มีเพียงระดับจักรพรรดิที่รู้ดีที่สุด คิดอยากโจมตีคนระดับเดียวกันให้พ่ายแพ้นั้นง่าย แต่อยากฆ่าคนระดับเดียวกันคนหนึ่งให้ตาย กลับยากแสนยาก
สาเหตุก็เพราะมรรควิถีของระดับจักรพรรดิบรรลุถึงขั้นน่าเหลือเชื่อ ต่อให้เหลือเพียงเสี้ยววิญญาณ ภายหน้าก็ยังมีหวังฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้อยู่ดี
แต่ยามนี้ จักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงที่ก้าวสู่ระดับจักรพรรดิสามชั้นฟ้ามานานแล้ว กลับถูกพลังหมัดเดียวฆ่าอย่างง่ายดาย
นี่พิสูจน์ได้เพียงว่า พลังปราณของเจ้าของหมัดนั้นเหนือชั้นกว่าจักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงไปไกล!
มีเพียงเช่นนี้เท่านั้น จึงจะมีอานุภาพบดขยี้อย่างสิ้นเชิง!
ในที่นั้นสั่นสะท้าน ล้วนถูกภาพนองเลือดนี้ทำเอาตกใจ
การประชันหมากครั้งนี้ ตั้งแต่เริ่มจนบัดนี้เกิดตัวแปรขึ้นมากมาย บ้างก็อยู่เหนือความคาดหมาย บ้างก็เป็นไปตามคาด
แต่ใครก็คิดไม่ถึงว่าจักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงจะเป็นคนแรกที่ร่วงหล่น!
จักรพรรดิร่วงหล่น!
ในทางเดินโบราณฟ้าดาราล้วนเรียกได้ว่าเป็นเรื่องใหญ่สะท้านฟ้า สามารถเรียกระลอกคลื่นใหญ่โหมซัด
ยิ่งกว่านั้นจักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงหาใช่ระดับจักรพรรดิทั่วไป เบื้องหลังนางยังมีเรือนมรรคจักรวาลหนึ่งในหกเรือนมรรคใหญ่หนุนอยู่!
ก็เป็นตอนนี้ที่ผู้คนต่างเห็นว่า เบื้องหน้าหลินสวินไม่รู้มีเงาร่างสายหนึ่งเพิ่มขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่
เขาสวมรองเท้าฟาง พาดจอบเปื้อนคราบสนิมเล่มหนึ่ง ผิวดำคร้ามแดด ท่าทางหยาบกระด้าง ราวกับชาวไร่ชาวนาคนหนึ่ง
ไม่มีใครเห็นว่าเขามาจากไหน และไม่ได้สังเกตว่าเขามาได้อย่างไร เสมือนว่าเขายืนอยู่ตรงนั้นตั้งแต่ต้น!
ลำพังเพียงแค่ท่ายืน ความรู้สึกที่ให้แก่ผู้คนก็เหมือนเสาค้ำที่ยันเวิ้งฟ้าเอาไว้ สูงตระหง่านไร้สิ้นสุด!
“ผู้สืบทอดลำดับที่สิบเอ็ดแห่งคีรีดวงกมล ผู่เจิน!”
มีคนเอ่ยเสียงต่ำเผยฐานะของผู้มาใหม่ ทำเอาในใจเหล่าจักรพรรดิในที่นั้นสะท้านไหว นึกถึงเรื่องเล่าขานเมื่อนานมาแล้วบางอย่างขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่
ในตำนาน เคยมีเทพมารแห่งยุคถูกผู้แข็งแกร่งที่เหมือนชาวนาคนหนึ่งฆ่าด้วยหมัดเดียว
เคยมีจักรพรรดิกระบี่เทียมฟ้าที่ทรงอิทธิพลแห่งยุค ถูกผู้แข็งแกร่งที่เหมือนชาวนาคนหนึ่งฆ่าด้วยหมัดเดียว
และเคยมีจอมจักรพรรดิมรรคธรรมที่สังขารไม่เปื่อยไม่เน่า ถูกผู้แข็งแกร่งที่เหมือนชาวนาคนหนึ่งฆ่าด้วยหมัดเดียว…
สรุปแล้วในตำนานเล่าขานเหล่านี้ แทบจะปรากฏชาวนาคนหนึ่ง รวมถึงหนึ่งหมัดที่ไร้ทัดเทียม เผด็จการจนไม่อาจขวางกั้นของเขาด้วย!
