Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2030 ตัวข้าคลุมเครือดั่งบัวเขียว

ตอนที่ 2030 ตัวข้าคลุมเครือดั่งบัวเขียว

คำชี้แนะของรั่วซู่ หลินสวินได้ยินชัดทุกถ้อยคำ จดจำขึ้นใจ แต่หลักการที่แฝงอยู่ในนั้นเขากลับไม่อาจเข้าใจ

นี่ก็คือหลักแห่งมหามรรค ระดับขั้นไม่พอ รับฟังไปก็ป่วยการ

แน่นอนว่าหลินสวินเชื่อว่าวันหนึ่งที่ตนก้าวสู่ระดับจักรพรรดิ ต้องเข้าใจความหมายนี้ของศิษย์พี่รั่วซู่แน่

ทุกคนในบริเวณนั้นใจสะท้าน ทุกสายตาที่มองไปยังรั่วซู่ล้วนเต็มไปด้วยความหวั่นเกรง ถึงขั้นเผยอาการหวาดกลัว

เย้าหยอกบรรพจารย์จักรพรรดิกลางฝ่ามือ นี่เป็นเรื่องที่น่ากลัวเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย!

แม้แต่เฒ่าดึกดำบรรพ์บางคนที่ลอบซุ่มตัวอยู่เวลานี้ก็เงียบไป

การประชันหมากนี้ดำเนินมาถึงตอนนี้ รวมหลินสวินนั่นแล้ว ฝั่งคีรีดวงกมลเพิ่งมีผู้สืบทอดลงมือแค่สี่คน แต่ยังเป็นฝ่ายได้เปรียบ

แม้แต่บรรพจารย์จักรพรรดิก็ไม่สามารถสร้างแรงคุกคามได้ แล้วเช่นนี้จะสู้ได้อย่างไร

อันที่จริงทุกอย่างนี้ล้วนอยู่เหนือการคาดเดาของผู้คนอย่างสิ้นเชิง

ตอนแรกพวกเขามองหลินสวินเป็นเหยื่อล่อ วางภาพรวมครอบฟ้า นอกจากต้องการชิงมหาสมบัติแรกกำเนิดชิ้นนั้นมาไว้ในมือแล้ว สิ่งที่สำคัญกว่าคือฉวยโอกาสนี้กำจัดผู้สืบทอดคีรีดวงกมลพวกนั้นในคราเดียว

แผนการก็เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ แต่กลับเกิดตัวแปรมากเกินไป!

อย่างจวินหวน ผู่เจิน เสวี่ยหยา รั่วซู่ทั้งสี่คน แต่ละคนล้วนแข็งแกร่ง ระดับจักรพรรดิทั่วไป เมื่ออยู่ต่อหน้าพวกเขาก็ไม่อาจสร้างแรงคุกคามได้แต่แรก

ต่อให้เป็นระดับบรรพจารย์จักรพรรดิ ถึงตอนนี้ก็ร่วงหล่นไปแล้วหกคน!

สองคนถูกจวินหวนฆ่า คนหนึ่งถูกผู่เจินสังหาร สามคนถูกรั่วซู่กำราบกลายเป็นรังไหม

หากรวมบรรพจารย์จักรพรรดิสี่คนอย่างหลิงเหอ ทุนเจียง จิ่วหนิง เมี่ยวหลุนที่สิ้นชีพด้วยเงื้อมมือรั่วซู่ไปก่อนหน้านี้ ก็มีระดับบรรพจารย์จักรพรรดิร่วงหล่นไปสิบคนแล้ว!

จำนวนนี้น่าหนักใจจนพาให้คนหายใจไม่ออกจริงๆ

ระดับบรรพจารย์ บรรพจารย์แห่งมรรค หากอยู่ในขุมอำนาจใหญ่อย่างหกเรือนมรรคใหญ่ ก็เรียกได้ว่าเป็นแกนพลังที่เหมือนเสาหลักคนสำคัญ มีจำนวนจำกัดอย่างมาก

หลังจากศึกมรรคของเหล่าจักรพรรดิครั้งบรรพกาลสิ้นสุด ในกาลเวลาเกือบแสนปีจนถึงตอนนี้ ไม่เคยมีเหตุการณ์นองเลือดเช่นนี้เกิดขึ้นมาก่อน

แต่ตอนนี้บรรพจารย์จักรพรรดิกลับร่วงหล่นดุจสายฝน!

หากเรื่องนี้กระจายออกไป ทั่วทางเดินโบราณฟ้าดาราต้องตกอยู่ในความปั่นป่วนอย่างไม่เคยมีมาก่อน เปิดฉากความโกลาหลที่ยากจะจินตนาการ

“ศิษย์น้อง นี่เป็นแค่อาหารเรียกน้ำย่อย เจ้าเฒ่าบางคนยังรออยู่ แต่ก็ช่างปะไร การประชันหมากในวันนี้ตัวแปรเกินคาดเดา พวกเขาข่มอารมณ์ได้ พวกเรา… ก็ทำได้”

คำพูดนี้ของรั่วซู่ทำให้หลินสวินอึ้งงันอย่างอดไม่ได้

ศึกแห่งบรรพจารย์จักรพรรดิที่อันตรายและนองเลือดเช่นนี้ เป็นแค่อาหารเรียกน้ำย่อยหรือ คนที่ถูกมองเป็น ‘เจ้าเฒ่า’ พวกนั้นจะน่ากลัวมากเพียงใด

ไม่รอให้หลินสวินตอบสนอง เสียงสื่อจิตของรั่วซู่ก็ดังขึ้นข้างหู ‘ศิษย์น้อง ข้าขอยืมใช้สามพันเคลื่อนคล้อยสักครั้ง’

หลินสวินพยักหน้าตามจิตใต้สำนึก

วู้ม!

สามพันเคลื่อนคล้อยปรากฏออกมา

‘หากอาจารย์ยังอยู่ เมื่อเห็นสมบัตินี้เสียหายก็ไม่รู้ว่าในใจจะคิดอย่างไร’

รั่วซู่ทอดถอนใจเงียบๆ นางกุมสามพันเคลื่อนคล้อยไว้ในมือแล้วสั่นเบาๆ หนึ่งครั้ง

ตูม!

ราวกับสายน้ำแห่งกาลเวลาปรากฏ พุ่งทะลวงสู่ฟ้า

เสียงร้องแตกตื่นระลอกหนึ่งดังขึ้น ก็เห็นจักรพรรดิมารผลาญนภาที่กำลังห้ำหั่นดุเดือดกับจักรพรรดิอสนีดับสูญ ถูกแสงศักดิ์สิทธิ์ที่เหมือนสายน้ำแห่งกาลเวลานั้นปกคลุม

เพียงพริบตาระดับจักรพรรดิของเรือนมรรคเหล่ามารคนนี้ก็สลายกลายเป็นธุลี

จี้เสวียนอึ้งไป รับมือไม่ทันอยู่บ้าง

ตูม!

แสงศักดิ์สิทธิ์ที่เหมือนสายน้ำแห่งกาลเวลานั่นเปี่ยมอานุภาพไม่เสื่อมถอย ม้วนกลืนฟ้ากว้าง

น่าหลันฉีมหาจักรพรรดิคมยุทธ์ที่กำลังโรมรันกับซย่าสิงเลี่ยหน้าพลันเปลี่ยนสี ถอยตัวหลบหนีไปทันที เคลื่อนที่ครั้งเดียวก็หายไปจากที่นั้น

“ค่อยน่าสนใจหน่อย”

รั่วซู่เหลือบมองน่าหลันฉีที่หนีไปเล็กน้อย ไม่ได้ใส่ใจ

เมื่อนางใช้สามพันเคลื่อนคล้อย แสงศักดิ์สิทธิ์ที่น่าหวาดกลัวนั้นก็พุ่งตรงไปที่ส่วนลึกของท้องนภา

“ศิษย์พี่ ทำไมต้องเข้ามายุ่งด้วย”

จวินหวนไม่พอใจอยู่บ้าง

นางกำลังต่อสู้อย่างเมามัน เห็นอยู่ว่ากำลังจะสังหารคู่ต่อสู้คนหนึ่งที่บาดเจ็บหนักได้ แต่การลงมือของรั่วซู่กลับทำให้คนผู้นั้นตกใจจนรีบหนีตายสุดชีวิต

“เวลาล่วงมามากแล้ว…”

รั่วซู่เอ่ยเสียงเบา

“น่าเสียดาย”

จวินหวนเหลือบมองคู่ต่อสู้พวกนั้นเล็กน้อย คล้ายยังไม่หายอยาก แต่สุดท้ายก็หายตัวเคลื่อนผ่านอากาศมาอยู่ข้างกายรั่วซู่

ยังไม่รอให้รั่วซู่เรียกหา ผู่เจินก็ปลีกตัวออกจากการต่อสู้ แบกจอบกลับมา

“เวลาล่วงมามากแล้วจริงๆ”

เสวี่ยหยาที่นั่งขัดสมาธิกับพื้นและท่องคัมภีร์เก็บม้วนตำราลงไปแล้วหยัดร่างขึ้น

ซย่าสิงเลี่ยและจี้เสวียนก็มาแล้ว ทั้งสองต่างมึนงง แต่ไม่ได้ถามด้วยรู้กาลเทศะ

การเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ต่างๆ นี้ทำให้ศัตรูพวกนั้นไม่มีใครไม่รู้สึกผิดคาด เศษเดนแห่งคีรีดวงกมลพวกนี้อยู่ในสถานการณ์ได้เปรียบ แต่กลับหยุดมือกะทันหัน นี่คิดจะหนีไปหรือ

แต่เมื่อเห็นพวกรั่วซู่ จวินหวนรวมตัวกัน ไม่ว่าจะเป็นระดับจักรพรรดิที่อยู่ในที่แจ้งพวกนั้น หรือพวกเฒ่าดึกดำบรรพ์ที่แอบซ่อนตัวอยู่ล้วนไม่มีใครลงมือขัดขวาง

‘ขาดแค่ศิษย์น้องหลี่แล้ว’

รั่วซู่เงยหน้าเล็กน้อย มองไปยังส่วนลึกของเวิ้งฟ้า คล้ายกำลังขบคิด

เวลานี้เหล่าศัตรูอยู่ด้านข้าง แต่กลับไม่มีใครกล้ารุกราน!

ในโลกว่างเปล่าที่มืดมิด

“ต่ำช้า ต่ำช้าเกินไปแล้ว”

หลี่เสวียนเวยส่ายหัวพลางหลุดหัวเราะ ไอสังหารในแววตากลับเพิ่มขึ้นไม่ลดลง

บัวเขียวมรกตดุจหยกดอกแล้วดอกเล่าผลิบานอยู่รอบตัวเขา โบกไหวอ่อนโยน แต่ละดอกล้วนวิวัฒน์มาจากเจตกระบี่บริสุทธิ์

“นี่ก็คือสิ่งที่เรียกว่าการประชันหมาก”

สีหน้าของบรรพจารย์จักรพรรดิเนี่ยคงที่เหมือนภิกษุชราราบเรียบไม่ไหวติง ตรงหน้าเขาควบรวมประทับกฎเกณฑ์นานัปการออกมา มีประทับขวดสมบัติ ประทับจรัสแสง ประทับกงล้อเหล็กกล้า ประทับอจลวิทยราชเป็นต้น

ประทับกฎเกณฑ์แต่ละสายล้วนแผ่คลุมด้วยพลังมหามรรคอันสูงส่ง

“พวกเราไม่มีทางดูหมิ่นคีรีดวงกมล ดังนั้นจึงเตรียมการไว้พร้อมสรรพ”

อีกด้านหนึ่งบรรพจารย์จักรพรรดิเสินซวีที่คล้ายเด็กหนุ่มกล่าวอย่างเย็นชา กระบี่มรรคสีดำราวกับราตรีนิรันดร์เล่มหนึ่ง ลอยคว้างห่างจากหน้าเขาสามฉื่อ ตัวกระบี่แผ่แสงดำที่พาให้คนหวาดหวั่นเป็นวงกลม

“หลี่เสวียนเวย ครั้งนี้เจ้าหนีไม่พ้นแล้ว”

ในพื้นที่อื่นยังมีเงาร่างอีกสามสายยืนอยู่!

คนหนึ่งเป็นชายกลางคนเคราโง้ง สวมชุดคลุมม่วง เท้าเหยียบเมฆมงคล น่าเกรงขามประหนึ่งเทพ แสงมรรคที่เต็มไปด้วยคลื่นน้ำวนสะท้อนออกมาระหว่างที่เขากะพริบตา

คนหนึ่งคือเด็กหนุ่มชุดเทา มีม่านตาคู่แต่กำเนิด สองมือกุมกระบี่ไว้ข้างละเล่ม ปราณกระบี่ที่เป็นเส้นริ้วถึงกับวิวัฒน์ออกมาเป็นลักษณ์แห่งสุริยันจันทรา ขานรับซึ่งกันและกัน

อีกคนเป็นหญิงที่มือประคองเจดีย์สมบัติสีชาดไว้ ร่างสูงระหงเป็นอย่างยิ่ง สวมชุดกระโปรงรุ้ง ท่าทางงดงามเย็นชา

สามคนนี้ กลิ่นอายของแต่ละคนถึงกับไม่ด้อยไปกว่าบรรพจารย์จักรพรรดิเนี่ยคงและบรรพจารย์จักรพรรดิเสินซวีสักนิด!

“ทว่าอาศัยพวกเจ้าห้าคน ก็ยากจะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์นี้ได้”

กลับเห็นหลี่เสวียนเวยยิ้มเล็กน้อยพลางกล่าว “เวลาล่วงมามากแล้ว ตอนนี้ข้าคนแซ่หลี่จะส่งทุกท่านไปลงนรก”

ชิ้ง!

เสียงสะท้อนใสของกระบี่ดังขึ้น หลี่เสวียนเวยก้าวเดินกลางอากาศ บัวเขียวนับไม่ถ้วนเบ่งบาน ไอคลุมเครือไหลวน ควบรวมเป็นปราณกระบี่แน่นขนัดส่งเสียงหวีดหวิว

“ไม่รู้จักดีชั่ว”

บรรพจารย์จักรพรรดิเสินซวีสีหน้าเรียบเฉย กระบี่โบราณสีดำดุจราตรีนิรันดร์ทะยานสู่ฟากฟ้าแล้วฟันลงมา

ประทับกฎเกณฑ์มากมายที่อยู่ตรงหน้าบรรพจารย์จักรพรรดิเนี่ยคงพุ่งตามมาติดๆ ส่องประกายสว่างไสว

อีกด้านหนึ่งชายกลางคนเคราโง้ง เด็กหนุ่มชุดเทาและหญิงที่ถือเจดีย์สมบัติก็เคลื่อนไหวแล้ว

ตูม!

โลกที่เหมือนว่างเปล่านี้สั่นสะเทือน ถูกความปั่นป่วนของการต่อสู้เข้ามาแทนที่จนเต็ม

หลี่เสวียนเวยสู้โดยลำพังกับศัตรูห้าคน ท่วงท่าสง่างาม ประหนึ่งเทพกระบี่ที่โดดเด่นเหนือใครเดินทัพ บัวเขียวแต่ละดอกส่องสะท้อนจักรวาล สาดฝนกระบี่ไร้สิ้นสุด

ปราณกระบี่แต่ละสายล้วนมีอานุภาพกำราบเทพผี มหัศจรรย์เกินคาดเดา เพียงชั่วขณะก็สู้กับระดับบรรพจารย์จักรพรรดิห้าคนนั้นได้อย่างสูสี ยากจะแยกจากกัน

ในการต่อสู้นั้นบรรพจารย์จักรพรรดิเนี่ยคงและบรรพจารย์จักรพรรดิเสินซวีล้วนตกใจอยู่ลึกๆ ครั้งนี้หลี่เสวียนเวยโจมตีเข้ามาอย่างไม่คาดฝัน ทำให้พวกเขารับมือไม่ทัน

หากไม่ใช่ว่าพวกเขามีแผนการอื่น เรียกสหายร่วมวิถีอีกสามคนมาลงมือพร้อมกัน อาศัยเพียงพวกเขาสองคนเกรงว่าคงขวางการโจมตีของหลี่เสวียนเวยไม่อยู่แต่แรก!

ผ่านไปครู่ใหญ่

หัวคิ้วของหลี่เสวียนเวยที่อยู่ในการห้ำหั่นพลันขมวดขึ้นพลางกล่าว “เดิมทีก็ไม่อยากร่ำไรกับพวกเจ้า แต่เวลาเหลือไม่มากแล้วจริงๆ เช่นนั้นจะให้พวกเจ้าได้เห็นฝีมือที่แท้จริงของข้าคนแซ่หลี่สักหน่อย”

ยังไม่ทันสิ้นเสียง

ชุดของหลี่เสวียนเวยสะบัดโบก เบื้องหน้ามีบัวเขียวดอกหนึ่งเบ่งบานอย่างเงียบเชียบ กลายเป็นกระบี่มรรคเล่มหนึ่ง ดูดกลืนดวงดาวทั่วหล้า อบอวลด้วยไอคลุมเครือไร้สิ้นสุด

กระบี่จักรพรรดิบัวเขียว!

ศาสตราจักรพรรดิบริสุทธิ์ของหลี่เสวียนเวย!

“แผ่ไพศาลชั่วกาล โลกหล้าไร้ขอบเขต เป็นตายไยต้องผ่านชั่วดีดนิ้ว”

ท่ามกลางเสียงถอนใจเบาๆ หลี่เสวียนเวยถือกระบี่มรรค ก้าวตามตำแหน่งดวงดาว แผลงฤทธิ์ดุจเซียนกระบี่ เจตกระบี่ทั้งตัวปกคลุมทั่วโลกว่างเปล่า

ยกกระบี่แล้วฟันลงมา

ฟุ่บ!

หัวคนชุ่มเลือดหัวหนึ่งกระเด็นขึ้นเหนือฟ้า

ระดับบรรพจารย์จักรพรรดิที่มือถือกระบี่คู่ รูปร่างเหมือนเด็กหนุ่มผมเทา ถูกบั่นหัวในกระบี่เดียวโดยไร้สุ้มเสียง!

พวกบรรพจารย์จักรพรรดิเนี่ยคงและบรรพจารย์จักรพรรดิเสินซวีหน้าเปลี่ยนสีพร้อมกัน หลี่เสวียนเวยในเวลานี้เหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ท่าทางสง่างามดั่งเซียน มรรคกระบี่ยิ่งใหญ่เพียงหนึ่งเดียว!

แค่อานุภาพของเจตกระบี่ที่แผ่ออกมาจากตัวเขาก็กดดันจนพวกเขาแข็งทื่อไปทั้งตัว ขนพองสยองเกล้า

การเปลี่ยนแปลงนี้ยิ่งใหญ่นัก ทำให้ผู้คนยากจะเชื่อ

“ตัวข้าคลุมเครือดั่งบัวเขียว ลอยเหนือมรรคาชั่วกัปกัลป์”

ชายเสื้อของหลี่เสวียนเวยพลิ้วไหว สีหน้าเต็มไปด้วยความมั่นใจอย่างที่สุด

ท่ามกลางความเลือนราง เขาราวกับแปลงร่างเป็นบัวเขียว หยัดแยกไอคลุมเครือ กิ่งก้านเทียมฟ้า แสงเขียวมรกตสะท้อนอยู่บนห้วงอากาศว่างเปล่า!

ฉัวะ!

สิ้นชีพไปอีกคนแล้ว ถูกปราณกระบี่แน่นขนัดบดขยี้เรือนกาย พลังจิตดับสูญ

เป็นชายกลางคนเคราโง้งนั่น!

พวกบรรพจารย์จักรพรรดิเนี่ยคงหน้าเปลี่ยนสีอีกครั้ง ในใจพลันหนาวเยือกขึ้นมา เมื่อใดกันที่หลี่เสวียนเวยเปลี่ยนเป็นน่ากลัวเช่นนี้

เท่าที่พวกเขารู้ ในสมัยบรรพกาลหลี่เสวียนเวยไม่เคยก้าวสู่ระดับบรรพจารย์ แต่เขาในตอนนี้กลับเหมือนน่ากลัวกว่าระดับบรรพจารย์!

นี่มีแค่คำอธิบายเดียว นั่นก็คือตัวเขาในอดีตจงใจปิดบังพลังของตนไว้!

“ชูกระบี่ใต้หล้าคลื่นลมคลั่ง จุดที่กระบี่ฟันลงคือยมโลก”

หลี่เสวียนเวยท่าทางผ่าเผย ระหว่างที่ปราณกระบี่ไขว้ตัดสลับกัน บัวเขียวเบ่งบานออกมานับไม่ถ้วน เปล่งประกายเจิดจรัสและไม่ธรรมดาปานนั้น

“ทำลาย!”

หญิงชุดกระโปรงรุ้งที่ถือเจดีย์สมบัติส่งเสียงคำราม ร่างกายดุจเพลิงผลาญ เจดีย์สมบัติสะเทือนใต้หล้า พลังทั้งตัวราวกับปลดปล่อยออกมาเต็มกำลังในยามนี้

แต่ชั่วพริบตาทุกการดิ้นรนของนางก็ถูกปราณกระบี่เจิดจรัสบดขยี้!

ปึง!

เจดีย์สมบัตินั้นยังถูกปราณกระบี่ฟันลอยไป ส่งเสียงครวญไม่หยุด ทั้งตัวนางก็ถูกดอกบัวสีเขียวนับไม่ถ้วนฝังกลบอยู่ภายใน กลายเป็นเถ้าถ่าน

กายสิ้นมรรคสลาย!

“ใจข้าส่องประกายชั่วกัปกัลป์ กระบี่ข้ากระจ่างจิตไร้สิ้นสุด!”

หลี่เสวียนเวยตะโกนก้อง เงาร่างเหมือนภาพมายา เลือนรางยากจับต้อง อานุภาพกลับแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม ราวกับเซียนร่ายกระบี่ ส่องแสงเยียบเย็นถึงเก้าชั้นฟ้า

แต่ไม่รอให้เขาพุ่งสังหาร บรรพจารย์จักรพรรดิเนี่ยคงกับบรรพจารย์จักรพรรดิเสินซวีก็หนีไปโดยไม่ลังเลแล้ว

ภาพการตายนองเลือดต่างๆ ก่อนหน้านี้กระตุ้นจนพวกเขาขวัญหนีดีฝ่อนานแล้ว ไหนเลยจะกล้าไปต่อสู้กับหลี่เสวียนเวยอีก

หลี่เสวียนเวยเห็นดังนี้ก็อดยิ้มไม่ได้ เจ้าเฒ่าสองคนนี้ ไร้ความสามารถเกินไปแล้ว!

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset