Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2031 หนึ่งรอดพ้น

ตอนที่ 2031 หนึ่งรอดพ้น

“จะมาแล้วหรือ…”

หลี่เสวียนเวยเงยหน้ามองไปยังเวิ้งฟ้า

ตูม!

โลกว่างเปล่าที่เขาอยู่พังทลายประหนึ่งเครื่องแก้ว ทำให้สายตาของเขามองเห็นได้ชัดเจน ว่าในท้องนภาที่อยู่ส่วนลึกสุดนั้นมีพลังลึกลับกำลังรวมตัวกันอยู่รางๆ

‘ศิษย์น้องหลี่ ควรไปแล้ว’

เสียงสุภาพอ่อนโยนของรั่วซู่ดังขึ้นในใจหลี่เสวียนเวย

หลี่เสวียนเวยพยักหน้า เงาร่างพลันหายไป

เขาเมฆา

บรรยากาศกดดันหาใดเปรียบ

ผู้สืบทอดแห่งคีรีดวงกมลห้าคนอย่างหลินสวิน รั่วซู่ จวินหวน ผู่เจิน เสวี่ยหยา รวมตัวกับพวกจี้เสวียนและซย่าสิงเลี่ย

ห่างออกไประดับจักรพรรดิมากมายสีหน้าจริงจัง ไม่กล้าทำอะไรผลีผลาม

ในที่ลับยิ่งมีเฒ่าดึกดำบรรพ์นับไม่ถ้วนซุ่มเงียบและไม่เคยลงมือเช่นกัน คล้ายกำลังเฝ้ารออะไรอยู่

เมื่อเงาร่างของหลี่เสวียนเวยปรากฏ ศัตรูมากมายในที่นั้นล้วนหยุดหายใจ

มาอีกคนแล้ว!?

นี่ทำให้พวกเขาใจสั่นสะท้าน

กลับเห็นจวินหวนกล่าวพึมพำ “ศิษย์พี่หลี่ พลังต่อสู้ของท่านแข็งแกร่งกว่าศิษย์พี่ผู่เจินมาก เหตุใดกลับมาช้าเช่นนี้”

หลี่เสวียนเวยพลันยิ้มขื่น “เดิมทีข้าคิดว่าแค่จัดการเจ้าเฒ่าที่มาจากโลกมืดสองคนเท่านั้น ไหนเลยจะคิดว่าพวกเขายังมีผู้ช่วย สุดท้ายก็ฆ่าไปแค่สามคน ทำให้สองคนที่เหลือหนีไปได้”

คำพูดนี้กล่าวอย่างสบายๆ แต่นัยในคำพูดกลับทำให้ทุกคนขนพองสยองเกล้า

“เรื่องพวกนั้นล้วนไม่สำคัญ หลังจากนี้พวกเราต้องเผชิญหน้ากับศึกหินแล้ว…”

สีหน้ารั่วซู่เผยแววเคร่งขรึมเสี้ยวหนึ่ง

สายตาของนางมองไปยังส่วนลึกของเวิ้งฟ้าโดยตลอด คล้ายกำลังอนุมานอะไรอยู่

“ศิษย์พี่วางใจ ครั้งนี้ต่อให้เอาชีวิตเข้าแลก ข้าก็จะชิงโอกาสมาให้ศิษย์น้องเล็กแน่นอน” ผู่เจินกล่าวด้วยเสียงแน่นหนัก

เสวี่ยหยายิ้มรับ “พวกเราเฝ้ารอมาเกือบแสนปีแล้ว แพ้หรือชนะอยู่ที่การกระทำในครั้งนี้ หากช่วยเป็นกำลังสร้างคีรีดวงกมลขึ้นใหม่ได้ ต่อให้ตายเก้าครั้งก็ไม่เสียใจ”

“เหอะ! พวกเรารอมาแสนปีไม่ง่ายเลยกว่าจะสบโอกาส พูดจาไม่เป็นมงคลเช่นนี้ได้อย่างไร”

จวินหวนถลึงตามองผู่เจินกับเสวี่ยหยาคราหนึ่งพลางกล่าว “ข้าจะพูดแค่ประโยคเดียวสี่คำ ร่วมเป็นร่วมตาย”

หมดจดชัดเจน แต่มีความเด็ดเดี่ยวอย่างหนึ่ง

“ใช่ ร่วมเป็นร่วมตาย”

นัยน์ตาหลี่เสวียนเวยฉายแววเศร้าอาดูร “ปีนั้นพวกศิษย์พี่เก่ออวี้ผูประสบเคราะห์ ทำให้ข้ารู้สึกผิดมาถึงตอนนี้ ครั้งนี้จะไม่มีทางให้เรื่องแบบเดียวกันเปิดฉากขึ้นอีก…”

เมื่อพูดถึงพวกเก่ออวี้ผู ในใจพวกรั่วซู่ จวินหวนต่างมืดมนไปพักหนึ่ง

นี่คือความเจ็บปวดเดียวที่ไม่อาจลบไปจากใจของพวกเขา!

หลินสวินเห็นภาพต่างๆ นี้แล้วอดกล่าวมึนงงไม่ได้ “ศิษย์พี่ทุกท่าน พวกท่านกำลังพูดอะไรกันแน่”

การแสดงออกของพวกรั่วซู่เวลานี้ราวกับจะไปสู้สุดชีวิต นี่ทำให้ในใจเขารู้สึกกดดันอย่างไม่อาจอธิบายได้

“ศิษย์น้อง ประเดี๋ยวเจ้าก็รู้แล้ว”

เสียงของรั่วซู่นุ่มนวล ตบบ่าหลินสวินพลางกล่าว “สำหรับตอนนี้ เจ้าแค่คอยดูก็พอ”

หลินสวินกล่าวอืมออกมาคำหนึ่ง ความจริงในใจเขาก็เดาได้รางๆ ทุกอย่างนี้เกรงว่าคงเกี่ยวข้องกับพลังระเบียบต้องห้ามนั่น…

“ศิษย์พี่ ลงมือได้เลยหรือไม่” จวินหวนเอ่ยถาม

“รออีกหน่อย”

รั่วซู่กล่าวอย่างใคร่ครวญ

ในที่นั้นเงียบสงัดแปลกประหลาด การประชันหมากนี้เหมือนตกอยู่ในสภาพหยุดนิ่งที่แปลกพิกล

ศัตรูเงียบไป เหมือนว่ารออะไรอยู่

ก่อนที่พวกรั่วซู่จะจากไป ก็คล้ายว่าเฝ้ารออะไรอยู่เช่นกัน

ทางเดินโบราณฟ้าดารา ในเขตแดนดาราที่อลหม่านและรกร้างว่างเปล่าแห่งหนึ่ง

ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์หิมะน้ำแข็งต้นหนึ่งหยั่งรากกลางอากาศ รากพลิ้วไหว กิ่งก้านยืดขยายไปยังส่วนลึกของฟ้าดารา ดาวดวงโตมากมายล้อมอยู่ระหว่างกิ่งก้าน

จักจั่นทองตัวหนึ่งนอนคว่ำอยู่บนใบไม้ที่โปร่งแสงดุจหิมะน้ำแข็งใบหนึ่งในนั้น

“มหามรรคห้าสิบ อุบัติฟ้าสี่สิบเก้า รอดพ้นเพียงหนึ่ง อาไป๋ ยังจำสหายน้อยหลินสวินคนนั้นได้ไหม”

“ทำไมพูดถึงเจ้าเด็กนั่นอีกแล้ว”

เสียงหงุดหงิดหนึ่งดังขึ้น ห่างจากต้นไม้นี้ไปไม่ไกล เด็กสาวชุดขาวคนหนึ่งกำลังนั่งสมาธิ ได้ยินดังนี้ก็กล่าวพึมพำอย่างรำคาญ

ผิวของนางหมดจดเหมือนหยกขาวที่ใสบริสุทธิ์และแวววาวที่สุดบนโลก ผมยาวดำขลับทั้งศีรษะมัดไว้หลวมๆ อยู่เบื้องหลัง เผยให้เห็นใบหน้างามพริ้มเพรา คิ้วดั่งจันทร์เสี้ยว นัยน์ตางามประณีตดุจเคลือบเงา

แม้แต่เสียงก็ใสไพเราะเสนาะหู ราวกับกระดิ่งลมที่พลิ้วไหว

จักจั่นทองกล่าวด้วยเสียงราบเรียบ “ปีนั้นตอนอยู่ที่ป่าต้นหม่อน ข้าเคยพูดว่าเขามาจากคีรีดวงกมล เหมือนกับคนผู้หนึ่งยิ่ง”

เด็กสาวชุดขาวมุ่นคิ้วใคร่ครวญครู่ใหญ่แล้วส่ายหัวกล่าว “ผ่านมานานมากแล้ว ข้าลืมไปนานแล้ว”

จักจั่นทองกล่าว “เจ้าก็รู้ แต่เจ้าไม่อยากให้พูดถึงเขา”

“เจ้าจะพูดถึงคนเฮงซวยที่สู้จนบ้าคลั่งนั่นอีกทำไม”

ในดวงตาของเด็กสาวชุดขาวฉายแววโหดเหี้ยม “ปีนั้นหากไม่ใช่เขาอวดดี เจ้ากับข้ามีหรือจะต้องรออยู่ที่ป่าต้นหม่อนมาตลอดเหมือนคนโง่”

“ไม่เหมือนกัน”

จักจั่นทองถอนใจเบาๆ “ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ตั้งแต่เส้นทางมุ่งสู่ฟากฝั่งฟ้าดาราถูกปิด ผู้สืบทอดอันดับหนึ่งของคีรีดวงกมลอย่างเขาก็เป็นคนเดียวที่เกือบทำสำเร็จ”

เด็กสาวชุดขาวกล่าวชัดทีละคำ “ไม่ว่าเขาจะทำเพื่อพิสูจน์ความแข็งแกร่งของตน หรืออยากจะทำลายพันธนาการที่ครอบคลุมเหนือทางเดินโบราณฟ้าดารานี้ สุดท้ายเขาก็ล้มเหลว!”

“ไม่ ไม่ได้ล้มเหลว”

จักจั่นทองพูดพลางเปลี่ยนเป็นชายหนุ่มที่บุคลิกสง่าเหนือธรรมดา สีหน้าอบอุ่นคนหนึ่งทันที เขาสวมชุดป่าน เปลือยเท้าเปล่า บนผมปักปิ่นไม้ไว้อันหนึ่ง ทั้งตัวไม่แปดเปื้อนโลกีย์

“การสร้างพันธมิตรสงครามรกร้างโบราณ มีเพื่อทำลายสามพันธนาการต้องห้ามที่ปกคลุมอยู่บนดินแดนรกร้างโบราณ แต่จนถึงวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นเจ้ากับข้า หรือพันธมิตรสงครามรกร้างโบราณคนอื่น ล้วนทำได้แค่จำศีลอยู่ใน ‘ดินแดนแห่งการทอดทิ้ง’ บนฟ้าดารานี้เท่านั้น เพราะเหตุใด”

เสียงของชายหนุ่มจักจั่นทองราบเรียบต่ำลึก “สาเหตุอยู่ที่กรงนี้ ไม่เพียงแต่ตัดความหวังของดินแดนรกร้างโบราณ ยังปิดเส้นทางมุ่งสู่ฟากฝั่งฟ้าดาราด้วย ในกรงที่เต็มไปด้วยเครื่องพันธนาการนี้ ขอแค่เป็นสิ่งมีชีวิตที่มาจากดินแดนรกร้างโบราณ ย่อมถูกมองเป็นพวกนอกรีต”

เด็กสาวชุดขาวฟังจนมึนงงพลางกล่าว “จักจั่นทอง เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่”

ชายหนุ่มจักจั่นทองเงยหน้ามองไปยังที่ห่างไกล สายตาราวกับตัดผ่านฟ้าดาราไร้ขอบเขต

“ไปหาหนึ่งรอดพ้นนั่น”

เขาพูดพลางก้าวออกไป ดาวเคลื่อนดาราคล้อย เงาร่างพลันหายไป

เด็กสาวชุดขาวกำลังจะตามไป แต่ในฟ้าดารากว้างใหญ่นี้ไม่มีเงาของชายหนุ่มจักจั่นทองแล้ว

สีหน้านางดูสับสน ครู่ใหญ่จึงกล่าวอย่างไม่พอใจ “จักจั่นทองหนอจักจั่นทอง เจ้ายังมีความลับปิดบังข้าอยู่อีกเท่าไหร่กันแน่”

“หืม?”

ทันใดนั้นเด็กสาวชุดขาวพลันสังเกตเห็น เงาร่างหนึ่งพุ่งออกมาจากส่วนลึกของเขตแดนดาราที่อลหม่านและรกร้างว่างเปล่าแถบนี้

“นี่ เจ้าจะไปไหน”

เงาร่างนั้นสูงตระหง่านและผึ่งผายเป็นอย่างยิ่ง ราวกับยอดเขาสันโดษพุ่งทะลวงขึ้นฟ้า ละอองแสงมากมายร้อยถักเข้าด้วยกัน ดูประหนึ่งภาพฝันลวงตา

สามารถมองเห็นได้รางๆ ว่านี่เป็นชายที่ท่าทางโดดเด่นยิ่งคนหนึ่ง

ได้ยินดังนี้เขาหันกลับมามองเด็กสาวชุดขาวทันที

เมื่อลืมตาคู่นั้น ราวกับดวงดาวนับพันล้านท่ามกลางความว่างเปล่าโดยรอบดับสูญ เดือดพล่าน แผ่ลอยอยู่ภายใน สะท้อนปรากฏการณ์ประหลาดอันยิ่งใหญ่ที่จักรวาลผันเปลี่ยน สรรพชีวิตเกิดดับ!

แค่ถูกสายตาเขากวาดมอง ก็ทำให้เด็กสาวชุดขาวขนลุกขนชันไปทั่วร่าง จิตวิญญาณสั่นระรัว

แต่เมื่อดูอย่างละเอียด ในดวงตาของอีกฝ่ายกลับไม่มีลักษณ์ประหลาดใดอีก เผยความนิ่งสงบถึงขีดสุด ไม่มีคลื่นความรู้สึกอีกต่อไป

“ข้าก็ จะไปหาคน”

ชายคนนั้นยิ้มอย่างเบิกบานใจ หมุนตัวจากไป

‘เจ้าแซ่เฉินนี่ ปิดด่านเก็บตัวในพันธมิตรสงครามรกร้างโบราณนี้มาตลอด ไม่สนใจเรื่องทางโลก แทบจะไม่รู้สึกว่ามีตัวตน แต่ดูเหมือนว่า… จะถูกเขาหลอกแล้ว…’

เด็กสาวชุดขาวนึกถึงภาพที่ถูกสายตาของอีกฝ่ายกวาดมองเมื่อครู่ ในใจก็กดดันขึ้นมาทันที

นี่ทำให้นางตระหนักได้ว่า พันธมิตรสงครามรกร้างโบราณที่จำศีลอยู่ใน ‘ดินแดนแห่งการทอดทิ้ง’ นี้มาตลอด ไม่ได้ธรรมดาเหมือนที่นางเข้าใจ!

ดินแดนรกร้างโบราณ โลกชั้นล่าง

บนหอดูดาวหลวงแห่งจักรวรรดิจื่อเย่า ราชครูสองมือไพล่หลัง พิงราวกั้นทอดสายตามองไปไกล

ผืนฟ้ายังนิ่งสงบเช่นนั้น ไม่ต่างอะไรกับแต่ก่อน แต่ในสายตาเขากลับเห็นภาพน่ากลัวที่ไม่มีใครมองเห็นมากมาย

“ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง”

ราชครูพึมพำ ในดวงตาที่ใสกระจ่างราวกับทารกนั้นเผยแววทอดถอนใจอย่างยินดีออกมา

“เจ้าเฒ่า ดูพอหรือยัง”

ใต้หอดูดาวหลวง ผู้อาวุโสที่ผมเผ้าหนวดเครากระเซิง ร่างผอมเหมือนไม้ฟืนคนหนึ่งแหงนคอตะโกน

บนท้องถนนผู้คนสัญจรคลาคล่ำ แต่เหมือนไม่มีใครรับรู้ถึงการมีอยู่ของผู้อาวุโสร่างผอมคนนี้ ถึงขั้นไม่ได้ยินแม้แต่เสียง

ราชครูถาม “ละทิ้งมหามรรค หลบซ่อนมาหลายปี ตอนนี้เจ้า… อยากก้าวออกมาแล้วหรือ”

ผู้อาวุโสร่างผอมตะคอกด่า “ไม่ง่ายเลยกว่าจะมีความหวังเสี้ยวหนึ่ง ถ้าไม่ไปแล้วยังจะอยู่ในสถานที่แร้นแค้นนี่อีกทำไม”

คนผู้นี้ แน่นอนว่าเป็นเฒ่าโดดเดี่ยวแห่งเรือนโอบดารานิทราบุหลัน

“แร้นแค้นหรือ… นี่เป็นถึงแดนต้นกำเนิดมหามรรคของทั่วฟ้าดารานะ…”

ราชครูพึมพำ แววตาทอดมองไปทั่วจักรวรรดิจื่อเย่า ราวกับเห็นทะเลกลืนวิญญาณที่ห่างไกล รวมถึงแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ในส่วนลึกของทะเลกลืนวิญญาณด้วย

“ข้าถามเจ้าว่าจะไปหรือยัง”

เฒ่าโดดเดี่ยวกล่าวอย่างหงุดหงิด

“ไม่ไปได้ด้วยหรือ”

ราชครูยิ้มขื่นพลางส่ายหัว

วันนี้ราชครูของหอดูดาวหลวงแห่งจักรวรรดิจื่อเย่าและเฒ่าโดดเดี่ยวหายไปพร้อมกัน ตั้งแต่ต้นจนจบไม่เคยดึงดูดความสนใจของผู้ใด

ในสายตาของคนทั่วไป พวกเขาดูแก่เกินไป แก่จนถึงขั้นไร้คนเหลียวแล

บางทีนี่อาจเป็นสิ่งที่เรียกว่าฤาษีไร้นาม

แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ หนึ่งในจตุโบราณสถานบรรพกาล

เล่าลือว่าแม่น้ำทุกสายทั่วหล้าหมื่นพิภพ รวมไปถึงสายน้ำในธารดาราของส่วนลึกแห่งจักรวาล สุดท้ายจะมารวมอยู่ในแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ลึกลับและดึกดำบรรพ์นี้

ตั้งแต่สมัยบรรพกาล รอบด้านของแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์โอบล้อมด้วยคีรีเทพห้าลูก แยกออกเป็นอิ๋งโจว เผิงไหล ฟางหู ไต้อวี่ หยวนเจี้ยว

คีรีเทพแต่ละลูกบนล่างเหยียดยาวสามหมื่นลี้ ระหว่างภูเขาห่างกันเจ็ดหมื่นจั้ง ด้านบนทะลุธารดารา ด้านล่างประชิดนรกขุมที่เก้า

แต่หลังจากศึกมรรคของเหล่าจักรพรรดิครั้งบรรพกาลปะทุขึ้น ภูเขาเทพห้าลูกนี้ก็หายไป แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่มีสภาพเหมือน ‘ตาสมุทร’ ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง เปลี่ยนจนต่างไปจากสมัยบรรพกาล

หลายปีก่อนหลินสวินที่ยังเด็กเคยเข้าไปใน ‘แดนลับอสูรมารอริยะ’ ของแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ ได้รับ ‘มรรคคาถา’ บทหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดมา

และได้รับมรดกของ ‘วิชาอริยะยุทธ์’ มาด้วย

ก่อนหน้านี้ไปอีก ตอนที่ทางเดินโบราณฟ้าดารายังไม่ถูกปิด ลั่วทงเทียนเจ้าแห่งห้องโถงมรรคาสวรรค์ที่มาจากฟากฝั่งฟ้าดาราเคยปรากฏตัวในแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์…

และมีข่าวลือว่า ประตูทางเข้าสำนักคีรีดวงกมลก็ตั้งอยู่ในแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ด้วย

สรุปคือ แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์มีตำนานที่ลึกลับมากเกินไป

และตอนนี้ในส่วนลึกของแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ ก็มีเงาร่างหนึ่งค่อยๆ ตื่นจากการเก็บตัวเงียบในกาลเวลาไร้สิ้นสุดแล้วลืมตาขึ้น

“ในที่สุดก็มาถึงแล้ว…”

พริบตานี้ ไอพลังต่อสู้ที่น่าสะพรึงไร้ขอบเขตซัดสาดออกมา

………………………………..

Battling Records of the Chosen One

Battling Records of the Chosen One

BRCO, Tian Jiao Zhan Ji, 天骄战纪
Score 8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2016 Native Language: Chinese
ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์ ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้ แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน… In the vast and boundless continent Cangtu, there were ancient sects governing the Ten Old Domains, unworldly immortal clans beyond the Blue Sky, and primordial demon gods dominating the dark abyss that together created a great number of brilliant stories over the long course of the history. In this very world, there was a boy, named Lin Xun, who embarked on his journey to the pinnacle of strength alone through cultivation and spiritual tattoo inscribing. Escaping alone from the Mine Prison where he had been living since he was adopted by Master Lu, Lin Xun knew nothing about his identity but the little information his adopter, Master Lu, had told him. With two ancient spiritual tools Master Lu gave to him before the destruction of the Mine Prison, Lin Xun started his journey to Ziyao Empire, where he is supposed to find out the truth of his lost Spiritual Vessel and the person who slaughtered his family, leaving him orphaned. Will he be able to unlock the mysteries of the two magic treasures, unveil the secrets of his identity and create a legend of his own?

Comment

Options

not work with dark mode
Reset