Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2013 เหล่าจักรพรรดิที่ประหลาดใจไม่สามารถสงบได้

โหวเจิ้งส่งเสียงข่มขู่หลิงเคอจื่อ ท่าทีไม่เกรงใจสักนิด

“นี่เรียกได้ว่าหาเรื่องใส่ตัว”

กลับเห็นเสวียนจิ่วอิ้นอดดีใจไม่ได้ ส่งเสียงหัวเราะคราหนึ่ง จู่ๆ เงาร่างก็หายไปกลางอากาศ ครู่ต่อมาก็มาปรากฏตัวตรงหน้าโหวเจิ้ง ฝ่ามือราวกับดาบ ฟันทแยงลงมา

เสียงฉัวะดังขึ้นคราหนึ่ง ห้วงอากาศราวกับกระดาษ ถูกตัดขาดอย่างง่ายดาย พลังฝ่ามือที่ดุร้ายหาใดเปรียบแผ่กลิ่นอายมหามรรคที่เร้นลับอย่างที่สุดออกมา

“คิดว่ากลัวเจ้าหรือ”

โหวเจิ้งตวาด เข้าปะทะตรงๆ

ทั้งสองประมือกัน ทว่าเพียงพริบตาก็ตัดสินแพ้ชนะได้แล้ว

พรูด!

เสวียนจิ่วอิ้นใช้กระบี่มรรคสีเงินเล่มหนึ่งฟันอย่างเดือดดาล ฟันศาสตราจักรพรรดิของโหวเจิ้งจนยับเยินอย่างง่ายดาย และฟันศีรษะของเขาลงมาด้วย

ท่ามกลางเลือดสดที่สาดกระเซ็น เสวียนจิ่วอิ้นเก็บกระบี่อย่างสง่างาม เอ่ยปากอย่างเกียจคร้าน “ยังมีใครอยากรนหาที่ตายอยู่อีกหรือไม่”

ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้ลงมือมาโดยตลอด ฉะนั้นไม่ว่าพลังกายหรือสภาพร่างกายล้วนอยู่ในจุดสูงสุด การสังหารผู้แข็งแกร่งที่บาดเจ็บมานานแล้วอย่างโหวเจิ้งจึงย่อมง่ายดาย

ในความเป็นจริง หน้าประตูทลายตอนนี้นอกจากเขากับหลิงเคอจื่อ คนอื่นๆ แทบไม่มีใครที่ไม่บาดเจ็บ!

การตายของโหวเจิ้งทำให้ผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆ ผวา ล้วนไม่กล้าอยู่ต่อ แตกกระเจิงแยกกันไป

เสวียนจิ่วอิ้นเผยสีหน้าขุ่นเคือง ใช้มือสางผมพลางพึมพำว่า “เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่า พวกเขาไม่มีสักคนที่สามารถสู้ได้… ข้าแข็งแกร่งเกินไป… หรือพวกเขาอ่อนแอเกินไป”

หลิงเคอจื่อที่กำลังเก็บทรัพย์หลังศึกถ่มน้ำลายคราหนึ่ง

มือที่สางผมอยู่ของเสวียนจิ่วอิ้นชะงักโดยพลัน เอ่ยว่า “นี่เจ้าหมายความว่าอย่างไร”

หลิงเคอจื่อหดหัว ชี้เลือดบนพื้นแล้วพูดว่า “ข้าเห็นเลือดแล้วสะอิดสะเอียน อยากอาเจียน”

เสวียนจิ่วอิ้นโมโห ภิกษุนี่เห็นชัดว่ากำลังแดกดัน!

