ตอนที่ 2007 สังหารเวินอวี๋
ตูม!
บาตรเพลิงส่องประกาย เปลวไฟที่สาดออกมาเจิดจ้าดั่งแสงอรุณ ขวางพลังของดาบไร้วิชาไว้ ไม่อาจเข้าใกล้ได้แม้เพียงคืบ
เห็นชัดว่าสมบัตินี้อัศจรรย์เกินคาดเดา เป็นศาสตราจิตมรรคจักรพรรดิเช่นกัน
อันที่จริงหลังจากพวกเวินอวี๋ หลิงหงจวง จิ่งเทียนหนาน ฮว่าซิงหลีทยอยปรากฏตัว ก็เรียกสมบัติจักรพรรดิออกมาทันที เป้าหมายก็เพื่อต้านทานพลังของดาบไร้วิชา
สาเหตุอยู่ที่ดาบนี้เย้ยฟ้าเกินไป มองวิชามรรคเหมือนของประดับ ชวนขนพองสยองเกล้าเป็นอย่างยิ่ง
“กล้ารับหมัดของข้าไหม”
ขณะเดียวกันจิ่งเทียนหนานออกหมัด ก่อให้เกิดแสงบริสุทธิ์ ดวงดาวมากมายเคลื่อนคล้อยอยู่ในพลังหมัด แค่หมัดเดียวเท่านั้นกลับเหมือนวัฏจักรฟ้าดาราจู่โจมลงมา กว้างใหญ่ไพศาลเหลือประมาณ
มองจากไกลๆ เขาราวกับเจ้าแห่งดวงดาว ท่าทางกำแหงและบ้าบิ่นนั้นทำให้คนมากมายใจสั่นไม่หยุด
“ทำไมจะไม่กล้า”
หลินสวินยิ้มพลางยกหมัดโจมตี
หนึ่งหมัดสะเทือนสวรรค์!
เงาร่างเขาดุจเทพ ไอขุ่นมัวอบอวล ครั้นหมัดซัดออก ฟ้าดินแถบนี้พลันสั่นสะเทือน พลังที่น่ากลัวแผ่กระจาย ดวงดาวมากมายถูกบดขยี้กระจุยอย่างง่ายดาย
การโจมตีที่รวดเร็วรุนแรงดุจสายฟ้านั้นของจิ่งเทียนหนานถูกขวางไว้ทันที ในการโจมตีนี้ พลังหมัดที่ประหนึ่งวัฏจักรฟ้าดาราของเขาเห็นได้ว่าอ่อนแอกว่า
นี่ก็คือหนึ่งหมัดสะเทือนสวรรค์ สั่นคลอนนภา กลืนกินฟ้าดารา!
จิ่งเทียนหนานแค่นเสียงเย็นชาตะโกนก้อง บุกจู่โจมเข้าไปอีกครั้ง
ทว่าหลินสวินแข็งกร้าวยิ่งกว่าเขา ขณะที่พลังหมัดยังไม่สลายก็พุ่งโจมตีเข้าไป สำแดงมรรคและวิชาของตนออกมาถึงขีดสุด
เจดีย์ไร้สิ้นสุด ประทับไร้ชีพ ธงไร้ระเบียบ ดาบไร้วิชา… ศาสตราจักรพรรดิสี่ชิ้นที่อานุภาพเกินคาดเดาคอยหนุนอยู่รอบกายเขา เผยความอัศจรรย์และอานุภาพของตนออกมา ไม่อาจถูกกดกำราบอย่างสิ้นเชิง
จิ่งเทียนหนานแข็งแกร่งเพียงใด เทียบกับเวินอวี๋แล้วยังแข็งแกร่งกว่าขั้นหนึ่ง แต่ก็ไม่อาจทำให้หลินสวินถอยหลังแม้เพียงก้าว!
“ไป!”
แส้ยาวสีเขียวสามจั้งเส้นหนึ่งซัดอสนีโหมกระหน่ำ เฆี่ยนผ่านอากาศตามมา
หลิงหงจวงลงมือแล้ว โจมตีหลินสวินจากด้านข้าง แส้ยาวพุ่งตรงไปยังแท่นมรรคที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าหลินสวิน
“พี่หลิน ล่วงเกินแล้ว”
ฮว่าซิงหลีถอนใจ มือกุมทวนสำริดยาวหนึ่งจั้งสองฉื่อเล่มหนึ่ง ยามโบกสะบัดจะมีโลกนองเลือดที่เหมือนนรกปรากฏ มีเงามารนับไม่ถ้วนแผดเสียงคำรามอยู่ภายใน
“ฆ่า!”
เวินอวี๋และเหล่าผู้กล้าคนอื่นก็ฉวยโอกาสเคลื่อนไหว
ศึกแห่งการปิดล้อมนี้เปิดฉากอีกครั้งหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เพียงแต่เปลี่ยนไปจนต่างจากสถานการณ์ก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง
การเข้าร่วมของพวกจิ่งเทียนหนาน หลิงหงจวง เวินอวี๋ ฮว่าซิงหลี ทำให้จำนวนคนที่ล้อมโจมตีหลินสวินในที่นั้นพุ่งทะยาน มีมากถึงสามสิบห้าคน!
ไม่ใช่แค่จำนวนคนที่ได้เปรียบอย่างสิ้นเชิง ผู้แข็งแกร่งแต่ละคนที่ห้ำหั่นกับหลินสวินได้ถึงตอนนี้ ไม่มีใครที่ไม่ใช่ตัวอันตรายซึ่งเรียกได้ว่าครองพิภพ
โดยเฉพาะการเข้าร่วมของพวกหมีอู๋หยา จิ่งเทียนหนาน ยังทำให้หลินสวินเจอวิกฤติใหญ่ที่ไม่เคยมีมาก่อนในศึกแห่งการปิดล้อมนี้ด้วย!
ศึกนี้ยิ่งใหญ่ กระบวนรบตระการตา สถานการณ์อันตราย ตั้งแต่อดีตเรื่อยมาจนปัจจุบันล้วนสามารถเรียกได้ว่าไม่เคยได้ยิน ไม่เคยได้เห็น
พูดอย่างไม่เกินจริง ผู้แข็งแกร่งพวกนี้ล้วนสามารถเป็นตัวแทนของกลุ่มคนที่แข็งแกร่งที่สุดในระดับมกุฎราชันอริยะในปัจจุบัน ไม่มีใครเหนือกว่า ไม่มีใครเทียบได้
แต่หลินสวินกลับต้านพวกเขาด้วยตัวคนเดียว แค่คิดก็รู้แล้วว่าแรงกดดันที่เจอยิ่งใหญ่ระดับใด ทั้งสถานการณ์ของเขานั้นอันตรายแค่ไหน
หากกระจายไปทั่วฟ้าดารา คงชักนำมาซึ่งความปั่นป่วน ทำให้ใต้หล้าสั่นสะเทือนเป็นแน่!
“ฆ่า!”
เสียงตะโกนสะเทือนใต้หล้า ดังกระหึ่มไปทั่วทิศ
ในพื้นที่สิบจั้งหน้าประตูทลายนี้เหมือนตาพายุ ถูกวิชามรรคและสมบัติจักรพรรดิเข้าปกคลุมจนมืดฟ้ามัวดิน
เงาร่างมากมายเหินทะยานอยู่ในนั้นราวกับทวยเทพออกศึก โจมตีอยู่ในโลกหล้า อานุภาพของแต่ละคนล้วนน่าสะพรึง สามารถทำให้สรรพชีวิตสิ้นหวัง
พวกหมีอู๋หยา จิ่งเทียนหนานยิ่งฉายแววเจิดจรัสอัศจรรย์ เผยมาดสง่างามที่สามารถสะท้านฟ้าสะเทือนดิน ซัดสะเทือนกาลนิรันดร์ออกมา!
สำหรับหลินสวิน เหลือแค่ไม่ถึงสิบจั้งก็จะเข้าไปในประตูทลายได้
แต่ระยะห่างแค่นี้กลับประหนึ่งปราการสวรรค์ขวางอยู่ข้างหน้า ถ้าต้องการข้ามผ่าน ดูเหมือนว่าจะมองไม่เห็นความหวังใดๆ
แค่ชั่วขณะหลินสวินก็ได้รับบาดเจ็บ
สีหน้าเขาซีดเผือด บนร่างมีเลือดแดงสดไหลบ่า บ้างถูกกระบี่มรรคตัดทำลาย บ้างถูกสมบัติจักรพรรดิแฉลบโดน…
อาการบาดเจ็บพวกนี้แม้จะไม่ถึงชีวิตแต่กลับพาให้หวาดหวั่น
ด้วยนี่เป็นแค่เรื่องที่เพิ่งเกิดเพียงชั่วขณะ แต่สถานการณ์ของหลินสวินกลับถูกกำราบอย่างสมบูรณ์ ใช่ว่าไม่อาจถูกขวางเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว
เหล่าผู้กล้าตื่นเต้น หลินสวินก่อนหน้านี้พาให้คนรู้สึกว่าไม่อาจสั่นคลอน แข็งแกร่งจนทำให้คนกลัวจนใจสั่น ปณิธานแห่งการต่อสู้สั่นสะท้าน
แต่ตอนนี้เขาตกที่นั่งลำบากแล้ว!
‘หมีอู๋หยาคนเดียวก็ทำให้คนสิ้นหวังแล้ว ไหนจะมีการล้อมโจมตีของพวกจิ่งเทียนหนานอีก เขา… จะยืนหยัดไปได้นานเท่าไหร่กัน’
เสวียนจิ่วอิ้นนัยน์ตาส่องประกาย สีหน้าจริงจังถึงขีดสุด เครียดเกร็งไปทั้งตัว
อาการบาดเจ็บที่หลินสวินได้รับตอนนี้ กว่าครึ่งล้วนเป็นสิ่งที่พวกหมีอู๋หยา จิ่งเทียนหนานฝากไว้ ภัยคุกคามที่คนพวกนี้นำมาให้หลินสวินมีมากเกินไป
เท่านี้ก็มองออก หมีอู๋หยากำลังทำอย่างที่เขาพูด ลงมือโดยไม่ออมมือ!
‘พื้นที่สิบจั้ง แดนแห่งความเป็นตายจะตัดสินในยามนี้!’
หลิงเคอจื่อเคร่งขรึมมีสง่า แขนเสื้อพลิ้วไหว
เพี๊ยะ!
ในการต่อสู้มีเงาแส้สายหนึ่งฟาดผ่า อสนีบาตสีเขียวส่องประกายหวดโดนไหล่ของหลินสวินจนผิวแตกเลือดอาบ โลหิตสาดกระเซ็น
ริมฝีปากเขาคำรามเสียงอึดอัด สีหน้าซีดเผือดยิ่งกว่าเดิม
นัยน์ตากระจ่างดุจอสนีของหลิงหงจวงเจือแววไม่อาจฝืนทนเสี้ยวหนึ่ง “พี่หลิน ใกล้จะตายอยู่แล้วทำไมไม่ยอมวางมือ”
“เขาจะยอมได้อย่างไร”
จิ่งเทียนหนานยิ้มหยัน ออกหมัดสังหาร ซัดคลื่นดาราโหมกระหน่ำและห้วงอากาศไร้ขอบเขตแถบหนึ่งออกมา
ตูม…
กฎเกณฑ์แรกกำเนิดรอบตัวหลินสวินโหมซัดเข้าสลายการโจมตีนี้
แต่ขณะเดียวกันประทับฝ่ามือของหมีอู๋หยาก็พุ่งโจมตีมา เสียงปึงดังสนั่น สะเทือนจนร่างเขาโอนเอนไปทันที ริมฝีปากหลั่งเลือด
หมีอู๋หยาถอนใจเบาๆ “พี่หลิน หากเจ้าเปลี่ยนใจยอมปล่อยแท่นมรรคใต้ฝ่าเท้าไปตอนนี้ ข้าคนแซ่หมียินดีช่วยเจ้าสลายอันตราย ช่วยเจ้าให้รอดพ้นจากความลำบาก”
“ไม่จำเป็นต้องช่วย แค่พื้นที่สิบจั้งเท่านั้น สู้ศึกมาถึงตอนนี้พวกเจ้าเคยเห็นข้าคนแซ่หลินถอยหลังสักก้าวไหม”
หลินสวินยิ้ม
ร่างกายเขาอาบเลือด ผมเผ้ายุ่งเหยิง บาดแผลเต็มตัวชวนสยอง แต่นัยน์ตาดำคู่นั้นกลับวาววาบดั่งดวงตะวัน เจิดจ้าดุจเพลิงผลาญ
“แต่เจ้าก็ไม่อาจเข้าใกล้แม้เพียงคืบ ทั้งคงอยู่ได้ไม่นาน!”
แววตาเวินอวี๋เยียบเย็น เงาร่างถูกปกคลุมอยู่ใต้ร่มสีม่วง ประทับรูปกระบี่สีเงินกลางหน้าผากส่องประกาย สาดแสงแพรวพราวที่ถักทอด้วยกฎเกณฑ์สายหนึ่งออกมา
แสงนี้ราวกระบี่ วิวัฒน์จากพลังพรสวรรค์ของเวินอวี๋ เป็นการสะท้อนให้เห็นมรรควิถีขั้นสูงสุดของเขา
“ฟัน!”
กระบี่แสงสีเงินพุ่งสังหารออกมา
“ไม่อาจเข้าใกล้แม้เพียงคืบหรือ”
หลินสวินสูดหายใจเข้าเฮือกหนึ่ง นัยน์ตาดำล้ำลึก การขับเคลื่อนพลังทั่วร่างปะทุขึ้นอีกช่วงใหญ่ทันที เปลี่ยนเป็นน่ากลัวกว่าก่อนหน้านี้
เสียงวู้มดังสนั่น ดาบไร้วิชาปลีกตัวจากศาสตราจักรพรรดิชิ้นอื่น ฟาดฟันออกไปทันใด
ฟุ่บ!
ปราณดาบดุจสายรุ้ง พุ่งทะลวงผืนฟ้า
แขนข้างหนึ่งของเวินอวี๋ถูกฟันดังฉัวะ หากไม่ใช่ว่าเขาหลีกหลบได้ทันเวลาคงถูกผ่าครึ่งไปแล้ว!
หลินสวินก้าวเท้าไปข้างหน้า แม้จะเป็นแค่ก้าวเล็กๆ แต่กลับทำลายคำพูดที่ว่า ‘ไม่อาจเข้าใกล้แม้เพียงคืบ’ ท่าทางองอาจเหนือพิภพนั้นทำให้หลายคนหน้าเปลี่ยนสี
“กลิ่นอายของเขาทำไมเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งขึ้นอีกแล้ว”
“เป็นไปได้อย่างไร”
เหล่าผู้กล้าในที่นั้นเผยสีหน้ายากจะเชื่อ
บาดเจ็บหนักเลือดอาบตัวอยู่ชัดๆ ทำไมยังแข็งแกร่งได้เช่นนี้
แม้แต่พวกหมีอู๋หยาก็คาดไม่ถึง
มีเพียงเวินอวี๋ซึ่งถูกฟันแขนขาดที่ส่งเสียงร้องเจ็บ สีหน้าเดือดดาล รอบตัวเขามีพลังของร่มเทพสีม่วงปกป้อง แต่ยังได้รับบาดเจ็บ!
“อยู่ได้ไม่นานหรือ”
เวลานี้กลับเห็นเงาร่างหลินสวินดูหยิ่งผยองกำแหงเหมือนไฟลุกโชน เสียงตูมดังขึ้น ปราณกระบี่ไท่เสวียนนับไม่ถ้วนแผ่พุ่งกระจายออกมา
การโจมตีของเหล่าผู้กล้าที่อยู่ใกล้ๆ ถึงกับถูกสลายคลี่คลายไป!
ผู้แข็งแกร่งบางคนในนั้นหลบไม่ทัน ถูกปราณกระบี่แน่นขนัดโจมตี ร่างกายถูกกรีดทึ้งเป็นรอยกระบี่ชุ่มเลือดหลายสาย ส่งเสียงกรีดร้องทุรนทุราย
เหตุการณ์นี้สั่นสะเทือนทั้งที่นั้นอีกครั้ง เสียงร้องอุทานดังขึ้นไม่รู้เท่าไหร่
หลินสวินในตอนนี้แข็งแกร่งขึ้นจริงๆ ทรงพลังกว่าก่อนหน้านี้อีกช่วงใหญ่ ราวกับเป็นคนละคน น่าหวาดกลัวถึงขีดสุด!
ถึงขั้นมีสัญญาณว่าจะพลิกสถานการณ์ได้!
นี่เป็นเพราะหลินสวินโคจรโทสะหยาจื้อพร้อมกับสำแดงวิชายอดนิรันดร์ไร้รั่ว มรรควิถีทั้งร่างรวมถึงเจตจำนง พลังสภาวะจิตของเขาจึงปลดปล่อยออกมาเต็มกำลังเป็นประวัติการณ์
“ตาย!”
จิ่งเทียนหนานพุ่งพิฆาตออกไป หลินสวินมีท่าทีว่าจะตีโต้ ทำให้เขาไม่อาจอดทนได้
ตูม!
บาตรที่กลิ่นอายเก่าแก่อบอวลทะยานสู่ฟากฟ้า เปลวไฟงามตระการนับไม่ถ้วนไหลพุ่ง ราวกับธารเพลิงสายหนึ่งแผดเผาเวิ้งฟ้า
อานุภาพของการโจมตีนี้ เรียกได้ว่าไร้ขอบเขต!
หากหลินสวินต้านไม่อยู่ จะต้องตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายที่เป็นฝ่ายถูกกระทำอีกครั้งแน่
“ไสหัวไป!”
หลินสวินส่งเสียงกู่ก้อง เรียกประทับไร้ชีพออกมา ภายใต้การโจมตีเดียว ธารเพลิงสายนั้นระเบิดกระจุยดังสนั่น รวมถึงบาตรนั่นก็ถูกซัดลอยไปอย่างหนักหน่วง
จิ่งเทียนหนานสั่นไปทั้งตัวราวกับถูกฟ้าผ่า เข้ามาเร็วเท่าใดตอนไปกลับเร็วยิ่งกว่า เขาถูกพลังของประทับไร้ชีพกระเทือนจนซวนเซถอยร่น ปากกระอักเลือด
ท่าทางแข็งกร้าวนั้น ประหนึ่งไม่อาจทัดเทียม
ฟุ่บ!
จู่ๆ ร่างของเวินอวี๋ที่แขนขาดไปแล้วกลับปรากฏตัวอยู่ข้างหลินสวิน กลางฝ่ามือมีจักระเทพสีทองสายหนึ่งหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง พุ่งสังหารออกไป
ความรวดเร็วนั้นสะเทือนใต้หล้า!
เห็นชัดว่าตอนที่หลินสวินโจมตีจิ่งเทียนหนานให้ถอยร่น เวินอวี๋ฉวยโอกาสพุ่งสังหารเข้ามา ต้องการปลิดชีพหลินสวินด้วยการโจมตีเดียว!
“กงล้อมรรคสังหารเทพ!”
เสวียนจิ่วอิ้นตกใจกลัว รู้ความเป็นมาของจักระเทพสีทองในมือเวินอวี๋
หลิงเคอจื่อก็ใจสะท้าน สถานการณ์อันตรายแล้ว!
พลันเห็นว่า…
ในช่วงวิกฤติหาใดเปรียบนี้ เชือกสีทองเส้นหนึ่งพุ่งออกมาจากแขนเสื้อของหลินสวิน มัดกงล้อมรรคสังหารเทพนั้นไว้อย่างแน่นหนาทันที!
เชือกทองคล้องสมบัติ!
สมบัติจักรพรรดิที่สืบทอดกันมาแต่โบราณชิ้นหนึ่ง ไม่มีพลังทำลายล้างใดๆ แต่กลับมัดและกักขังสมบัตินานัปการบนโลกได้
ของสิ่งนี้เป็นสมบัติพิทักษ์สำนักของเรือนมรรคจักรวาล แต่ด้วยหวงฝู่เซ่าหนงถูกหลินสวินสังหาร สมบัตินี้จึงตกอยู่ในมือของหลินสวิน
“นี่…”
นัยน์ตาเวินอวี๋หดรัด
“ตาย!”
หลินสวินนัยน์ตาเยียบเย็นดุจอสนี แสงมรรคแรกกำเนิดม้วนซัดไปทั้งตัว กลายเป็นเขตแดนมรรคฝังกลบร่างของเวินอวี๋ในพริบตา
ตูม!
เขตแดนมรรคซัดโหม เสียงหวีดร้องอย่างขุ่นเคืองของเวินอวี๋ดังก้องขึ้น แต่ไม่ทันไรก็หายไป ถูกกำจัดอยู่ในเขตแดนมรรคของหลินสวินอย่างสมบูรณ์
ไม่เหลือแม้แต่ศพ!
ชั่วขณะนี้ทุกคนต่างหน้าเปลี่ยนสี
เวินอวี๋อัจฉริยะมรรคกระบี่คนนี้แข็งแกร่งระดับใด ประหนึ่งปีศาจแห่งยุค แต่กลับ…
ร่วงหล่นในการต่อสู้ชุลมุนนี้!
‘เชือกทองคล้องสมบัติของหวงฝู่เซ่าหนง…’
พวกหมีอู๋หยา จิ่งเทียนหนานเห็นดังนี้ก็พลันประหลาดใจและผิดคาด เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าการเอาชนะหลินสวินถึงกับเปลี่ยนเป็นตึงมือขึ้นมา
เขาดูเหมือนได้รับบาดเจ็บหนัก ต่อสู้จนเลือดอาบ แต่พลังต่อสู้และปณิธานในการต่อสู้กลับแข็งแกร่งและน่ากลัวอย่างไม่เคยมีมาก่อน ราวกับ…
เทพที่ไม่อาจเอาชนะ!
………………………..