ต่อมาผู้คนถึงรู้ว่า ชายที่เหมือนชาวนาคนนั้นมาจากคีรีดวงกมล อยู่ลำดับที่สิบเอ็ด มีฉายามรรคว่าผู่เจิน!
และนับแต่นั้นเป็นต้นมา ทั่วหล้าล้วนขนานนามให้เขาว่า ‘จักรพรรดิยอดยุทธ์’!
ยอด มาจากความสามารถของเขา
ยุทธ์ มาจากพลังหมัดของเขา
ยอดยุทธ์สองคำ สมญานามจักรพรรดิ เรียกได้ว่าชื่อเสียงสมคำเล่าลือ
ท่ามกลางบรรยากาศเงียบกริบเช่นนี้ หัวใจของหลินสวินกลับมีเสียงเยียบเย็นเจือแววอัดอั้นสายหนึ่งดังขึ้น
‘ถูกคนผู้ นี้ชิงลงมือตัดหน้าก่อนอีกแล้ว…’
มุมปากของหลินสวินกระตุกเบาๆ สายตาดูแปลกไป
ผู้ที่เอ่ยปากคือซีที่เก็บตัวอยู่ในห้องโถงมรรคาสวรรค์
ยามโดยสารยานลมกรดเหินข้ามฟ้าดารา ศิษย์พี่ผู่เจินก็เคยชิงตัดหน้าซี ใช้สามหมัดซัดสังหารภิกษุเฒ่าตู้คงจากแดนกษิติครรภ์
และก่อนหน้านี้ เดิมทีซีตั้งใจจะลงมือโจมตีฆ่าจักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิง แต่ก็ถูกผู่เจินที่มาแบบปุบปับชิงตัดหน้าก่อนอีกครั้ง
สิ่งนี้ทำให้นางอดรู้สึกอัดอั้นเล็กน้อย
‘ผู้อาวุโส การประชันหมากในวันนี้ตัวแปรมากมาย ย่อมต้องมีโอกาสให้ท่านลงมือแน่’
หลินสวินเอ่ยปลอบใจ
ลองคิดๆ ดูก็แปลกประหลาดยิ่ง ก่อนหน้านี้หากไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิต หลินสวินไม่อยากเชิญซีลงมือเลย
ใครเลยจะเคยคาดคิด ยามนี้ซีกลับเปลี่ยนเป็นฝ่ายเริ่มก่อน…
การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยนี้ทำให้ในใจหลินสวินรู้สึกยินดียิ่ง
ผู่เจินเอ่ยด้วยน้ำเสียงซื่อๆ “ศิษย์น้อง ต่อไปดูเหมือนจะไม่มีเรื่องของเจ้าแล้ว ถ้าเช่นนั้น… เจ้าแค่ตั้งใจชมเรื่องสนุกดีหรือไม่”
ประโยคนี้ก็เรียบง่ายยิ่ง ทว่าเมื่อถึงหูเหล่าจักรพรรดิในที่นี้กลับบาดหูอย่างบอกไม่ถูก จักรพรรดิยอดยุทธ์คนนี้ดูเหมือนซื่อๆ แต่คำพูดคำจากลับบ้าระห่ำเกินไปแล้ว!
หลินสวินยิ้มแล้ว นี่ก็คือศิษย์พี่สิบเอ็ด คำพูดก็เหมือนกับหมัดของเขา เรียบง่ายตรงไปตรงมา แต่กลับมีความเผด็จการอันไร้รูป!
“ปลาใหญ่ติดแหกลับไม่รู้ตัว ผู่เจิน ภายใต้ตาข่ายฟ้าเช่นนี้ เจ้าจะหนีรอดได้หรือ”
เสียงต่ำลึกสายหนึ่งดังขึ้น
กลางฟ้าดินจู่ๆ ก็มีไอเย็นเยียบกรีดกระดูกเพิ่มขึ้นมาวูบหนึ่ง สรรพชีวิตควบแข็ง ห้วงอากาศประหนึ่งถูกแช่แข็ง
แม้จะเป็นระดับจักรพรรดิยังตัวสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง รู้สึกถึงไอเย็นเยียบที่แทรกซึมเข้าจิตวิญญาณ
พร้อมๆ กับเสียงนั้น เงาร่างสายหนึ่งควบรวมขึ้นกลางห้วงอากาศ
คนผู้นี้รูปร่างหน้าตาดุจดั่งเด็กหนุ่ม สวมชุดนักพรต มวยผมปล่อยจอน ยามกะพริบตาเผยลักษณ์ประหลาดน่าสะพรึงที่ความว่างเปล่าโดยรอบดับสูญ สรรพชีวิตมอดม้วยออกมา
กฎเกณฑ์ระดับจักรพรรดิเป็นสายๆ กลายเป็นลักษณ์แห่งพายุ ม้วนตลบปั่นป่วนอยู่รอบกายเขา ขับเน้นจนเขาเสมือนเจ้าเหนือหัวสูงสุดมาเยือนโลก!
บรรพจารย์จักรพรรดิเฟิงถิงแห่งเรือนมรรคยุทธจักร!
เฒ่าดึกดำบรรพ์ที่เคยเข้าร่วมศึกมรรคของเหล่าจักรพรรดิ สร้างชื่อเสียงบารมีเกรียงไกรเอาไว้ วิชาวายุอสนีประจำกายสะเทือนเก้าชั้นฟ้า
เมื่อเขาปรากฏตัว เหล่าจักรพรรดิในที่นั้นล้วนรู้สึกว่าแม้แต่สูดหายใจยังลำบาก กลิ่นอายบนตัวเขากร้าวแกร่งเกินไปจริงๆ
แต่นี่เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น
ยามบรรพจารย์จักรพรรดิเฟิงถิงปรากฏตัว ก็มีเสียงหัวเราะเบาๆ สายหนึ่งดังขึ้นมา
“ผู่เจิน เจ้าอย่าลืมสิ ในศึกมรรคของเหล่าจักรพรรดิสมัยบรรพกาล ศิษย์พี่เก้าเก่ออวี้ผู ศิษย์น้องสิบสี่จี้ซิว ศิษย์น้องยี่สิบหกอู่ฉาง ศิษย์น้องสามสิบเจ็ดเวินหลิว ศิษย์น้องสี่สิบเอ็ดกู้ชิงฉวี ศิษย์น้องสี่สิบสี่เสวียนหยวนจื่อของเจ้า… ตายอย่างไร”
ประกายแสงสีเงินกลุ่มหนึ่งกระแทกพื้น กลายเป็นเงาร่างแก่ชราสายหนึ่ง สวมชุดคลุมเงิน ผมเคราพลิ้วไหว ใบหน้าแดงระเรื่อมีสง่าราศี
ในที่นั้นฮือฮาขึ้นมาอีกระลอก
เพราะชายชราคนนี้คือ ‘บรรพจารย์จักรพรรดิซวีเหวิน’ เฒ่าดึกดำบรรพ์เผ่าจักรพรรดิดึกดำบรรพ์ตระกูลซวี!
ชั่วพริบตาบรรพจารย์จักรพรรดิสองคนปรากฏตัว ร่วมกันหันหัวปลายทวนไปทางผู่เจิน ทำเอาบรรยากาศในฟ้าดินแถบนี้ตึงเครียดถึงขีดสุดในบัดดล
ระดับจักรพรรดิในที่นั้นอย่างพวกจักรพรรดิสงครามเจวี๋ยอิ้น มหาจักรพรรดิศิลาเมฆล้วนเห็นได้ชัดว่าหม่นแสงลงไปไม่น้อยในทันที
สีหน้าของผู่เจินฉายแววเย็นเยียบออกมา บุรุษที่เหมือนชาวนาคนนี้ เวลานี้ถึงกับถูกยั่วโทสะ!
สาเหตุก็เพราะชื่อเหล่านั้นที่บรรพจารย์จักรพรรดิซวีเหวินเอ่ยออกมา ล้วนเป็นผู้สืบทอดคีรีดวงกมลที่ประสบเคราะห์ในศึกมรรคของเหล่าจักรพรรดิยุคบรรพกาล!
“รู้หรือไม่ว่าครั้งนี้ข้ามาทำไม”
เสียงของผู่เจินเข้มขรึม กลับเผยแววอำมหิต กล่าวเน้นทีละคำ “แก้แค้นในปีนั้น!”
ตูม!
บนตัวผู่เจินมีไอสังหารสะท้านฟ้าพุ่งออกมา ขณะเสื้อผ้าโบกสะบัดก็มีพลังมหามรรคไร้ขอบเขตพวยพุ่ง เขาในเวลานี้เพิ่งจะสำแดงท่วงท่าสง่างามชั้นเลิศแห่ง ‘จักรพรรดิยอดยุทธ์’ ออกมา!
“เฮอะ เช่นนั้นต้องดูว่าเจ้าผู่เจินมีความสามารถหรือไม่”
บรรพจารย์จักรพรรดิเฟิงถิงและบรรพจารย์จักรพรรดิซวีเหวินต่างหัวเราะ ปลาใหญ่ตัวนี้เข้ามาติดแหแล้ว ซ้ำยังบังอาจปานนี้ ช่างน่าขันไปหน่อยจริงๆ
และในเวลานี้เอง ส่วนลึกของเวิ้งฟ้านั้นจู่ๆ ก็มีเสียงเดือดดาลตื่นตระหนกเสียงหนึ่งดังขึ้น…
“ไม่…!”
ทุกคนในที่นี้ต่างหน้าเปลี่ยนสี
ส่วนลึกของเวิ้งฟ้า บรรพจารย์จักรพรรดิชื่อหงที่กำลังต่อสู้โรมรันกับซย่าสิงเลี่ยและจักรพรรดิอสนีดับสูญ เวลานี้กลับถูกปราณกระบี่สายหนึ่งปิดครอบ
ปราณกระบี่นั้นว่างเปล่าถึงขีดสุด อิสระยิ่งยวด ประหนึ่งความงามแห่งฟ้าดิน!
ระดับจักรพรรดิทุกคนที่ได้เห็นกระบี่นี้กับตา หัวใจล้วนกระตุกเกร็งหนักหน่วง สั่นสะท้านไปทั่วร่าง
พรวด!
ชั่วอึดใจเงาร่างของบรรพจารย์จักรพรรดิชื่อหงดับสลาย กลายเป็นเถ้าถ่านภายใต้ปราณกระบี่สายนั้น เสียงคำรามที่เจือแววหวั่นหวาดของเขายังคงก้องสะท้อนอยู่ในส่วนลึกของเวิ้งฟ้า
เหล่าจักรพรรดิสั่นเทิ้ม
บรรพจารย์จักรพรรดิเฟิงถิงและบรรพจารย์จักรพรรดิซวีเหวินต่างหน้าเปลี่ยนสี
กระบี่เดียว ฟันบรรพจารย์จักรพรรดิ!
ทั่วหล้าทั้งบนล่าง ใครกันที่ครอบครองมรรคกระบี่อันน่าสะพรึงเช่นนี้
หลินสวินยังอดสูดหายใจสะท้านไม่ได้ เขามองไม่เห็นการต่อสู้สะท้านโลกที่ส่วนลึกของเวิ้งฟ้านั่น และยิ่งไม่อาจสัมผัสถึงความวิเศษอัศจรรย์ของกระบี่สายนั้น
แต่เขารู้ดีว่าอานุภาพของกระบี่นี้ สามารถซัดสะเทือนหมื่นกาล สะท้านจักรวาลได้อย่างสิ้นเชิง!
ใครกัน?
เวลานี้ไม่ว่าจะในที่แจ้งหรือที่ลับ จิตรับรู้และการสัมผัสมากมายล้วนกวาดเคลื่อนไปยังส่วนลึกของเวิ้งฟ้านั่น
การประชันหมากครั้งนี้ ตั้งแต่เริ่มจนมาถึงบัดนี้ บรรพจารย์จักรพรรดิชื่อหงกลายเป็นระดับบรรพจารย์จักรพรรดิคนแรกที่ร่วงหล่น!
ขนาดระดับจักรพรรดิยังยากจะถูกฆ่าตาย นับประสาอะไรกับระดับบรรพจารย์จักรพรรดิ
ผู้ที่สามารถทำได้ถึงขั้นนี้ ทอดสายตามองทั่วทั้งทางเดินโบราณฟ้าดาราล้วนเรียกได้ว่ามีจำนวนนับนิ้วได้!
ก็เห็นเงาร่างอรชรสายหนึ่งเดินลงมาจากกลางเวิ้งฟ้า
นางสวมอาภรณ์ลายเมฆกลีบกุหลาบสีชมพู ผมยาวดำสนิทถูกเสียบด้วยปิ่นปักผมเล่มหนึ่ง เผยดวงหน้าเลอโฉมที่งดงามถึงขั้นสามารถทำให้ฟ้าดินอับแสง
นางรูปร่างสูงเพรียว ผิวพรรณขาวผ่องเนียนนุ่มดุจหยกมันแพะ ดวงตาหงส์คมเฉี่ยวที่เจือเสน่ห์เป็นธรรมชาติสุกใสดุจดวงดารา ยามนี้สาวเท้าลงบนห้วงอากาศ ท่วงท่าที่เผยความไม่แยแสนั้นงดงามน่าตื่นตะลึง กาลเวลาหม่นแสง
ด้านหลังนางมีจักรพรรดิกระบี่ยอดมารซย่าสิงเลี่ยและจักรพรรดิอสนีดับสูญตามมาติดๆ
ซย่าสิงเลี่ยทำหน้าจนปัญญา ศึกนี้ เดิมเขาต้องการเคี่ยวกรำตนเอง ลองพยายามทะลวงระดับ กลับคาดไม่ถึงว่าจะถูกหนึ่งกระบี่ที่งดงามตราตรึงหาใดเปรียบนั่นขัดจังหวะ
จักรพรรดิอสนีดับสูญกลับมีสีหน้าลุ่มหลง ในแววตาเปี่ยมด้วยความอ่อนโยน ดีใจ และฮึกเหิม นับตั้งแต่เงาร่างอรชรที่เขาเฝ้าคะนึงหามาในกาลเวลาไร้สิ้นสุดปรากฏตัว เขาก็จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว
จนกระทั่งเงาร่างอรชรสายนั้นมาหยุดอยู่หน้าเขาเมฆา คราวนี้ทุกคนถึงดึงสติกลับมาได้ เผยสีหน้าแตกต่างกันไป
มีทั้งตกตะลึง มีทั้งสั่นสะท้าน และมีทั้งความกริ่งเกรงอยู่ลึกๆ!
หญิงคนนี้ ย่อมเป็นจวินหวน!
ยามเมื่อเห็นนางปรากฏตัว หลินสวินยังเบิกตากว้าง ในใจเกิดความคิดที่อธิบายไม่ถูกอย่างหนึ่งขึ้นมา มิน่าถึงได้ถูกจักรพรรดิอสนีดับสูญลุ่มหลงปานนี้ ศิษย์พี่จวินหวนนาง… งดงามเกินไปจริงๆ!
‘ศิษย์น้อง เจ้าอย่าโทษที่พวกข้าเพิ่งโผล่มาเอาป่านนี้ เมื่อครู่ก็แค่อยากลองดูสักหน่อย ว่าเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้ ด้วยพลังของเจ้าเองจะสามารถต้านทานได้ถึงขั้นไหนกันแน่ แต่ศิษย์พี่ผู่เจินกลับร้อนใจ ห่วงว่าเจ้าจะทนทรมานไม่ไหวจึงออกมาช่วยเจ้าแต่เนิ่นๆ’
จวินหวนมองเหล่าจักรพรรดิเสมือนไร้ตัวตน ทำเพียงขยิบตาคมเฉี่ยวงดงามให้หลินสวิน ยิ้มน้อยๆ พลางสื่อจิต
หลินสวินจนคำพูดไปพักหนึ่ง ที่แท้ก็เพื่อลองภูมิของตน ถึงได้ชมเรื่องสนุกอยู่ข้างๆ หรือ
ศิษย์พี่จวินหวนนี่ก็ซนเกินไปแล้ว!
แต่ครู่ต่อมาก็ได้ยินจวินหวนสื่อจิตว่า ‘ในการประชันหมากครั้งนี้ เจ้าเฒ่าที่รับมือยากอย่างแท้จริงยังไม่ปรากฏตัว อีกเดี๋ยวถ้าเห็นสถานการณ์ไม่เข้าที จะให้จี้เสวียนพาเจ้าออกไปจากที่นี่ แน่นอน นี่เป็นการเคลื่อนไหวเผื่อเหตุฉุกเฉิน การประชันหมากยังไม่สิ้นสุด ไม่มีใครรู้ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร’
ในใจหลินสวินครัดเคร่ง
หากพวกศิษย์พี่มีความมั่นใจเต็มปี่ยม มีหรือเตรียมลู่ทางเช่นนี้ไว้
เมื่อสันนิษฐานดังนี้ เจ้าเฒ่าที่รับมือยากอย่างแท้จริงที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดคนนั้นจะน่ากลัวปานใดกัน
จวินหวนมาแล้ว ใช้หนึ่งกระบี่สังหารบรรพจารย์จักรพรรดิชื่อหง กลายเป็นผู้สืบทอดคีรีดวงกมลคนที่สองที่ปรากฏตัวขึ้นในที่นั้น ดึงดูดความสนใจจากทุกคน
และทำให้สถานการณ์การประชันหมากครั้งนี้เปลี่ยนเป็นพลุ่งพล่านขึ้นมา!
ไอสังหารไร้รูปคละคลุ้งฟ้าดินแถบนี้ กดข่มจนระดับจักรพรรดิเหล่านั้นต่างสีหน้าเคร่งขรึม
“ชั่วขณะมรรคว่างเปล่า มรรคกระบี่สุดแพรวพราว จักรพรรดิกระบี่จวินหวนแห่งคีรีดวงกมล… ชื่อเสียงสมคำล่ำลือดังคาด”
บรรพจารย์จักรพรรดิเฟิงถิงจากเรือนมรรคยุทธจักรส่งเสียงถอนหายใจเบาๆ
“นี่คือปลาใหญ่ตัวที่สองแล้ว”
จู่ๆ บรรพจารย์จักรพรรดิซวีเหวินแห่งเผ่าจักรพรรดิดึกดำบรรพ์ตระกูลซวีก็กล่าวขึ้น “ทุกท่าน จวินหวนปรากฏตัวแล้ว พวกเจ้ายังต้องรออีกถึงเมื่อไหร่”
เสียงสะเทือนทั่วชั้นฟ้า