ทว่าไม่รอให้เขาพูด หลิงเคอจื่อก็เอ่ยขึ้นมาเองว่า “เจ้าจะรอหลินสวินที่นี่หรือ”

เสวียนจิ่วอิ้นกล่าว “เขตต้องห้ามเซียนโบราณเป็นพื้นที่แห่งมหันตภัย แต่ก็มีวาสนาใหญ่มากมายซ่อนอยู่ นอกจากมหาสมบัติแรกกำเนิดนี่ ที่อื่นๆ ก็มีของดีไม่น้อย”

“อย่างเช่นต้นไม้เล็กที่ฝังรากอยู่ใต้ภูเขาไฟกลับหัว มีสามผลที่เหมือนทารก ดูสุดยอดมากแล้ว ข้าว่าจะไปดูสักหน่อย เจ้าจะไปด้วยกันหรือไม่”

หลิงเคอจื่อส่ายหน้า “ต้นไม้เล็กต้นนั้นแปลกประหลาดน่ากลัว ที่ผ่านมามีระดับจักรพรรดิไม่รู้เท่าไหร่ฝังร่างไว้ที่นั่น วาสนานี้ยิ่งใหญ่เกินไป ข้าไม่มีบุญพอให้ไปรับได้”

เสวียนจิ่วอิ้นแบะปาก “ขี้ขลาด!”

หลิงเคอจื่อเก็บทรัพย์หลังศึกเสร็จก็เดินเข้ามา เอ่ยว่า “ข้าไม่ได้ขี้ขลาด ข้าเพียงแค่อยากปิดด่าน”

สุดท้ายหลังจากทั้งสองหารือกัน ให้หลิงเคอจื่อเป็นตัวแทนรับผิดชอบทรัพย์หลังศึกเหล่านี้ ในอนาคตมีโอกาสจะคืนให้กับหลินสวิน ส่วนเสวียนจิ่วอิ้นเริ่มออกเดินทางเพียงลำพัง

จากที่เขาบอก หากไม่ไปดูต้นไม้เล็กแปลกประหลาดนั่นแล้วลิ้มลองรสชาติผลของมัน ในใจเขาก็รู้สึกไม่จำยอมอยู่บ้าง

หลิงเคอจื่อเกลี้ยกล่อมไม่สำเร็จ ทำได้เพียงเตือนเขาให้ระวังให้มาก

ไม่นานทั้งสองก็ไปจากประตูทลายนี่ทีละคน

ในเวลาเดียวกัน นอกเขตต้องห้ามเซียนโบราณก็ไม่สงบอีกต่อไป แม้ไม่สามารถมองเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหน้าประตูทลายในเขาปู้โจวได้

แต่หลังจากเกิดการต่อสู้นองเลือดที่น่าตะลึงนี้ ผู้ยิ่งใหญ่ระดับจักรพรรดิเหล่านั้นก็ยังเดาความจริงบางอย่างออก!

ตอนที่การต่อสู้หน้าประตูทลายปะทุขึ้น

ข้างเขาเมฆา ตะเกียงชีวิตที่อยู่ตรงหน้าบุคคลระดับจักรพรรดิเริ่มทยอยดับไป ตะเกียงพวกนี้ล้วนเป็นตัวแทนผู้แข็งแกร่งที่หลินสวินสังหารยามต่อสู้

แต่ที่น่าเสียดายคือ พวกไท่ซูหง จักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงไม่รู้และคาดเดาไม่ออก

สิ่งเดียวที่พวกเขาสามารถคาดเดาได้คือ การต่อสู้ช่วงชิงมหาสมบัติแรกกำเนิดชิ้นนั้น มีความเป็นไปได้สูงมากว่าปะทุขึ้นอย่างสิ้นเชิงแล้ว!

ชั่วขณะนี้เหล่าจักรพรรดิในที่นั้นต่างเริ่มวิเคราะห์และอนุมาน เฝ้าดูตะเกียงชีวิตเบื้องหน้าแต่ละคนในที่นั้นอย่างตื่นเต้น

“เป็นไปไม่ได้ เฟิงเป่ยหลิงของตระกูลข้าจะร่วงหล่นเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร ในมือเขา… ครอบครองแส้หางม้าคร่าวิญญาณเชียวนะ!”

ไม่นานเสียงเดือดดาลของระดับจักรพรรดิเผ่าจักรพรรดิดึกดำบรรพ์ตระกูลเฟิงดังขึ้น ดึงดูดให้ผู้คนไม่น้อยเหลียวมอง

เฟิงเป่ยหลิง!

พลังต่อสู้ของเจ้าหมอนี่ไม่ธรรมดายิ่ง ร่วงหล่นเร็วขนาดนี้ก็น่าประหลาดใจจริงๆ

และต่อจากนั้นทยอยมีระดับจักรพรรดิเริ่มหน้าเปลี่ยนสีไป บ้างตะโกนเดือดดาล บ้างสีหน้าไม่น่าดู ไม่ปริปากแม้แต่คำเดียว

เหตุผลเพราะตะเกียงตรงหน้าพวกเขาดับลงเช่นกัน นี่ก็หมายความว่าผู้สืบทอดในปกครองของพวกเขา ได้ร่วงหล่นในการต่อสู้เพื่อช่วงชิงมหาสมบัติแรกกำเนิดโดยสิ้นเชิงแล้ว!

บรรยากาศอึดอัด

เหล่าระดับจักรพรรดิอย่างพวกไท่ซูหงหัวใจบีบรัดขึ้นมา

แสงตะเกียงเหล่านั้นส่ายไหว ทำเอาจิตใจของพวกเขาก็ไหวกระเพื่อมไปด้วย

“ข้าให้ดาบไร้วิชากับซางจื่อเหยี่ยนไป เหตุใดตะเกียงจึงมีสัญญาณว่าจะดับ หรือเขาบาดเจ็บสาหัสแล้ว”

มหาจักรพรรดิศิลาเมฆาแห่งเรือนมรรคยุทธจักรเผยสีหน้าตกใจ

และคำว่า ‘ดาบไร้วิชา’ ของเขาก็ทำเอาระดับจักรพรรดิคนอื่นๆ หัวใจสะท้าน ราวกับคิดไม่ถึงว่าซางจื่อเหยี่ยนจะนำศาสตราจักรพรรดิพลิกฟ้าอย่างดาบไร้วิชาเข้าไปด้วย

ที่เหลือเชื่อที่สุดคือ ในสถานการณ์ที่ครอบครองดาบไร้วิชา ซางจื่อเหยี่ยนกลับมีสัญญาณว่าจะร่วงหล่น!

เมื่อวิเคราะห์เช่นนี้ การต่อสู้ที่ประตูทลายนั่นจะดุเดือดและน่ากลัวเพียงใด

เหล่าจักรพรรดิล้วนไม่สามารถสงบได้แล้ว

ไม่ใช่เพราะสภาวะจิตของพวกเขาไม่มั่นคงพอ แต่การต่อสู้ครั้งนี้เกี่ยวโยงถึงมหาสมบัติแรกกำเนิดชิ้นหนึ่ง ทำให้พวกเขาไม่อาจไม่จับตามองอย่างใกล้ชิด

“ก็ไม่รู้ว่าสุดท้ายศุภโชคนี้จะถูกใครช่วงชิงไป”

“เฮ้อ ไม่ว่าอย่างไรการบาดเจ็บและสูญเสียก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ ข้าหวังเพียงว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะจบลงโดยเร็ว”

“ข้าว่าหมีอู๋หยา จิ่งเทียนหนาน หลิงหงจวง เวินอวี๋ เสวียนจิ่วอิ้นห้าคนนี้ มีหวังได้ครองศุภโชคนี้ที่สุด”

เหล่าจักรพรรดิถกเถียงวิเคราะห์กัน

“พวกเจ้าลืมเศษเดนคีรีดวงกมลนั่นไปได้อย่างไร”

จู่ๆ จักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงก็พูดขึ้น เสียงเผยความเย็นเยียบ “แน่นอนว่าครั้งนี้ไม่ว่าเขาจะร้ายกาจอย่างไร เกรงว่ายากจะหนีด่านเคราะห์ได้!”

สีหน้าของระดับจักรพรรดิไม่น้อยซับซ้อนขึ้นมา

คิดๆ แล้วก็จริง เขาสังหารพวกหวงฝู่เซ่าหนงและข่งเจา เกรงว่าคงทำให้พวกร้ายกาจมากมายตื่นตัวนานแล้ว

บวกกับเขาก็เป็นผู้สืบทอดคีรีดวงกมล ขอเพียงแค่ปรากฏตัวที่เขาปู้โจว จะต้องถูกผู้แข็งแกร่งมากมายมองเป็นศัตรูแน่!

