไร้คลื่นลม มีเพียงใจที่รู้สึกประหลาดอยู่บ้าง นี่… ก็คือพลังขั้นสมบูรณ์ของระดับมกุฎราชันอริยะหรือ

ใช่แล้ว หลังจากเดินอยู่กลางภูผาธาราคนเดียวในช่วงนี้ หยั่งรู้ความเร้นลับของมหามรรคที่แฝงอยู่ในฟ้าดินหมื่นลักษณ์นั้น พลังปราณของหลินสวินตอนนี้ได้ทะลวงถึงขั้นสมบูรณ์ของระดับมกุฎราชันอริยะแล้ว!

นี่ทำให้พลังต่อสู้ของหลินสวินแข็งแกร่งและน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม ไม่เหมือนก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง

พลังปราณคือรากฐานแห่งมหามรรค

ยามอยู่ในระดับมกุฎราชันอริยะขั้นปลาย หลินสวินก็ต่อสู้จนพวกข่งเจาพ่ายแพ้กระเจิดกระเจิง พังพินาศทั้งกองทัพได้แล้ว นับประสาอะไรกับตอนนี้

อย่างผู้สืบทอดสี่คนของสำนักโบราณจรัสเทพที่ถูกหลินสวินกำจัดในพริบตาก่อนหน้านี้ แต่ละคนก็เรียกได้ว่าเป็นพวกชั้นยอดในระดับเดียวกัน แข็งแกร่งกว่าทูตจักรพรรดิอย่างอู่หวงอยู่ช่วงใหญ่

แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหลินสวินตอนนี้ ก็ไม่อาจต้านการโจมตีได้เหมือนไก่กระเบื้องสุนัขดินเผา!

จัดการกับทรัพย์หลังศึกครู่หนึ่งหลินสวินก็เดินทางต่อ

สิ่งเดียวที่ทำให้หลินสวินเสียดายคือ การจู่โจมกะทันหันครั้งนี้ทำให้จิตใจเขาแปรปรวน ไม่อาจดื่มด่ำอยู่ในสถานการณ์ที่เลิศล้ำเกินบรรยายและไปสัมผัส ‘ความงดงามยิ่งใหญ่แห่งฟ้าดิน’ ของเขตต้องห้ามเซียนโบราณนี้ได้อีก

แต่ตลอดทางหลินสวินก็ไม่หยุดพัก เริ่มหยั่งรู้นัยเร้นลับของ ‘คัมภีร์มหาอสนีดับสูญ’ เงียบๆ

ยอดคัมภีร์มรรคเล่มนี้เป็นสิ่งที่สรรค์สร้างจากมือจักรพรรดิอสนีดับสูญ ภายในแฝงความลี้ลับสูงส่งของมรรคอสนีไว้ ลึกซึ้งกว้างไกล ล้ำลึกยากหยั่งถึง

ภายในยังมีการหยั่งรู้และประสบการณ์ตลอดการฝึกปราณของจักรพรรดิอสนีดับสูญด้วย พูดได้ว่าล้ำค่าเป็นอย่างยิ่ง

ด้วยระดับพลังปราณของหลินสวินตอนนี้ เมื่อทำการหยั่งรู้ย่อมไม่ถึงขั้นเปลืองแรง

ผ่านไปแค่ไม่กี่ชั่วยาม

ตูมเปรี้ยง!

หลินสวินใจเต้น ภายในร่างเสียงอสนีดังสนั่น อวัยวะตันห้ากลวงหกล้วนกำลังส่งเสียงกัมปนาท ราวกับมีแสงสายฟ้าร้อยถักเข้าด้วยกัน โครงกระดูกกำลังสั่นสะเทือน ขาวผ่องเป็นยองใย เสียงเทพดังกระหึ่ม

เขาไม่ได้รู้สึกเจ็บปวด กลับรู้สึกสบายเป็นอย่างยิ่ง จิตวิญญาณและกายหยาบถูกจัดระเบียบและชะล้างพร้อมกัน ถึงขั้นที่ว่าศักยภาพแฝงรอบตัวเขาก็ถูกปลุกขึ้นภายใต้เสียงอสนีที่สะเทือนเป็นจังหวะนั้นด้วย ความกระปรี้กระเปร่าปรากฏ เริ่มขัดเกลาตนเอง

นี่คือ ‘วิชาเสียงอสนีหลอมมรรค’ ใช้เสียงมรรคอสนีที่เร้นลับเคี่ยวกรำสารกาย พลังชีวิตและจิตวิญญาณ สะเทือนอวัยวะตันห้ากลวงหกและพื้นผิวเนื้อหนัง ครั้นแล้วจึงบรรลุเป้าหมายของ ‘การชะล้างร่างกาย เคี่ยวกรำมรรควิถี’

อีกทั้งวิชาฝึกปราณทั่วไปยังยากจะสัมผัสถึงต้นกำเนิดของมหามรรคแห่งตนได้ แต่วิชาเสียงอสนีหลอมมรรคไม่เหมือนกัน มันใช้เสียงแห่งอสนีสร้างแรงกระเทือน ทำให้ร่างกายของผู้ฝึกปราณทั้งภายในและภายนอกเกิดแรงสะเทือน กระทั่งศักยภาพแฝงของผู้ฝึกปราณส่องประกายออกมา เรียกได้ว่าอัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง

ไม่นานหลินสวินก็หยั่งรู้ความอัศจรรย์ของวิชาเสียงอสนีหลอมมรรค นี่ไม่ใช่วิชาหลอมปราณ หลอมกาย หลอมจิตวิญญาณ หากแต่เป็นวิธีเคี่ยวกรำและชะล้างมรรควิถีของตนอย่างหนึ่ง สามารถทำให้มรรควิถีแห่งตนมั่นคง แข็งแกร่ง และบริสุทธิ์ยิ่งกว่าเดิม!

การบำเพ็ญมหามรรค สิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุดก็คือรากฐานไม่มั่นคง ระดับไม่เสถียร ขณะเดียวกันอันตรายที่ได้รับจากการต่อสู้ก็อาจทำให้บอบช้ำภายในได้

แต่เมื่อมีวิชาเสียงอสนีหลอมมรรคแล้วก็ไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องพวกนี้อีก นี่ทำให้หลินสวินตื่นตะลึงอย่างอดไม่ได้ และตระหนักได้ยิ่งกว่าเดิมว่าจักรพรรดิอสนีดับสูญเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ระดับใด

นอกจากวิชาเสียงอสนีหลอมมรรคแล้ว ในคัมภีร์มหาอสนีดับสูญยังบันทึกวิชาต่อสู้จู่โจมนานัปการไว้ด้วย เช่น ‘ประทับอสนีดับนภา’ ‘วิชาห้าอสนีคุมสวรรค์’ ‘นรกอสนีปราบมาร’ ‘วิชากลุ่มดาวอสนีแกร่ง’ ‘มหาอสนีเทพปัญจธาตุดับสูญ’… และอีกมากมาย

แต่ละวิชามรรคล้วนมีความอัศจรรย์ต่างกันไป อานุภาพเกินคาดเดา!

หลินสวินยิ่งหยั่งรู้ก็ยิ่งตกตะลึง ไม่อาจไม่ทอดถอนใจ มรรคแห่งอสนีนี้สมเป็นมรรคแห่งการทำลายล้างที่แข็งแกร่งดุดันที่สุดในใต้หล้า

มรรคนี้ครอบครองพลังสังหาร ดำเนินการทำลายล้าง หมุนเปลี่ยนเป็นตาย แปรเปลี่ยนนิพพาน!

หลินสวินพลันได้แนวคิดใหม่ ‘เมื่อข้าแจ้งมรรคบรรลุจักรพรรดิ อาจสามารถทำให้ร่างแยกมหามรรคทั้งห้าหยั่งรู้และครอบครองคัมภีร์สมบัติมรรคจักรพรรดิคนละส่วน พลังและนัยเร้นลับที่ร่างแยกหยั่งถึงทั้งหมด ย่อมซึมซาบเข้าไปในมรรควิถีแห่งร่างต้นของข้า เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ไม่เพียงแต่ประหยัดเวลาและกำลังในการฝึกปราณ ยังทำให้มรรคาที่ข้าเสาะหาไม่ได้รับผลกระทบด้วย…’

……………………………….

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset