ท้องฟ้ามืดครึ้ม
บริเวณหมื่นลี้ใกล้เขาเมฆา บรรยากาศกดดันและตึงเครียด
ผู้แข็งแกร่งอย่างพวกหมีอู๋หยา หลิงหงจวง ตอนนี้ได้ก้าวสู่ระดับมกุฎกึ่งจักรพรรดิแล้ว แต่ยามนี้ก็ยังรู้สึกถึงความกดดันที่ไม่อาจลบล้าง
พวกเขาต่างรู้ดีว่าสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับจักรพรรดิเหล่านั้นรออะไรอยู่
“เป็นภิกษุนั่น!”
ตอนที่เงาร่างของหลิงเคอจื่อเดินออกจากอุโมงค์อากาศ พลันมีคนจำได้ “เขานั่นแหละที่ช่วยหลินสวินเก็บทรัพย์หลังศึก เรียกได้ว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดคนหนึ่ง!”
ประโยคเดียวทำให้สายตาของระดับจักรพรรดิไม่เป็นมิตรขึ้นมา
“ภิกษุน้อย ส่งของมา!”
จักรพรรดิสงครามเจวี๋ยอิ้นตวาด เสียงราวกับฟ้าร้อง
หลิงเคอจื่ออุปนิสัยอ่อนโยนซื่อสัตย์และขี้ขลาดมาก ตกใจจนสั่นเทิ้มไปทั้งตัว เอ่ยว่า “ของเหล่านั้น… ข้าให้หลินสวินไปหมดแล้ว ไม่เชื่อพวกท่านค้นตัวได้”
“พูดเช่นนี้เจ้าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดของหลินสวินจริงๆ หรือ”
จักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงสายตาราวกับสายฟ้า วาบประกายเย็นเยียบ
“ผู้สมรู้ร่วมคิดหรือ”
หลิงเคอจื่อสีหน้างุนงงเต็มประดา “ข้ากับเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกัน เหตุใดจึงกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด”
“ภิกษุน้อย อย่ามาแกล้งทำมึนต่อหน้าข้า!”
จักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงกล่าวโทษ “ไม่ใช่ผู้สมรู้ร่วมคิด แล้วเหตุใดเจ้าต้องช่วยสารเลวนั่นเก็บทรัพย์หลังศึก”
หลิงเคอจื่อสีหน้าอดสู “ข้าถูกบังคับ…”
เหล่าจักรพรรดิต่างจนคำพูดไปชั่วขณะ ภิกษุน้อยนี่ขี้ขลาดเกินไปแล้ว
“สนไปใยว่าเจ้าถูกบังคับหรือไม่ อยู่ที่นี่ก่อน รอจับสารเลวนั่นได้ค่อยคิดบัญชีกับเจ้า!” จักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงสีหน้าเหลืออดเต็มประดา
“ไม่ได้ เดี๋ยวข้าก็ต้องไปแล้ว”
หลิงเคอจื่อส่ายหน้า ระหว่างนั้นในอุโมงค์อากาศด้านหลังเขาทยอยปรากฏเงาร่างของจินเทียนเสวียนเยวี่ย เซี่ยอวี่ฮวา เหลิ่งซิวเจียสามคน
“สามคนนี้เป็นพวกเดียวกับหลินสวินเหมือนภิกษุน้อยคนนั้น”
มีคนพูดเสียงเบา
กลับเห็นจักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงพูดอย่างเย็นชา “เช่นนั้นก็จับตัวผู้สมรู้ร่วมคิดเหล่านี้ไว้ก่อน!”
นางยื่นมือขวาออกมาคว้ากลางอากาศ
ครืน!
มือใหญ่เปลวเพลิงที่คลุมฟ้าบังตะวันควบรวมออกมา ปกคลุมไปทางพวกหลิงเคอจื่อ จินเทียนเสวียนเยวี่ย
พลังระดับจักรรพรรดิที่น่ากลัวนั่นทำให้ฟ้าดินครวญคร่ำ
กลับเห็นหลิงเคอจื่อตกใจจนหน้าเขียว ตะโกนว่า “จะตายแล้วๆ อาจารย์ ท่านอาจารย์! ท่านรีบมาสิ…”
สีหน้าของพวกจินเทียนเสวียนเยวี่ยเองก็เปลี่ยนไป
แม้ก้าวสู่ระดับมกุฎกึ่งจักรพรรดิแล้ว ทว่ายามเผชิญหน้ากับฝ่ามือนี้ ยังคงทำให้ในใจพวกเขาหวาดกลัวยิ่งยวด ร่างกายถูกอานุภาพกดดันอันน่ากลัวกักขัง
นี่ก็คือพลังระดับจักรพรรดิแท้ สามารถเหยียดหยันฟ้าดารา คุกคามทั่วฟ้า!
มองเห็นว่าพวกหลิงเคอจื่อกำลังจะประสบเคราะห์ จู่ๆ เสียงเหลืออดสายหนึ่งก็ดังขึ้น “บอกตั้งแต่แรกแล้วว่าไม่ให้เจ้าหาเรื่อง เจ้ากลับไม่ฟัง เพื่ออะไรเล่า”
ตอนที่เสียงนี้ดังขึ้น มือใหญ่เปลวเพลิงที่ประหนึ่งปกฟ้าคลุมตะวันพลันหยุดชะงักกลางอากาศ ราวกับถูกพลังไร้รูปขวางกั้น
จากนั้นภิกษุท้องกลมมนที่ถือพัดผุพัง สวมเสื้อผ้ามอมแมมคนหนึ่งปรากฏตัวกลางอากาศ
เขาตัวอ้วนท้วน ใบหน้ามันเยิ้ม หากไม่ใช่เพราะลำคอใส่ลูกประคำสีดำเส้นหนึ่ง คงทำให้คนสงสัยว่าเขาเป็นคนขายเนื้อคนหนึ่ง
ตอนที่ภิกษุอ้วนมอมแมมคนนี้ปรากฏตัว มือใหญ่เปลวเพลิงที่หยุดอยู่ระเบิดเป็นเสี่ยงกะทันหัน กลายเป็นละอองแสงสาดกระเซ็นทั่วฟ้า
เหล่าจักรรพรรดิในที่นั้นต่างนัยน์ตาหดรัด
“ผู้อาวุโสฉานถู!?”
ไท่ซูหงส่งเสียงตกใจ จำที่มาของอีกฝ่ายได้
ฉานถู!
บุคคลน่ากลัวที่สามารถเทียบเคียงบรรพจารย์จักรพรรดิชิงเย่แห่งเรือนมรรคโลกาสวรรค์ได้ แจ้งมรรคบรรลุจักรพรรดิตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ จนกระทั่งสมัยบรรพกาลเขาก็ถูกคนทั่วโลกเรียกว่าบรรพจารย์จักรพรรดิฉานถู!
ชั่วขณะหนึ่งเหล่าจักรพรรดิในที่นั้นสายตาวูบไหว เห็นได้ชัดว่ารู้ดีว่าภิกษุอ้วนที่ดูสกปรกมอมแมมอย่างที่สุดคนนี้ แท้จริงแล้วเป็นตัวตนที่น่ากลัวอย่างที่สุด
“สหายยุทธ์ก็จะสอดมือยุ่งเกี่ยวหรือ”
จักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงพูดอย่างเย็นเยียบ
“เรื่องเช่นนี้ใครยุ่งเกี่ยวคนนั้นซวย พระเช่นข้ามา ก็เพื่อพาลูกศิษย์โง่เขลาของข้ากลับ ทุกคนหลีกทางให้หน่อยเป็นอย่างไร”
ภิกษุอ้วนยิ้มตาหยีเอ่ยปาก ไขมันบนใบหน้ากระเพื่อมราวกับคลื่น
สายตาของเหล่าจักรพรรดิในที่นั้นวูบไหว
“ท่าน… ไม่คิดจะยุ่งเกี่ยวจริงหรือ”
จักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงเอ่ยเสียงขรึม
บุคคลระดับบรรพจารย์จักรพรรดิคนหนึ่ง แม้แต่เจ้าสำนักเรือนมรรคจักรวาลมาเองยังต้องนอบน้อมสามส่วน
ยิ่งไปกว่านั้นหลิงเคอจื่อเป็นเพียงแค่ผู้ช่วยคนหนึ่ง ยามนี้หากล่วงเกินบรรพจารย์จักรพรรดิเพราะคนที่ไม่มีความสำคัญใดๆ ผลเสียย่อมมากกว่าผลดี
“คำพูดที่ภิกษุอย่างข้าพูด เคยคืนคำเสียที่ไหน”
ภิกษุตัวใหญ่อ้วนท้วมลูบหน้าท้องกลมๆ ของตน ยิ้มอย่างเมตตาและเป็นมิตรที่สุด
จักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงไม่ขวางอีก
“ไปๆๆ อย่าขวางหูขวางตาอยู่ที่นี่ พวกเราอาจารย์ศิษย์… ไม่มีวาสนาจะเข้าร่วมการแย่งชิงนี้ ทำได้แค่สะบัดก้นจากไป”
ภิกษุใหญ่เร่งรีบ
หากไม่เห็นกับตายากจะทำให้คนเชื่อว่า นี่จะเป็นตัวตนน่ากลัวระดับบรรพจารย์จักรพรรดิ!
“อาจารย์ ยังมีพวกเขา”
หลิงเคอจื่อชี้พวกจินเทียนเสวียนเยวี่ย เซี่ยอวี่ฮวา เหลิ่งซิวเจียสามคน
ภิกษุใหญ่ปวดหัวขึ้นมาทันที ยื่นนิ้วมือหนาใหญ่จิ้มหัวโล้นของหลิงเคอจื่อคราหนึ่ง ก่นด่าว่า “ว่าแล้วเชียวว่าต้องหาเรื่องให้อาจารย์”
พูดพลางเขาหันมองไปรอบๆ “สหายยุทธ์ทุกท่านมีความเห็นอะไรหรือไม่”
“ไม่ได้ สามคนนี้ล้วนเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดของเศษเดนคีรีดวงกมลนั่น จะต้องอยู่ต่อ!”
จักรพรรดิสงครามเจวี๋ยอิ้นแห่งเรือนมรรคดึกดำบรรพ์พูดอย่างไม่ลังเล ไอสังหารพลุ่งพล่าน ท่าทีแน่วแน่
“หืม?”
ภิกษุใหญ่เผยสีหน้าผิดคาด ไขมันบนใบหน้าสั่นไหวคล้ายได้ยินไม่ชัด “เจ้าช่วย… พูดอีกรอบได้หรือไม่”
ไท่ซูหงที่อยู่ไม่ไกลนักหัวใจสะท้าน ลอบอุทานว่าแย่แล้ว
ภิกษุใหญ่นี่ดูเหมือนเมตตาเป็นมิตร ไม่มีพิษภัย แต่เมื่อเขาโมโหขึ้นมา ทั่วหล้าบนล่างยังต้องสะเทือน!
ฉานถู ก็คือเพชฌฆาตแห่งมรรคฌาน!
จากฉายาของเขา ก็สามารถทำให้คนสัมผัสถึงความหมายที่ไม่ธรรมดาบางอย่างแล้ว
มองภิกษุใหญ่ที่สีหน้าผิดคาดเต็มประดา ไม่มีอานุภาพให้พูดถึง ทว่าในใจจักรพรรดิสงครามเจวี๋ยอิ้นกลับรู้สึกถึงความตึงเครียดและกดดันอย่างบอกไม่ถูก
เขาจะไม่รู้ฐานะของฉานถูได้อย่างไร
แต่ในเมื่อเขากล้าพูดเช่นนี้ ย่อมต้องมีความมั่นใจอยู่แล้ว
ทว่าตอนที่จักรพรรดิสงครามเจวี๋ยอิ้นกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง เสียงแก่หง่อมเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
“ยอมล่วงเกินพญายมยังดีกว่าล่วงเกินฉานถู เจวี๋ยอิ้น เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ให้พวกสหายยุทธ์ฉานถูจากไปซะ”
เสียงล่องลอยคลุเครือ แต่กลับมีพลังมหัศจรรย์ที่กระแทกใจคนโดยตรง
สีหน้าของจักรพรรดิสงครามเจวี๋ยอิ้นเปลี่ยนไประลอกหนึ่ง เงียบกริบไม่ปริปาก
ฉานถูตบท้องกลมมนพูดคล้ายทอดถอนใจ “ดูท่าหลังจากวันนี้ คิดอยากจะเจอพวกเฒ่าชราบางส่วนคงยากแล้ว”
เขาตวัดแขนเสื้อ ปกคลุมพวกหลิงเคอจื่อ จินเทียนเสวียนเยวี่ยเข้าไปภายในในพริบตา
“ทุกคนรักษาตัวด้วย ภายหน้า… ไม่แน่ว่าภิกษุเช่นข้าอาจจะฮึกเหิม เก็บศพให้กับทุกท่าน จุดธูปหอมเผากระดาษเซ่นไหว้สักครา”
ฉานถูยิ้มตาหยีก้าวเท้าจากไป
เพียงแต่คำพูดที่เขาทิ้งท้ายเอาไว้ กลับทำให้ทุกคนในที่นั้นขมวดคิ้ว ปากของบรรพจารย์จักรพรรดิฉานถูนี่ช่างร้ายกาจจริงๆ นี่กำลังสาปแช่งพวกเขาอยู่หรือ
“คำพูดนี้ของบรรพจารย์จักรพรรดิฉานถู คล้ายมีความนัยอื่น…”
มีเพียงไท่ซูหงที่เอ่ยเสียงขรึม รับรู้ถึงบางอย่างที่ต่างออกไป
แต่ไม่ว่าอย่างไรการจากไปของบรรพจารย์จักรพรรดิฉานถูก็ทำให้ระดับจักรพรรดิมากมายลอบโล่งอก
วู้ม!
และยามนี้ ในอุโมงค์อากาศนั่นก็ปรากฏเงาร่างอีกร่าง
เด็กหนุ่มในชุดผ้าป่าน ท่าทางนักเลง แผ่กลิ่นอายเกียจคร้านทั้งตัว เป็นเสวียนจิ่วอิ้นนั่นเอง
เมื่อสังเกตเห็นว่าพลังขับเคลื่อนของพวกเฒ่าระดับจักรพรรดิปกคลุมพื้นที่แถบนี้ เขาก็หลุดขำออกมาอย่างอดไม่ได้
“คนรุ่นหลังตัวเล็กๆ อย่างข้าเสวียนจิ่วอิ้นมีความสามารถอะไร ถึงขั้นทำให้ผู้อาวุโสทุกท่านมาต้อนรับพร้อมกัน ในใจช่าง… ตกใจที่ได้รับความโปรดปราน ตื่นตระหนกไม่วางใจเลย!”
ว่าพลางเขายังประสานหมัดอย่างผ่าเผย คำนับสี่ทิศ ดูก็รู้ว่าทำลวกๆ
บรรยากาศในที่นั้นซึ่งเดิมทีตึงเครียดและอันตราย ตอนนี้กลับแปลกพิกลขึ้นมาทันที
เจ้าตัวจ้อยแซ่เสวียนนี่…
รนหาที่ตายเก่งเกินไปหรือเปล่า
——