“ข้าไม่อยากให้เจ้าหมอนั่นร่วงหล่นเช่นนี้หรอกนะ…”

จักรพรรดิสงครามเจวี๋ยอิ้นแห่งเรือนมรรคดึกดำบรรพ์กล่าวเนิบๆ ความหมายลึกซึ้ง

เหล่าจักรพรรดิสายตาวูบไหว ล้วนรู้ดีว่าหากหลินสวินมีชีวิตอยู่ถึงจะสามารถเป็นเหยื่อล่ออย่างแท้จริง เกิดประโยชน์ยามการเคลื่อนไหวในเขตต้องห้ามเซียนโบราณสิ้นสุดลง

เหยื่อที่ตายไปแล้วคนหนึ่ง ประโยชน์ย่อมมีจำกัด

ก็เหมือนคำสั่งที่ผู้สืบทอดสามเรือนมรรคใหญ่อย่างเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ จักรวาล และยุทธจักรได้รับ ยามเล่นงานหลินสวิน หากสามารถจับเป็นได้จะดีที่สุด เว้นแต่ไม่มีทางเลือกจึงลงมือสังหาร!

ทั้งหมดนี้ล้วนเพื่อให้เหยื่อล่ออย่างหลินสวินสามารถดึงดูดปลาใหญ่ได้ง่ายยิ่งกว่า!

เสียดายก็แต่ไม่ว่าจะเป็นจักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงหรือจักรพรรดิสงครามเจวี๋ยอิ้น คิดจนหัวแตกก็คิดไม่ถึงว่าการต่อสู้ครั้งใหญ่ที่กำลังอุบัติขึ้นนี้ ต่างจากที่พวกเขาจินตนาการและคาดเดาโดยสมบูรณ์

“อะไรกัน เวินอวี๋ของตระกูลข้าร่วงหล่นแล้วหรือ”

ระดับจักรพรรดิคนหนึ่งร้องเสียงหลง ทำให้ทั้งที่นั้นต่างหันมอง

เมื่อครู่นี้ยังบอกว่าเวินอวี๋มีโอกาสไปช่วงชิงศุภโชคนั่น แต่ไม่ทันไรบุคคลที่ประหนึ่งปีศาจแห่งยุคคนหนึ่งก็ร่วงหล่นแล้ว!

และนี่เพียงแค่เริ่มต้นเท่านั้น

หลังจากนั้นตะเกียงทยอยดับไปดวงแล้วดวงเหล่า ล้วนเป็นบุคคลแห่งยุคซึ่งเป็นที่คาดหวังอย่างมาก

การร่วงหล่นของพวกเขาทำให้เหล่าจักรพรรดิในที่นั้นต่างไม่กล้าจินตนาการ ว่าศึกนองเลือดที่เกิดขึ้นในเขาปู้โจวจะน่ากลัวเพียงใด!

กระทั่งเห็นตะเกียงชีวิตของพวกจิ่งเทียนหนาน หลิงหงจวงสลัวราง ในใจระดับจักรพรรดิต่างกังวลขึ้นมา

จนถึงตอนนี้ปีศาจแห่งยุคส่วนใหญ่ที่ถูกพวกเขาคาดหวังมาโดยตลอดกลับคล้ายส่อแววจะร่วงหล่น นี่น่าตกใจเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย

ในการต่อสู้ครั้งนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่

“เป็น… เป็นไปได้อย่างไร”

ทันใดนั้นมหาจักรพรรดิศิลาเมฆาส่งเสียงอีกครั้ง เผยความยากจะเชื่อ

ทุกคนมองไป แต่ละคนต่างก็รู้สึกตกใจระลอกหนึ่ง นั่นเป็นตะเกียงซึ่งเป็นตัวแทนของหมีอู๋หยา กลับมีสัญญาณว่าจะดับด้วย!

ชั่วขณะเดียวในที่นั้นเงียบกริบ ระดับจักรพรรดิทุกคนล้วนประหลาดใจไม่สามารถสงบได้ มีความไม่เข้าใจและสงสัยพวยพุ่งขึ้นในใจมากเกินไป

คนที่แข็งแกร่งอย่างหมีอู๋หยายังพบเจออันตรายที่เสี่ยงถึงชีวิต นี่น่ากลัวเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย และก็ดูออกว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะต้องเต็มไปด้วยตัวแปรมากมาย!

“จะใช้เจ้าเศษเดนคีรีดวงกมลหรือไม่”

จู่ๆ ก็มีคนพูดขึ้น

ฉับพลันนั้นพวกจักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิง จักรพรรดิสงครามเจวี๋ยอิ้นต่างขมวดคิ้ว ในใจไม่พอใจอยู่บ้าง

“เศษเดนอย่างเขาตัวคนเดียว จะมีพลังพลิกฟ้าเช่นนี้ได้อย่างไร”

“ในการต่อสู้ชุลมุนย่อมเกิดความขัดแย้งและเข่นฆ่าซึ่งกันและกัน ในศึกชุลมุนนี้บางทีเจ้าหมอนี่อาจสำแดงความสามารถสะดุดตายิ่ง แต่ถ้าบอกว่าทั้งหมดนี้เป็นเพราะเขา จะต้องเป็นเรื่องตลกอย่างแน่นอน”

ทุกคนวิพากษวิจารณ์ ตัดหลินสวินออกโดยตรง เหตุผลเพราะพวกเขาไม่คิดว่าหลินสวินจะมีพลังกำราบผู้กล้าแห่งยุคเหล่านี้ได้

อย่าว่าแต่หลินสวิน แม้เป็นหมีอู๋หยา พวกเขาก็คิดเช่นนี้!

“ไม่ว่าอย่างไร เมื่อทุกอย่างนี้จบลง ความจริงก็จะปรากฏเอง”

ไท่ซูหงสูดหายใจลึก เอ่ยพูดอย่างเนิบช้า

ตอนนี้ห่างจากการการปิดม่านในเขตต้องห้ามเซียนโบราณแค่ประมาณหนึ่งเดือนเท่านั้น

เหล่าจักรพรรดิต่างคนต่างมีความคิดในใจ

อันที่จริงสำหรับพวกเขา เรื่องจริงคืออะไรไม่สำคัญนัก สิ่งสำคัญคือ สุดท้ายใครจะได้มหาสมบัติแรกกำเนิดชิ้นนั้น

เช่นเดียวกัน ยามเมื่อเขตต้องห้ามเซียนโบราณปิดม่านลง เรื่องสนุกที่แท้จริงจึงจะเริ่มขึ้น!

……

พลั่ก!

หลังจากหลินสวินเข้าสู่ประตูทลาย พลังกายก็ไม่เพียงพอแล้ว ล้มนอนบนแท่นมรรค ทั้งภายในและนอกร่างกายล้วนมีความง่วงงุนและเจ็บปวดที่พูดไม่ออก

การต่อสู้ครั้งนี้ แม้สุดท้ายทำให้เขาเข้าสู่ประตูทลายได้สำเร็จ แต่ค่าตอบแทนที่เสียไปกลับมากยิ่ง พลังกายของเขาหมดสิ้นแล้ว ร่างกายที่ฉีกขาดพักพังก็ใกล้จะทรุดทลายแล้ว

ตอนนี้ ถึงขั้นแม้แต่นิ้วมือนิ้วเดียวยังยกไม่ขึ้น

ความเหนื่อยล้าประหนึ่งกระแสน้ำพุ่งโจมตีจิตใจของเขา ทำให้ทั้งตัวเขาจมสู่ความรู้สึกด้านชาว่างเปล่า

สุดท้ายหลินสวินก็ทนความง่วงงุนและเหนื่อยล้าไม่ไหว สลบไปแล้ว

ในประตูทลาย ระเบียบมหามรรคกลายเป็นสายฝนสวยงามนับไม่ถ้วนสาดพรม แสงประกายพริบวาบออกมา สามารถทำให้ระดับจักรพรรดิยังหวาดกลัว

ที่มหัศจรรย์คือ ยามพลังระเบียบมหามรรคเหล่านี้เข้าใกล้หลินสวิน ก็ถูกแท่นมรรคที่อยู่ใต้ร่างของเขาสลายไป

หลินสวินหมดสติหลับไปได้ไม่นาน แท่นมรรคนั่นก็ราวกับถูกขานเรียก พาหลินสวินเคลื่อนไปยังส่วนที่ลึกยิ่งกว่าของประตูทลาย…

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset