Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2018 สามวันสุดท้าย

เขาปู้โจวหายไปแล้ว กลางฟ้าดินพลันว่างเปล่าและกว้างใหญ่ขึ้นมา

พวกจินเทียนเสวียนเยวี่ย เหลิ่งซิวเจีย เซี่ยอวี่ฮวาต่างนั่งขัดสมาธิในบริเวณต่างๆ ฝึกตนทำสมาธิ เตรียมความพร้อมเพื่อทะลวงระดับ

ห่างจากการปิดม่านของเขตต้องห้ามเซียนโบราณอีกสิบวัน และพวกจินเทียนเสวียนเยวี่ยยังไม่ได้ลองทะลวงระดับ

หากจากไปเช่นนี้ นั่นเท่ากับพลาดโอกาสทองในการก้าวสู่ระดับมกุฎกึ่งจักรพรรดิอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงอย่างไรมีพลังระเบียบมหามรรคของเขตต้องห้ามเซียนโบราณบดบัง สามารถทำให้ผู้ฝึกปราณหลีกเลี่ยงมหาเคราะห์ต้องห้ามที่มาจากส่วนลึกของท้องฟ้านั่นได้!

หลินสวินและหลิงเคอจื่อยืนอยู่ไกลๆ

หลิงเคอจื่อได้มอบทรัพย์หลังศึกให้หลินสวินแล้ว

ในศึกนองเลือดแห่งยุคหน้าประตูทลายนั่น ผู้แข็งแกร่งที่ถูกหลินสวินโจมตีสังหารมียี่สิบกว่าคน ในนั้นไม่ขาดพวกที่มีที่มายิ่งใหญ่อย่างเวินอวี๋ เฟิงเป่ยหลิง

นี่ก็ทำให้ทรัพย์หลังศึกที่หลิงเคอจื่อรวบรวมมาได้หลากหลายผิดธรรมดา แค่สมบัติจักรพรรดิก็มีมากถึงสิบหกชิ้นแล้ว!

มีทวนศึก กระบี่มรรค ดาบศึก ประทับเทพ… ล้วนเรียกได้ว่าวิเศษอย่างที่สุด ไม่ใช่สิ่งที่สมบัติจักรพรรดิทั่วไปจะเทียบได้

นอกจากนี้ยังมีสมบัติเก็บของมากมาย ภายในสั่งสมโอสถเทพ ของมีค่า วัตถุดิบวิญญาณ… มูลค่ามากจนไม่อาจประเมินได้

เพราะไม่เพียงแค่จำนวน มูลค่าก็น่าตกใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้!

จัดการอยู่ครู่ใหญ่ หลินสวินก็ยื่นสมบัติจักรพรรดิสองชิ้นและถุงเก็บของที่เต็มไปด้วยสมบัติต่างๆ ให้หลิงเคอจื่อพร้อมพูดว่า “จะให้เจ้าเปลืองแรงโดยไม่มีค่าตอบแทนไม่ได้ พวกนี้ให้เจ้า”

หลิงเคอจื่อปฏิเสธด้วยท่าทีแน่วแน่ “พี่หลิน เช่นนี้เท่ากับท่านทำร้ายข้าแล้ว เพียงแค่เอาสมบัติเหล่านี้ไป ไม่ว่าใคร หลังออกจากเขตต้องห้ามเซียนโบราณก็จะต้องถูกขุมอำนาจใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังสมบัติเหล่านี้กดดันอย่างแน่นอน”

หยุดไปครู่หนึ่งเขาค่อยเอ่ยต่อด้วยสีหน้าที่แฝงแววพิกล “ก็มีแค่พี่หลินที่ไม่กลัวทั้งหมดนี้ เพราะฉะนั้นท่านเก็บกลับไปเถอะ”

หลินสวินอึ้ง คล้ายยิ้มแต่ไม่ยิ้ม “เจ้าหมายความว่าข้ามีเรื่องมากพออยู่แล้ว จะเพิ่มอีกเรื่องก็ไม่เป็นปัญหาหรือ”

หลิงเคอจื่ออักอ่วน พูดอย่างหวาดกลัว “ข้า… เพียงแค่พูดตามจริงเท่านั้น ถึงอย่างไรสมบัติจักรพรรดิเหล่านี้ล้วนมีที่มายิ่งใหญ่ หากไม่ใช่สมบัติพิทักษ์สำนัก ก็เป็นสมบัติพิทักษ์เผ่าพิทักษ์ตระกูล คนทั่วไป… ไม่กล้าครอบครองเป็นของตนแน่”

หลินสวินเองก็ไม่บังคับ เก็บสมบัติแล้วเอ่ยว่า “อีกสิบวันเขตต้องห้ามเซียนโบราณก็จะปิดม่านลง เจ้ามาพัวพันกับข้าตอนนี้ ยามจากไปคงต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วยแน่…”

ไม่รอพูดจบหลิงเคอจื่อก็ยืดอกพูดว่า “พี่หลินไม่ต้องเป็นห่วง ข้าไม่กลัวจะถูกดึงไปพัวพันด้วย”

เขาดูมั่นใจมาก

“เช่นนั้นก็ดี”

หลินสวินมองหลิงเคอจื่ออย่างคล้ายขบคิดอะไรอยู่

เขานึกถึงเสวียนจิ่วอิ้น ตั้งแต่ต้นจนจบก็ไม่กลัวที่จะปฏิสัมพันธ์กับตน แต่เสวียนจิ่วอิ้นกล้าทำเช่นนี้เพราะมีตระกูลเสวียนหนุนหลัง

หลิงเคอจื่อล่ะ ไปเอาความมั่นใจมาจากไหน

หลินสวินคิดๆ แล้วก็ส่ายหน้า ภิกษุคนนี้ปากแข็งเกินไป แม้ถามไปก็ต้องไม่ได้คำตอบอะไรแน่

บนเวิ้งฟ้าจู่ๆ ก็ปรากฏเมฆาเคราะห์ที่ดำราวกับน้ำหมึกแถบหนึ่ง กลิ่นอายต้องห้ามน่ากลัวแผ่กระจายเงียบๆ

จินเทียนเสวียนเยวี่ยที่เดิมนั่งขัดสมาธิอยู่ลืมตาขึ้น

นางจะข้ามด่านเคราะห์แล้ว!

แทบจะในเวลาเดียวกัน กลางฟ้าดินพวยพุ่งพลังระเบียบมหามรรคอันลึกลับ ทะยานขึ้นฟ้าไป ปิดคลุมกลิ่นอายด่านเคราะห์ปานต้องห้ามนั่น

เห็นเช่นนี้หลินสวินจึงเก็บสายตากลับมา ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ด้วยพรสวรรค์และรากฐานพลังของจินเทียนเสวียนเยวี่ย ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่สามารถทะลวงระดับได้แล้ว

“พี่หลิน ยามออกจากเขตต้องห้ามเซียนโบราณ ฐานะของท่านต้องถูกเปิดโปงแน่ ทุกสิ่งที่ท่านทำที่นี่จะถูกคนใหญ่คนโตระดับจักรพรรดิล่วงรู้ในทันที ท่าน… ไม่กังวลหรือ”

หลิงเคอจื่ออดถามไม่ได้

หลินสวินดูนิ่งสงบมาก ราวกับไม่ได้กังวลเรื่องตอนที่จะออกไปเลย

“เป็นห่วงแล้วมีประโยชน์หรือ”

หลินสวินย้อนถาม

หลิงเคอจื่อขานรับว่าอ้อ พูดไม่ออกไปชั่วขณะ

“วางใจเถอะ ปัญหามาก็ย่อมมีทางแก้”

นัยน์ตาดำของหลินสวินลึกล้ำและราบเรียบ

เขานึกถึงสิ่งที่ศิษย์พี่สามรั่วซู่เคยพูด ขอแค่สามารถชิงมหาสมบัติแรกกำเนิดชิ้นนี้มาอยู่ในมือได้ แม้ฐานะถูกเปิดเผยก็ไม่เป็นไร

นี่ทำให้หลินสวินมีสังหรณ์แรงกล้า ว่าเหล่าศิษย์พี่คีรีดวงกมล… ไม่มีทางทนมองตนประสบเคราะห์ตาปริบๆ แน่

ขณะเดียวกันในมือหลินสวินก็มีไพ่ตายจำนวนหนึ่ง แม้ประสบเคราะห์ใหญ่ก็ยังมั่นใจว่าจะสามารถหลบหนีได้!

“พี่หลิน”

หลิงเคอจื่อสูดหายใจลึกคราหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “ท่านอยากรู้ว่าข้าเห็นอะไรในตัวท่านใช่หรือไม่”

เขาคล้ายตัดสินใจแล้ว

นัยน์ตาดำของหลินสวินหดรัดลงเล็กน้อย มองหลิงเคอจื่อที่ใบหน้าเคร่งขรึมแล้วอดยิ้มไม่ได้ “เรื่องพวกนี้รอภายหน้าค่อยว่ากันก็ไม่สาย”

หลิงเคอจื่อเผยสีหน้าผิดคาด ร้อนรนขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ “แต่ถ้ายามออกจากเขตต้องห้ามเซียนโบราณเกิดเรื่องไม่คาดคิดอะไรกับท่าน เช่นนั้น…”

“ใช่แล้ว หากเกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไรขึ้นกับข้า แม้รู้เรื่องบางอย่างไปแล้วจะมีประโยชน์อะไร ฉะนั้นเจ้าควรจะอธิษฐานว่าอย่าให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นกับข้า”

หลินสวินยิ้มน้อยๆ พลางเขกหน้าผากหลิงเคอจื่อทีหนึ่ง

หลิงเคอจื่อเกาหัวแกรกๆ ในใจสงสัย หรือเขาดูออกแล้วว่า หากข้าพูดในสิ่งที่เห็นไป ตนก็จะถูกเล่นงานกลับอย่างน่ากลัวที่สุด?

หรือเขาเป็นห่วงว่าหลังจากรู้เรื่องพวกนี้จะส่งผลกระทบต่อสภาวะจิต

“หยุดคิดฟุ้งซ่านได้แล้ว ขอเพียงข้าคนแซ่หลินรอดจากมหาเคราะห์ที่กำลังจะมาเยือนได้ จะต้องไปพูดคุยกับเจ้าแน่”

หลินสวินอดเขกหน้าผากหลิงเคอจื่ออีกทีไม่ได้ ภิกษุที่ราวกับเด็กหนุ่มคนนี้หน้าตาอ่อนโยน ท่าทางไร้เดียงสา น่ารักมาก

……

หนึ่งวันหลังจากนั้น

จินเทียนเสวียนเยวี่ยทะลวงระดับสำเร็จ ก้าวสู่ระดับมกุฎกึ่งจักรพรรดิอย่างราบรื่น กลิ่นอายทั้งตัวเปลี่ยนไป ยิ่งว่างเปล่าและใสเย็น ราวกับเซียนภูเขาน้ำแข็ง งดงามดั่งภาพวาด

สามวันหลังจากนั้น

เหลิ่งซิวเจียทะลวงระดับสำเร็จ

เจ็ดวันหลังจากนั้น

เซี่ยอวี่ฮวาทะลวงระดับสำเร็จ

หากอยู่ในโลกภายนอกจะต้องสร้างความฮือฮาอย่างมากแน่ ทำให้เกิดผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนคารวะชื่นชม ถึงอย่างไรการก้าวสู่ระดับมกุฎกึ่งจักรพรรดิก็ยากเกินไปจริงๆ

แต่ในเขตต้องห้ามเซียนโบราณแห่งนี้ ขอแค่รากฐานพลังแข็งแกร่งพอ ยามทะลวงระดับย่อมง่ายดาย!

อันทีจริง ขอเพียงเป็นผู้แข็งแกร่งที่ยังมีชีวิตอยู่ในเขตต้องห้ามเซียนโบราณตอนนี้ ล้วนทยอยทะลวงระดับแทบจะทุกคน ก้าวสู่ระดับมกุฎกึ่งจักรพรรดิ

หลายวันมานี้สภาวะจิตของหลินสวินกระจ่างใส หยั่งรู้และฝึกหลอมมรรควิถีแห่งตน ไม่มีเรื่องไม่คาดฝันและอุปสรรคเกิดขึ้นอีก

ส่วนโลกภายนอก ลมพายุกำลังจะมาเยือน

……

“เหลือเพียงสามวันแล้ว…”

ไท่ซูหงเจ้าสำนักเรือนมรรคโลกาสวรรค์ส่งเสียงทอดถอนใจ

ช่วงที่ผ่านมานี้พวกเขารออยู่ที่นี่โดยตลอด แม้ไม่สามารถมองเห็นเรื่องที่เกิดขึ้นในเขตต้องห้ามเซียนโบราณได้ ทว่าจากตะเกียงชีวิตแต่ละดวงที่ดับไป กลับทำให้พวกเขาพอจะคาดเดาสถานการณ์ได้คร่าวๆ

จนถึงตอนนี้ผู้สืบทอดแกนหลักเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ที่เข้าสู่เขตต้องห้ามเซียนโบราณล้วนพังทลายจบสิ้น

เรือนมรรคจักรวาลเข้าไปสิบเก้าคน เหลือเพียงสองคน

เรือนมรรคยุทธจักรสิบห้าคน เหลือเพียงเก้าคน

เรือนมรรคโลกาสวรรค์สิบเจ็ดคน เหลือแปดคน

เรือนมรรคเหล่ามาร…

เพียงแค่ผู้สืบทอดแกนหลักของหกเรือนมรรคใหญ่ก็สูญเสียไปเกินครึ่งแล้ว สองเรือนมรรคใหญ่อย่างเรือนมรรคดึกดำบรรพ์และเรือนมรรคจักรวาลแทบจะพังทลายทั้งหมด!

จากเรื่องนี้สามารถคาดเดาได้ว่า สถานการณ์ในเขตต้องห้ามเซียนโบราณนั่นอันตราย โหดร้าย และนองเลือดเพียงใด

ตอนนี้ตะเกียงชีวิตที่ยังสว่างอยู่เหลือเพียงยี่สิบเก้าดวงเท่านั้น!

จำนวนนี้สามารถทำให้ทั่วหล้าสะท้านไหว

ควรรู้ว่าผู้แข็งแกร่งที่เข้าสู่เขตต้องห้ามเซียนโบราณครั้งนี้แม้มีแค่หนึ่งร้อยแปดคน แต่ทุกคนล้วนเรียกได้ว่าเป็นบุคคลชั้นยอดในระดับมกุฎราชันอริยะ เมื่อใกล้ถึงช่วงเวลาผิดฉากกลับเหลือเพียงแค่ยี่สิบเก้าคน ความสูญเสียนี้เรียกได้ว่ารุนแรงยิ่งยวด!

ก็เหมือนหลายวันมานี้ เหล่าคนใหญ่คนโตระดับจักรพรรดิที่อยู่ที่นี่สีหน้าอึมครึม ไม่ปริปากพูดสักคำ

ไท่ซูหงรู้ดีว่าในใจเฒ่าชราเหล่านี้ล้วนอัดอั้น

“จริงสิ เหลือแค่สามวันแล้ว…”

จักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงเองก็ทอดถอนใจ “อย่าว่าแต่เขตต้องห้ามเซียนโบราณ แม้แต่บริเวณเขาเมฆาแห่งนี้ก็เรียกได้ว่ามีคลื่นใต้น้ำรุนแรง ลมพายุใกล้มาเยือน”

สีหน้าของเหล่าจักรพรรดิต่างซับซ้อน

มหาสมบัติแรกกำเนิดชิ้นหนึ่ง ดึงดูดสายตาของทั่วหล้าทั้งบนล่าง ในที่มืดมีสัตว์ประหลาดเฒ่าไม่รู้เท่าไหร่จับจ้องความเคลื่อนไหวที่นี่

ขณะเดียวกันก็ไม่มีใครรู้ว่าอีกสามวันยามเขตต้องห้ามเซียนโบราณปิดฉากลง จะเกิดเหตุการณ์ยิ่งใหญ่แค่ไหน

แต่คลื่นลมครั้งนี้ไม่อาจหลีกเลี่ยง ถูกกำหนดให้ต้องปะทุอย่างแน่นอน

เพียงแต่ถึงตอนนั้นใครเป็นคนล่า ใครเป็นเหยื่อ ยังไม่อาจรู้ได้

“พวกเจ้าว่ารอบๆ เขาเมฆานี้มีคนรุ่นเรากี่คนกันแน่”

จู่ๆ จักรพรรดิสงครามเจวี๋ยอิ้นแห่งเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ก็ถามขึ้น

“คลื่นลมใหญ่เช่นนี้ จะมีผู้ร่วมมรรคเข้าร่วมน้อยได้อย่างไร”

มีคนเผยยิ้มหยัน

“ผู้มาเยือนล้วนเป็นผู้ร่วมมรรคหรือ ไม่มีทางหรอก”

มีคนสีหน้าเย็นชา

“ไม่ว่าเป็นใคร อยากจะเข้าร่วมคลื่นลมครั้งนี้ก็ต้องคำนึงถึงผลลัพธ์”

จักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงพูดอย่างเย่อหยิ่ง

ในหุบเขาเงียบสงบที่ห่างจากที่นี่ไกลโพ้น

การประชันหมากระหว่างภิกษุเฒ่ากับเด็กหนุ่มชุดดำเข้าสู่ช่วงที่ดุเดือดที่สุดแล้ว

แต่สีหน้าของทั้งสองไม่เห็นความตื่นเต้นใดๆ แต่ละคนมั่นคงและสงบนิ่ง

“ความจำของจักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงแห่งเรือนมรรคจักรวาลนี่แย่จริงๆ หากผีเร่ร่อนพวกนั้นของคีรีดวงกมลมา จะหวาดกลัวคำว่า ‘ผลลัพธ์’ ที่นางพูดถึงได้อย่างไร นอกเสียจากนางคิดว่าตนเป็นคนวางหมาก”

เด็กหนุ่มชุดดำหลุดขำออกมาคราหนึ่ง

ศีรษะของเขาสวมเกี้ยวประดับดอกไม้ รูปลักษณ์ราวกับเด็กหนุ่ม สายตากลับซ่อนแฝงไว้ซึ่งประสบการณ์ไร้จำกัด

บรรพจารย์จักรพรรดิเสินซวีแห่งสำนักโบราณจรัสเทพคนนี้ ไม่ได้ปกปิดความดูถูกของตนเลย

“ใครเป็นตัวหมาก ใครเป็นคนวางยังพูดไม่ได้ เหตุการณ์ครั้งนี้เต็มไปด้วยตัวแปร บางทีตัวหมากอาจกลายเป็นคนวางหมากก็ได้”

ภิกษุเฒ่าพูดเรียบๆ รูปลักษณ์ของเขาผอมแห้ง เต็มไปด้วยริ้วรอย สวมชุดภิกษุเรียบง่ายสะอาดสะอ้าน

แต่ในโลกมืด เขากลับมีฉายาที่สามารถทำให้ทุกคนหน้าเปลี่ยนสี…

บรรพจารย์จักรพรรดิเนี่ยคง!

บรรพจารย์จักรพรรดิเสินซวีหยิบหมากตัวหนึ่งขึ้นมา พึมพำว่า “ยังไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น สร้างสถานการณ์ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ เกรงว่าจะสำแดงศึกมรรคของเหล่าจักรพรรดิอีกครั้งกระมัง สหายยุทธ์เตรียมพร้อมหรือยัง”

บรรพจารย์จักรพรรดิเนี่ยคงพยักหน้าน้อยๆ พูดเรียบๆ “คนทำเต็มความสามารถ ฟังชะตาฟ้าดิน ได้ก็โชคดี เสียก็เป็นชะตาข้า”

“ข้าเองก็เช่นกัน”

บรรพจารย์จักรพรรดิเสินซวีที่ราวกับเด็กหนุ่มยิ้ม “แต่มีจุดหนึ่งที่ข้าไม่เหมือนเจ้า”

“หืม?”

บรรพจารย์จักรพรรดิเนี่ยคงพูด “ไม่เหมือนตรงไหน”

“เพื่อมหาสมบัติแรกกำเนิดชิ้นนั้น ข้ากล้าทุ่มสุดชีวิต”

บรรพจารย์จักรพรรดิเสินซวีว่าพลางวางหมากในมือบนกระดานเบาๆ

คำพูดของเขาเรียบเรื่อย แต่กลับทำให้บรรพจารย์จักรพรรดิเนี่ยคงเลิกคิ้วเล็กน้อย ถอนหายใจอย่างคลุมเครือ “หากเป็นเช่นนี้ ถึงเวลานั้นคงต้องขอคำชี้แนะจากความองอาจของสหายยุทธ์สักหน่อยแล้ว”

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset